ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว – บทที่ 791 การมาถึง (3)

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

บทที่ 791 การมาถึง (3)

แม้พวกเผ่าเวทจะไม่เก่งในเรื่องคำสาป ทักษะวิชา และเวทต่างๆ และทิศทางการพัฒนาค่ายกลเวทก็มีการเบี่ยงเบนผิดเพี้ยนไปเล็กน้อย แต่ก็มีค่ายกลเวทที่สืบต่อแพร่หลายออกไปจริงๆ

ค่ายกลเวทที่แพร่หลายมากที่สุดในโลกบรรพกาลนั้น ส่วนใหญ่ใช้ฐานค่ายกลเพื่อดึงการเคลื่อนย้ายพลังวิญญาณและพลังชีวิต

มันปล่อยพลังที่เกินกว่าความแข็งแกร่งของผู้ที่จัดวางค่ายกลนั้นมาก

ค่ายกลเวทของเผ่าเวทนั้น อาศัยพลังเลือดของตัวเองเป็นรากฐานในการกระตุ้นพลังสายโลหิต และก่อตัวเป็นค่ายกลโจมตีขนาดใหญ่

ตัวอย่างเช่น “ค่ายกลใหญ่สิบสองปีศาจเทพสวรรค์” ที่มีชื่อเสียง

ค่ายกลป้องกันของภูเขาทมิฬ เป็นสิ่งที่พวกเผ่าเวทไม่ได้สร้างขึ้นบ่อยนัก มันเป็นค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ที่มีพื้นฐานมาจากศิลาวิญญาณ

วิธีการสร้างค่ายกลนั้น ได้เรียนรู้จากพันธมิตรโบราณของพวกเขา –

พี่ใหญ่เผ่าพันธุ์มนุษย์

น่าเสียดายที่พลังวิญญาณของศิลาวิญญาณที่เผ่าเวทเก็บเอาไว้ที่นี่นั้น ได้ค่อยๆ กระจายหายไปตามกาลเวลาที่ผ่านไปนานแล้ว

เพียงครึ่งเดือนเท่านั้นนับตั้งแต่ที่พวกเผ่าปีศาจได้ออกแถลงการณ์ประการเรียกร้องสู่สวรรค์ หลี่ฉางโซ่วก็ได้ทำการตัดสินใจ

เขาขอให้ทั้งศาลสวรรค์ และวังมังกร ส่งศิลาวิญญาณชุดหนึ่งไปให้เผ่าเวท เพื่อเปิดใช้งานค่ายกลป้องกันขนาดใหญ่ของภูเขาทมิฬได้อย่างเต็มที่

นี่เป็นวิธีการหลักในการต่อต้านการบุกโจมตีของพวกเผ่าปีศาจ

ค่ายกลใหญ่ของภูเขาทมิฬ มีรูปร่างเหมือน ‘น้ำเต้า’ ซึ่งส่วนใหญ่ฝังอยู่ใต้ดิน

พื้นผิวของพื้นดินเป็นภูเขาหินสีดำมืดที่ถูกตัดเป็นครึ่งวงกลม และมีเผ่าเวทสงครามผู้มีชื่อเสียงโด่งดังคนหนึ่งประจำการอยู่ในนั้น ซึ่งพร้อมจะออกศึกและตอบโต้กลับได้ตลอดเวลา

ในทางกลับกันนั้น ที่ใต้ดินก็เป็นดินแดนที่แทบจะกลวงเป็นโพรงจนหมด

มันถูกล้อมรอบด้วยค่ายกลมหึมาซึ่งสามารถรองรับพวกเผ่าเวทได้หลายแสนคนที่ซ่อนตัวอยู่ได้ ซึ่งในขณะนี้ มันมีเพียงสองในสามเท่านั้นที่ถูกครอบครองเอาไว้ และยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่เพียงพอ

เวลานี้ เด็กน้อยที่เพิ่งเกิดและได้รับการยกย่องว่าเป็นความหวังของพวกเผ่าเวท ล้วนได้รับการคุ้มครองจากพวกเผ่าเวทในตำแหน่งที่ปลอดภัยที่สุด

พวกเขาเป็นเหตุผลที่ทำให้พวกเผ่าเวทมีกำลังใจฮึกเหิมที่จะต่อสู้ต่อไป เช่นเดียวกับที่พวกเขาก็ยังเป็นสาเหตุแห่งโทสะที่ลุกโชนโหมไหม้อยู่ภายในใจของเผ่าเวทในเวลานี้

ความไม่พอใจ ขุ่นแค้นมานมนานหลายปีนับไม่ถ้วน!

ความเป็นปฏิปักษ์กันมาตั้งแต่สมัยโบราณ!

ความเกลียดชังของกระบี่ทำลายล้างมนุษย์!

การต่อสู้ในระหว่างสวรรค์และปฐพี เต๋าแห่งปราณวิญญาณ และเต๋าแห่งกายเนื้อ วันนี้จะกลับคืนมาสู่โลกบรรพกาลอีกครั้ง!

ภายนอกภูเขาทมิฬ ทางทิศใต้ ทิศตะวันออก และทิศเหนือ ล้วนเต็มไปด้วยภูเขาสูงต่อเนื่องกัน พวกมันเต็มไปด้วยแมลงมีพิษและสัตว์ดุร้าย

มีเพียงทางทิศตะวันตกเท่านั้นที่เป็นป่าสนขนาดใหญ่ซึ่งเป็นทิศทางที่พวกเผ่าปีศาจกำลังจะบุกโจมตีเข้ามาด้วยเช่นกัน

เพื่อความปลอดภัย หลี่ฉางโซ่วได้ออกลาดตระเวนตรวจตราทุกส่วนของภูเขาทมิฬอย่างระมัดระวัง

เขากังวลจริงๆ ว่า พวกเผ่าปีศาจจะฉวยประโยชน์เอาเปรียบจากข้อผิดพลาดที่ทำเผ่าเวทกระทำ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อสถานการณ์การรบทั้งหมด

อีกหนึ่งชั่วยามต่อมา หลี่ฉางโซ่วก็ได้ยินอินทรีหลายตัวส่งเสียงร้อง และรู้ว่า พวกเผ่าปีศาจได้สำรวจตรวจพบมาถึงสถานที่แห่งนี้แล้ว

พวกเผ่าปีศาจก็ยังมีเหล่าปรมาจารย์มากมายหลายคนเช่นกัน แน่นอนว่า พวกมันย่อมสามารถตรวจจับการเคลื่อนไหวของพวกเผ่าเวทได้ก่อนล่วงหน้า

หลังจากตรวจสอบค่ายกลสองสามครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นแล้ว หลี่ฉางโซ่วก็รีบพุ่งขึ้นสู่ผิวน้ำและเข้าไปในตัวภูเขาที่ถูกขุดออกมาจากภูเขาหิน

นี่คือค่ายทหาร ที่พวกเผ่าเวท ซึ่งอยู่ในช่วงรุ่งโรจน์สูงสุดกำลังกินอาหารก่อนออกศึก และกลิ่นหอมของเนื้อย่างก็ลอยฟุ้งตลบอบอวลไปทั่วทุกที่

ความแข็งแกร่งของเผ่าเวทนั้น ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างสายเลือดของตัวเองกับบรรพชนเผ่าเวททั้งสิบสองคน

และเผ่าเวททั้งหนึ่งหมื่นหกพันคนที่นี่เหล่านี้ ก็ล้วนเป็นพวกเผ่าเวทชั้นยอดที่สามารถออกศึกแนวหน้าได้โดยตรง

แน่นอนว่า ชนเผ่าเวททุกคนล้วนสามารถต่อสู้ได้ แต่ในเวลานี้ พวกเขาไม่ยอมปล่อยให้ทั้งเหล่าผู้เฒ่า ผู้อ่อนแอ และพวกเผ่าเวทที่มีพลังสายโลหิตที่อ่อนแอกว่าได้ปรากฏตัว

เมื่อพวกเขาเห็นร่างของหลี่ฉางโซ่ว เหล่าจอมเวทใหญ่ทั้งหลายก็เข้ามาต้อนรับทักทายเขาอย่างยินดีทันที

และร่างแต่ละร่างที่แผ่พุ่งพลังเลือดแข็งแกร่งเข้มข้นก็ยังมองดูหลี่ฉางโซ่วด้วยสายตาที่ลุกโชนด้วยความกระตือรือร้นและมีศรัทธาแรงกล้า

ในขณะนี้จอมเวทใหญ่ผู้หนึ่ง รู้สึกค่อนข้างตื่นเต้น และร้องตะโกนเสียงดัง

“ใต้เท้าเทพวารี! กองหน้าของพวกเผ่าปีศาจกำลังอยู่ห่างจากที่นี่ไปราวครึ่งชั่วยามแล้ว!

เหตุใดเราไม่ลงมือโจมตีโดยไม่ให้พวกเขาได้ทันระวังรับมือเล่า!?”

“มันง่ายที่จะสู้ แต่ก็ยากที่จะหลบหนีจากสงคราม”

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “เผ่าเวทต้องการเอาชนะพวกเผ่าปีศาจโดยมีการบาดเจ็บล้มตาย และเสียหายน้อยที่สุด ดังนั้นวันนี้ เราจึงควรร่วมมือกับกองทัพของศาลสวรรค์

ค่ายกลที่นี่เสถียรยิ่ง แล้วเหตุใดท่านไม่ใช้มันเล่า?”

จอมเวทใหญ่กล่าวด้วยน้ำเสียงทุ้มลึกว่า “เทพวารี หากเราหลีกเลี่ยงการต่อสู้ ข้าก็เกรงว่า มันอาจทำให้พวกเผ่าปีศาจหัวเราะเยาะพวกเราได้”

“ธรรมเนียมของเผ่าเวท…”

“ทุกท่าน!”

หลี่ฉางโซ่วส่งเสียงดังขึ้นเล็กน้อย เขาขมวดคิ้วก่อนในตอนแรกและต้องการให้เหตุผลกับพวกเผ่าเวทเหล่านี้

บัดนั้นจอมเวทใหญ่ก็เริ่มตำหนิผู้คนในเผ่าเหล่านี้ที่ต้องการออกศึกสู้ทันที

ทว่าทันใดนั้น หลี่ฉางโซวก็ยิ้มและกล่าวว่า “พวกท่านทุกคนสามารถเปลี่ยนใจได้

หากเราออกศึกสู้ ก็ไม่จำเป็นต้องให้อีกฝ่ายโจมตีค่ายกลภูเขาทมิฬ

แล้วนั่นจะไม่ทำให้พวกเผ่าปีศาจเหล่านี้ใช้ความพยายามลงทุนลงแรงน้อยลงเมื่อต่อสู้กับพวกเราหรอกหรือ? และนั่นจะไม่ได้ปล่อยพวกเขาให้ไปง่ายๆ สบายๆ กว่าหรอกหรือ? ”

พวกเผ่าเวทคิดอย่างรอบคอบ และเห็นด้วยเมื่อพบว่ามันเป็นจริงเช่นกัน

หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างจริงจังว่า “เราทำอะไรกับเผ่าพันธุ์ปีศาจเพื่อทำให้เรื่องต่างๆ สะดวก สบาย ง่ายขึ้นได้บ้าง?

ปล่อยให้พวกมันโจมตีค่ายกลใหญ่สักสองสามค่ายกล และทำให้พวกมันเหนื่อยหน่าย

จากนั้นพวกเราก็รีบพุ่งออกไปเข่นฆ่าพวกมันทั้งหมดกันให้จุใจ นั่นมันจะไม่ดูดีกว่าหรอกหรือ?”

“ดี!”

“เทพวารีกล่าวได้ถูกต้อง!”

“ใช่ พวกเราไม่อาจปล่อยให้พวกปีศาจเหล่านี้ฉวยประโยชน์เอาเปรียบเหนือกว่าพวกเราได้ ปล่อยให้พวกมันเหนื่อยไปสักพักก่อน แล้วพวกเราค่อยมาบดขยี้พวกมันกันเถิด!”

………………………………………………………………..

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

ศิษย์พี่ของข้าจะมั่นคงเกินไปแล้ว

Status: Ongoing
เพื่อให้มีอายุยืนยาวในยุคบรรพกาลอันโหดร้าย จงหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการ เก็บงำความสามารถ ขยันฝึกวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!หลี่ฉางโซ่วที่ไปเกิดใหม่เป็นผู้บำเพ็ญเซียนตัวน้อยๆ ในโลกบรรพกาลอันน่าสะพรึงกลัวเขาถูกอาจารย์ผู้นำยอดเขาสุดแสนอัตคัดในสำนักเซียนมนุษย์เล็กๆ พาตัวมาดูแล เพื่อฝึกฝนให้บรรลุวิถีเซียนตั้งแต่ยังเยาว์เป้าหมายของเขาคือ ‘อายุยืนยาว’ ในยุคบรรพกาลอันโหดร้ายนี้จึงต้องพยายามหลีกเลี่ยงผลกรรม หากฆ่าคนต้องป่นขี้เถ้า ทุกการเคลื่อนไหวต้องมีแผนการเก็บงำความสามารถ ขยันหมั่นเพียรฝึกฝนเคล็ดวิชา หลอมยาปรุงโอสถ นิ่งสงบมั่นคง!เดิมทีในแผนการของหลี่ฉางโซ่ว เขาตั้งใจว่าจะซ่อนตัวอยู่ในเขาฝึกบำเพ็ญเป็นเซียนอย่างสงบสุขไปตลอดชีวิตจนกระทั่งปีหนึ่ง อาจารย์ของเขาคงมีชีวิตที่สงบเงียบเกินไปจนเบื่อขึ้นมา ถึงได้รับศิษย์น้องหญิงคนหนึ่งมาให้เขา…เพื่อไม่ให้ศิษย์น้องนำผลกรรมมาแปดเปื้อนตน เขาจะต้องสอนหลักการการใช้ชีวิตให้ศิษย์น้องดีๆ เสียหน่อยแล้ว!

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท