Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 290

ตอนที่ 290

Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 290 เจอเหยาเฟยอีกครา

3 ชั่วโมงต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็เดินทางกลับมาถึงเมืองหมื่นเทวะซึ่งก็เที่ยงคืนพอดี

“นายน้อย!”ฉินหยาง หลี่เฟย และคนที่เหลือต่างก็เฝ้ารอหวงเสี่ยวหลงที่หน้าบ้านพักเป็นเวลานาน เมื่อพวกเขามองเห็นหวงเสี่ยวหลง พวกเขาจึงรีบเข้าไปทักทายหวงเสี่ยวหลงทันที

หวงเสี่ยวหลงก็พยักหน้าแล้วเดินเข้าบ้านพักไป

พอคํานวลเวลาในการสํารวจภูเขาช่องว่างเสือใจสลายแล้ว พวกเขาคงต้องใช้เวลาอยู่ ในเมืองหมื่นเทวะอีกหลายวัน ดังนั้นหวงเสี่ยวหลงจึงตัดสินใจซื้อบ้านพักแห่งนี้ บ้านพักหลังนี้ไม่ได้ใหญ่มากนักแต่ราคาของมันประมาณล้านานเหรียญ ซึ่งแม้ว่าเหรียญทองจะเป็นสิ่งที่หวงเสี่ยวหลงขาดแคลนอยู่ก็ตาม

หวงเสี่ยวหลงได้นับจํานวนเหรียญทองทั้งหมดที่หอการค้าเก้าสมาพันธ์ที่หามาได้ในช่วงหลายปีนี้ และรวมกับเงินจากแหวนมิติของผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนที่เขาฆ่าไประหว่างทาง โดยเฉพาะเงินที่ได้จากการกําจัดศิษย์และผู้อาวุโสนิกายนักบุญพิษ รวมทั้งหมดแล้วทําให้หวงเสี่ยวหลง ร่ํารวยขึ้นมาทันที

พอเข้ามาในสนามหญ้าของบ้านพัก หวงเสี่ยวหลงก็ได้ให้ฉินหยางและคนที่เหลืออีก 3คนออกไป จากนั้นเขาก็เข้ามาในวิหารซูมทันที เมื่อเข้ามาในวิหารแล้ว เขาก็ได้นําเคล็ดวิชา 2 ชิ้นออกมา นั่นก็คือ ฝ่ามือเทวะแห่งความว่างเปล่าและเสียเพรียกแห่งปีศาจหยิน แล้วเริ่มการฝึกในช่วงหลายวันมานี้ ตั้งแต่ที่หวงเสี่ยวหลงได้เคล็ดวิชา 2 อันนี้มา หวงเสี่ยวหลงได้ใช้เวลาส่วนหนึ่ง มาฝึกเคล็ดวิชาทั้งสองซึ่งการฝึกฝนก็เป็นไปอย่างดีเยี่ยม

ภายในวิหารซูม ร่างของหวงเสี่ยวหลงก็ได้กระโดดไปย้ายตําแหน่งไปมาเรื่อยๆ ในขณะที่เขากํามือทั้งสองข้างแล้วชกออกไปหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่เขาโจมตีออกไปนั้นจะทําให้เกิดหมักยักษ์ไร้รูปไร้ตัวตนพุ่งออกไปใส่อากาศ หลังจากหมัดไร้รูปไร้ตัวตนพุ่งออกไปมันก็ได้แข็งตัวกลายเป็นมีตัวตนพร้อมกับปลดปล่อยกินอายอันลี้ลับและแปลกประหลาดออกมา นี่แหละคือหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า

ต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้สะบัดข้อมือและเปลี่ยนรูปแบบการไหลเวียนปราณในร่างของเขา ในขณะเดียวกันจู่ๆดวงตาของเขาก็ส่องแสงสีดําออกมาพ้อมกับอ้าปากปล่อยเคลื่อนเสียงออกมาราวกับคลื่นน้ําที่พุ่งชนกําแพงของวิหารซูมและกระจายออกไปทั่วทุกทิศทาง คลื่นเสียงนั้นก็ได้กระจายก้องไปทั่ววิหารซูมจนกระทั่งหายไป

พอเทียบกับพลังโจมตีของจินจงแห่งนิกายนักบุญพิษที่ใช้วิชานี้ออกมา พลังโจมตีของหวงเสี่ยวหลงที่ใช้วิชานี้ออกมานั้นมีมากกว่าถึง 2 เท่า เมื่อเขาฝึกเคล็ดวิชาทั้งสองเสร็จสิ้น ท้องฟ้าด้านนอกก็สว่างขึ้นแล้ว หวงเสี่ยวหลจึงหยุดฝึกแล้วออกจากหุบเขาเทวะซูม

เมื่อเขาออกาจากหุบเขาเทวะซูมี่ ฉินหยาง หลี่เฟย เจี่ยตงและหลิวงฉิงก็ยืนรอเขาด้วยท่าทางที่เจียมเนื้อเจียมตัวอยู่ก่อนแล้ว ทั้ง 5คนจึงเดินทางมุ่งหน้าไปโรงประมูลโดยไม่เสียเวลาทําอย่างอื่น

เพราะการประมูลในครั้งนี้ได้ดึงดูดผู้คนจากทั่วสารทิศมาที่เมืองหมื่นเทวะแห่งนี้ ฝูงชนที่มุ่งหน้าไปโรงประมูลนั้นมีมากมายราวกับแม่น้ําอันไร้ที่สิ้นสุดที่หลั่งไหลไปรวมในทิศทางเดียวกัน

แม้ว่าระยะทางจะไม่ไกลมากเท่าไหร่ แต่หวงเสี่ยวหลงจะต้องใช้เวลาครึ่งชั่วโมงในการเดินผ่านประตูที่แออัด ซึ่งข่าวที่เกี่ยวกับเคล็ดวิชาระดับสวรรค์ขั้นกลาง เคล็ดวิชาหมื่นภานุภาพ เคล็ดวิชาต่อสู้ดัชนีทะลายวายุ และหยกแห่งราชายักษาได้กระจายออกไปทั่วดินแดนแห่งความโกลาหลนี้แล้ว ทําให้ผู้เชี่ยวชาญจากหลายขุมกําลังรีบมาเมืองนี้เพื่อมาร่วมการประมูล

“ดูนั้น นั่นนายน้อย จ้าวเฉินแห่งเมืองบาป!” ทันทีก็เกิดความวุ่นวายขึ้นในฝูงชน

หวงเสี่ยวหลงที่ดึงดูดโดยฝูงชนที่ส่งเสียงเอะอะโวยวายก็หันหน้าไปมองตามฝูงชน ก็มองเห็นว่าฝูงชนได้เปิดเส้นทางขนาดเล็กให้ชายหนุ่มที่ใส่เสื้อคลุมปักลายเดินเข้ามาพร้อมกับมีผู้คุ้มกัน คอยปกป้อง

“ข้าไม่คิดว่าแม้กระทั่งนายน้อยจ้าวเฉินก็มาการประมูลครั้งนี้ด้วย! ข้าได้ยินมาว่าเจ้าเมืองแห่งบาปนั้นมีลูกถึง 13 คน และนายน้อยเจ้าเฉินนั้นเป็นคนที่มีพรสวรรค์มากที่สุดอีกทั้งยังเป็นที่โปรดปรานของเจ้าเมืองแห่งบาปด้วย!”

“ข้าสงสัยว่านายน้อยเจ้าเฉินมีการบ่มเพาะอยู่ระดับใหนแล้ว มีข่าวลือว่าเขานั้นได้ทะลวงเข้าสู่ระดับเทวะเมื่อประมาณ 30 ปีก่อน!”ในท่ามกลางฝูงชนก็ได้เกิดเสียงพูดคุยดังขึ้น ชายหนุ่มหล่อเหลาชุดลายปักคนนี้คือหนึ่งในบุตรของเจ้าเมืองแห่งบาปงั้นหรือ?”

เมืองแห่งบาปนั้นเป็นหนึ่งในสิบขุมกําลังยักษ์ใหญ่แห่งดินแดนแห่งความโกลาหล ซึ่งที่จริงมัน เป็นขุมกําลังที่ใหญ่ที่สุดต่างหาก

ในตอนนั้น จ้าวเฉินที่มีผู้คุ้มกันคอยปกป้องที่เดินผ่านหน้าหวงเสี่ยวหลงไป ในตอนที่จ้าวเฉิน เดินผ่านหวงเสี่ยวหลงไม่รู้ว่าเป็นความตั้งใจหรือเรื่องบังเอิญ หางตาของเขาก็ได้เหลือบไปเห็นหวงเสี่ยวหลง ทําให้สายตาของพวกเขาทั้งสองหันมาพบกันและในเวลาเดียวกันนั้นก็มีแรงกดดันได้รูปเข้าปกคลุมหวงเสี่ยวหลง

มันทําให้จิตวิญญาณของหวงเสี่ยวหลงสั่นไหวแต่มันก็เป็นแค่ช่วงครู่ จากนั้นเขาก็ทําลายแรงกดดันพวกนั้นให้หายไปทันที เมื่อเขาทําแบบนั้น จ้าวเฉินและผู้คุ้มกันที่ก็ได้เข้าไปในห้องโถงประมูลแล้ว

“นายน้อย?”ฉินหยางก้ได้เข้ามาใกล้หวงเสี่ยวหลงและถามออกมาอย่างระมัดระวัง

หวงเสี่ยวหลงก็จ้องแผ่นหลังจ้าวเฉินอย่างไม่กระพริบตา “เข้าไปกันเถอะ” แม้ว่ามันจะเพียงแค่เสี้ยวพริบตา แต่มันก็พอให้หวงเสี่ยวหลงสามารถคาดคะเนในความแข็งแกร่งของจ้าวเฉินได้แล้ว จ้าวเฉินนั้นจะต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะอย่างไม่ต้องสงสัย นั่นเพราะแรงกดดันที่ปลดปล่อยออกมานั้นปลอมแปลงไม่ได้

ไม่เพียงแค่นั้น หวงเสี่ยวหลงก็มองเห็นความคิดของจ้าวเฉินผ่านสายตาด้วย มันรู้หรอว่าข้าเป็นใคร?

พอเดินมาถึงทางเข้าโรงประมูล หวงเสี่ยวหลงก็ได้จ่ายเหรียญทองล้านเหรียญแล้วเข้าไปในห้องโถงประมูลพร้อมกับฉินหยางและคนอื่นๆ พอเดินขึ้นไปชั้นหนึ่ง หวงเสี่ยวหลงก็มองตรวจสอบรอบๆ และเลือกที่นั่งตรงมุมข้างหลังที่ไม่ค่อยมีผู้คนแล้วเดินไปนั่งลง

โรงประมูลแห่งเมืองหมื่นเทวะนี้มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้น2และชั้น 3 นั้นจะเป็นห้องส่วนตัวที่สร้างขึ้นเพื่อผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ ดังนั้น หวงเสี่ยวหลงจึงทําได้เพียงนั่งอยู่ในชั้น หนึ่งเหมือนกับแขกคนอื่นๆ

ในห้องส่วนตัวหมายเลข 9 บนชั้นสาม จ้าวฉันก็ได้นั่งอยู่ในนี้ เขาสังเกตเห็นหวงเสี่ยวหลงนั่งเก้าอี้ตรงมุมห้องที่ไม่ค่อยจะมีคนที่ชั้นหนึ่ง

“เขาหนะหรอหวงเสี่ยวหลง?” จ้าวเฉินก็ได้ถามผู้คุมกันที่อยู่ด้านข้าง

ชายชราผมเงินที่ยืนอยู่ข้างหลังด้านซ้ายของจ้าวเฉินก็ก้าวออกมาตอบ “ใช่แล้วขอรับ นายน้อย”

จ้าวเฉินก็พยักหน้าในดวงตาส่งอสว่างระยิบระยับแต่ไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดอะไรกันแน่ ใน งของหวงเสี่ยวหลงนั้นก็ได้มีเสียงพูดคุยขึ้นข้างๆของหวงเสี่ยวหลงในขณะที่เขานั่งลง

“งานประมูลในครั้งนี้ แม้กระทั่งผู้อาวุโสเหอหยุนเชียงแห่งเมืองสหัสวรรษก็ยังมาเข้าร่วม!”

“ผู้อาวุโสเหอหยุนเซียงมางั้นหรือ?!”

ใช่แล้ว มีคนบอกว่าบรรพบุรุษของผู้อาวุโสเหอหยุนเซียงนั้นคือ หนึ่งใน 6 ราชาโบราณ ราชายักษา หยกราชายักษาคงไปดึงดูดให้ผู้อาวุโสเหอหยุนเซียงมาที่นี่อย่างนานอน ข้าคิดว่าผู้อาวุโสเหอหยุนเชียงคงตัดสินใจมาเอาหยกนั้นเป็นแน่แท้!”

“ข้าได้ยินว่านายน้อยจ้าวเฉินกมาประมูลในครั้งนี้เหมือนกัน เขาคงเล็งหยกราชายักษาไว้เป็นแน่ ซึ่งอาจทําให้ความปรารถนาของผู้อาวุโสเหอหยุนเซียงไม่เป็นจริงแน่เลย”

เฮอหยุนเซียง? พอได้ยินเสียงพูดคุยของคนที่นั่งข้างๆ หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจ เขาไม่คาดคิดว่าแม้กระทั่งเฮอหยนเซียงก็ยังเข้าร่วมการประมูลในครั้งนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะหยกชิ้นนี้

เมืองสหัสวรรษนั้นเป็นหนึ่งใน10เมืองที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งความโกลาหลแห่งนี้แต่มันอยู่ในอันดับที่ค่อนข้างต่ํา และเฮอหยุนเชียงนี้ก็เป็นเจ้าเมืองสหัสวรรษ และยังเป็นหนึ่งใน 10 ผู้ เชี่ยวชาญระดับสูงของดินแดนแห่งความโกลาหล

ในช่วงสิบปี ผู้เชี่ยวชาญระดับระดับสูงนั้นไม่ค่อยจะออกมาพบปะผู้คนสักเท่าไหร่ มันเลยทําให้ทุกคนๆต่างตื่นเต้นที่ได้เห็นเฮอหยืนเวียงเข้าร่วมการประมูลเป็นการส่วนตัว

และในตอนนี้เอง ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็หรี่แคบลงในขณะที่เขาจับจ้องร่างที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องโถง คนๆนี้ก็คือเหยาเฟย! ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เย็นชาขึ้นมาเนื่องจากการประกฏตัวของเหยาเฟยในดินแดนแห่งความโกลาหลนั้นอาจจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

ราวกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง เหยาเฟยก็ได้หันหน้าไปปะทะกับสายตาของหวงเสี่ยวหลง ตอนแรกเหยาเฟยก็ตกตะลึงแต่จากนั้นเขาก็รู้สึกมีความสึกราวกับนักล่าที่พบเหยื่อในขณะเดียวกันดวงตาของเขาก็ได้เปล่งประกายจิตสังหารขึ้นมา

เหยาเฟยที่จ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างเอาเป็นเอาตาย ก็พูดภาษาปากว่า หวงเสี่ยวหลง ถึงเวลาตายของเจ้าแล้ว!

แต่หวงเสี่ยวหลงกลับยิ้มเย้ยหยันอย่างเย็นชาส่งกลับไปแทน

Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท