บทที่ 793 การมาถึง (5)
“ศาลสวรรค์ อย่ายุ่งเรื่องของผู้อื่น!”
จากนั้นก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องดังสนั่นกึกก้องบนท้องฟ้า และเมฆหมอกก็รวมตัวกัน กลายเป็นใบหน้าที่ดูสูงส่งสง่างาม
มันเป็นรูปลักษณ์ของแม่ทัพตงมู่!
จากนั้นเสียงทรงพลังอำนาจของแม่ทัพตงมู่ก็เริ่มดังก้องกังวานไปทั่วหล้า
“ศาลสวรรค์ได้รับบัญชาจากท่านบรรพาจารย์เต๋าให้ปกป้องโลกและทั้งสามอาณาจักร!
บัดนี้ พวกเจ้าเผ่าปีศาจไม่เคารพเชื่อฟังคำบัญชาของศาลสวรรค์ก่อน
นอกจากนี้ หลังจากที่พวกเจ้าได้ยุยงให้เกิดความเกลียดชังในสมัยโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต นั่นก็เป็นการไม่เคารพคำสั่งของบรรพาจารย์เต๋าในสมัยนั้น
พวกเจ้ายังละเมิดคำสัญญาสมัยโบราณอย่างโจ่งแจ้ง และต้องการเข่นฆ่า ทำลายล้างเผ่าเวทให้สิ้นซาก!
ข้าขอแนะนำให้พวกเจ้าถอนทหารออกไปให้ทันเวลา ไม่เช่นนั้นพวกเจ้าทั้งหมดจะถูกทำลายที่นี่อย่างแน่นอน
พลังแห่งสวรรค์ไม่อนุญาตให้ลบหลู่ได้! ”
พวกเผ่าปีศาจเงียบงันไปสักพัก
และทันใดนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังขึ้น เหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจหลายร้อยตนต่างพากันหัวเราะออกมา
หลังจากนั้นปีศาจใหญ่ตนหนึ่งก็ตะโกนเสียงดังว่า “จนถึงตอนนี้ ศาลสวรรค์ยังไม่กล้าส่งทหารมาแม้แต่คนเดียว
พวกเขาเพียงรู้วิธีทำให้ผู้คนหวาดกลัวด้วยการตะโกนลอยๆ เท่านั้น!
เด็กๆ วันนี้จงทำลายล้างเผ่าเวท แล้วแสดงให้พวกมันเห็น!”
บรรดาทหารปีศาจทั้งหมดล้วนเห็นด้วยอย่างพร้อมเพรียงกัน และคลื่นพลังปีศาจก็รวมตัวกันเป็นพลังซับซ้อนมหาศาล และพลังพลุ่งพล่านจนเกือบสั่นสะเทือนวังสวรรค์เก้าชั้นฟ้า!
ที่ด้านหลังหมู่เมฆมืดดำที่ต่อเนื่องกันในที่แห่งนี้ มีภูเขาเมฆลูกหนึ่งได้ตั้งตระหง่านออกมาอย่างยิ่งใหญ่ มีหมู่เมฆมืดดำมากกว่าสิบชั้น ซึ่งรวบรวมเหล่าปีศาจเอาไว้นับแสนตน
มันปิดแผ่นฟ้าบดบังสุริยา และกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต และในหมู่พวกมัน มีพวกเผ่าปีศาจมากมายที่กลายร่างเป็นร่างที่แท้จริงของตัวพวกมันเอง
เดิมทีมันเป็นวันที่แสงแดดสาดส่องแผ่นดินสว่างไสวเมื่อสุริยาผงาดฟ้า แต่เป็นเพราะพวกเผ่าปีศาจมากมายเหล่านี้และไอปีศาจที่พลุ่งพล่าน ทำให้พื้นแผ่นดินมืดมัวและมืดมิดลงอีกครั้ง
ในภูเขาทมิฬ พวกเผ่าเวทรู้สึกได้ถึงแรงกดดันจากกองทัพปีศาจ แต่ด้วยเพราะเหตุนี้ เลือดนักสู้ของพวกเขาจึงถูกจุดประกายขึ้นมา!
แม่ทัพตงมู่ไม่เอ่ยวาจาใดอีก และใบหน้าที่เกิดจากหมู่เมฆหมอกบนท้องฟ้าก็สลายหายไป
ในขณะนั้น ยังคงมีฟ้าแลบแปลบปลาบอยู่ในโลก และเสียงฟ้าร้องที่ดังกึกก้องก็ดูเหมือนว่า จะกำลังเตือนพวกเผ่าปีศาจ…
ทว่ายิ่งเป็นเช่นนั้น ขวัญกำลังใจของกองทัพปีศาจก็ยิ่งเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆ!
เหล่าสัตว์ร้ายและวิหคก็ยังคงร้องคำรามออกไปในทิศทางของศาลสวรรค์และภูเขาทมิฬ
ดูเหมือนว่า ผู้ที่มีชื่อเสียงเป็นตำนานของเผ่าปีศาจ จะฝันถึงสมัยโบราณเมื่อเผ่าปีศาจอยู่ในจุดสูงสุด…
แม่ทัพลู่อดจะหลั่งน้ำตาเป็นประกายวิบวับออกมาที่หางตาของเขา และพึมพำออกมาไม่ได้ว่า
“กลับมาแล้ว กลับมาแล้ว!”
กองทัพปีศาจเพียงผนึกกำลังกันและมุ่งหน้าไปปราบปรามภูเขาทมิฬอีกครั้ง!
กองทัพแผ่กระจายออกไปนับร้อยลี้ในอากาศ เมื่อมองจากระยะไกล
มันดูเหมือนภูเขาอันงดงามที่กำลังจะบดขยี้ทำลายภูเขาทมิฬของเผ่าเวทด้วยพลังปรารถนาจะถล่มขุนเขา!
ตึ๊ง ตึ๊ง ตึ๊ง–
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่ชัดเจนดังขึ้นในระหว่างสวรรค์และปฐพี เสียงนั้นดังกลบเสียงร้องคำรามของสัตว์ร้ายและเสียงฟ้าร้องได้อย่างง่ายดาย
จู่ๆ เรือเมฆก็ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าสูงโดยไม่มีการเตือนใดๆ และมีเสียงสตรีดังแผ่วเบา ในขณะเดียวกันเสียงสตรีนั้นก็ดังเข้าไปถึงหูของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ทั่วทุกแห่งในบริเวณโดยรอบ
“ขอให้ศาลสวรรค์โปรดระงับพลังศักดิ์สิทธิ์ชั่วคราว และขอให้เหล่าปีศาจหยุดการเดินทัพด้วยเถิด”
บัดนี้ เหล่าปีศาจจะหยุดได้อย่างไรในเมื่อพวกมันเข้ามาเต็มกำลังแล้ว?
ทว่าปีศาจเฒ่าตนหนึ่งก็ร้องตะโกนออกมาทันที “เจ้ามาจากวังวาหวงใช่หรือไม่ !?!”
ทันใดนั้นเหล่าปีศาจก็หยุดทันทีและมองดูเมฆสีขาวที่ตกลงจากท้องฟ้า
บนเมฆนั้น มีเทพธิดาสี่คนยืนเรียงแถวกัน เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเผ่าปีศาจ เทพธิดาผู้นำแห่งวังเซิ่งหมู่ผู้มีหูจิ้งจอกก็กล่าวขึ้นช้าๆ ว่า “เราเป็นสาวใช้ที่อยู่ข้างกายองค์ราชินี เรามาจากเผ่าเดียวกันกับเจ้าเช่นกัน
วันนี้ได้ยินมาว่าเจ้าต้องการทำลายเผ่าเวทแห่งดินแดนเทวะอุดร เราจึงมาที่นี่เพื่อชี้แนะตักเตือนเจ้าสักหน่อย
มีสงครามใหญ่ระหว่างเผ่าเวทและเผ่าปีศาจเกิดขึ้นสามครั้ง และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในโลกบรรพกาลได้บาดเจ็บล้มตายไปมากมายนับไม่ถ้วน
ทั่วหล้าโศกศัลย์ แล้วเผ่าปีศาจและเผ่าเวทก็ให้สัตย์สาบาน ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าจะไม่ต่อสู้กันอีกต่อไป
แล้วไฉนเจ้าถึงละเมิดพันธะสัญญาและเริ่มสงครามขึ้นอีกครั้งในวันนี้เล่า?”
ในขณะนั้นเหล่าปรมาจารย์เผ่าปีศาจต่างโค้งคำนับให้อย่างพร้อมเพรียงกัน แต่พวกมันดูมีสีหน้าไม่พอใจเล็กน้อย
“ใต้เท้าเทพธิดาทั้งหลาย แล้วท่านมีโองการจากราชินีเซิ่งหมู่ด้วยหรือไม่?”
เทพธิดาผู้นำแห่งวังวาหวงกล่าวว่า “ไม่ ข้าและบรรดาน้องสาวของข้ามาที่นี่เพียงเพื่อเตือนพวกเจ้าเท่านั้น
“หากไร้โองการจากราชินีจอมปราชญ์ ข้าก็เกรงว่าพวกเราจะไม่อาจเชื่อฟังบัญชาของท่านได้!”
ทันใดนั้นเทพธิดาก็กล่าวออกมาอย่างมีโทสะว่า “หากเผ่าปีศาจเป็นผู้นำคนแรกที่ทำลายพันธะสัญญาโบราณ
แล้วในวันรุ่ง เมื่อเผ่ามนุษย์ใช้พลังของเผ่าทั้งหมดเพื่อทำลายเผ่าปีศาจที่เหลืออยู่ เช่นนั้นแล้ว เจ้าจะจัดการรับมืออย่างไร?”
ปีศาจเฒ่าตนหนึ่งยิ้มและกล่าวว่า “เผ่าพันธุ์มนุษย์ไม่มีจักรพรรดิมนุษย์มาเนิ่นนานแล้ว
พวกเขาภูมิใจในตัวเองและหยิ่งทะนง ทั้งยังมีสำนักเซียนมากมาย
ตราบใดที่พวกเราไม่ไปยั่วยุ หาเรื่องพวกเขา ก็ไร้สิ่งใดให้ต้องกังวล!”
“เจ้า!”
อู่…
ขณะที่เทพธิดากำลังจะดุด่าเขา ทันใดนั้นก็มีเสียงแตรแหลมสูงดังมาจากฟากฟ้าทางทิศตะวันออก
บัดนั้นสัมผัสปีศาจรับรู้และสายตาจ้องมองต่างๆ ก็ได้รวมตัวกัน ตรงไปทางท้องฟ้าด้านทิศตะวันออกซึ่งมีเมฆลอยผ่านไปอย่างรวดเร็ว
และมีนักพรตเต๋าหนุ่มผู้หนึ่ง ยืนอยู่ในแถวหน้าบนเมฆนั้น
เมฆนั้นถูกสร้างขึ้นมาโดยนักพรตเต๋าหนุ่มผู้นั้น สถานการณ์บนก้อนเมฆทำให้ผู้คนค่อนข้างสับสนเล็กน้อย…
………………………………………………………………..