ปลายจวักครองใจ – ตอนที่ 361 สูญเสีย

ปลายจวักครองใจ

ตอนที่ 361 สูญเสีย

สวี่ซีก้าวเท้ายาวกลับมา ชี้ไปทางหลายคนที่ถูกทหารกุมตัวอยู่ พลางเอ่ยว่า “นี่คือหวังอู่ นี่คือหลัวเฮย…พวกเขาล้วนเป็นข้ารับใช้จวนโหว ข้าจำได้หมด!”

ผู้ดูแลสีหน้าเปลี่ยน “คุณชายใหญ่ ท่านทำเช่นนี้ได้อย่างไรขอรับ!”

ลูกล้างผลาญนอกคอกคนนี้ ทำไมถึงสามารถกระทำเรื่องเช่นการทำลายตระกูลตนเองออกมาได้

สวี่ซียิ้มเยาะ “ท่านผู้ดูแล ตอนนี้ข้าคือสวี่ต้าหลางที่ท่านพูดถึง ไม่ใช่คุณชายใหญ่อะไรนั่น”

ความแค้นเคืองที่ถูกไล่ออกจากตระกูลพลันระเบิดออกมาทันที ทำให้เขาเกิดความบุ่มบ่ามที่จะพินาศไปพร้อมกับจวนโหว

ตอนเห็นแม่เลี้ยงนำห้าพันตำลึงเงินออกมาคืนหนี้พนันแทนเขาอย่างรวดเร็ว เขาถึงกับซาบซึ้งใจ

ทำไมเขาถึงได้โง่ขนาดนี้!

แม่เลี้ยงเบื้องหน้าคืนหนี้พนัน ด้านหลังก็แย่งกลับมา สมมติว่าข้ารับใช้เหล่านี้ไม่ได้ถูกทหารจับเอาไว้ อันธพาลหลายคนนั้นจะละเว้นเขาซึ่งถูกไล่ออกจากตระกูลคนหนึ่งหรือ

เขาโง่ แต่ไม่ถึงขนาดที่ไม่เข้าใจเรื่องง่ายๆ ขนาดนี้

สวี่ซียิ่งคิดก็ยิ่งเหน็บหนาวหัวใจ โมโหจนสั่นไปทั้งร่าง

โมโหความใจดำของบิดากับแม่เลี้ยง และโมโหความโง่งมของตนเองยิ่งกว่า

ผู้ดูแลได้ยินก็เหงื่อไหลโทรมกาย “คุณชายใหญ่ ท่านไม่อาจกล่าววาจาเหลวไหลได้นะขอรับ หลายคนนี้ไม่ใช่คนจวนโหวด้วยซ้ำ!”

ตอนนี้ทำได้แค่ยืนกรานปฏิเสธ ไม่เช่นนั้นหน้าตาของจวนโหวคงขายขี้หน้าไม่เหลือ

เมื่อเผชิญหน้ากับผู้ดูแลที่ปากแข็งไม่ยอมรับผิด สวี่ซีไม่เคยมีสติขนาดนี้มาก่อน “เจ้าบอกว่าพวกเขาไม่ใช่คนของจวนโหว แต่บอกว่าข้ากำลังโกหกหรือ”

เด็กหนุ่มมองไปทางกลุ่มคนที่มุงดูรอบๆ แล้วเอ่ยเสียงดังว่า “เพื่อนบ้านมองดูอยู่เยอะแยะขนาดนี้ ไม่มีสักคนที่จะจำพวกเขาได้เลยหรือ”

ทุกคนยุ่งเรื่องคนอื่นเพราะกลัวว่าจะไม่บานปลาย[1] ในไม่ช้าก็มีคนที่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มคนตะโกนว่า “ข้ารู้จักหลัวเฮยคนนั้น ภรรยาเขาบดถั่วทำเต้าหู้ที่หัวมุมถนน รูปโฉมงดงาม อ่อนโยนและสดใสมาก”

“ข้ารู้จักหวังอู่…”

ผู้ดูแลสีหน้าย่ำแย่ลงเรื่อยๆ แล้วรีบส่งสายตาให้คนไปรายงานฉางชุนโหว

หัวหน้าทหารยิ้มๆ “ในเมื่อหลายคนที่ปล้นทรัพย์ในเวลากลางวันแสกๆ นี้เป็นข้ารับใช้จวนโหว เช่นนั้นก็ต้องเชิญท่านโหวมาอธิบายสถานการณ์ให้ชัดเจนสักหน่อยแล้ว”

ผู้ดูแลโมโหแทบตาย เอ่ยในใจว่า คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองกล้าไร้เหตุผลต่อหน้าจวนโหว ผีเข้าแล้วจริงๆ

แต่ทว่าต่อให้ในใจโมโหอย่างไร ใบหน้าก็ทำได้แค่ยิ้มแย้ม

“ใต้เท้าหลายท่านเข้าไปสนทนากันข้างในเถอะขอรับ ยืนอยู่ข้างนอกทั้งที่หิมะปลิวว่อนนั้นไม่สบายเท่าใดนัก”

แน่นอนว่าหัวหน้าทหารอยากเข้าไปสนทนา

หลังเข้าไปแล้วสามารถดื่มชาร้อนๆ ได้นั้นไม่พูดถึง แต่ได้รับเงินก้อนหนึ่งนั้นเป็นเรื่องแน่นอน

แต่ทว่าไม่สามารถทำได้ คุณหนูลั่วกำลังมองอยู่นะ!

หากจัดการได้ไม่ดี กลับไปคุณหนูลั่วตบเขาแล้ว จะไปชี้แจงเหตุผลกับใครได้

หัวหน้าทหารทุกข์ใจ และไม่สามารถเอ่ยออกมาได้เช่นกัน ทำได้แค่แสร้งทำหน้าตึง แสดงท่าทางเข้มงวดกวดขัน “คุยกันข้างนอกให้ชัดเจนดีกว่าขอรับ”

ฉางชุนโหวซึ่งได้รับข่าวคราวรีบร้อนเดินออกมา

“นี่มันเรื่องอะไรกัน”

หัวหน้าทหารประสานมือคารวะ “ท่านโหว เป็นแบบนี้ขอรับ พวกข้าน้อยหลายคนกำลังลาดตระเวน จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงคนตะโกนว่าปล้นทรัพย์จึงรีบไปดู ก็เห็นหลายคนนี้ขวางคนเอาไว้ในตรอก เพื่อทำการปล้นทรัพย์อยู่ พวกเราจึงจับโจรปล้นทรัพย์เอาไว้ เมื่อถามถึงได้รู้ว่าโจรปล้นทรัพย์ถึงกับเป็นข้ารับใช้ของจวนท่าน บอกว่าจะนำตั๋วเงินห้าพันตำลึงที่อันธพาลหลายคนนี้เอาไปกลับคืนมา”

ฉางชุนโหวไม่รู้ว่า นี่คือการจัดการของหยางซื่อ ตอนนี้จึงทั้งตะลึง ทั้งโมโห มองไปทางข้ารับใช้หลายคนนั้น

ข้ารับใช้หลายคนอยากคุกเข่าอธิบายให้ฉางชุนโหวฟัง แต่ก็กลัวว่าจะเป็นการยืนยันฐานะ แต่ละคนอดกลั้นจนใบหน้าแดงก่ำ

พวกเขาไม่ได้สารภาพสักหน่อย ทหารเหล่านี้อ้าปากพูดมั่วซั่วเองต่างหาก!

ก็แปลกนะ ทหารเหล่านี้รู้ได้อย่างไรว่า พวกเขาเป็นคนของจวนฉางชุนโหว ทั้งยังรู้ว่า การไปขวางทางอันธพาลหลายคนนั้นเอาไว้ก็เพื่อไล่ตามตั๋วเงินห้าพันตำลึงกลับคืนมา

และที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ ทหารเหล่านี้ฝีมือไม่ได้ดีอะไร แต่ตอนประมือกัน ใต้เท้ามักจะลื่น ไม่นานนักก็ถูกอีกฝ่ายจับเอาไว้ได้

ข้ารับใช้หลายคนเผชิญหน้ากับฉางชุนโหวซึ่งมีดวงหน้าเขียวคล้ำด้วยความตื่นตระหนก ทั้งรู้สึกไม่เป็นธรรมและรู้สึกเพียงแค่ว่าหมดทางมีชีวิตรอดแล้ว

ข้ารับใช้จวนโหวมากมาย ฉางชุนโหวเดิมก็จำได้ไม่หมด แต่ช่วยไม่ได้ที่หลายคนนี้ล้วนเป็นคนที่โดดเด่นในบรรดาข้ารับใช้จึงย่อมคุ้นหน้าอยู่

ฉางชุนโหวมองผู้ดูแลแวบหนึ่งทันที

ผู้ดูแลแอบส่งสายตามาให้

หัวใจของฉางชุนโหวพลันจมดิ่งลงไป

ดูท่าสิ่งที่คนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองพูดจะเป็นความจริง!

เขาเพิ่งจะจัดการเรื่องของบุตรชายคนโต เดิมนึกว่าจะสามารถสงบเงียบได้ระยะหนึ่ง คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องที่ไม่คาดคิดมาก่อนเช่นนี้เกิดขึ้นอีก

หัวหน้าทหารกระแอมไอ “ท่านโหว เมื่อครู่ได้รับหลักฐานจากปากเหล่าเพื่อนบ้านแล้ว โจรปล้นทรัพย์หลายคนนี้เป็นข้ารับใช้ของจวนท่านโหวจริงๆ ไม่ทราบว่าท่านรู้เรื่องนี้ชัดเจนหรือไม่ หากว่าปล่อยให้ข้ารับใช้ทำร้ายร่างกาย…”

ฉางชุนโหวตัวสั่น เพลิงโทสะถูกความตระหนกกลัวกดทับลงไปทันที

เรื่องนี้โวยวายมาถึงเบื้องหน้าผู้คนแล้ว เขาไม่สามารถแบกโทษฐานปล่อยให้ข้ารับใช้มีพฤติกรรมทำร้ายผู้อื่นได้!

ในสายพระเนตรของฝ่าบาท เดิมจวนฉางชุนโหวจะมีหรือไม่มีก็ได้ หากมีคนกัดเรื่องนี้ไม่ปล่อย แล้วโวยวายไปถึงหน้าพระพักตร์ฝ่าบาท ฝ่าบาทไม่มีทางปกป้องเขาแน่นอน

ลูกหลานเชื้อพระวงศ์และขุนนางชนชั้นสูงในเมืองหลวงมีมากมาย เกรงว่าฝ่าบาทกำลังกลัดกลุ้มเรื่องไร้หนทางลดค่าใช้จ่ายคลังหลวงอยู่พอดี

ฉางชุนโหวจ้องผู้ดูแลด้วยสายตาเย็นชา พลางถามเสียงเฉียบขาดว่า “สรุปว่าเรื่องมันเป็นมาอย่างไร เจ้าเป็นคนจัดการให้คนเหล่านี้ไปหรือ”

ผู้ดูแลได้ยินวาจานี้ของฉางชุนโหวก็เบื้องหน้าดำมืด คล้ายถูกอสนีบาตฟาดใส่เหนือศีรษะ

จบสิ้นแล้ว นี่ท่านโหวต้องการให้เขาแบกรับความผิด!

“ข้าถามเจ้านะ” เสียงเย็นชาของฉางชุนโหวดังลอยมา แต่ละคำกระแทกลงบนหัวใจผู้ดูแลอย่างแรง

ผู้ดูแลดวงหน้าซีดขาว ค้อมกาย เอ่ยเสียงสั่น “ล้วนเป็นข้าน้อยที่เลอะเลือนไปชั่วขณะขอรับ ปวดใจที่ต้องยกผลประโยชน์โดยมอบเงินมากมายขนาดนั้นให้อันธพาลไม่กี่คนจึงให้พวกเขาหลายคนไปไล่เอาตั๋วเงินกลับมา…”

ยังเอ่ยไม่ทันจบ ผู้ดูแลทรุดลงกับพื้น นั่งตัวสั่นเทิ้มไปทั้งร่างอยู่บนพื้นหิมะ

เขาไม่แบกรับความผิดนี้ได้หรือ

เห็นได้ชัดว่าไม่ได้

ครอบครัวเขาทั้งคนชราและเด็กสิบกว่าคนล้วนอยู่ในมือท่านโหวกับฮูหยิน หากไม่ก้าวออกมาแบกรับความผิดนี้ คนที่ตายจะไม่ใช่เขาเพียงคนเดียวแล้ว

ผู้ดูแลคิดเช่นนี้ หยาดน้ำตาสีขุ่นก็รินไหลลงจากหางตา

หยาดน้ำตานั้นอุ่นร้อน กระทบลงบนพื้นหิมะจนกลายเป็นหลุมเล็กๆ และถูกหิมะที่โปรยปรายกลบทับไปอย่างรวดเร็ว

สวี่ซีมองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างเย็นชาด้วยความรู้สึกสะใจและซับซ้อน

ผู้ดูแลที่เมื่อครู่ยังประชดประชันเขา พริบตาเดียวก็กลายเป็นคนเลวซึ่งตกที่นั่งลำบากแล้ว ชีวิตคนเรานั้นช่างไม่แน่นอนจริงๆ

เขาอดมองไปทางฉางชุนโหวไม่ได้

ฉางชุนโหวไม่มองมาทางที่เด็กหนุ่มอยู่สักแวบเดียว เขาฝืนยิ้ม พลางเอ่ยกับหัวหน้าทหารว่า “น่าละอายใจจริงๆ ต้องโทษข้าที่ไม่ได้ควบคุมการกระทำของข้ารับใช้ในจวนให้ดี ให้เขาทำเรื่องเหลวไหลออกมา ใต้เท้าพาเจ้าคนเลอะเลือนนี่ไปเถอะ จวนโหวไม่มีทางปกป้องและเข้าข้างเขาเด็ดขาด”

หัวหน้าทหารพยักหน้า “ขอบคุณท่านโหวที่เข้าใจ พวกเราต้องนำตัวคนกลับไปส่งที่ศาลาว่าการจริงๆ ขอรับ”

หลักๆ ก็คือมอบให้กับคุณหนูลั่ว

จับผู้ดูแลใหญ่ของจวนฉางชุนโหวได้แล้ว คิดว่ากูไหน่ไนท่านนั้นน่าจะพอใจแล้วสินะ

ฉางชุนโหวลอบโล่งใจ

สละผู้ดูแลคนหนึ่งเป็นการยุติเรื่องนี้ ก็ถือว่าสามารถยอมรับได้

แน่นอน การควบคุมข้ารับใช้ไม่เข้มงวดนั้นไม่ได้ชื่อเสียงที่ดีอะไร แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้ข้ารับใช้มีพฤติกรรมทำร้ายผู้อื่นมาก

“เช่นนั้นไม่รบกวนท่านโหวแล้ว นำตัวไป!”

เมื่อเห็นว่าทหารตรงหน้าจะจากไป ตาสามเหลี่ยมก็อดเอ่ยขึ้นไม่ได้ว่า “เดี๋ยวก่อน…”

สายตานับไม่ถ้วนมองมาทางเขา

ตาสามเหลี่ยมยืดตัวตรงโดยไม่รู้ตัวแล้วถามเสียงดังว่า “เช่นนั้นห้าพันตำลึงของพวกข้าน้อยจะทำอย่างไรขอรับ”

ฉางชุนโหวตะลึง “อะไรนะ ห้าพันตำลึงเงินหรือ”

พวกขี้เมาที่ทำอะไรไม่เป็นสักอย่างหลายคนนั้นไม่ได้ถูกคนของกองบัญชาการปัญจทิศรักษาเมืองจับกุมได้แล้วหรือ ยังมีเรื่องเงินอันใดอีก

“เป็นแบบนี้ขอรับ ตอนข้ารับใช้จวนท่านปล้นทรัพย์พวกข้าน้อย กล่องที่บรรจุตั๋วเงินเอาไว้ถูกขอทานเด็กฉวยโอกาสที่ชุลมุนแย่งไปแล้ว ขอทานเด็กคนนั้นวิ่งเร็วมาก ย่อมตามกลับมาไม่ได้ จวนโหวต้องชดเชยความสูญเสียให้กับพวกข้าน้อยใช่หรือไม่ขอรับ”

[1] ทุกคนยุ่งเรื่องคนอื่นเพราะกลัวว่าจะไม่บานปลาย หมายถึง ผู้คนที่ชอบยุ่งเรื่องผู้อื่น ไม่เพียงแต่ยุ่งเพื่อความบันเทิงเท่านั้น แต่ยังทำให้เรื่องราวบานปลายอีกด้วย เพราะคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องของตัวเอง

ปลายจวักครองใจ

ปลายจวักครองใจ

Status: Ongoing
อาหารแม้เลิศรสเพียงไหน แต่หากซ่อนไว้ซึ่งพิษร้ายเล่า? แม้เขาจะดีเพียงใด แต่หากแซ่ ‘เว่ย’ แล้วไซร้ พวกเขาคงถูกลิขิตให้ไม่อาจร่วมโลก! จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยนิยายโรแมนติก เข้มข้นสอดแทรกความตลกอย่างลงตัว จากผู้เขียน ตงเทียนเตอะหลิ่วเยี่ยสิบสองปีก่อนจวนเจิ้นหนานอ๋องถูกราชสำนักสั่งกวาดล้าง คนในจวนทั้งหมดโดนสังหาร โลหิตย้อมจนพื้นเป็นสีแดงฉานท่านหญิงชิงหยางที่ออกเรือนไปในวันเดียวกันนั้นพอทราบข่าวก็เร่งรุดกลับมาที่จวนกลับถูกสามีหมาดๆ อย่างผิงหนานอ๋องซื่อจื่อยิงธนูใส่จนสิ้นใจผิงหนานอ๋องซื่อจื่อ เว่ยเชียง คือผู้ที่รวบรวมหลักฐานการก่อกบฏของจวนเจิ้นหนานอ๋องรายงานต่อราชสำนัก ได้รับการยกย่องในความสามารถและถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นรัชทายาทองค์ปัจจุบัน…สิบสองปีต่อมาท่านหญิงชิงหยางกลับฟื้นขึ้นอีกครั้งในร่างของ ลั่วเซิง คุณหนูสายตรงผู้เป็นดวงใจของแม่ทัพใหญ่ลั่ว เพราะนิสัยมักมากในกามของร่างเดิมจึงล่วงเกิน ไคหยางอ๋อง พระอนุชาในฮ่องเต้องค์ปัจจุบันผู้มีฉายาว่าเทพสงครามเข้า บิดาจึงจำใจส่งนางมาอยู่ที่บ้านท่านตาที่จินซาชื่อเสียงของแม่นางลั่วนั้นเรียกได้ว่าฉาวโฉ่ เอาแต่ใจ หยาบคาย มักมาก เจ้าอารมณ์ ถือว่ามีบิดาคอยให้ท้ายไม่มีสิ่งใดไม่กล้าทำหลังกลับคืนเมืองหลวงนางและ ไคหยางอ๋อง กลับมีเรื่องราวให้ต้องเกี่ยวพันกันอยู่เรื่อยๆแม้เขาจะเป็นคนซื่อสัตย์เพียงไร แต่ในเมื่อเขาแซ่ ‘เว่ย’ นางและเขาก็ถูกลิขิตมาให้ไม่อาจอยู่ร่วมโลก!“ข้ากับแม่นางลั่วไม่ถือว่าเป็นคนแปลกหน้า” ชายชุดสีแดงเข้มเดินเข้ามาและสบตากับลั่วเซิง “ไม่ทราบว่าแม่นางลั่วจำข้าได้หรือยัง”“ก็นึกถึงเรื่องบางเรื่องขึ้นมาได้ แต่ไม่รู้จำผิดหรือไม่ คุณชายจะให้ข้าพูดออกมาตอนนี้เลยหรือ”เวลานี้เอง เว่ยหานเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ข้าคิดว่าหลังจากแม่นางลั่วปลดเข็มขัดข้าแล้วจะจำข้าได้เสียอีก”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท