ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 490 น่าทึ่งมาก(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 490 น่าทึ่งมาก(1)

ตอนที่ 490 น่าทึ่งมาก(1)

เมื่อได้ฟังฉินมู่หลานพูดแบบนี้ วิลเลียมก็มองฉินมู่หลานด้วยความแปลกใจ “มิสซิสฉิน คุณรู้ได้ยังไง?”

“จริง ๆ แล้วฉันเป็นหมอค่ะ คุณเชื่อมั่นในตัวฉันได้ เดี๋ยวฉันตรวจให้คุณเองค่ะ”

นึกถึงสิ่งที่ฉินมู่หลานเพิ่งพูดไปเมื่อสักครู่ วิลเลียมจึงลังเลอยู่สักครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าแล้วกล่าว “ตกลง ถ้าอย่างนั้นคุณตรวจให้ผมหน่อย” ตอนแรกเขาคิดว่าฉินมู่หลานจะซักถามเกี่ยวกับสภาพร่างกายครั้งล่าสุดของเขา แต่อีกฝ่ายกลับไม่ถามอะไร แล้วยื่นมือออกมาแทน

“ยื่นมือเหรอ?”

วิลเลียมตกตะลึง แต่ก็ยังยอมทำตาม เป็นเพราะเขาทราบว่าที่จีนยังมีแพทย์แผนจีนอยู่ เขาจึงตระหนักได้ว่านี่น่าจะเป็นวิธีการตรวจของแพทย์แผนจีน นึกไม่ถึงเลยว่าฉินมู่หลานจะศึกษาด้านแพทย์แผนจีนด้วย ในตอนนั้นเองเขาก็นึกดูแคลนนิดหน่อย การแพทท์แผนจีนใช้ไม่ได้ผลหรอก จะมาดีเท่าแพทย์แผนตะวันตกของพวกเขาได้อย่างไร

ฉินมู่หลานมองออกอยู่แล้วว่าวิลเลียมไม่วางใจ แต่เธอก็ไม่พูดอะไร หลังจากนั้นก็ตรวจชีพจรของเขาอย่างละเอียด ก่อนจะพูดขึ้น “คุณวิลเลียมคะ นอกจากคุณจะรู้สึกไม่ดีและเวียนศีรษะแล้ว ยังมีอาการคลื่นไส้และใจสั่นเล็กน้อยด้วย แต่โชคดีที่เป็นเพียงเริ่มแรก ดังนั้นจึงไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร”

เมื่อเห็นฉินมู่หลานเล่าอาการอย่างอื่นให้เขาฟัง วิลเลียมก็รู้สึกแปลกใจนิดหน่อย

“มิสซิสฉิน เมื่อสักครู่คุณสัมผัสแค่ข้อมือของผม คุณก็รู้ได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?”

“ใช่แล้วค่ะ นี่เป็นวิธีการตรวจของแพทย์แผนจีนเรา หากคุณเชื่อใจฉัน ฉันจะเขียนใบสั่งยาให้คุณ กินคืนนี้สองเม็ดก่อนนอน รับรองว่าอาการของคุณจะทุเลาลงแน่นอน”

แต่ถึงอย่างนั้นวิลเลียมก็ยิ้มแล้วปฏิเสธ

“ไม่ต้องหรอกมิสซิสฉิน เมื่อวานผมรู้สึกไม่สบายก็เลยไปรับยาที่โรงพยาบาลมาแล้ว ตอนนี้ผมกำลังกินยาอยู่ เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องจ่ายยาให้ผมหรอก”

ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วไม่พูดอะไร แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหยิบขวดกระเบื้องเคลือบอันเล็กหนึ่งขวดออกมาแล้วดันส่งไปให้

“คุณวิลเลียม สำหรับอาการของคุณในตอนนี้ วิธีการที่จะรักษาได้ดีที่สุดคือใช้ศาสตร์แพทย์แผนจีนค่ะ ฉันเคยผลิตยาเม็ดพวกนี้ ใช้ได้ดีสำหรับอาการของคุณ จะลองกินหรือไม่นั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณเองค่ะ”

วิลเลียมเห็นแบบนี้ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย

เขาปฏิเสธไปแล้ว แต่ฉินมู่หลานยังให้ยากับเขาอยู่ และยาเม็ดนี้ก็ไม่เหมือนกับที่ผลิตตามโรงงานทั่วไป มันไม่บอกส่วนผสมอะไรเลย ฉลากรับรองก็ไม่มี ถ้าหากเขากินยานี้แล้วเกิดเป็นอะไรขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะเสียใจก็คงสายเกินแก้

เซี่ยฉางเจี๋ยที่อยู่ข้าง ๆ สังเกตได้ถึงความไม่เชื่อใจของวิลเลียม สีหน้าจึงดูไม่ค่อยดีนัก ตระกูลเซี่ยสืบทอดศาสตร์การแพทย์แผนจีนมาหลายชั่วอายุคนแล้ว แต่วันนี้กลับต้องโดนชาวต่างชาติดูถูก

เพียงแต่เซี่ยฉางเจี๋ยยังไม่ทันเอ่ยพูดอะไร ฉินมู่หลานก็กล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “คุณวิลเลียมคะ พวกเรามาทำธุรกิจกันเถอะ อาหารเสริมความงามของพวกเราได้ผลมากนะคะ และมันยังให้ผลดีต่อสุขภาพด้วย หากคุณไม่เชื่อ ก็สามารถหาคนมาลองทดสอบได้ค่ะ”

แต่ถึงอย่างนั้นวิลเลียมก็ปฏิเสธตามตรง

“มิสซิสฉิน ผมเชื่อใจคุณในเรื่องเครื่องสำอางนะ แต่เรื่องยานี่ไม่ได้จริง ๆ การกินอาหารเสริมพวกนี้ก็เหมือนนำยาเข้าปาก จะกินแบบสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้หรอก”

ฉินมู่หลานเห็นทัศนคติที่เด็ดเดี่ยวของวิลเลียมแล้ว แต่เธอก็ยังอยากลองอีกสักหน่อย

“คุณวิลเลียมคะ คุณสามารถลองสักหน่อยก็ได้นะคะ จะมีเรื่องให้หน้าประหลาดใจแน่นอน คนในครอบครัวเราลองกินยาพวกนี้แล้ว ได้ผลลัพธ์ดีมากเลยล่ะค่ะ”

แต่ถึงอย่างนั้นวิลเลียมกลับไม่รู้สึกหวั่นไหวเลย เขาไม่เชื่อในสิ่งที่ฉินมู่หลานพูดเลยแม้แต่น้อย วันนี้หากไม่ใช่เพราะเรื่องเครื่องสำอาง เขาคงไม่ยอมมาตามนัดหมายอย่างแน่นอน

“มิสซิสฉิน บริษัทของเราไม่มีความตั้งใจที่จะรับยาเม็ดนี้จริง ๆ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมสามารถพูดได้ก็มีเพียงคำขอโทษเท่านั้น”

หลังจากพูดจบ วิลเลียมก็ลุกขึ้นยืน แล้ววางแผนจะกลับไป

ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ ก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ มองดูขวดยาอันนั้นที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “คุณวิลเลียมคะ ถึงเราจะไม่ได้ทำข้อตกลงร่วมงานกัน แต่คุณก็ควรลองกินยาสักหน่อย หลังจากกินไปครึ่งเดือน มันจะช่วยฟื้นฟูสภาพร่างกายของคุณให้ดีขึ้นได้ค่ะ”

เมื่อเห็นวิลเลียมยืนนิ่ง ฉินมู่หลานก็ไม่พูดอะไร แล้วพาเซี่ยฉางเจี๋ยจากไปทันที

วิลเลียมเฝ้ามองทั้งสองเดินจากไป ก่อนจะมองดูขวดยาบนโต๊ะอีกครั้ง เมื่อเห็นขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็กเรียบเนียนมันเงาเป็นเครื่องลายครามเนื้อดี เขาจึงหยิบมันขึ้นมาแล้วยัดใส่กระเป๋า ถึงแม้ว่าเขาจะไม่กินยาที่อยู่ข้างใน แต่ลวดลายครามที่อยู่บนกระเบื้องเคลือบนี้ก็สวยงามจริง ๆ

หลังจากฉินมู่หลานและเซี่ยฉางเจี๋ยกลับไป เซี่ยฉางเจี๋ยก็อดพูดไม่ได้ “มู่หลาน ยาที่พวกเราผลิตเอาไปวางขายที่ต่างประเทศไม่ได้อย่างนั้นเหรอ เฮ้อ…ตอนแรกคิดว่าจะหารายได้จากการแลกเปลี่ยนเงินตราระหว่างประเทศ ไม่คิดเลยว่าพวกฝรั่งจะไม่ยอมเชื่อใจยาของเรา”

“คุณอาเซี่ยคะ วิลเลียมคนนั้นจะอยู่ที่เมืองหลวงอีกสักพักค่ะ เพราะฉะนั้นพวกเราลองมาคิดหาวิธีอื่นกันเถอะ”

แต่เซี่ยฉางเจี๋ยกลับรู้สึกว่าตนไม่สามารถทำอะไรได้แล้ว

“มู่หลาน เธอก็อย่าเสียใจไปเลย เป็นเพราะพวกฝรั่งนั่นมันไม่รู้จักของดี พวกเรามาวางขายในประเทศกันเถอะ อาไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีใครซื้อ”

ทั้งสองพูดคุยกันขณะเดิน ไม่นานก็มาถึงบ้านตระกูลเซี่ย

ผู้อาวุโสเซี่ยเห็นทั้งสองกลับมาก็รีบเอ่ยถาม “มู่หลาน ฉางเจี๋ย ไปคุยกับชาวต่างชาติคนนั้นมาเป็นยังไงบ้าง?”

เมื่อเห็นแววตาคาดหวังของผู้อาวุโส เซี่ยฉางเจี๋ยก็อดพูดความในใจไม่ได้ “พ่อ ยังไม่เรียบร้อยเลย ชาวต่างชาติคนนั้นไม่เชื่อมั่นในศาตร์แพทย์แผนจีนของเรา วันนี้มู่หลานลองตรวจชีพจรให้เขาด้วย แถมยังให้ขวดยาเขาไปอีกหนึ่งขวด แต่หมอนั่นกลับไม่ต้องการ ไม่รู้จักคุณค่าเลยจริง ๆ”

เขาเชื่อว่ายาที่ฉินมู่หลานมอบให้ต้องเป็นของดีอย่างแน่นอน แต่สุดท้ายวิลเลียมก็ยังไม่ยอมเชื่อ จริง ๆ แล้วเอามาให้เขาก็ได้

ผู้อาวุโสเซี่ยคาดเดาผลลัพธ์เอาไว้ได้นานแล้ว จึงทำใจได้ไม่ยากนัก

“นั่นก็ทำอะไรไม่ได้ แพทย์แผนจีนมันอ่อนแอ แม้แต่คนจีนจำนวนมากก็ยังไม่เชื่อศาสตร์แพทย์แผนจีน ไม่ต้องพูดถึงชาวต่างชาติคนนั้นเลย เพราะฉะนั้นหากเขาไม่ยอมร่วมงานก็ทำอะไรไม่ได้”

ฉินมู่หลานเห็นผู้อาวุโสพูดแบบนี้ จึงอดไม่ได้ที่จะบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “คุณปู่คะ ความคิดของคุณปู่ชัดเจนดีจังค่ะ แต่วิลเลียมคนนั้นจะยังไม่กลับไปในเร็ววันนี้หรอก หนูจะลองหาวิธีดู หากทำสำเร็จคงดี แต่หากไม่ก็คงทำอะไรไม่ได้ค่ะ ”

“ได้ แต่หลานต้องใส่ใจตัวเองมากขึ้นด้วยนะ เพราะหลานกำลังท้องแล้วยังต้องมายุ่งเรื่องพวกนี้อีก คงเหนื่อยแน่นอน หลานต้องดูแลตัวเองให้ดี”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็รีบพยักหน้าทั้งรอยยิ้มแล้วเอ่ย “คุณปู่วางใจค่ะ หนูเข้าใจแล้ว”

หลังจากนั้นฉินมู่หลานก็กลับไป ตอนแรกเธอกำลังคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรจึงจะเชิญวิลเลียมออกมานัดพบกันได้อีก แต่ปรากฎว่าหลังจากนั้นสองวัน หลิวเสวียข่ายก็พาวิลเลียมมาหาถึงหน้าประตู

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ต้องไปทำมาตรฐานให้เป็นที่ยอมรับก่อนค่ะ ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นค่าว่าเป็นของดี เขาแค่ไม่อยากเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงหากว่าผลลัพธ์มันเป็นตรงกันข้ามน่ะ ขออภัยที่ไม่เชื่อเธอนะมู่หลาน เพียงแต่ผู้แปลโตมากับสังคมที่ยาหลอกยาผีบอกยาปลอมมันเยอะน่ะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท