ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 360 ถูกจับ

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 360 ถูกจับ

สวี่ซีเดินเซ เกือบจะล้มลงตรงหน้าประตูใหญ่จวนฉางชุนโหว

เมื่อได้ยินเสียงเรียกด้วยความวิตกกังวลดังลอยมาจากด้านหลัง เขาก็หันหน้าไปมองจึงเห็นสวี่ฟางที่หายใจหอบ วิ่งออกมา

ตอนนี้ สวี่ซีตะลึงค้างไปแล้ว

เขาไม่เคยเห็นพี่ใหญ่ในสภาพย่ำแย่ เสียกิริยาขนาดนี้

ในความทรงจำของเขา พี่สาวสง่างาม สุภาพเรียบร้อยเสมอ เหมือนสตรีเลอโฉมทุกคนที่ได้รับการอบรมสั่งสอนอย่างเข้มงวด

เขาถึงขั้นรังเกียจนางที่เป็นเช่นนั้น

“น้องชาย เจ้าจะไปที่ไหน” สวี่ฟางตามมา เพราะรีบร้อนวิ่งมา ปอยผมที่ร่วงลงมาปรกอยู่บริเวณหน้าผาก

บ่าวเฒ่าที่อยู่ด้านหลังตามมาทันอย่างรวดเร็วแล้วประคองแขนสวี่ฟางเอาไว้ “คุณหนูใหญ่ ด้านนอกหนาว รีบเข้าไปพักเถอะเจ้าค่ะ”

บ่าวเฒ่าดูแล้วคล้ายจะเคารพนบนอบ แต่มือกลับออกแรงเต็มที่

สวี่ฟางขยับเขยื้อนไม่ได้จึงเอ่ยเสียงดังว่า “ข้าคุยกับน้องชายสองสามประโยคแล้วจะกลับเรือน”

เพื่อนบ้านรอบๆ และคนเดินถนนผ่านไปผ่านมาพากันทอดสายตาอยากรู้อยากเห็นมา

บ่าวเฒ่าเสียงดังยิ่งกว่า “คุณหนูใหญ่ คุณชายใหญ่ถูกท่านโหวไล่ออกจากตระกูลแล้ว นับแต่นี้ไม่ใช่คนจวนโหวของพวกเราอีก ท่านอย่าทำให้ท่านโหวโมโหเลยนะเจ้าคะ รีบกลับไปที่เรือนเถอะ”

อะไรนะ คุณชายใหญ่จวนฉางชุนโหวถูกไล่ออกจากตระกูลหรือ

คนที่มุงดูพลางเงี่ยหูฟัง นึกว่าฟังผิดไปชั่วขณะ

ไม่นานก่อนหน้านี้ อันธพาลหลายคนนั้นเพิ่งจะพาคุณชายใหญ่แห่งจวนฉางชุนโหวมาโวยวายที่หน้าประตู คุณชายใหญ่สวี่เพิ่งเข้าไปได้ไม่นานก็ถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว?

แม้ว่าผู้นำตระกูลสวี่จะอาศัยอยู่ในตรอกด้านหลังจวนฉางชุนโหว การเปิดหอบรรพชนลบชื่อออกจากผังวงศ์ตระกูลก็ไม่ได้เร็วขนาดนั้นหรอกกระมัง

เด็กสาวอ่อนแอเฉกเช่นสวี่ฟาง ไหนเลยจะมีแรงสู้บ่าวเฒ่าที่กำยำล่ำสันได้ ในไม่ช้าก็ถูกบ่าวเฒ่าบังคับหามกลับไป

สวี่ซีเห็นอยู่ในสายตา สีหน้าที่ด้านชาจึงกลายเป็นโมโห ตะคอกไปว่า “ปล่อยพี่ใหญ่ข้านะ!”

ผู้ดูแลพาข้ารับใช้หลายคนเดินออกมา ประตูข้างถูกปิดลงแล้ว

สวี่ซีถลึงตามองผู้ดูแลเขม็ง “เปิดประตู ข้าจะไปหาพี่ใหญ่ข้า!”

ผู้ดูแลแสร้งยิ้ม “คุณชายใหญ่อย่าทำให้ข้าน้อยลำบากใจเลยขอรับ ท่านโหวพูดแล้วว่า หลังจากนี้ไม่อนุญาตให้ท่านก้าวเข้าประตูใหญ่จวนโหวอีก”

สวี่ซีโมโหกว่าเดิม “เจ้าที่เป็นข้ารับใช้คนหนึ่ง ก็กล้าพูดจาเช่นนี้กับข้าหรือ”

ผู้ดูแลมุมปากประดับไปด้วยรอยยิ้มดูแคลน “คุณชายใหญ่ยังคงเลอะเลือนสินะขอรับ แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นข้ารับใช้ แต่กลับเป็นข้ารับใช้จวนโหว ไม่ใช่ข้ารับใช้ของท่านแล้ว”

สวี่ซีไม่สามารถระบายโทสะออกมาได้จึงถลึงตามองผู้ดูแลอย่างลืมคำพูดไป

จากคุณชายตระกูลโหวเป็นหมาข้างถนนไร้ที่พึ่งพิง คิดจะปรับตัวให้เข้ากับฐานะที่เปลี่ยนแปลงไปได้ในทันทีเลย จะง่ายดายขนาดนั้นเสียที่ไหน

คนที่หยุดเดินมาดูเรื่องสนุกก็มีมากยิ่งขึ้น แม้ว่าเกล็ดหิมะจะยังปลิวว่อนก็ขวางความกระตือรือร้นเหล่าผู้คนที่ชอบซุบซิบนินทาไม่ได้

ผู้ดูแลประสานมือให้กับคนนอก เอ่ยเสียงดังว่า “ขอแจ้งให้เหล่าเพื่อนบ้านได้ทราบพอดี สวี่ต้าหลางดื้อรั้นจนไม่อาจจะรับได้ เสพติดการพนัน เพื่อเป็นการเลี่ยงไม่ให้ตระกูลได้รับหายนะอื่นๆ วันนี้ ท่านโหวได้อดกลั้นความเจ็บปวด ขับเขาออกจากตระกูล นับแต่นี้ไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับจวนโหวอีก”

เมื่อวาจานี้หลุดออกมา นอกเหนือจากความตื่นตะลึงแล้ว ทุกคนก็รู้สึกว่าสมเหตุสมผล

คุณชายใหญ่แห่งจวนฉางชุนโหวผู้นี้ไม่เป็นโล้เป็นพายตั้งแต่เด็ก ก่อเรื่องเป็นกิจวัตร ตอนนี้ถึงกับไปเล่นพนัน แพ้ครั้งหนึ่งก็ห้าพันตำลึงเงิน หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะไม่เป็นการนำพาหายนะมาสู่ทั้งตระกูลหรือ

เพื่อตระกูล ไล่ลูกล้างผลาญคนนี้ออกจากตระกูลนั้นเป็นเรื่องปกติยิ่ง

สวี่ซีได้ยินวาจาไร้ความปรานีของผู้ดูแล ก็มองไปทางคนที่มามุงดูเหล่านั้นตามจิตใต้สำนึก จึงได้เห็นดวงหน้าเฉยชาแต่ละดวง

ในกลุ่มคนเหล่านี้ มีท่านลุงที่เคยให้ถังหูลู่[1] เขาในตอนที่เขาออกมาเล่นข้างนอกในวัยเยาว์ มีท่านป้าที่ให้ผ้าเช็ดหน้ากดบาดแผลกับเขาในตอนที่เจอเขากลับมาจากการวิวาทกับผู้อื่น

ความเศร้าเสียใจลึกซึ้งผุดขึ้นในใจ กดทับความโมโหที่มีอยู่เต็มอกเอาไว้

สวี่ซีค่อยๆ ยืดแผ่นหลังให้เหยียดตรงแล้วเดินไปข้างนอกทีละก้าวๆ เมื่อเดินไปถึงเบื้องหน้าคนที่มามุงดู คนเหล่านั้นก็แหวกทางให้เงียบๆ

ผู้ดูแลซึ่งนำคนรับใช้ไปยืนอยู่ข้างสิงโตหินนอกประตูใหญ่ ขณะมองเงาร่างหมดหวังค่อยๆ ห่างออกไปด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

คุณชายใหญ่จบสิ้นโดยสมบูรณ์แล้ว ฮูหยินอารมณ์ดี ยังต้องกลัวว่าจะไม่มีรางวัลด้วยหรือ

เสียงฮือฮาดังลอยมา

“หลบหน่อย หลบหน่อย”

คนที่มุงดูได้ยินเสียงตะโกนก็หลบไปยังสองข้างทางตามจิตใต้สำนึก เมื่อเห็นว่าทหารหน่วยหนึ่งเดินเข้ามา นัยน์ตาก็เปล่งประกาย

นึกว่าเรื่องสนุกจะสิ้นสุดลงทั้งแบบนี้ ทำไมยังมีทหารมาด้วยล่ะ

ทหารหน่วยหนึ่งซึ่งสวมเครื่องแบบกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองมาถึงหน้าประตูใหญ่จวนฉางชุนโหว ทหารซึ่งเป็นหัวหน้าประสานหมัดให้ผู้ดูแล “ไม่ทราบว่าท่านโหวอยู่หรือไม่”

“ใต้เท้ามีธุระอันใดหรือ” ผู้ดูแลเกิดความสงสัยในใจจึงกวาดตามองคนที่ถูกทหารพาตัวมา แล้วสีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

หลายคนนี้คือคนของจวนโหว!

กวาดตาไปเจออันธพาลหลายคนที่มาก่อเรื่อง ผู้ดูแลใจหนักอึ้ง ท่าไม่ดี เกิดเรื่องขึ้นแล้ว!

ในฐานะคนสนิทของหยางซื่อ เขาย่อมรู้ว่าเรื่องที่ลงมือทำหลังจากฮูหยินนำเงินห้าพันตำลึงออกมาไล่อันธพาลหลายคนนี้ไปคืออะไร

ฮูหยินสั่งให้เขาส่งคนตามอันธพาลหลายคนนี้ไปเงียบๆ แล้วหาโอกาสชิงตั๋วเงินห้าพันตำลึงกลับคืนมา

หลายคนนี้ก็คือคนฝีมือดีที่เขาตั้งใจเลือกจากบรรดาข้ารับใช้ ทำไมถึงถูกคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองจับมาด้วยกันได้

หัวหน้าทหารชี้นิ้วไปทางหลายคนนั้น “ตอนพวกข้าลาดตระเวนได้ค้นพบว่าหลายคนนี้กำลังปล้นทรัพย์ ผ่านการสอบปากคำ ก็ได้รู้ว่า พวกเขาเป็นข้ารับใช้จวนโหว”

ปล้นทรัพย์หรือ

เมื่อวาจานี้หลุดออกมา กลุ่มคนพลันส่งเสียงฮือฮา

ผู้ดูแลมีสีหน้าทะมึน “ใต้เท้าอย่าล้อเล่นสิขอรับ คนของพวกเราจวนโหวจะปล้นทรัพย์ได้อย่างไร”

ความปลอดภัยและสงบสุขในเขตจวนฉางชุนโหวอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของกองกำลังทหารม้าเมืองตะวันตก

ผู้ดูแลคิดในใจ คนเหล่านี้ของกองกำลังทหารม้าเมืองตะวันตกสมองมีปัญหาใช่หรือไม่ ถึงได้มาหาเรื่องจวนโหวเพื่ออันธพาลไม่กี่คนนี้

หัวหน้าทหารไหนเลยจะเดาไม่ออกว่า ผู้ดูแลกำลังคิดอะไรอยู่ แต่กลับทำได้แค่แอบยิ้มเจื่อนๆ

พวกเขาก็ไม่อยากหรอก พวกเขาถูกคุณหนูลั่วบีบบังคับ!

พวกเขาไม่มีทางหาเรื่องจวนฉางชุนโหวเพื่ออันธพาลไม่กี่คนนี้แน่นอน แต่เพื่อไม่เป็นการล่วงเกินคุณหนูลั่วจึงทำได้แค่กัดฟันทำ ใครใช้ให้คุณหนูลั่วเป็นบุตรสาวหัวแก้วหัวแหวนของแม่ทัพใหญ่ลั่วล่ะ

แม่ทัพใหญ่ลั่วเข้าคุกหลวงแล้วออกมา ว่ากันว่า โจวกงกงนำของพระราชทานไปเยี่ยมที่จวนแม่ทัพใหญ่ด้วยตนเอง เห็นได้ชัดถึงความโปรดปรานที่ฝ่าบาทมีต่อแม่ทัพใหญ่ลั่ว

ล่วงเกินไม่ได้ ล่วงเกินไม่ได้หรอก!

หัวหน้าทหารใช้หางตากวาดมองไปทางคนที่มุงดูแวบหนึ่ง

ในกลุ่มคน เด็กสาวที่สวมเสื้อคลุมสีเขียวกำลังยิ้มบางๆ มองมาทางเขา

หัวหน้าทหารอดตัวสั่นไม่ได้

ตอนที่แม่ทัพใหญ่ลั่วถูกขังในคุกหลวง กูไหน่ไนท่านนี้ยังกล้าตบท่านหญิงน้อยแห่งจวนผิงหนานอ๋อง วันนี้หากไม่สามารถทำให้นางพอใจได้ ไหนเลยจะเป็นผลดีกับพวกเขา

หัวหน้าทหารชี้ไปทางอันธพาลหลายคนที่ใบหน้าบวมช้ำ “หลายคนนี้คือผู้ประสบภัย”

คนที่มุงดูเพ่งตาจ้องมอง เอ๋ นี่ไม่ใช่อันธพาลหลายคนที่มาทวงหนี้เมื่อไม่นานมานี้หรอกหรือ

ไม่มีทางจำผิดแน่นอน อันธพาลตาสามเหลี่ยมคนนั้นอัปลักษณ์ขนาดนั้น

ตาสามเหลี่ยมรู้สึกได้ว่าเป็นจุดรวมสายตาผู้คนจึงโวยวายเสียงดังทันที “จวนโหววางแผนได้เยี่ยมจริงๆ เบื้องหน้าคืนหนี้พนันให้คุณชายใหญ่ของพวกท่าน ด้านหลังก็ส่งคนตามไปปล้น นี่มันธรรมเนียมอะไรกัน ตอนเพิ่งมาถึง ยังได้ยินว่าคุณชายใหญ่สวี่ถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว จุ๊ๆ เห็นอยู่ชัดๆ ว่า คานบนไม่ตรง คานล่างย่อมบิดเบี้ยวตาม ไม่ใช่คนพวกเดียวกันก็ไม่สุมหัวด้วยกัน คุณชายใหญ่สวี่ถูกไล่ออกมาอย่างไม่ยุติธรรมจริงๆ!”

“หุบปาก หากพวกเจ้าพูดจามั่วซั่วไม่คำนึงถึงความจริงอีกก็อย่าโทษว่าจวนโหวไม่เกรงใจแล้วกัน!”

เสียงเย็นชาของเด็กหนุ่มดังขึ้น “พวกเขาไม่ได้พูดจามั่วซั่วไม่คำนึงถึงความจริง”

[1] ถังหูลู่ คือ ผลไม้เคลือบน้ำตาล

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท