ตอนที่ 407 ขอโทษขอโพย
เมื่อรับประทานอาหารเสร็จ นอนพักกลางวันก็แล้ว พูดคุยสัพเพเหระกับพี่สองเป็นเวลานานก็แล้ว แต่ก็ยังไม่เห็นท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินปรากฎตัว
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างเข้าใจ
เซียวเฉิงเหวินกำลังหลบหน้านาง กลัวนางคิดบัญชีย้อนหลัง
อย่างไร…
กล้าทำไม่กล้ารับ?
ตอนนั้นที่วิ่งเข้าไปทูลขอพระราชโองการในวัง เขามีความสามารถมากไม่ใช่หรือ!
นางไม่เปิดโปง เพียงแค่พูดขึ้น “เวลาค่ำมากแล้ว ข้าก็สมควรกลับไปแล้ว จริงด้วย ก่อนกลับไป ข้าควรจะไปทักทายท่านอ๋องหรือไม่ มิฉะนั้น ผู้อื่นอาจบอกว่าข้าไม่มีมารยาท”
เยียนอวิ๋นฉีพูด “ไม่รู้วันนี้เขายุ่งเรื่องใดอยู่! เอาอย่างนี้ ข้าพาเจ้าไปทักทาย”
“ลำบากพี่สองแล้ว!”
“พวกเราเป็นพี่น้อง เหตุใดจึงต้องเกรงใจเพียงนี้ เวลานี้ภายนอกวุ่นวาย เมื่อเจ้าออกจากจวนก็ต้องระวัง ผ่านไปอีกสักระยะ กองทัพอวี้โจวจะมาถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้าเคยถามท่านแม่หรือไม่ เมื่อถึงเวลานั้นจะทักทายท่านโหวผิงอู่ สืออุนอย่างไร ในนามเขาเป็นพี่เขย แต่จากอายุ เขาเป็นคนรุ่นเดียวกับท่านแม่ อีกทั้งยังเป็นท่านลุงของเซียวอี้ ในเวลาเดียวกันก็เป็นท่านลุงของหลิงฉางเฟิง เฮ้อ เวลานี้ข้าก็ปวดหัวยิ่งนัก”
“เหตุใดพี่สองจึงต้องกังวลเรื่องนี้! ต้องแยกแยะให้ดี เขาเป็นแค่ท่านโหวผิงอู่ในสายตาข้า”
“เจ้าไม่ยอมรับเขาเป็นพี่เขยหรือ”
“พี่ใหญ่ไม่อยู่ ไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องนี้”
“เจ้าพูดถูก! ไม่รู้พี่ใหญ่อยู่ในตระกูลสือจะเป็นอย่างไรบ้าง!”
“พี่สองวางใจ พี่ใหญ่มีความสามารถ เวลานี้ยังมีบุตรชายติดตัว ผู้ใดก็อย่าคิดกลั่นแกล้งนาง”
“หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น! เจ้ากับเซียวอี้…เรื่องงานแต่งของเจ้ากับเขา มีกำหนดการแล้วหรือไม่”
เยียนอวิ๋นฉีถามอย่างระมัดระวัง
เยียนอวิ๋นเกออมยิ้มพลันพยักหน้า “ทุกที่ล้วนเกิดสงคราม ไม่อาจกำหนดเวลางานแต่งได้ รอสงครามจบสิ้น ค่อยหารือเรื่องงานแต่ง”
เยียนอวิ๋นฉีละอายใจอย่างมาก “ลำบากน้องสี่แล้ว!”
“เรื่องนี้มันผ่านไปแล้ว พี่สองอย่าได้คิดมาก”
เยียนอวิ๋นฉีพยักหน้า “ได้! ข้าเชื่อฟังเจ้า”
นางนำน้องสี่มุ่งหน้าไปยังห้องตำราเรือนนอกเพื่อทักทายท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวิน
เซียวเฉิงเหวิน “…”
เขาไม่อยากพบเยียนอวิ๋นเกอจริงๆ
แต่คนอยู่ตรงหน้าแล้ว หากจะหลีกเลี่ยงไม่พบ ยิ่งแสดงให้เห็นถึงความร้อนตัว
เฟ่ยกงกงเสนอตัว “หากท่านอ๋องไม่อยากพบคุณหนูสี่ กระหม่อมจะออกไปไล่นาง”
เซียวเฉิงเหวินโบกมือ “ผู้มาล้วนเป็นแขก ข้าจะหลีกเลี่ยงไม่พบได้อย่างไร! ต้อนรับที่ห้องโถง!”
เฟ่ยกงกงกังวลอย่างมาก “หากคุณหนูสี่ฉวยโอกาสกลั่นแกล้งท่านอ๋อง…”
“นางเป็นแค่สตรี จะกลั่นแกล้งข้าอย่างไร วางใจเถิด ข้ารับมือได้”
เฟ่ยกงกงรู้สึกสงสารท่านอ๋องของตนเอง
เยียนอวิ๋นเกอเอ๋ยเยียนอวิ๋นเกอ เพื่อเจ้า ท่านอ๋องของข้าต้องลำบากเพียงใด รู้สึกไม่เป็นธรรมเพียงใด
เฟ่ยกงกงแค้นเคืองเยียนอวิ๋นเกออย่างมาก
…
ห้องโถง
กลิ่นชาหอมอบอวล!
เยียนอวิ๋นฉีพูดด้วยรอยยิ้ม “น้องสี่มาเป็นแขกที่จวน ก่อนจากไป ยังไม่ได้ทักทายท่าน ไม่เหมาะสมนัก ไม่ได้ขัดขวางการทำงานของท่านอ๋องใช่หรือไม่!”
ท่านอ๋องผิงชินเซียวเฉิงเหวินส่ายหน้าด้วยรอยยิ้ม “ย่อมไม่ขัดขวาง หวังว่าน้องสี่จะไม่โทษที่ข้าล่าช้า”
เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างรู้ทัน “ได้ยินพี่สองบอกว่าท่านอ๋องยุ่งทั้งวัน ไม่รู้ระยะนี้ท่านอ๋องกำลังยุ่งเรื่องใด ท่านกำลังกังวลใจเรื่องโจรกบฏล้อมเมืองหลวงใช่หรือไม่”
“ข้าย่อมกังวลยิ่งนัก แต่ข้าเป็นท่านอ๋องที่ไม่มีหน้าที่การงาน ไม่เข้าประชุมท้องพระโรง กังวลก็ไร้ประโยชน์”
เยียนอวิ๋นเกอได้ยินจึงหัวเราะออกมา
นางพูดกับพี่สองเยียนอวิ๋นฉี “ข้าเพิ่งเคยเห็นท่านอ๋องพูดเรื่องขบขันเป็นครั้งแรก! น่าขันยิ่งนัก”
เยียนอวิ๋นฉี “…”
นางกระอักกระอ่วนเล็กน้อย “น้องสี่ ข้าส่งเจ้าออกจากจวนเถิด!”
“ขอบพระคุณพี่สอง! มีบ่าวรับใช้นำทาง พี่สองไม่ต้องส่งข้า พี่สองอยู่กับท่านอ๋องเถิด! ข้าว่าเขาคงจะยุ่งมาก ยุ่งอยู่กับการทูลฝ่าบาท! ขอตัว!”
พูดจบ เยียนอวิ๋นเกอก็ลุกขึ้นจากไปทันที
นางบอกว่ามาทักทาย ก็แค่มาทักทาย
หลังจากทักทายก็จากไปทันที
เยียนอวิ๋นฉีกุมขมับถอนหายใจ นางลังเลเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยังไม่ได้เดินไปส่งน้องสี่อวิ๋นเกอออกจากจวน
นางมองไปทางเซียวเฉิงเหวิน
“น้องสี่แค้นท่านเสมอมา แค้นที่ท่านเข้าวังทูลขอพระราชโองการพระราชทานงานอภิเษกโดยพลการ! ท่านลองคิดดูให้ดี ทำอย่างไรจึงจะทำให้น้องสี่หายโกรธ”
เซียวเฉิงเหวินคลึงขมับ “ตอนปีใหม่ ข้าส่งของขวัญปีใหม่ให้นางไม่ต่ำกว่าห้าพันก้วน ยังไม่ทำให้นางหายโกรธอีกหรือ”
เฮอะๆ…
เยียนอวิ๋นฉีหัวเราะเสียงเบาด้วยความเหยียดหยาม “ของขวัญเพียงห้าพันก้วนก็คิดจะซื้อใจน้องสี่ ท่านอ๋องคงจะคิดง่ายเกินไป หรือว่าดูถูกนางเกินไป น้องสี่ไม่ใช่กุลสตรีธรรมดา ของขวัญเพียงห้าพันก้วนสำหรับผู้อื่นอาจมีมูลค่ามาก แต่สำหรับน้องสี่แล้ว มันยังไม่พอให้นางใช้”
เมื่อเซียวเฉิงเหวินได้ยินก็อยากกระอักเลือด
มุมปากของเขากระตุก “เจ้าคิดจะร่วมมือกับน้องสี่ของเจ้า ปล้นข้าหรือ”
“ท่านอ๋องเข้าใจผิดแล้ว! มันไม่ใช่การปล้น แต่มันคือการชดเชย ท่านกับเซียวอี้ การกระทำของพวกท่านทั้งสองทำร้ายน้องสี่อย่างมาก น้องสี่สามารถแต่งงานกับตระกูลขุนนางใหญ่ เป็นนายหญิงน้อยที่สูงส่งได้ แต่เพราะพวกท่านสองคน น้องสี่สูญเสียโอกาสในการเลือกสามี ทุกสิ่งนี้ล้วนเป็นท่านที่ติดค้างน้องสี่ ท่านต้องชดเชยให้นาง!”
เซียวเฉิงเหวินทำหน้าจุกอก “เจ้าราวกับยังไม่เข้าใจเรื่องหนึ่ง เจ้ากับข้าเป็นสามีภรรยากัน ร่วมรุ่งโรจน์ร่วมล่มจมด้วยกัน”
“แต่เรื่องนี้ อย่างไรข้าก็จะอยู่ข้างน้องสี่ ท่านผิดก็คือผิด! ไม่ว่าน้องสี่จะรักใคร่ฉันสามีภรรยากับเซียวอี้ได้หรือไม่ในภายหน้า ก็ไม่อาจปฏิเสธความจริงเรื่องที่ท่านทำผิดได้!”
ท่าทีของเยียนอวิ๋นฉีเด็ดขาดอย่างมาก
เซียวเฉิงเหวินโต้แย้งทันที “ถึงแม้จะต้องชดเชยให้น้องสี่ ก็สมควรเป็นเซียวอี้”
เยียนอวิ๋นฉีเม้มปากยิ้ม “เซียวอี้ชดเชยให้น้องสี่ไปนานแล้ว ท่านไม่รู้หรือว่าเซียวอี้มอบหมายทรัพย์สินที่อยู่ภายใต้เขาทั้งหมดให้น้องสี่จัดการ เวลานี้หากเขาต้องการใช้เงิน ล้วนต้องเบิกจากโรงแลกเงินของเรือนพักร่ำรวย ค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน น้องสี่รู้ดีอย่างมาก”
“ลำบากเพียงนี้เชียว?”
เซียวเฉิงเหวินตกตะลึงอย่างมาก
เยียนอวิ๋นฉีกลอกตาทันที
เซียวเฉิงเหวินสูดลมหายใจเข้า
เพื่อสู่ขอเยียนอวิ๋นเกอเป็นภรรยา เซียวอี้ลงทุนถึงกับนำส่งมอบทรัพย์สินส่วนตัวไว้ในมือของเยียนอวิ๋นเกอ
เขากลายเป็นคนที่ถูกภรรยาควบคุมอย่างเข้มงวดไปอย่างสิ้นเชิง!
ปัญหาสำคัญคือ เขายังไม่ได้สู่ขอเยียนอวิ๋นเกอกลับไปได้
ช่างน่าสงสารยิ่งนัก!
เดิมทีเซียวเฉิงเหวินอยากสงสารเซียวอี้มาก…
แต่เขาก็อดไม่ไหว
ดังนั้น เขาหัวเราะออกมา!
หัวเราะอย่างสะใจ!
“ท่านยังหัวเราะได้อีก?” เยียนอวิ๋นฉีโกรธเล็กน้อย
เซียวเฉิงเหวินพยายามหยุดเสียงหัวเราะ เขาใช้กำลังทั้งหมดควบคุมตัวเองเพื่อไม่ให้หัวเราะออกมา
เขาดื่มน้ำชาหนึ่งคำ พูดเสียงเบา “ตามความเห็นของเจ้า ข้าต้องชดเชยให้นางอย่างไรจึงจะทำให้นางหายโกรธ”
อารมณ์ร้ายนัก!
ผ่านไปนานเพียงนี้แล้ว ยังเคียดแค้นอยู่ในใจ
เขาแอบพึมพำ พร่ำบ่นความใจแคบของเยียนอวิ๋นเกอ
เยียนอวิ๋นฉีพูด “เรื่องนี้ท่านอ๋องตัดสินใจเอง ข้าไม่อาจแทรกแซงได้ เพียงแค่ความจริงใจของท่านอ๋องไปถึง ข้าคิดว่าน้องสี่ย่อมไม่ถือสา”
เซียวเฉิงเหวินถอนหายใจ “ในใจของเจ้า เห็นได้ชัดว่าคุณหนูสี่สำคัญกว่า”
เยียนอวิ๋นฉีพูดอย่างจริงจัง “หากวันหนึ่ง น้องสี่ทำผิด ทำร้ายท่านอ๋อง ข้าก็จะเรียกร้องให้น้องสี่ชดเชยให้ท่านอ๋อง คนหนึ่งเป็นสามีของข้า อีกคนเป็นน้องสาวร่วมมารดาของข้า ไม่ว่าข้าจะลำเอียงฝ่ายใดก็ไม่เหมาะสม ดังนั้น ข้าทำได้เพียงมองถึงความถูกต้อง”
เซียวเฉิงเหวินเห็นนางจริงจังเพียงนี้ จึงยอมจำนน “เอาเถิด! ข้าจะส่งของขวัญชิ้นใหญ่ไปชดเชยให้คุณหนูสี่ หวังว่าคราวนี้นางจะหายโกรธได้อย่างสิ้นเชิง”
เยียนอวิ๋นฉียิ้มด้วยความเบิกบานทันที
หากสามารถบรรเทาความขัดแย้งระหว่างสามีกับน้องสี่ได้ นางก็ไม่มีเรื่องให้ต้องกังวล
…
หลายวันต่อมา เฟ่ยกงกงเดินทางไปยังจวนองค์หญิงจู้หยางด้วยตนเองเพื่อมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้เยียนอวิ๋นเกอ
เขาไม่เต็มใจนัก
แต่เขาก็ไม่วางใจผู้อื่น กลัวมีคนทำลายแผนการของท่านอ๋อง
ดังนั้น เขาจึงตัดสินใจเดินทางมาด้วยตนเอง
“ท่านอ๋องของข้ารู้ซึ้งถึงความลำบากของคุณหนูสี่ ดังนั้นจึงส่งของขวัญชิ้นหนึ่งมาให้เพื่อแสดงน้ำใจ หวังว่าคุณหนูสี่จะไม่รังเกียจ”
เยียนอวิ๋นเกอพลิกรายการของขวัญดู มากมายเสียจริง
มีทั้งเครื่องเงินเครื่องทอง มีทั้งภาพวาด ล้วนแล้วแต่มูลค่ามาก
ไม่ว่าจะมอบให้ผู้ใด มันก็เป็นของขวัญที่มีมูลค่าอย่างแท้จริง
ความจริงใจเต็มเปี่ยม!
เยียนอวิ๋นเกอวางรายการของขวัญลง มองเฟ่ยกงกงด้วยรอยยิ้มมีนัย “ขอบพระคุณน้ำใจของท่านอ๋อง! คิดว่าในที่สุดท่านอ๋องก็ตระหนักได้แล้วว่าเขาละเลยต่อเจตนาของข้า เข้าวังไปทูลขอพระราชโองการโดยพลการ ดังนั้นจึงต้องจ่ายค่าชดเชย เพียงแต่ค่าชดเชยนี้ ไม่อาจเทียบได้กับการแลกเปลี่ยนระหว่างท่านอ๋องกับเซียวอี้!”
เฟ่ยกงกงขมวดคิ้ว “คุณหนูสี่หมายความว่าอย่างไร ท่านไม่พอใจกับของขวัญชิ้นนี้หรือ”
เยียนอวิ๋นเกอส่ายหน้าเล็กน้อย “ของขวัญชิ้นนี้ ข้าพอใจอย่างมาก ข้าจะรับเอาไว้”
เฟ่ยกงกงโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่า…
เยียนอวิ๋นเกอแสร้งทำเป็นพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ท่านอ๋องของเจ้ากับเซียวอี้บรรลุข้อตกลงใดบ้าง เจ้าย่อมไม่บอกข้า ข้าคิดว่ามันก็คงเป็นเรื่องที่พูดไม่ได้ ข้าแค่อยากถามอีกเรื่อง หวังว่าเฟ่ยกงกงจะไขข้อสงสัย”
“คุณหนูสี่เชิญถาม! เพียงแค่ข้าตอบได้ ข้าย่อมจะพูดอย่างไม่ปิดบัง”
เฟ่ยกงกงตัดสินใจอดทนกับนางชั่วคราว!
เหมือนที่ว่าหากไม่อดทนต่อเรื่องเล็ก ย่อมทำให้เรื่องใหญ่เสียแผน
เยียนอวิ๋นเกอถามด้วยรอยยิ้ม “การแลกเปลี่ยนระหว่างท่านอ๋องกับเซียวอี้ยังมีผลในเวลานี้หรือไม่ ข้าติดต่อเซียวอี้ไม่ได้มาสักระยะแล้ว เขาย่อมไม่อยู่ในเมืองหลวง จวนท่านอ๋องตงผิงก็ราวกับติดต่อเขาไม่ได้ ข้าคิดว่าบางทีท่านอ๋องผิงชินอาจรู้ข่าวคราวของเขา”
เฟ่ยกงกงส่ายหน้าระรัว “ข้าไม่รู้สิ่งใดทั้งสิ้น”
“เฟ่ยกงกงไม่จริงใจ!” เยียนอวิ๋นเกอยิ้มอย่างรู้ทัน
เฟ่ยกงกงทำหน้าจริงจัง “ข้าไม่รู้ที่ไปของนายน้อยอี้จริงๆ หวังว่าคุณหนูสี่จะให้อภัย!”
เยียนอวิ๋นเกอจ้องมองเขาสักพัก สุดท้ายจึงยิ้ม “เอาเถิด! ข้าเชื่อเฟ่ยกงกง! ขอให้เฟ่ยกงกงบอกต่อท่านอ๋องผิงชิน หากครั้งหน้ากล้าหลอกใช้ประโยชน์จากข้า อย่าหาว่าข้าไม่ไว้หน้า!”
“คุณหนูสี่ท่าน…”
เฟ่ยกงกงขมวดคิ้วมุ่น เห็นได้ชัดว่าไม่พอใจอย่างมาก
ใบหน้าของเยียนอวิ๋นเกอมีรอยยิ้มอยู่เสมอ “ข้าอย่างไร ท่านอ๋องของเจ้าหลอกใช้ข้าเพื่อแลกเปลี่ยนกับเซียวอี้ ข้าจะไม่พอใจไม่ได้หรือ อย่าเอ่ยถึงพี่สองกับข้า! มันเป็นความขัดแย้งระหว่างข้ากับท่านอ๋องของเจ้า ไม่เกี่ยวกับพี่สอง อย่างไรก็ตาม เพียงแค่ต่อจากนี้ท่านอ๋องไม่มารังควานข้า ข้าย่อมไม่หาเรื่องเขา”