บทที่ 805 จะสู้ศึกนี้อย่างไร (2)
หลิงเอ๋อร์นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ดวงตาของนางดูหมองคล้ำไร้แวว และนางก็หายใจติดขัด และดูเหมือนว่า ทั้งร่างของนางจะทรุดลงไป
‘หลันหลิงเอ๋อร์ นี่คือทั้งหมดที่เจ้าต้องการ เจ้าจะยอมปล่อยศิษย์พี่ของเจ้าไปเช่นนี้หรือ? ‘
นี่คือ ศิษย์พี่ของเจ้าที่เจ้าตัดสินใจมานานว่าจะติดตามเขาไปตลอดชีวิตนะ!
ในขณะนั้นก็มีเสียงหัวเราะดังมาจากกระท่อมมุงจากข้างๆ…
“ท่านอาจารย์ เทพธิดาอวิ๋นเป็นสหายที่ดีของศิษย์ ศิษย์เคยเล่าให้ท่านอาจารย์ฟังมาก่อนหน้านี้ คราวนี้นางมาเยี่ยมเยียนสำนักของพวกเราขอรับ”
“โอ้ ใช่ ใช่แล้ว ฉางโซ่วเคยพูดถึงท่านมาหลายครั้งแล้ว!
เทพธิดาอวิ๋นจะทำอะไรก็ได้ตามต้องการเถิด ในเมื่อมาถึงที่นี่ ก็ขอให้ท่านทำตัวเหมือนกับอยู่บนยอดเขาของท่านเอง!
เฮ้อ ในที่สุด ฉางโซ่วของข้าก็ถือเป็นเซียนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว ก่อนหน้านี้ สิ่งที่ข้ากังวลมากที่สุดก็คือ เขาจะไม่สามารถมีสหายสนิทได้เลย ข้ากังวลมากเกินไปจริงๆ ข้ากังวลมากเกินไป ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า…”
ทันใดนั้น หลิงเอ๋อร์ก็ขมวดคิ้วและเม้มปาก นางกำหมัดเล็กๆ ของนางแน่น และร้องไห้ออกมา ท่านอาจารย์ของนางทรยศหักหลังนางอย่างรวดเร็วมากจริงๆ!
เขาบอกว่าเขาจะสนับสนุนนางและหลี่ฉางโซ่ว ศิษย์สายตรงทั้งสองของเขาให้มาเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากันอย่างไม่มีเงื่อนไข!
หลิงเอ๋อร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ และหัวใจเต๋าของนางก็ลุกโชนไปด้วยจิตวิญญาณแห่งนักสู้
มารดาของนางกล่าวได้ถูกต้อง หากสตรีไม่เหี้ยมโหด ครอบครัวของนางก็คงไม่มั่นคง สิ่งที่นางปรารถนาต่อสู้ก็เพื่อตำแหน่งในหัวใจของศิษย์พี่ของนาง
นอกจากนี้ นางก็ยังมีข้อได้เปรียบที่ได้อยู่ใกล้ศิษย์พี่ของนางเป็นเวลานานหลายปี ในเวลานี้ นางเพียงต้องรักษาการป้องกันของนางให้มั่นคงและดำเนินการแต่ละขั้นตอนอย่างระมัดระวัง
และนางก็ไม่จำเป็นต้องพ่ายแพ้ให้เทพธิดาอวิ๋นเซียวผู้โด่งดังคนนี้!
นางไม่ใช่เป็นเพียงศิษย์ผู้ยิ่งใหญ่ของจอมปราชญ์ที่มีระดับฐานพลังที่ไม่ธรรมดาหรอกหรือ?
นางยังเป็นท้องฟ้าอีกด้วย!
“นี่คือศิษย์น้องหญิงของเจ้าใช่หรือไม่?”
ทันใดนั้นก็มีเสียงอ่อนโยนดังขึ้นข้างๆ หูของนาง
จู่ๆ หลิงเอ๋อก็รู้สึกถึงสายลมเย็นๆ ที่พัดโชยผ่านหูของนาง และนางก็ไม่มีความคิดยุ่งเหยิงวุ่นวายมากมายอีกต่อไป และหัวใจเต๋าของนางก็สงบลงมาก
นางหันกลับไปมองและเห็นศิษย์พี่ของนางกำลังยืนเอามือไพล่หลังอยู่หน้าประตูกระท่อมมุงจาก
และเทพธิดาที่อยู่ข้างๆ ศิษย์พี่ของนางก็เผยรอยแย้มยิ้มขณะมองมาที่นาง
ในขณะนั้น ดูเหมือนว่า กรอบประตูจะหายไป และศิษย์พี่ของนางก็หายตัวไปเช่นกัน
เหลือเพียงสายตาจ้องมองอย่างขออภัยเล็กน้อยและรอยยิ้มอันอ่อนโยนที่มุมปากของเทพธิดาเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ราวกับว่านางกำลังกล่าวกับนางว่า “ขอโทษที่รบกวนเจ้า นางไม่มีความชิงชัง เป็นอริใดๆ” …
หลี่ฉางโซ่วกล่าวอย่างอบอุ่นว่า “หลิงเอ๋อร์ อย่าไร้มารยาท”
“เจ้าค่ะ”
หลิงเอ๋อร์รีบลุกขึ้นยืนและโค้งคำนับให้อวิ๋นเซียวอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวว่า “ศิษย์ขอน้อมพบผู้อาวุโส…อวิ๋นเซียวเจ้าค่ะ”
อวิ๋นเซียวก้าวออกไปข้างหน้าสองก้าวและกล่าวเบาๆ “ในความสัมพันธ์ระหว่างเจ้าและข้า ไม่จำเป็นต้องพูดถึงความอาวุโสในสำนักบำเพ็ญเต๋าหรอก
ข้าทำให้เจ้าเสียเวลาไปมากมายแล้ว เจ้าก็เหมือนกับน้องสาวสองคนของข้า เจ้าเพียงเรียกข้าว่าพี่สาวเหมือนพวกนางก็ได้”
กล่าวจบ อวิ๋นเซียวก็รีบกล่าวว่า “อย่าคิดมากเลย เหตุผลที่ข้าอยากให้เจ้าเรียกพี่สาวคนนี้ว่าพี่สาวก็เพราะวัยของข้าเท่านั้น”
“พี่สาว…”
หลิงเอ๋อร์หน้าแดงและตะโกนเบาๆ แล้วควันสีขาวก็เริ่มมีแนวโน้มที่จะผุดขึ้นมาบนหน้าผากของนางอีกครั้ง
หลี่ฉางโซ่วมองไปที่อวิ๋นเซียว จากนั้นก็มองไปที่ศิษย์น้องหญิงของเขา แล้วทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่า เทพธิดาอวิ๋นเซียว…
รู้มากทีเดียว
เห็นได้ชัดว่า ให้ความสนใจกับเรื่องการแต่งงานในโลกมนุษย์!
“หลิงเอ๋อร์ เปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนเถิด” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ข้าจะพาเทพธิดาไปเดินเล่นบนยอดเขา”
“เจ้าค่ะ ศิษย์พี่” หลิงเอ๋อร์รับคำอย่างเชื่อฟัง
นางสัมผัสได้ถึงความใกล้ชิดสนิทสนมที่ถ่ายทอดผ่านทางดวงตาของอวิ๋นเซียวและรู้สึกสะเทือนอารมณ์ในใจเล็กน้อย
หลังจากที่หลี่ฉางโซ่วปิดประตูไม้ แล้วไปเดินเล่นริมทะเลสาบพร้อมกับเทพธิดาอวิ๋นเซียว
หลิงเอ๋อร์ก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก แล้วนั่งอยู่ที่นั่นขณะที่ทำตัวยุ่งวุ่นวายทันที
จะสู้ศึกครั้งนี้ได้อย่างไร?
สตรีอย่างเทพธิดาอวิ๋นเซียวซึ่งเป็นสตรีที่อ่อนโยนราวกับสายน้ำ และแม้แต่นางที่เป็นสตรีเช่นกันก็ยังใจเต้นแรงเมื่อได้พบนาง!
ด้วยตัวตนที่มีปัญหายากลำบากของศิษย์พี่ แม้เขาจะไม่ต้องการมีความสัมพันธ์เป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากับเทพธิดาอวิ๋นเซียวในคราแรก แต่เขาก็จะไม่ปฏิเสธผู้ที่ทรงพลังอำนาจเช่นนี้ด้วยถ้อยคำที่รุนแรงอย่างแน่นอน
และเมื่อเวลาผ่านไป เขาย่อมจะเกิดความรู้สึกขึ้นเองตามธรรมชาติ…
ในตอนแรก เมื่อมีสตรีอื่นปรากฏตัวข้างๆ ศิษย์พี่ของนาง หลิงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่าถูกคุกคาม แต่นางก็ยังมองเห็นความหวังเช่นกัน
เวลานั้น หลิงเอ๋อร์ก็รู้สึกว่า นางไม่อาจจัดการกับตัวตนของศิษย์พี่ของนางเพียงลำพังได้ และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ มีคนมาช่วยเพื่อเปิดประตูหัวใจของศิษย์พี่ของนาง…
ในยามนั้น หลิงเอ๋อร์ก็ถือว่า อาจารย์อาจิ่วจิ่ว และศิษย์พี่หญิงโหย่วฉินเป็นทั้งคู่ต่อสู้และพันธมิตรของนาง
แต่อาจารย์อาจิ่วจิ่วก็ชอบเล่นสนุกสนานมากเกินไป และความพอใจที่อาจารย์อาจิ่วจิ่วมีต่อศิษย์พี่ของนางก็ถูกถ่ายโอนไปยังสุราเช่นกัน
นางเป็นคนแรกที่เผยว่านางชมชอบศิษย์พี่ของนาง และลงเอยด้วยการเข้าร่วมกลุ่มหยุดทำงานแห่งยอดเขาหยกน้อยตั้งแต่เนิ่นๆ
สำหรับศิษย์พี่หญิงโหย่วฉิน ศิษย์พี่มักจะรู้สึกว่านางยังไม่เป็นผู้ใหญ่พอ
นอกจากนี้ พวกเขายังมีความคิดเห็นแตกต่างกันมาก และในท้ายที่สุด พวกเขาก็เดินต่อไปตามเส้นทางของการเป็นมนุษย์เครื่องมือเวท
ในขณะนี้ เทพธิดาที่มีคุณสมบัติตรงตามข้อกำหนดของศิษย์พี่หลี่ฉางโซ่วของนางอย่างสมบูรณ์แบบในการเป็นคู่บำเพ็ญเต๋า ได้ปรากฏตัวในโลกนอกยอดเขาหยกน้อย
หลังจากที่กลายเป็นเซียนและทะยานขึ้นสู่สวรรค์ ศิษย์พี่ก็เปิดใจให้ตัวเอง…
“เฮ้อ” หลิงเอ๋อร์มองในกระจกและเห็นมวยผมทรงเมฆที่ขมับที่นางหวีเอาไว้เมื่อนางฟุ้งซ่าน
หลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว หลิงเอ๋อร์ก็หยิบปิ่นหยกออกมาจากที่คลังเวทจัดเก็บของนางแล้วปักไว้ที่มวยผมทรงเมฆที่ขมับของนาง จากนั้น นางก็มองไปรอบๆ ในกระจก
ข้าไม่อาจยอมรับความพ่ายแพ้ง่ายๆ อย่างมากที่สุด ข้าจะร้องไห้ต่อหน้าศิษย์พี่คืนนี้! ใช่ ข้าจะเลือกชุดกระโปรงตัวเล็กๆ ที่งดงามก่อน…
……
หลี่ฉางโซ่วยิ้มและแนะนำปลาวิญญาณชนิดต่างๆ ในทะเลสาบ และรสชาติของพวกมันกับเทพธิดาอวิ๋นเซียว
ในขณะนั้น เทพธิดาอวิ๋นเซียวตั้งใจฟังอย่างจดจ่อ ครั้นเมื่อนางได้ยินว่าหลี่ฉางโซ่วตั้งใจจะทำอาหารเลิศรสด้วยตัวเองหลังจากนี้ และดวงตาของนางก็ฉายแววคาดหวังเล็กน้อย
หลังจากพูดคุยกันสักพัก หลี่ฉางโซ่วก็นำไปสู่หัวข้อเรื่องจริงจัง
“สองเรื่องที่เทพธิดาเอ่ยถึงคือเรื่องอันใดหรือ?”
อวิ๋นเซียวยิ้มและกล่าวว่า “เจ้าคือ ผู้มีสติปัญญาเป็นเลิศแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าในยามนี้ ไยเจ้าไม่ลองเดาดูเล่า?”
หลี่ฉางโซ่วส่ายศีรษะและกล่าวอย่างจริงจังว่า “มันไม่มีประโยชน์อันใด ข้าไม่อยากเสียพลังงานไปเปล่าๆ”
“แล้วเจ้าต้องการผลประโยชน์อันใดเล่า?”
………………………………………………………………..