บทที่ 808 การพบกันของหลิงเอ๋อร์และอวิ๋นเซียว (2)
เจียงหลินเอ๋อร์แย้มยิ้มอย่างอับจนหนทาง
“หนังของท่านอาจารย์ของเจ้าบางยิ่งกว่ากระดาษด้วยซ้ำ หากเขารู้ว่าข้าเผลอเล่าเรื่องน่าสนใจในห้องออกไป บางที เขาคงจะเข้าปิดด่านนานหลายพันปีและไม่ยอมออกนอกประตูบ้านไปอีกเลย”
จริงๆ แล้ว เขายังขี้อายมากกว่าสตรีด้วยซ้ำ เขาได้ฝึกฝนผลเต๋าอายุยืนอย่างเปล่าประโยชน์!
“บอกข้ามาเลย จิ่วเอ๋อร์ เจ้าอยากทำอันใด?”
จิ่วจิ่วบีบคางแล้วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในไม่ช้า นางก็กล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“เหอะ… ข้า จิ่วเซียน เซียนสุรา มีแผนอันแยบยลแล้ว”
หลังจากนั้นไม่นาน
เมฆสีขาวก็พาร่างสี่ร่างลอยออกมาจากห้องเดินหมากเล่นไพ่ แล้วตรงไปยังทะเลสาบ
ร่างทั้งสามร่างกำลังดื่มชาและพูดคุยกันที่โต๊ะเตี้ยใต้ร่มไม้ริมทะเลสาบ และพวกเขาทั้งหมดก็มองข้ามมาทางนี้
เมฆสีขาวได้ร่อนลงมาห่างออกไปไม่กี่ฉื่อและระเบิดบนพื้นหญ้าเบาๆ เผยให้เห็นร่างของสตรีสาวทั้งสี่คน
นั่นอาจเรียกได้ว่าเป็น “ชุนหลันชิวจู้ ” พวกนางแต่ละคนล้วนมีดีกันไปคนละอย่างแตกต่างกันไป”
พวกนางเคลื่อนไหวไปอย่างพร้อมเพรียงกัน และแต่ละคนต่างก็ถือถาดในขณะที่ค่อยๆ ก้าวเดินออกไปข้างหน้าช้าๆ
หลี่ฉางโซ่วถึงกับพูดไม่ออก บัดนี้ หน้าผากของเขาถูกปกคลุมไปด้วยเส้นสายสีดำ
เขาอยากจะบ่น แต่ก็ไม่เอ่ยอะไรไม่ได้ และทำได้เพียงยกมือขึ้นขยี้เปลือกตาของเขาเท่านั้น
จิ๋วอวี่ซือซึ่งอยู่ด้านหน้ามาเป็นคนแรก นางเป็นคนบอบบาง มีเสน่ห์ ดูสูงส่งและสง่างาม
นางโค้งคำนับให้เทพธิดาอวิ๋นเซียว และย่อตัวเพื่อวางถาดในมือลง แล้วนางก็วางจานขนมเอาไว้ตรงหน้าหลิงเอ๋อร์
มีถ้อยคำหนึ่ง คำว่า “หลิง” เขียนอยู่บนจานขนมแต่ละจานที่เรียงซ้อนกันมาทั้งหมด
จิ๋วอวี่ซือโค้งคำนับ แล้วก้าวถอยหลังออกไป
จากนั้นเจียงหลินเอ๋อร์ซึ่งสวมชุดกระโปรงเซียนตามแบบของสำนักตู้เซียนก็ก้าวออกไปข้างหน้า แล้ววางจานขนมที่มีคำว่า ‘เอ๋อร์’ เอาไว้บนโต๊ะเตี้ยก่อนจะโค้งคำนับ แล้วล่าถอยออกมา
เทพธิดาอวิ๋นเซียวคลี่ยิ้มและพยักหน้าให้ ทว่าในอีกด้านหนึ่งนั้น หลิงเอ๋อร์กลับหน้าแดงและอดจะเอามือปิดหน้าไว้ไม่ได้
ต่อจากนั้น สงหลิงลี่ก็เคลื่อนตัวไปราวกับภูเขาปลอม นางลงนั่งยองๆ อยู่หน้าโต๊ะเตี้ยในชุดกระโปรงเซียนรัดรูปของนาง
นิ้วของนางจับจานขนมที่ดูเหมือนของเล่น นางยิ้มแล้ววางมันลงก่อนจะวิ่งหนีไป
และบนจานขนมนี้ ก็มีคำว่า “ต้อง” เขียนเอาไว้
จากนั้น สงหลิงลี่ก็ถอยกลับไป
ต่อมา จิ่วจิ่วก็ก้าวเดินออกไปข้างหน้าในชุดกระโปรงเซียนเช่นเดียวกัน ซึ่งนางสวมใส่ชุดนี้ครั้งเดียวในรอบหนึ่งพันปี
นางวางจานสุดท้ายที่มีคำว่า ‘ชนะ’ แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ทุกท่าน โปรดใช้เวลาของท่าน เพลิดเพลินกับของว่างเหล่านี้ และหากไม่เพียงพอ ก็โปรดเรียกพวกเราอีกครั้งได้เจ้าค่ะ”
อวิ๋นเซียวพยักหน้าเบาๆ แล้วกล่าวเบาๆ ว่า “ขอบใจมาก”
แสงระยิบระยับจากการสะท้อนบนพื้นผิวทะเลสาบ ตกลงบนผิวที่ใสราวผลึกแก้ว และบอบบางละเอียดอ่อนของอวิ๋นเซียว
มันส่องประกายบนใบหน้าของนางที่ดูไร้เสน่ห์เย้ายวนใจ ทว่างดงามอย่างยิ่งเช่นกันจนจิ่วจิ่วยังอดจะจ้องมองตรงไปที่นางไม่ได้
“ไม่ ไม่เป็นไร เทพธิดา… โปรดทานให้อร่อยเจ้าค่ะ…”
กล่าวจบ จิ่วจิ่วก็รีบหันกลับมา นางเงยหน้าขึ้นและตบหน้าผากอีกครั้ง แล้วรีบเร่งก้าวเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
นางไม่ได้เอ่ยวาจาใดที่นางเตรียมจะเอ่ยเอาไว้ก่อนหน้านี้ออกมาแม้สักคำเดียว!
หลิงเอ๋อร์ไม่ได้สังเกตเห็นสถานการณ์ว่าเกิดอะไรขึ้นบนโต๊ะเตี้ยจริงๆ และก่อนที่นางจะนึกถึงวิธีอธิบายและช่วยเหลือทุกคนได้ นางก็ได้ยินข้อความเสียงจากปรมาจารย์ใหญ่ของนาง
จากนั้นนางก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่ชายป่าซึ่งอยู่ห่างไปไม่ไกล
ในขณะนั้น “เทพธิดา” ทั้งสี่ของกลุ่มหยุดทำงานแห่งยอดเขาหยกน้อย กำลังยกมือขึ้นสูง แล้วพวกนางก็โบกมือไปมาราวกับพืชน้ำที่พลิ้วไหวแกว่งไกวอยู่ตลอดเวลา
และเป็นไปตามลำดับการส่งขนมเมื่อครู่นี้ พวกนางก็กระโดดและหันหลังกลับ เผยให้เห็นตัวอักษรตัวใหญ่ที่อยู่ด้านหลังของพวกนาง
“ศิษย์น้องต้องชนะ!”
‘หลิงเอ๋อร์ชนะแน่นอน ศิษย์น้องชนะแน่นอน?’
เนื่องจากสงหลิงลี่ตัวใหญ่เกินไป คำว่า “แน่นอน” จึงถูกเน้นหนักเอาไว้
ในขณะนั้น หลิงเอ๋อร์แทบร้องไห้ออกมาเมื่อเห็นเช่นนั้น…
พวกท่านไม่รู้หรือว่า คู่ต่อสู้ของข้าคือผู้ใด?
“แค่กๆ” หลี่ฉางโซ่วแนะนำจากด้านข้างว่า “คนที่เดินผ่านไปในตอนนี้ คือ อาจารย์อาของข้าที่ข้าสนิทด้วย และยังมีปรมาจารย์ใหญ่จากยอดเขาหยกน้อยของข้าอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีอีกคนหนึ่งคือ ผู้ที่ในชีวิตชาติก่อนของนาง เคยเป็นคู่เหมยม้าไม้ไผ่ของท่านอาจารย์ของข้า
และตอนนี้ นางได้กลับมาที่สำนักอีกครั้งหลังจากที่นางได้กลับชาติมาเกิดใหม่แล้ว นั่นคือ ท่านอาจารย์อา”
“พี่สาวอย่าคิดมากนะเจ้าคะ ทุกคน ทุกคนเพียงแค่…”
อวิ๋นเซียวยิ้มและกล่าวเบาๆ ว่า “ทุกคนน่าสนใจมาก”
“ศิษย์น้องหญิง เทพธิดา” หลี่ฉางโซ่วหยิบถ้วยชาของเขาขึ้นมาจิบและกล่าวว่า “เหตุใดเราไม่ไปที่ยอดเขาเฮยฉือที่อยู่ข้างๆ กันเล่า? วันนี้ข้าจะทำอาหาร”
อวิ๋นเซียวกล่าวเบาๆ ว่า “เจ้าปล่อยให้ข้าและหลิงเอ๋อร์ถอยกลับไปสักสองสามก้าวได้หรือไม่?
ข้ามีคำพูดสองสามคำที่จะพูดกับหลิงเอ๋อร์”
หลี่ฉางโซ่วขมวดคิ้ว “เทพธิดา?”
“วางใจเถิด ข้าจะไม่รังแกหลิงเอ๋อร์หรอก”
หลี่ฉางโซ่วยังคงกล่าวว่า “ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ…”
หลิงเอ๋อร์ขัดจังหวะคำพูดศิษย์พี่ของนางเป็นครั้งแรกว่า “ศิษย์พี่ ปล่อยให้ข้ากับพี่สาวอวิ๋นเซียวอยู่กันตามลำพังสักพักเถิด”
“ก็ได้ มาเร็วๆ ล่ะ”
หลี่ฉางโซ่วยืนขึ้นและมองดูทั้งสองคนอย่างกังวล จากนั้นเขาก็หันหลังกลับและขี่เมฆตรงไปยังยอดเขาเฮยฉือ
ในเวลาเดียวกันนั้น เขาก็ได้เปิดใช้งานตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ที่อยู่ในแขนเสื้อของหลิงเอ๋อร์ในระหว่างทาง
ทว่าก่อนที่หลี่ฉางโซ่วจะได้ยินสิ่งใด อวิ๋นเซียวก็ชี้นิ้วเรียวของนางไปที่แขนเสื้อของหลิงเอ๋อร์
จากนั้นตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ของหลี่ฉางโซ่วก็ขาดการติดต่อไปอย่างกะทันหัน
นี่?
………………………………………………………………..