ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 133 พวกเจ้าทุกคนต้องตาย! ตายกันให้หมด!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 133 พวกเจ้าทุกคนต้องตาย! ตายกันให้หมด!

บทที่ 133 พวกเจ้าทุกคนต้องตาย! ตายกันให้หมด!

หลังจากนั้นม้วนคัมภีร์สีทองขนาดเล็กแผ่นหนึ่งก็ลอยทะลุผ่านเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ไปติดกับเปลือกไข่ ภายในชั่วพริบตาเปลือกไข่นั้นก็กำลังจะแตกออก

หลิงเยว่ได้หยดเลือดของนางลงบนม้วนคัมภีร์สัญญาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตอนนี้สิ่งที่ขาดคือเลือดของนก ซึ่งไม่รู้ว่าคัมภีร์นี้ที่ราคาสูงถึงหนึ่งแสนล้านจะมีประโยชน์หรือไม่?

ม้วนคัมภีร์เปล่งประกายสีทองเจิดจ้าออกมา แสงสีทองอันแฝงไว้ด้วยแรงกดดันทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตที่อยู่ข้าง ๆ ตัวสั่นเทาขึ้นมาทันที มันคิดว่ามนุษย์ผู้เปราะบางนางนี้เพียงพูดโอ้อวด แต่ไม่คิดว่านางจะสามารถหยิบสิ่งของที่สามารถทำพันธสัญญากับไข่นกออกมาได้จริง

“มนุษย์ชั่วช้า ข้าจะฆ่าเจ้า!”

เสียงคำรามอันโกรธแค้นดังมาจากในไข่!

แต่ไม่ว่านางจะคำรามอย่างไร ม้วนคัมภีร์นั้นก็ยังคงติดอยู่บนเปลือกไข่อย่างแน่นหนา ทั้งแสงสีทองยังห่อหุ้มไข่ไว้ทั้งใบอีกด้วย เปลวเพลิงแห่งสวรรค์ยังไม่อาจทำอันใดได้

เมื่อได้ยินถ้อยคำที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น หลิงเยว่พลันขนลุกชัน

อย่ามาโทษนางเลย ถ้าจะฆ่าก็ไปฆ่าระบบเถิด หากไม่ใช่เพราะภารกิจ นางจะกล้าเสี่ยงมาทำพันธสัญญากับไข่เช่นนี้หรือ?

“เอ่อ… หัวหน้าตะขาบมรกตเมื่อครู่เจ้าบอกว่า หากไข่ฟักออกมาแล้ว เจ้าจะคอยปกป้องข้า ข้ายังเก็บโอสถเปลี่ยนร่างไว้ให้น้องของเจ้าอีกเม็ด”

นัยยะก็คือ หากนางตายไป เผ่าตะขาบมรกตสี่ปีกคงไม่มีโอกาสเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แน่นอน!

“ถ้าหากทำพันธสัญญาสำเร็จ นางจะทำอันใดเจ้าไม่ได้”

หัวหน้าตะขาบมรกตคว้าตัวหลิงเยว่ไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง สายตาของมันจ้องมองไปยังไข่ทองคำที่กำลังเปล่งแสงด้วยความสะใจ เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นเจ้านกสกปรกต้องประสบเคราะห์กรรม นกสามขาสีทองคงต้องถึงคราวล่มสลายในรุ่นนี้!

ในขณะที่พวกเราเผ่าพันธุ์ตะขาบมรกตสี่ปีกจะได้ผงาดขึ้นแล้ว!

“ฮ่า ๆ!” หัวหน้าตะขาบมรกตถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่น

“หัวหน้าตะขาบมรกต เจ้าไม่ต้องการน้องของเจ้าแล้วหรือ แม้แต่วังหลังที่สิบเจ้าก็ไม่ต้องการแล้วอย่างนั้นหรือ!”

นกสามขาสีทองโมโหสุดขีด รอยร้าวบนเปลือกไข่ยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ ขอเพียงมันแตกออกทั้งหมดนางก็รู้แน่ว่าจะต้องถูกม้วนคัมภีร์ทำพันธสัญญา หนทางแก้ไขเพียงทางเดียวก็คือสังหารผู้ที่เป็นเจ้าของม้วนคัมภีร์นั้นเสีย!

ก่อนหน้านี้ปรารถนาอย่างมากที่จะออกจากเปลือกไข่ แต่บัดนี้กลับอยากให้เปลือกไข่คงอยู่ได้อีกชั่วครู่ รอให้นางจัดการมนุษย์ผู้นี้ให้เรียบร้อยเสียก่อนเถิด!

หัวหน้าตะขาบมรกตเดินเข้าไปใกล้เปลือกไข่ ขณะที่เท้าเปล่าเหยียบย่ำบนอากาศ “เจ้ามองดูข้าในตอนนี้สิ ยังต้องการสิ่งใดจากวังหลังที่สิบอีกเล่า ส่วนเจ้าสี่… หากสามารถเสียสละเพื่อเผ่าตะขาบมรกตสี่ปีกได้ นับว่าตายอย่างมีเกียรติ มันคงจะยินดีเป็นอย่างยิ่ง”

หลิงเยว่ “…”

ช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!

“เจ้ากลายร่างแล้วเช่นนั้นหรือ?!”

ไข่นกพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่เชื่อ เป็นไปได้อย่างไร เผ่าพันธุ์ตะขาบมรกตมรกตสี่ปีก ไม่สามารถแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ พวกมันถูกสาปให้ไม่มีวันแปลงร่างเป็นมนุษย์ได้ตลอดไป!

โลกผู้บำเพ็ญเซียนเกิดปัญหาใหญ่แล้ว! ไม่เพียงแต่ปัญหาการฝ่าด่านพ้นโลกีย์เท่านั้น แม้แต่คำสาปที่เทพเจ้าประทานลงมายังเสื่อมสลาย!

นกสามขาที่จิตใจไม่มั่นคงถูกม้วนคัมภีร์ใช้โอกาสนี้พุ่งเข้าใส่จากรูเปลือกไข่ที่แตกอยู่เล็กน้อย เมื่อม้วนคัมภีร์ทะลุเข้าไป เปลือกไข่ก็แตกกระจายออกทั้งใบ!

นกตัวนั้นไม่ทันหนี ร่างของมันก็ถูกแสงทองคำห่อหุ้มไว้ทั้งหมด

แสงทองคำที่เต็มไปด้วยอำนาจบังคับทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สึกอึดอัดอย่างยิ่ง มันรีบฉุดลากหลิงเยว่ถอยกลับไปอย่างรวดเร็ว

เสียงร้องอันประหลาดของนกดังก้องไปทั่วแผ่นดิน เปลวเพลิงแห่งสวรรค์ที่นกสามขาได้กลั่นจนบริสุทธิ์ลุกโชนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง วังแห่งนี้ถูกเปลวเพลิงแผดเผาไปเสียสิ้น!

เปลวเพลิงสีแดงทองอันเป็นร่างแท้จริงของเปลวเพลิงแห่งสวรรค์ได้ลุกโชนขึ้นเผาไหม้ม้วนคัมภีร์จนมอดไหม้เป็นจุณ

การต่อสู้ระหว่างสามฝ่ายเกิดขึ้นอย่างดุเดือด และยากจะคาดเดาผลลัพธ์ แต่ผู้เคราะห์ร้ายกลับเป็นสามมนุษย์ผู้เฝ้าชมและฝูงตะขาบ เหล่าฝูงตะขาบมรกตนับไม่ถ้วนที่ยังไม่ทันถูกเรียกกลับล้วนถูกเผาเป็นจุณในพริบตา กำแพงจากน้ำลายสีเขียวที่ปกป้องหลิงเยว่เริ่มอ่อนแอลง แสงสว่างริบหรี่ลงทุกขณะ

หัวหน้าตะขาบมรกตพร้อมด้วยผู่ตานและลู่เป่ยเหยียน พุ่งทะยานเข้าสู่เปลวเพลิงแห่งสวรรค์หัวหน้าตะขาบมรกตรีบคว้าตัวหลิงเยว่และรีบตามไป ทว่าเปลวเพลิงที่เผาผลาญทุกสิ่งนั้นกำลังโกรธเกรี้ยว ย่อมไม่ใช่เรื่องที่จัดการได้ง่ายอย่างแน่นอน!

บางทีเขตแดนลับสัตว์อสูรนี้คงอยู่ไม่ได้แล้ว!

หลิงเยว่มองดูนกสามขาสีทองที่ต่อต้านอย่างรุนแรง รู้สึกเห็นใจมันไม่น้อย ลองคิดดูเถิด หากนางถูกคนแปลกหน้าทำสัญญาผูกมัดเช่นนี้ นางก็คงจะต่อต้านสุดชีวิตไม่ต่างจากนกศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เช่นกัน

หลิงเยว่ไม่ชอบวิธีการเช่นนี้เอาเสียเลย แม้จะต้องการเพื่อนร่วมทาง แต่นางต้องการผู้ที่เต็มใจมาอยู่ด้วย ไม่ใช่ถูกบังคับหรือผูกมัดเช่นนี้

ทันใดนั้น ความคิดของหลิงเยว่พลันหยุดชะงัก นางรู้สึกเหมือนกับว่าในจิตวิญญาณของนางมีแสงสีแดงปรากฏขึ้น ทับซ้อนกับแสงสีดำที่เคยมีอยู่จากการทำพันธสัญญากับราชาดอกไม้เกล็ดหิมะดำ

[ท่านทำภารกิจหลักที่ 13 สำเร็จ! จับไข่ใบนั้นได้ ท่านได้รับรางวัล ค่าพลังวิญญาณ +1,000,000,000 แต้ม อายุขัย +20,000 วัน ค่าพลังวิญญาณคงเหลือ -50,907,000,000 แต้ม อายุขัยคงเหลือ 30,150 วัน]

หลิงเยว่หันไปถามหัวหน้าตะขาบมรกตว่า “หากข้ายกเลิกสัญญาตอนนี้ นกตัวนั้นมันจะฆ่าข้าหรือไม่?”

หัวหน้าตะขาบมรกตมองดูหลิงเยว่ราวกับมองคนเสียสติไปแล้ว มันไม่คาดคิดว่ามนุษย์ผู้เปราะบางจะถามเช่นนี้ แค่มองดูเจ้านกที่กำลังต่อต้านอย่างสุดชีวิตอยู่ตรงหน้าก็รู้แล้วว่ามันมีนิสัยดื้อรั้นเพียงใด

“มันจะไม่ฆ่าแค่เจ้า ยังรวมทั้งข้า… และผู้คนที่เจ้ารู้จักอีกด้วย”

หลิงเยว่ชะงักไปชั่วครู่ พลางคิดว่านกศักดิ์สิทธิ์อันสูงส่งถูกทำพันธสัญญาโดยเด็กสาวอ่อนแอเช่นนาง คงเป็นความอัปยศอดสูครั้งใหญ่สำหรับมัน และหากถอนพันธสัญญาออก เมื่อไร้ข้อจำกัดแล้วนางอาจจะยิ่งฆ่าได้มากกว่านี้เสียอีก

“ระบบ มีหนทางใดให้ข้าจะสลายสัญญาที่ผูกมัดข้ากับนกตัวนี้ โดยที่ไม่เป็นอันตรายต่อข้าและ… บุคคลที่ข้ารู้จักหรือไม่?”

[เจ้าหมดสิทธิ์ผ่อนชำระแล้ว จะซื้อของในนี้ได้ก็ต่อเมื่อเจ้าชำระหนี้ให้หมดสิ้น]

ดังนั้นแม้จะมีหนทาง หลิงเยว่ก็ไม่อาจซื้อมันได้!

โอ้โห!

ช่างโหดร้ายนัก!

จบสิ้นแล้ว!

ในเวลาอันสั้น ศิษย์พี่คงหาหินวิญญาณจำนวนสี่พันล้านก้อนให้ข้าไม่ได้ และหินวิญญาณของข้าก็หมดไปกับเมืองฮั่วหยางแล้ว เรียกได้ว่าสิ้นเนื้อประดาตัว!

ประตูทางออกได้ปรากฏขึ้นในชั่วพริบตาที่นกสามขาโผล่ออกมาจากไข่ เปลวเพลิงจากตัวมันได้เผาทลายวังไปทั้งหลัง เปลวไฟยังคงโหมกระหน่ำลุกลามออกไป…

“เร็วเข้า ทางออกอยู่ตรงนั้น!”

หัวหน้าตะขาบมรกตชี้ไปยังทิศทางหนึ่งท่ามกลางแสงสีแดง แล้วรีบบินไปทางนั้นทันที เจ้าตะขาบมรกตตัวที่สามโบกปีกไล่ตามจนควันโขมง

ในระหว่างที่พวกมันกำลังหนีตายอย่างบ้าคลั่ง ประตูทางออกก็ปิดลงทันใด!

“พวกเจ้าทุกคนต้องตาย! ตายกันให้หมด!”

เสียงอันเยาว์วัยดังก้องไปทั่วเขตแดนลับนี้ และเขตแดนลับนี้ก็เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชนแผดเผาทุกสิ่งที่ขวางหน้าจนกลายเป็นเถ้าถ่าน

“ท่านหัวหน้า เจ้านกนั่นมันโกธรจนสติแตกแล้ว จะพาพวกเราไปตายด้วย!”

“พวกเราหนีไม่พ้นแล้วหัวหน้า ข้ายังไม่อยากตาย ข้ายังไม่ได้ลิ้มรสการแปลงร่างเลย…”

“โอ๊ย! พวกมันตามมาทันแล้ว บินเร็วเข้า!”

แมลงตะขาบมรกตทั้งสี่ตัวบินจนปีกแทบไหม้ หัวหน้าตะขาบมรกตสี่ปีกที่เพิ่งแปลงร่างสำเร็จก็จำต้องเปลี่ยนกลับคืนร่างเดิม เพราะสามารถบินได้เร็วกว่าร่างมนุษย์

พวกมันยังต้องหนีตายแทบสิ้นใจ แม้ว่าจะมีความแข็งแกร่งมากขนาดนี้ แล้วเหล่าผู้บำเพ็ญที่มีพลังจินตานสูงที่สุดนั้นก็คงไม่ต้องพูดถึง

[หากเจ้าไม่หยุดการกระทำของนกนั่น เจ้าจะต้องเป็นคนรับกรรมแทน]

“จะหยุดได้อย่างไร? บอกข้ามาเร็ว” ดวงตาของหลิงเยว่เปล่งประกายด้วยความหวัง

[ต้องทำให้นางหลับใหล]

หลิงเยว่ยังมีคำถามอีกมากมาย แต่ทันใดนั้นเคล็ดวิชาหมื่นชีวางอกเงยในหัวของนางก็พลิกเปิดไปเอง หน้ากระดาษปรากฏวิธีการบังคับให้คู่พันธสัญญาสลบ

หลิงเยว่เริ่มทำตามเคล็ดวิชา นางเริ่มทำท่ามุทราและท่องคาถา ทันใดนั้นนางก็รู้สึกแปลกใจเพราะคาถานี้ยาวและยากเย็นกว่าที่นางคิดไว้มาก

กระนั้นเพื่อไม่ให้ต้องแบกรับกรรมมหันต์ นางจึงเร่งความเร็วในการท่องคาถามากขึ้น มือทั้งสองก็ร่ายรำจนเห็นแต่ภาพซ้อน คนเราเมื่อตกอยู่ในอันตรายก็สามารถดึงเอาศักยภาพอันมากมายมหาศาลออกมาใช้ได้อย่างแท้จริง

เมื่อคำสุดท้ายของคาถาถูกเปล่งออกมา เปลวไฟก็หยุดลง เขตแดนลับนี้ก็หยุดพังทลายลงเช่นกัน…

ทางออกที่ถูกปิดตายไป กลับปรากฏขึ้นอีกครั้ง เหล่าผู้บำเพ็ญในดินแดนลับต่างเห็นแสงสว่างแห่งความหวัง พวกเขารีบวิ่งไปยังทางออกด้วยความรวดเร็ว

ครั้งหนึ่งพวกเขาต้องการที่จะเข้ามา แต่บัดนี้พวกเขาก็ปรารถนาอย่างสุดซึ้งที่จะได้ออกไป!

“เจ้ามนุษย์ตัวน้อย มาอยู่ที่นี่เองหรือ!”

หลิงเยว่ที่กำลังเร่งหนีทันใดนั้นนางก็หันขวับไปมอง เด็กหนุ่มที่สะพายกระบี่ปรากฏในสายตาของนาง แววตาของเขาที่มองมาเต็มไปด้วยความอาฆาตราวกับว่านางเป็นผู้สังหารครอบครัวของเขา

ส่วนหลิงเยว่นั้น นางจำไม่ได้ว่าเคยรู้จักคนผู้นี้มาก่อน…

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท