ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 113 ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 113 ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง!

บทที่ 113 ต่อหน้าอย่าง ลับหลังอย่าง!

“ท่านอาจารย์ พาข้าไปด้วยเจ้าค่ะ!”

เมื่อติงหลิวหลิ่วได้ยินว่าชิงยวนจะไปเมืองฮั่วหยาง จึงอยากติดตามไปด้วย

“ท่านอาจารย์ ข้าก็อยาก…”

“ไม่ได้ พวกเจ้าทั้งสองไปไม่ได้ หากพวกเจ้าไม่อยู่ แล้วผู้ใดจะดูแลศิษย์น้องของพวกเจ้า”

ชิงยวนปฏิเสธอย่างเย็นชา ก่อนจะฉีกมิติแล้วคว้าตัวหลิงเยว่และซูซวงเข้าไป ไม่นานก็หายวับไปในพริบตา

“ศิษย์พี่รอง อย่าลืมจ่ายค่าที่พักให้ข้าด้วยนะเจ้าคะ”

เสียงของหลิงเยว่ดังก้องมาจากมิติที่เพิ่งหายไป

ทั้งห้าคนมองหน้ากันด้วยความงุนงง เพราะก่อนหน้านี้พวกเขาเพิ่งจะถูกศิษย์น้องรีดไถไปจนหมดเกลี้ยง

ว่านอวี้เฟิงหน้าเจื่อน เหตุใดจึงต้องเป็นเขาด้วย…

“ข้า… ข้าไม่มีหินวิญญาณเลย… แม้แต่ก้อนเดียว”

“ข้าก็ด้วย”

ลู่เป่ยเหยียนจ้องมองไปที่โม่จวินเจ๋อ สายตาอีกสามคู่ก็เผลอมองตามไปเช่นกัน

เมื่อครู่พวกเขาไม่ได้ไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน จึงวู่วามมอบหินวิญญาณและของวิเศษรวมถึงโอสถที่ไม่จำเป็นให้หลิงเยว่ไปหมดแล้ว โชคดีที่สำนักจ้านเจี้ยนมีอาหารและที่พักให้ ไม่เช่นนั้น…

“เหตุใดถึงมองข้าเช่นนั้น ข้าเองก็ไม่มีเหลือแล้ว”

อวี้เจินคิดจะหนีไปก่อน แต่โม่จวินเจ๋อกลับเร็วกว่า สุดท้ายในห้องนั้น จึงเหลือเพียงติงหลิวหลิ่ว

“แขกผู้สูงศักดิ์ น้ำร้อนที่ท่านต้องการ…”

ในขณะนั้นพนักงานของโรงเตี๊ยมกำลังยกถังน้ำร้อนมาส่งพอดี

ติงหลิวหลิ่วพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ พลางหยิบขวดโอสถปี้กู่ยื่นให้พนักงานผู้นั้น พร้อมกล่าวว่า “ขอบใจ วางไว้เถิด”

เดิมทีพนักงานผู้นั้นคิดว่าแขกจะหนี แต่พอได้รับโอสถปี้กู่หนึ่งขวดก็ยิ้มกริ่ม ก่อนรีบวางถังน้ำร้อนลง แล้วยังปิดประตูให้ติงหลิวหลิ่วอย่างเอาใจอีกด้วย

ถึงเขาจะรับของไปแล้ว แต่พนักงานคนนั้นก็ยังเล่าเรื่องของแขกที่จองห้องหายไปให้เจ้าของโรงเตี๊ยมฟังตามความเป็นจริง

ติงหลิวหลิ่วที่คิดจะหนีออกทางหน้าต่างเพื่อไม่ต้องจ่ายเงิน จึงถูกจับได้เสียก่อน…

ติงหลิวหลิ่ว “…”

ในขณะเดียวกัน ทางด้านของทั้งสามคนที่ฉีกมิติหนีออกมาก่อน ก็ถึงเมืองฮั่วหยางแล้ว

ชิงยวนมองดูเมืองที่ถูกล้อมรอบด้วยผืนทรายสีเหลืองอร่าม แลเห็นอาคารบ้านเรือนที่เรียบง่ายอยู่ภายใน ชั่วครู่หนึ่งนางไม่รู้ว่าควรทำสีหน้าอย่างไรดี?

จะบอกว่าที่แห่งนี้ทุรกันดาร… และเป็นเมืองที่ยากจนที่สุดก็คงไม่ผิดกระมัง

“ศิษย์เอ๋ย หากเจ้าอยากสร้างเมืองแห่งอาหารขึ้นมา สำนักหลานเทียนก็มีเมืองเช่นกัน อาจารย์สามารถยกเมืองนั้นให้เจ้าได้”

หากว่าหลิงเยว่ไม่เคยมาเยือนเมืองฮั่วหยางเลยนางคงจะตอบตกลงทันที แต่หลังจากที่ได้ใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองนี้ระยะหนึ่งแล้ว นางจึงเกิดความผูกพัน แม้ว่าจะยากลำบากอยู่สักหน่อย แต่ก็ยังอยากช่วยกอบกู้เมืองแห่งนี้ให้ยังคงอยู่ได้

การกอบกู้เมืองในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการทำภารกิจให้สำเร็จแล้ว ยังสามารถเผยแพร่อาหารวิญญาณสุดแสนอร่อยผ่านเมืองนี้ได้อีกด้วย จะมีสิ่งใดที่ดีไปกว่านี้อีกหรือ?

“อาจารย์เจ้าคะ ศิษย์ชอบเมืองนี้ และการพัฒนาเมืองที่กันดารเช่นนี้ให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นมาใหม่ จะยิ่งรู้สึกภาคภูมิใจในความสำเร็จนะเจ้าคะ!”

ชิงยวนรู้อยู่แล้วว่าหลิงเยว่คงไม่ยอม ทว่าเมืองฮั่วหยางที่ทุรกันดารและทรุดโทรมเช่นนี้ ต้องใช้ทุนทรัพย์เท่าใดกันถึงจะปรับปรุงให้ดูดีขึ้นมาได้เล่า

ยิ่งไปกว่านั้น… ยังมีสัตว์อสูรที่จะบุกมาเป็นระยะ ๆ อีก เมืองที่สร้างขึ้นมาใหม่นั้นจะสามารถป้องกันได้จริงหรือ?

ชิงยวนได้แต่แสดงท่าทีสงสัย

แต่เอาเถิด หากลูกศิษย์อยากลองก็ตามใจนาง

“อาจารย์เจ้าคะ?” หลิงเยว่ดึงชิงยวนเข้าไปในจวนเจ้าเมือง “เรื่องที่ศิษย์สามารถเข้าออกเขตอาคมได้ ถูกราชาแห่งนิกายอสุภะเห็นแล้วเจ้าค่ะ…”

ซูซวงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ รีบเสริม แต่กลับถูกสายตาที่เฉียบคมของชิงยวนจ้องมองจนรู้สึกอึดอัดไปทั้งตัว

เรื่องนี้ก็ไม่ใช่ความผิดของนางเสียทีเดียว จะมาโทษนางได้อย่างไร ผู้ใดจะไปรู้ว่าราชานิกายอสุภะที่ไม่เคยปรากฏตัวมาก่อนจะโผล่มา เมื่อสองครั้งที่แล้ว พวกนางก็สามารถไปปล้นมาได้อย่างราบรื่น ทั้งยังได้ของมามากมายนัก

แต่ครั้งที่สาม พวกเขากลับต้องประสบความพ่ายแพ้อย่างหนัก

ชิงยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าอยู่ที่นี่เฉย ๆ เถิด ส่วนเรื่องนี้ข้าจะไปจัดการเอง”

ตอนที่นิกายอสุภะถูกกวาดล้าง นางไม่ได้อยู่ที่นั่นด้วย และนางก็ไม่เคยได้ยินจากผู้ใดว่าเคยพบกับราชานิกายอสุภะมาก่อน

เมื่อทั้งสองคนถูกทิ้งให้อยู่ในเมือง พวกนางมองหน้ากัน ก่อนที่หลิงเยว่จะเทหินวิญญาณที่ยืมมาจากเหล่าศิษย์พี่ลงบนพื้น ในจำนวนนั้นมีถุงหินวิญญาณของชายหนุ่มแซ่โม่ด้วย พอเทออกมารวมกันแล้ว เกิดเป็นกองภูเขาจากหินวิญญาณจำนวนมาก ในจำนวนนั้นยังมีหินวิญญาณระดับกลางปะปนอยู่อีกมากนัก เมื่อซูซวงเห็นเช่นนั้นดวงตาก็แดงระเรื่อขึ้นมาทันที

เด็กหนุ่มคนหนึ่งที่เพิ่งอยู่ในขอบเขตสร้างรากฐานนั้น มีความมั่งคั่งมากกว่านางเสียอีก เมื่อเห็นแหวนมิติของตนเองว่างเปล่า ซูซวงก็พลันเศร้าใจนัก

หากนางไม่รับตำแหน่งเจ้าเมืองฮั่วหยาง ชีวิตนางคงไม่ลำบากถึงเพียงนี้ใช่หรือไม่?

หินวิญญาณหลายร้อยล้านก้อนน่าจะพอใช้ไปสักระยะหนึ่ง เมื่อรวมกับจำนวนสัตว์อสูรที่ได้จากการสู้รบไม่กี่วันก่อน น่าจะทำให้แผนสำเร็จไปหนึ่งในสาม การปฏิวัติยังไม่สำเร็จ ข้าต้องพยายามต่อไป!

หลิงเยว่ยกหินวิญญาณทั้งหมดให้ซูซวง ส่วนโอสถ แผ่นยันต์และแผ่นค่ายกลนั้นต้องเก็บไว้ป้องกันตัวอยู่แล้ว หากต้องเผชิญหน้ากับการถูกล้อมจากสัตว์อสูรอีกครั้ง จะได้ไม่ต้องรอความตายอย่างสิ้นหวัง

ซูซวงที่เก็บเกี่ยวผลประโยชน์ได้มากมาย พลันเดินอย่างมีความมั่นใจพร้อมกับหินวิญญาณในมือ

หลิงเยว่ที่จากไปสี่วันไม่ได้รีบกลับไปสั่งสอนเหล่าศิษย์ แต่กลับไปที่สวนเพาะปลูกสมุนไพรวิญญาณแทน

พื้นที่รกร้างกว้างใหญ่ไพศาลถูกปกคลุมไปด้วยพืชสมุนไพร ผัก และข้าวสายพันธุ์พิเศษ ส่วนใหญ่โผล่พ้นดิน เจริญเติบโตอย่างงดงาม เหล่านักโทษที่มีผลงานดีกำลังขจัดวัชพืชและรดน้ำต้นไม้

“ท่านรองเจ้าเมือง ท่านกลับมาแล้ว”

เมื่อเหล่านักโทษเห็นหลิงเยว่ ดวงตาของแต่ละคนล้วนเต็มไปด้วยความขอบคุณ พวกเขาโชคดีที่ถูกเลือกมาดูแลสวนสมุนไพรวิญญาณ ไม่ต้องเผชิญกับฝูงสัตว์อสูรในทุกเดือน ทั้งยังมีอาหารให้กินดีกว่าตอนอยู่ในคุก นับเป็นความโชคดีอย่างแท้จริง

และทั้งหมดนี้ล้วนเป็นบุญคุณของเด็กสาวผู้นี้ทั้งสิ้น

สายตาของหลิงเยว่ก็ไม่ได้เลวร้ายนัก นางคัดเลือกแต่ผู้ที่มีหน้าตาดี มีความสามารถไม่มากนัก แต่เพียงพอที่จะดูแลเหล่าพืชสมุนไพรวิญญาณได้ จวบจนถึงตอนนี้ยังไม่มีเรื่องหนักใจใด ๆ เกิดขึ้น

“อืม เจ้าตั้งใจทำงานดี อีกไม่นานพวกเจ้าจะได้รับอิสรภาพ”

คำมั่นสัญญานี้หลิงเยว่ไม่รู้กล่าวไปกี่ครั้งแล้ว ทว่าทุกครั้งที่ได้ยินก็ยังทำให้ผู้คนมีแรงฮึกเหิมอยู่เสมอ

หลังจากที่นางวาดภาพฝันจบลงแล้ว หลิงเยว่ก็ใช้ปราณเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณจำนวนกว่าหกไร่ การเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ทำให้นางต้องใช้ปราณไปถึงสองในสาม มันช่างเหนื่อยเหลือเกิน

หลิงเยว่ก้าวเดินออกไปอย่างอ่อนแรง ชายวัยกลางคนมองแผ่นหลังของนาง ดวงตาที่เคยเปี่ยมไปด้วยความขอบคุณกลับแปรเปลี่ยนเป็นความดุร้าย ก่อนยกเคียวในมือขึ้นแล้วแอบเดินตาม เมื่อเห็นว่านางอ่อนแอลง เขาก็ฉวยโอกาสจับตัวนาง หวังใช้ประโยชน์ในการหลบหนีจากที่นี่!

ยังมีผู้คนที่คิดเช่นเดียวกับชายวัยกลางคนผู้นั้นอยู่อีกมาก คนเหล่านั้นต่างก็หยิบเครื่องมือทำไร่ในมือแล้วเดินตามไปด้วย พวกเขาไม่เชื่อคำสัญญาเพ้อฝันของหลิงเยว่แต่อย่างใด การจับตัวนางไปเพื่อให้ได้อิสรภาพคงจะง่ายเสียกว่า!

อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีความคิดอันตรายเช่นนั้น ยังมีคนอีกจำนวนมากที่รู้สึกซาบซึ้งและสำนึกบุญคุณของหลิงเยว่ที่ดึงพวกเขาออกจากความทุกข์ยากราวกับต้องตกนรกบนดิน และพวกเขาจะไม่ยอมถูกลากกลับไปทนทุกข์อีกครั้งเพราะคนกลุ่มนั้นอย่างเด็ดขาด!

การลักพาตัวท่านรองเจ้าเมืองมีโทษร้ายแรงยิ่งนัก!

“เจ้าคิดว่าแค่ลักพาตัวรองเจ้าเมืองแล้วจะหนีออกไปจากที่นี่ได้จริงหรือ?”

ช่างโง่เขลาเสียจริง!

พวกเขาคิดว่าที่นี่จะไม่มีใครเฝ้าระวังอยู่เลยหรือ?

หญิงชราผู้นั้นขวางหน้าชายวัยกลางคน ส่วนผู้คนที่อยู่ด้านหลังของนางต่างกรูเข้ามาทันที ทันใดนั้นทั้งสองกลุ่มก็ได้ห้ำหั่นกันเอง!

หลิงเยว่หนีออกจากสวนสมุนไพรวิญญาณได้อย่างราบรื่น โดยที่นางก็ไม่รู้ตัวว่าเกิดความขัดแย้งขึ้นหลังจากนั้น

“ระวัง อย่าให้คนทำลายผืนดินตรงนั้น”

หัวหน้ากองทหารที่เจ็ดนำทหารชุดแดงล้อมรอบนักโทษที่กำลังถือเสียมและเคียวต่อสู้กันอย่างดุเดือด เขาไม่ได้ห้ามปรามความขัดแย้ง กลับสั่งให้ลูกน้องล้อมรอบสวนสมุนไพรวิญญาณไว้แทน และเมื่อเห็นว่ามีใครถูกเตะออกมา พวกเขาก็จะเตะกลับเข้าไปทันที

พวกเขาจะวางใจให้ท่านรองเจ้าเมืองน้อยรับมือกับกลุ่มนักโทษที่โหดเหี้ยมเพียงลำพังได้อย่างไร?

ส่วนใหญ่กลุ่มนักโทษเหล่านี้สูญสิ้นความเป็นมนุษย์ไปแล้ว พวกเขาจะใช้กลอุบายใดก็ได้เพื่อหนีออกไปจากที่นี่ ความกตัญญูเช่นนั้นหรือ อย่าได้หวัง

พวกเขาเกลียดชังทุกคน

หัวหน้ากองทหารที่เจ็ดถอนหายใจ ท้ายที่สุดแล้วท่านรองเจ้าเมืองน้อยก็ยังคงมีประสบการณ์น้อยเกินไป จึงไม่รู้ซึ้งถึงความซับซ้อนของจิตใจมนุษย์

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท