“เจ้าเป็นใครกัน?!”คำถามนี้ก็ได้ลอยออกมาจากปากของเฉินเสี่ยวเทียนในขณะที่เขาสังเกตหวงเสี่ยวหลงอย่างระวัง สัญชาตญาณของเขาบอกว่าหวงเสี่ยวหลงไม่ใช่คนของสถาบันกลืนกินโลหิตหรือนิกายเก้าอสูรเลย
หวงเสี่ยวหลงก็เผชิญหน้าเฉินเสี่ยวเทียนและพูดออกไปอย่างไม่แยแส “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ”หลังจากหยุดสักพัก หวงเสี่ยวหลงก็พูดต่อว่า “ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจดีที่สุดว่าวันนี้เจ้าไม่มีทางหนีไปได้ เจ้ามีสองทางเลือก นั่นคือการยอมจำนน หรือตาย”
หวงเสี่ยวหลงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องไร้สาระ เขาจึงพูดตัวเลือกสองตัวเลือกให้แก่เฉินเสี่ยวเทียนฟังตรงๆ
เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้ใช้โอกาสมองเกิงเคน ตู่ซิน และเติงกวงหลียงในขณะที่ พวกเขาทั้งหมดนั้นยืนอยู่เบื้องหลังหวงเสี่ยวหลง จู่ๆในหัวใจของเขาก็ได้มีความรู้สึกสิ้นหวังอันหนาวเหน็บผุดขึ้นมาในใจ หรือว่าน่าก็คือความรู้สึกเมื่อถูกหักหลังและทอดทิ้งกัน?
“เจ้าวางแผนจะให้พวกนั้นโจมตีข้าพร้อมกับหรือเข้ามาทีละคน?”พออดกลั้นความรู้สิ้นหวังพวกนี้ เฉินเสี่ยวเทียนก็ถามหวงเสี่ยวหลงด้วยน้ำเสียงอันแข็งกร้าวและหนาวเหน็บ
หวงเสี่ยวหลงก็ส่ายหัวและโบกมือให้เกิงเคน ตู่ซิน เติงกวงเหลียง และผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาให้หลบไป “พวกเจ้าทั้งหมดถอยไป ข้าไม่อนุญาตให้ใครลงมือโดยไม่มีคำสั่งจากข้า”
เมื่อเขาพูดออกมา ทุกคนที่อยู่ตรงหนี้ก็ตกใจกับการตัดสินใจของหวงเสี่ยวหลง
“นายน้อย เรื่องนี้..!”เกงิเคนก็ก้าวเข้ามาเพื่อพยายามจะห้ามหวงเสี่ยวหลง
ไม่มีใครรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเฉินเสี่ยวเทียนไปมากกว่าเขาแล้ว แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าหวงเสี่ยวหลงแข็งแกร่ง แต่เฉินเสี่ยวนั้นเป็นถึงผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ปลาย นอกจากนี้หากการคาดเดาของเขาถูกต้อง ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเฉินเสี่ยวเทียนนั้นจะต้องมากกว่านั้นแน่
“ถอยไป!”หวงเสี่ยวหลงก็ตะคอก
เกิงเคนก็สั่นไหวแล้วรีบทำความเคารพและถอยไปอยู่ด้านหลังที่ตู่ซิน เติงกวงเหลียง และที่เหลือกำลังยืนอยู่
หวงเสี่ยวหลงมองเฉินเสี่ยวเทียน “ถ้าหากเจ้าสามารถล้มข้าได้ ข้าจะปล่อยเจ้าไป”
เฉินเสี่ยวเทียนก็มองกลุ่มผู้อาวุโสนิกายพ่อมดนภาที่เรียงแถวอยู่ด้านหลังหวงเสี่ยวหลง “จริงงั้นหรือ?”มองดูผิวเผินอาจจะดูสงสัยแต่ในหัวใจของเขานั้นกับรู้สึกมีวคามสุขที่หวงเสี่ยวหลงหยิ่งยโส เขานั้นไม่มั่นใจถึงความแข็งแกร่งของหวงเสี่ยวหลง แต่ตัดสินใจจากกลิ่นอายของหวงเสี่ยวแล้ว เฉินเสี่ยวเทียนมั่นใจว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นยังไม่ทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7
“ถูกแล้ว” หวงเสี่ยวหลงก็พูดยืนยันอย่างเย็นชาและสังเกตเห็นความสุขที่เปล่งประกายขึ้นในดวงตาของเฉินเสี่ยวเทียน ดูเหมือนเฉินเสี่ยวเทียนจะคิดว่ามันสามารถชนะข้าได้งั้นหรือ?
ทันทีที่หวงเสี่ยวหลงตอบนั้น ก็ได้มีแสงสีฟ้าครามและสีแดงพุ่งออกมาจากร่างของเฉินเสี่ยวเทียนและรวมกันเป็นต้นไม้เหนือหัวเขา
ต้นไม้ยักษ์ที่ถูกปกคลุมไปด้วยลมสีฟ้าครามและเพลิงสีแดงทมิฬ
จิตวิญญาณต่อสู้ระดับ 11 ขั้นแรก–ต้นวายุเพลิง!
พลังของธาตุลมแหละไฟนั้นก็ได้เข้าปกคลุมภายในห้องโถงทันที
เฉินเสี่ยวเทียนก็ไม่เสียเวลาหลังจากที่เขาเรียกจิตวิญญาณต้นไม้วายุเพลิงออกมาเขาก็ทำการผสานกับร่างของเขาทันที หลังจากทำการเปลี่ยนร่างแล้ว แขนของเฉินเสี่ยวเทียนทั้งสองนั้นก็มีรอยแตกร้าวและถูกแผดเผาไปด้วยเพลิงทมิฬ ในเวลาเดียวกัน วายุสีครามก็ได้พัดไปมารอบตัวเขา
เฉินเสี่ยวเทียนที่ทำการเปลี่ยนร่างได้ใช้โอกาสเริ่มโจตีหวงเสี่ยวหลงก่อน เขาได้พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับแสงสีครามและแดงทมิฬด้วยความเค็วที่น่าตกตะลึงราวว่าเขานั้นเป็นตัวแทนแห่งวายุ ไม่เพียงแค่ตู่ซินและเติงกวงเหลียงเท่านั้นที่ไม่สามารถจับการเคลื่อนไหวของเฉินเสี่ยวเทียนได้ แม้กระทั่งคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่พวกเขา เกิงเคนที่เป็นผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 6 ปลาย-สูงสุดก็ทำได้เพียงมองเห็นภาพติดตาเท่านั้น มันเลยทำให้ทุกคนหวาดกลัว
“ระวังด้วย นายน้อย!”เกิงเคนและคนที่เหลืองต่างก็ทนไม่ไหวจึงได้อุทานออกมาเสียงดัง
หวงเสี่ยวหลนั้นได้ทำการประทับตราจิตวิญญาณลงในตัวพวกเขาแต่ละคน การถูกเชื่อมต่อกันถึงจิตวิญญาณนั้น หากหวงเสี่ยวหลงตาย พวกเขาก็จะตายตามไปด้วยซึ่งนั่นคือจิตวิญญาณของพวกเขาถูกทำลายนั่นเอง
พอมองเห็นเฉินเสี่ยวเทียนเข้ามาหาเขา หวงเสี่ยวหลงก็ได้ทำการใช้กายาเทพอสูร และกางปีกปีศาจออกมาพร้อมกับใช้ความสามารถมังกรทมิฬก้าวเงาไปพร้อมกัน ร่างของหวงเสี่ยวหลงจึงหายตัวไปซึ่งเหลือเพียงแค่ล่องลอยเงาบางๆที่เหลืออยู่ในอากาศ
ทำให้หมัดของเฉินเสี่ยวเทียนพุ่งทะลุเงาที่หวงเสี่ยวหลงหลงเหลือไว้ ทำให้เงาภาพติดตากระจายไปราวกับควัน
การโจมตีของเขานั้นได้พลาดท่า เฉินเสี่ยวเทียนจึงหมุนตัวพร้อมกับใบหน้าที่หวาดกลัวและมองหาหวงเสี่ยวหลง––ชายหนุ่มผมดำคนนี้หลบการโมตีของข้าได้จริงๆ! ความแข็งแกร่งของคนผู้นี้ไม่เหมือนกับที่ข่าวลือภายนอกบอกไว้ และเขานั้นได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ชั้นปลาย-สูงสุดมานานแล้ว และด้วยพลังธาตุลมที่เพิ่มเข้ามาในร่างของเขาหลังจากทำการเปลี่ยนร่าง ความเร็วของเขานั้นก็ได้ก้าวข้ามผู้ฝึกตนในระดับเดียวกันไปแล้ว แม้จะเป็นแบบนั้น หวงเสี่ยวหลงก็หลบการโมตีของเขาได้พ้น
พอหลบการโจมตีของเฉินเสี่ยวเทียนนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้ถือดาบเทพอสูรไว้ในมือ และฟันเฉินเสี่ยวเทียนในขณะอยู่กลางอากาศ
เคล็ดวิชาเทพอสูร กระบวนท่าที่ 4 เขตแดนสายฟ้า
พายุสายฟ้าก็ได้พุ่งลงใส่ห้องโถงหลักแห่งนี้ซึ่งมันได้ก่อร่างเป็นมังกรหลายตัวพุ่งเข้าใส่ในขณะที่พวกมันพุ่งลงพื้นและคำรามใส่เฉินเสี่ยวเทียนที่ถูกเล็งไว้ ในชั่วพริบตา เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้ถูกมังกรสายฟ้าล้อมรอบ
“กายาวายุเพลิงหลั่งไหล!”
พอคำราม เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้บิดตัวราวกับเมฆเพลิงที่ล่องลอยขึ้นไปในอากาศซึ่งทำให้เขาหลบการโจมตีของมังกรสายฟ้ามากมายได้อย่างหวุดหวิด แต่เขาไม่คาดคิดว่าสายฟ้าที่มีรูปร่างเป็นมังกรจะกลาเป็นพายุหมุนติดตามเขาไปด้วย
หลังจากผ่านไปหลายปี หวงเสี่ยวหลงก็ได้ทำการผสมผสานเคล็ดวิชาดาบเทพอสูรกับพายุนรกและกระบวนท่าที่ 2 น้ำตาเทพอสูรลงในกระบวนท่าที่ 4 อาณาเขตสายฟ้าได้สำเร็จ เมื่อโจมตีออกไป สายฟ้าแต่ละเส้นนั้นจะคาดเดาไม่ได้และต่อมามันก็จะกลายเป็นพายุสายฟ้า กระบวนท่านี้ได้พัฒนากลายเป็นกระบวนท่าที่ทรงพลัง
เฉินเสี่ยวที่กำลังลอยไปมาอย่างไม่รู้จบด้วยการไหลไปพร้อมกับอากาศรอบข้างและหลบการโจมตีของมังกรสายฟ้าไปๆมาๆอย่างไมรู้จบ เมื่อเวลาผ่านไปเขตแดนสายฟ้าก้ได้สลายไป
หลังจากเขาได้ถูกสายฟ้าโจมตีโดยตรง ดูเหมือนว่าเฉนิเสี่ยวเทียนจะอ่อนแอลงและชุดของเขาก็มีรอยไหม้เกรียมและฉีดขาพร้อมกับหลุมดำที่เกิดจากการไหม้
“ฝ่ามือวายุหมัดหลั่งไหล!”
เมื่อการโจมตีของหวงเสี่ยวหลงหายไป เฉินเสี่ยวเทียนก็ได้ระบายความโกรธโดยการโจมตีใส่หวงเสี่ยวหลงด้วยแขนซ้ายซึ่งทำให้เกิดพายุเฮอริเคนขึ้นตรงหน้าแต่ทว่ามือขวานั้นเขาได้ซัดฝ่าพุ่งออกไปทำให้มีเปลวเพลิงทมิฬพุ่งไป
หมัดและฝ่ามือก็ได้รวมกันกลายเป็ฯหนึ่งการโจมตีที่ส่งผลแก่การไหลเวียนของอากาศในห้องโถงอย่างรุนแรง และยิ่งไปกว่านั้นก็คือเกิงเคนและกลุ่มผู้อาวุโสที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องนั้นรู้สึกราวกับพวกเขาจะถูกหลอมละลายในเตาอบ แต่ในเวลาเดียวกัน มีวายุก็ได้เฉือนผิวหนังของเขาไปด้วย
แม้แต่หวงเสี่ยวหลง มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้พบทักษะต่อสู้อย่างนี้
หลังจากตกใจชั่วครู่ ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก้เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาและคมกริบจากนั้นเขาก็เหวี่ยงดาบเทพอสูรออกไป ทำเกิดคมดาบนับไม่ถ้วนหมุนวนพุ่งออกไปใน๘ระที่เกิดดวงตาสีแดงปรากฏขึ้นอย่างไม่รู้ตัว มันได้หมุนตัวไปมาในทิศทางเดียวกัน คมดาบได้ลอยออกมาจากลูกตาสีแดง และพุ่งปทะใส่หมัดวายุและฝ่ามือเพลิงของฝ่ายตรงข่าม
ภายในห้องโถงเหนือหัวพวกเขานั้นได้เสียงระเบิดดังขึ้นต่อเนื่อง ผลจากการปะทะกันของวายุและเพลิงได้กระจายออกไปในขณะที่เศษคมดาบที่เหลือได้พุ่งกระจายไปทุกทิศทางซึ่งหลงเหลือไว้เพียงลอยตัดที่เกิดขึ้นบนกำแพงของห้องโถง
เมื่อดวงตาสีแดงเข้มปรากฏ เฉินเสี่ยวเทียนก็รู้สึกสับสนจากความตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า ร่างกายของเขานั้นโยกเยกไปมาอย่างไม่สามารถควบคุมได้ในขณะที่เขามองหวงเสี่ยวหลงด้วยความตกใจและหวาดกลัว
นี่มันเคล็ดวิชาต่อสู้อะไรกัน?!
ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นยังไม่ได้ทะลวงขั้นที่ 7 แต่เคล็ดวิชาบ่มทเพาะที่เขาบ่มเพาะนั้นจะต้องเป็นระดับสูงอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นปราณฉีของหวงเสี่ยวหลงนั้นจึงมีมากกว่าเขาหลายขั้น ยิ่งไปกว่านั้น เคล็ดวิชาต่อสู้ที่เขาฝึกนั้นก็ยังแข็งแกร่งมากอีกด้วย บางทีมันอาจจะเป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสวรรค์ในตำนานก็ได้!
พอเห็นว่าแม้กระทั่งเนตรจุติก็ยังไม่สามารถจัดการเฉินเสี่ยวเทียนได้ หวงเสี่ยวหลงก็ตระหนักไดว้ามันยากที่จะจัดการอีกฝ่ายถ้าหากเขาไม่ได้เรียกจิตวิญญาณต่อสู้ของเขา
ในท้ายที่สุด ความแข็งแกร่งของเฉินเสี่ยวเทียนนั้นก็คือระดับเซียนเทียนขั้นที่ 7 ปลาย-สูงสุด
ด้วยเฉินเสี่ยวเทียน เกิงเคนและคนที่เหลือกำลังมองดูอยู่นั้น ก็ได้มีแสงสว่างเจิดจ้าขึ้นมาจากร่างของหวงเสี่ยวหลง จากนั้นก็ได้มีเสียงมังกรคำรามดังสั่นสะเทือนไปถึงสวรรค์ในขณะที่มีมังกรคู่ปรากฏขึ้นกลางอากาศ––มังกรฟ้าและมังกรทมิฬ! กลิ่นอายอันแข็งแกร่งของมังกรก็ได้หลั่งไหลไปทั่วห้องโถงราวกับการลอยไปมาของทาง้ชางเผือกที่กระจายไปทั่วห้องโถงแห่งนี้ทุกซอกทุกมุม
มังกรทมิฬและมังกรฟ้าก็ได้พันรอบตัวหวงเสี่ยวหลงราวกับเป็นร่างจุติของมังกรเทวะ
“จิตวิญญาณต่อสู่มังกรบรรพกาลเทวะ!”
ร่างของเกิงเคน ตู่ซิน และเติงกวงเหลียงก็สั่นไหวในขระที่จ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างร้อนแรง