ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 120 เผลอมองไข่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 120 เผลอมองไข่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

บทที่ 120 เผลอมองไข่เพียงชั่วพริบตาเท่านั้น

[ภารกิจหลักที่ 13 : คว้าไข่ลูกนั้นมาให้ได้ รางวัลคือ ค่าพลังวิญญาณ +1,000,000 แต้ม อายุขัย +20,000 วัน บทลงโทษหากภารกิจล้มเหลว โทษทวีคูณ]

เมื่อหลิงเยว่เคี้ยวเนื้อย่างคำสุดท้ายจนหมด นางก็ระดมสติปัญญาครุ่นคิดหนักหน่วง อะไรกันเล่าถึงได้ให้คว้าไข่ลูกนั้นมาให้ได้ ไข่ลึกลับที่ปรากฏขึ้นนั้นคือของปลอมหลอกลวง นางจะไปคว้ามาได้อย่างไรกัน!?

“ดูนั่น! พวกท่านรีบดูเถิด นั่นมีไข่สองฟองหรือไม่?”

หลิงเยว่ชำเลืองมองไปตามปลายนิ้วของผู้คนที่อยู่ข้าง ๆ หากมองแบบราง ๆ ก็เหมือนว่าจะมีอยู่ไข่สองฟองจริง ๆ แต่ทว่านางรู้สึกว่าสิ่งนี้เป็นเพียงภาพลวงตา กระนั้นนางก็เผลอมองไข่ไปเพียงชั่วพริบตา ดวงตาของนางก็พลันรู้สึกเจ็บปวดขึ้น นางเอาฝ่ามือแตะไปยังดวงตา ปรากฏว่าเปียกชื้นแถมยังมีกลิ่นคาวเลือดอีกด้วย

“ไม่ใช่สองฟอง มีเพียงแค่ฟองเดียว!”

มีคนผู้หนึ่งเสี่ยงต่อดวงตาบอด เขาลองมองดูไปอีกหน่อย ปรากฏว่ามีเพียงไข่ฟองเดียวเท่านั้น แต่มันก็มีขนาดใหญ่กว่าเมื่อแรกมาก เช่นนี้แล้วจึงช่างน่าแปลกใจยิ่งนัก

หลิงเยว่เช็ดคราบเลือดที่เปื้อนขอบตาออก ก่อนจะหยิบขนมหวานเพื่อหยุดเลือดมากิน เนื้อแป้งด้านนอกนุ่มนวล เนื้อครีมสีชมพูภายในมีกลิ่นหอมของพืชสมุนไพรวิญญาณวิเศษ ช่างอร่อยเสียจริง!

“เจ้าซื้อสิ่งนี้มาจากที่ใด?”

หลิงเยว่ยืนกินอยู่ท่ามกลางฝูงชน จึงดึงดูดสายตาของคนจมูกไวที่ซ่อนตัวอยู่ในฝูงชนได้อย่างรวดเร็ว

หญิงสาวคนหนึ่งซึ่งดูมีอายุไล่เลี่ยกันค่อย ๆ เดินเข้ามา ดวงตาของนางจ้องมองขนมหวานที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งในมือหลิงเยว่อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าอีกฝ่ายจะถือถุงของกินแปลก ๆ มากมายไว้ในมือ และยังมีคราบเครื่องปรุงรสของสัตว์อสูรย่างติดอยู่ที่ริมฝีปาก แต่กลับรู้สึกอยากกินขนมหวานของหลิงเยว่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น

“อยู่ตรงร้านที่ใหญ่ที่สุดตรงนั้น!”

หลิงเยว่เห็นลูกค้าสนใจจึงยื่นให้หนึ่งอัน ซึ่งทำให้อีกฝ่ายได้ขนมอบกลับไปจำนวนมาก

“แต่เจ้าของร้านที่พาข้าไปที่โรงเตี๊ยม บอกว่าอาคารนั้นขายแต่อุปกรณ์สำหรับจับสัตว์อสูรและของวิเศษ ไม่ได้ขายของกินเลย”

“โรงเตี๊ยมใดหรือ?!”

นางพูดว่า อาคารใหญ่โตขนาดนั้น แต่ผู้บำเพ็ญจากข้างนอกกลับไม่ค่อยมีแวะเวียนเข้ามา ที่แท้เป็นฝีมือของเหล่าเจ้าของร้านที่เปิดร้านเองทั้งนั้น

“ร้าน… ขนมอบกระมัง? เหมือนจะเป็นชื่อนี้”

หลิงเยว่พอได้ยินว่าเป็นร้านของหัวหน้ากองที่เก้า ก็หายวับไปในฝูงชนทันที ส่วนหญิงสาวมองตามร่างที่จากไป ริมฝีปากเผยอยิ้มเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย แต่ก็ผ่านไปในชั่วพริบตาก็กลับมาเป็นหญิงสาวผู้ชื่นชอบของกินได้อีกครั้ง

มนุษย์ช่างไร้เดียงสา!

หญิงสาวครุ่นคิดก่อนจะถอนหายใจออกมา นางเงยหน้ามองไข่ที่ปรากฏเป็นครั้งคราวบนท้องฟ้า สีหน้าก็แย่ลงทันที อย่าให้ได้พบกับคนที่ทำให้ร่างจริงของนางปรากฏกายก่อนเวลาอันควรต่อหน้าคนทั้งมวลเลย ไม่งั้นนางจะเผาพวกเขาให้เป็นจุณ

หญิงสาวยืนมองขนมอบที่กินไปครึ่งหนึ่งในมืออยู่ครู่หนึ่งก็เกิดเบื่อ จึงโยนทิ้งลงบนพื้นและเหยียบซ้ำอีกหนึ่งที ร่างของนางก็หายวับไปในฝูงชนราวกับสายลม และไม่มีผู้ใดสังเกตเห็นเลย

นางต้องคิดวิธีสร้างเรื่องใหญ่โตอีก เพื่อให้มนุษย์หันเหความสนใจ!

หญิงสาวสองคนที่เร่งให้ร่างจริงของเด็กสาวปรากฏตัวก่อนเวลาซ่อนตัวอยู่ในมิติแห่งหนึ่งเพื่อสังเกตการณ์ ‘ไข่’ ที่ค่อย ๆ ขยายใหญ่ขึ้น

“ไข่ปลอมกลายเป็นของจริง นี่สวรรค์กำลังเมตตาชาวเมืองฮั่วหยางของข้าหรือไม่จึงได้สลับสับเปลี่ยน เพื่อช่วยเมืองฮั่วหยางของข้าเช่นนี้?” หัวใจอันเย็นชาของซูซวงร้อนแรงขึ้น นัยน์ตาจ้องไข่ฟองนั้นราวกับเต็มไปด้วยความรัก

ชิงยวน “…”

นางกล้าคิดจริงอย่างนั้นหรือ?

สวรรค์ไม่เคยเมตตาผู้ใด โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญ!

“แผนการสัตว์เทพจุตินี้ ลูกศิษย์น้อยของข้าเป็นคนแนะนำมาหรือ?”

“ใช่แล้ว”

คนซื่อสัตย์อย่างนางจะคิดแผนการหลอกลวงที่ใจกล้าบ้าบิ่นเช่นนี้ได้อย่างไร?

ชิงยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย ตอนนี้นางมีเหตุผลให้สงสัยว่าลูกศิษย์น้อยรู้ล่วงหน้าว่าจะมีสัตว์เทพจุติที่นี่ ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงบังเอิญได้ถึงเพียงนี้?

หรือว่า นางล่วงรู้มาจากราชานิกายอสุภะที่จับกุมนาง?

มีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง!

ถ้าหลิงเยว่รู้ความคิดในใจชิงยวน คงจะร้องว่าถูกใส่ร้าย เพราะแท้จริงแล้วนางแค่พูดไปตามปากเท่านั้น!

ทันใดนั้น เสียงดังสนั่นก็ดังขึ้นจากพื้นดิน ราวกับว่าทั้งโลกกำลังสั่นสะเทือน ชิงยวนและซูซวงที่ซ่อนตัวอยู่ก็ไม่สามารถรักษาพื้นที่ไว้ได้ ทั้งสองคนตกลงมาบนพื้นพร้อมกัน

กลางเวหาถูกย้อมด้วยสีแดงฉาน ทันใดนั้นก็ปรากฏพระราชวังลอยขึ้นมาจากพื้นดินนับไม่ถ้วน พระราชวังแต่ละแห่งเป็นสีแดงฉาน และมีรูปสลักเป็นสัตว์อสูรนานาชนิด!

ด้านหน้าพระราชวังรูปสลักสัตว์อสูร ปรากฏหลุมวนสีแดงขึ้นสิบหลุมราวกับเป็นการเชิญชวนให้ผู้คนเข้าไป

“นั่นคือตำนานที่เล่าขานกันมาแต่โบราณหรือไม่ หรือที่เรียกกันว่า… เขตแดนลับสัตว์อสูร!”

เขตแดนลับสัตว์อสูรแห่งนี้อยู่ในตำนานมาโดยตลอด หนังสือโบราณได้บันทึกตำแหน่งของสถานที่ลับแห่งนี้ไว้ว่าจะเคลื่อนย้ายไปตามกาลเวลา ผู้แต่งหนังสือโบราณคาดการณ์ว่า ที่ตั้งที่ปรากฏขึ้นมาน่าจะมีโอกาสสูงที่อยู่ในทะเลทรายทางตอนเหนือ

ส่วนผู้โชคดีที่ได้เข้าไปในเขตแดนลับสัตว์อสูรและมีชีวิตรอดออกมาได้ ก็จะกลายเป็นยอดฝีมือแห่งยุคสมัยและบรรลุขอบเขตพ้นโลกีย์สำเร็จทั้งสิ้น!

ภายในนั้นมีสิ่งใด เหล่าผู้บำเพ็ญขอบเขตพ้นโลกีย์ผู้ยิ่งใหญ่ต่างก็ไม่ยอมเอ่ยปาก และไม่มีผู้ใดกล้าเปิดเผยถึงสถานที่แห่งนี้

ความล่อตาล่อใจของการบรรลุขอบเขตพ้นโลกีย์นั้นย่อมยิ่งใหญ่กว่าไข่สัตว์เทพจุติอย่างแน่นอน เพราะไข่มีเพียงฟองเดียว ส่วนเขตแดนลับสัตว์อสูรนั้น ผู้บำเพ็ญตั้งแต่ขอบเขตจินตานหรือต่ำกว่าล้วนสามารถเข้าไปได้ทั้งสิ้น!

ทำให้ผู้ที่ขอบเขตการบำเพ็ญต่ำ เพียงแค่เฝ้าดูเหล่าปรมาจารย์โกรธเคืองก็ตื่นเต้นในใจจนทนไม่ไหว พวกเขาคาดไม่ถึงว่าจะมีโอกาสเช่นนี้อยู่ตรงหน้า

ขณะนี้มีผู้บำเพ็ญพุ่งเข้าไปในหลุมวนแห่งหนึ่งแล้ว ผู้คนอื่น ๆ ต่างก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน ไม่นานผู้บำเพ็ญที่อยู่เหนือเมืองฮั่วหยางก็มุ่งหน้าไปยังหลุมวนนั้น

ทิ้งไว้เพียงแค่ชาวเมืองที่มองตากันตาโตอย่างตกตะลึง

“นั่นคือสิ่งใดหรือ? ท่านรองเจ้าเมืองข้าขอไปดูสักหน่อยเถิด!”

หัวหน้ากองที่เก้า ผู้ที่เถียงกับหลิงเยว่ตลอดเวลาก็รีบวิ่งหายไปในพริบตา

“พวกเราไปดูกันเถิด ของวิเศษไม่ควรให้แค่เหล่าผู้บำเพ็ญจากภายนอกได้ไปครอบครอง!” ทหารชุดแดงบางส่วนพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังและอย่างหนักแน่น

หลิงเยว่ยื่นมือออกไปเพื่อรั้งเอ่อร์คังและพวกเขาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน พวกเจ้ารีบไปไหนกัน ข้าเคยได้ยินมาว่าดินแดนลับอะไรนั่น… เขตแดนลับสัตว์อสูรนั่นน่ะ เหมือนจะเข้าไม่ได้ถ้ามีขอบเขตจินตานนะ”

“นั่นก็แค่คำบอกเล่า หากเกิดคำบอกเล่าผิดล่ะ!”

ก็ได้…

เมืองทั้งเมืองกลายเป็นเมืองร้างในชั่วพริบตา เหลือผู้คนเพียงครึ่งหนึ่ง ที่เต็มไปด้วยนักโทษที่ถูกกักขังและ… ชาวเมืองธรรมดา

ส่วนในเรื่องนี้หลิงเยว่ไม่มีหนทางจะทำอะไรได้ และก็ไม่อยากจะขัดขวางแล้ว หากตำนานเป็นความจริง เหล่าผู้บำเพ็ญที่มีการบำเพ็ญสูงทั้งหลายก็คงจะกลับมาในเร็ววัน

มีผู้บำเพ็ญขอบเขตปฐมวิญญาณ ลองเสี่ยงบุกเข้าไปยังหลุมวนนั้น เดิมร่างก็หายลับไปแล้ว แต่เพิ่งยังไม่ทันกะพริบตาเขาก็… ถูกคายออกมา

สภาพที่ถูกคายออกมาแทบดูไม่ได้เลยเพราะสภาพนั้นช่างน่าสยดสยอง เห็นได้ชัดว่าผลที่ตามมาจากการบุกเข้าไปมันร้ายแรงมาก

มีคนเดินเข้าไปคลำดมดูลมหายใจก่อนจะส่ายหัวไปทางคนด้านหลัง ตายแล้ว

ตายแล้ว!

เรื่องนี้ทำให้ผู้บำเพ็ญขอบเขตสูงที่มีความคิดคึกคะนองไม่กล้าเสี่ยงลองกันอีกแล้ว พวกเขาทำได้เพียงหันไปส่งข่าวให้กับรุ่นน้องในสำนัก ขอให้รีบรุดมาโดยเร็ว

เพราะหากช้าไป ทางเข้าลับก็อาจจะปิดลงก็ได้

ข่าวการตายของผู้บำเพ็ญขอบเขตปฐมวิญญาณหลายคนที่เสี่ยงบุกเข้าไปทำเอาเหล่าทหารชุดแดงที่ไม่ได้มีคุณสมบัติตรงตามเงื่อนไขต่างก็รู้สึกหวาดกลัวไปตาม ๆ กัน พวกเขาพากันวิ่งกลับเข้าไปในเมืองด้วยความเร็วราวกับเหาะได้ เพราะกลัวว่าหากช้าไปกว่านี้แล้วจะถูกหลุมวนนั้นดูดเข้าไปจนต้องจบชีวิตลง

หลิงเยว่ไม่มีความคิดใดเกี่ยวกับดินแดนลับแห่งนี้เลย และไม่สนใจในไข่ปลอมใบนั้นด้วย แต่ระบบที่ไร้ประโยชน์นั่นไม่รู้เป็นอะไร ถึงได้ให้นางซึ่งเป็นเพียงขอบเขตกลั่นลมปราณขั้นสิบให้ไปแย่งไข่กับเหล่าผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายนั่น!

อยากจะทำให้นางตายเร็วเกินไปหรืออย่างไร?

เท่านี้ยังไม่พอ ไข่ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าเมื่อครู่ ตอนนี้มันพุ่งตรงเข้าไปในหลุมวนต่อหน้าต่อตาผู้คน

หลิงเยว่ “!?”

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท