บทที่ 154 ตอนนี้ยังทันอยู่หรือไม่?
บทที่ 154 ตอนนี้ยังทันอยู่หรือไม่?
“เข้าใจแล้ว” ชายหนุ่มผู้นั้นยิ้มอย่างเป็นมิตร “ข้าตามหาท่านรองเจ้าเมืองหลิงเพราะเรื่องอื่นต่างหาก”
“เรื่องใดถึงพูดที่นี่ไม่ได้ พวกมนุษย์ชอบปิดบังยิ่งนัก”
เจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตราวกับกินดินปืนเข้าไปเพียงคำเดียวก็ระเบิดออกมาเสียแล้ว ทำให้หลิงเยว่ยังไม่มีโอกาสได้พูดเลยแม้แต่น้อย
“ท่านพูดถูกแล้ว”
ชายหนุ่มพลางยื่นจดหมายเชิญสีทองให้แก่หลิงเยว่
“นี่คือจดหมายเชิญจากสำนักกลั่นโอสถเหอตง หวังว่าท่านรองเจ้าเมืองหลิงจะรับไว้พิจารณา”
เหอตง… สำนักกลั่นโอสถอย่างนั้นหรือ?
ชื่อสำนักนี้ฟังแล้วคุ้นหูเหลือเกิน แต่ไม่รู้ว่าเคยได้ยินจากที่ใด
“ข้ามีอาจารย์แล้ว”
“ไม่ใช่อย่างนั้น ท่านเข้าใจผิดแล้ว โปรดดูข้อความในจดหมายเชิญให้ถี่ถ้วนก่อนเถิด”
ชายหนุ่มยิ้มพร้อมหลีกทางให้หลิงเยว่และเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกต เหล่านักกลั่นโอสถคนอื่นต่างเฝ้ามองจดหมายเชิญในมือของหลิงเยว่ด้วยสีหน้าสับสน
“ไปกันเถิด!” คราวนี้เป็นเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตที่ลากหลิงเยว่เดินจากไปเสียเอง
หนึ่งคนกับหนึ่งตะขาบมรกตเดินจากไปแล้ว ชายผู้นั้นก็ถูกรุมล้อมจากบรรดาเหล่านักกลั่นโอสถทันที
“ผู้อาวุโสเถา ท่านให้จดหมายเชิญง่าย ๆ เช่นนี้ ถือว่าเหมาะสมแล้วหรือ?”
“ไม่เหมาะสมอย่างไร?” ริมฝีปากของเถาจวงยกขึ้นเล็กน้อย ผู้ที่สร้างอาหารวิญญาณพิเศษถือว่ามีคุณสมบัติที่จะเป็นอาจารย์ของสำนักกลั่นโอสถเหอตงแล้ว
[ภารกิจหลักที่ 15 : ยอมรับคำเชิญ เดินทางไปสำนักกลั่นโอสถเหอตงเพื่อฝึกสอนเป็นเวลาสามปี รางวัลคือ ค่าพลังวิญญาณ +5,000,000,000 แต้ม อายุขัย +50,000 วัน]
ว่าอย่างไรนะ!
ฝึกสอน? เป็นอาจารย์ของนักกลั่นโอสถอย่างนั้นหรือ?
หลิงเยว่รีบหยิบจดหมายเชิญที่นางโยนทิ้งลงในแหวนเก็บของออกมาอ่านอย่างละเอียด พออ่านจบพลันรู้สึกไม่สบายใจยิ่งนัก
กลายเป็นว่าไม่ใช่ให้นางไปร่ำเรียน แต่ให้นางไปเป็นอาจารย์ ในตำแหน่งอาจารย์อาหารวิญญาณพิเศษหรือ!
เรื่องนี้ทำให้นางโล่งใจเล็กน้อย ยังดีที่ไม่ใช่ให้ไปสอนการกลั่นโอสถ เพราะตอนนี้แม้แต่โอสถฟื้นปราณที่เป็นพื้นฐานที่สุดของนักกลั่นโอสถ นางยังกลั่นไม่ได้ แล้วจะไปสอนสิ่งใดได้กัน
จะว่าไปแล้ว นางไม่นึกว่าผู้อาวุโสแห่งสำนักกลั่นโอสถเหอตงจะมีความคิดเช่นนี้ เพียงเห็นความสามารถอันเฉียบคมและท่าทีที่จริงใจของเขาแล้ว แม้ระบบจะไม่เผยภารกิจ หลิงเยว่ก็ต้องไปอยู่ดี!
เมื่อคิดได้ดังนั้น หลิงเยว่ก็เก็บจดหมายเชิญนั้นอย่างชื่นอกชื่นใจ จากนั้นนางก็พาเจ้าตะขาบมรกตกลับไปยังจวนท่านเจ้าเมืองทันที
ห้องกลั่นโอสถของนางพังทลายจนกลายเป็นซากปรักหักพัง เหลือเพียงลานว่างในจวนเจ้าเมืองที่นางสามารถใช้ทำอาหารได้เท่านั้น
เพื่อให้เจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตอิ่มหนำสำราญใจก่อน แล้วค่อยหารือเกี่ยวกับตะขาบมรกตตัวที่เจ็ดและเรื่องที่จะให้หัวหน้าตะขาบมรกตคุ้มกันนาง
จะทำสิ่งใดดีเล่า?
“ใช่ วังเห็ดยักษ์ของวิญญาณผู้พิทักษ์น้อย เจ้าเอากลับมาด้วยหรือไม่?”
หัวหน้าตะขาบมรกตอ้าปากออก พร้อมกับคายวังเห็ดทองคำยักษ์ขนาดเท่าบ้านออกมา…
นอกจากอวัยวะภายในปกติของเจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตแล้ว หลิงเยว่ไม่คิดว่าจะมีโลกอีกใบในท้องของมันด้วย แต่นางยังไม่อาจยอมรับได้ จึงไม่อยากปรุงอาหารจานนี้สักเท่าไหร่นัก
“เจ้ากินโอสถที่ทำจากน้ำลายของมันไปแล้ว ยังจะสนใจเรื่องเห็ดที่ออกมาจากปากมันอีกหรือ?” ชิงยวนเข้าใจความคิดของหลิงเยว่ในทันที จึงเอ่ยซ้ำเติม
ใบหน้าของหลิงเยว่เริ่มคล้ำเขียวขึ้น กลิ่นหอมแปลก ๆ ในโอสถฟื้นฟูระดับกลางนั้นมาจากน้ำลายของหัวหน้าตะขาบมรกตเช่นนั้นหรือ
ตอนนี้หากนางออกไปอาเจียนยังทันอยู่หรือไม่?
“ฮ่า ๆ ๆ!”
หัวหน้าตะขาบมรกตรู้สึกว่าสีหน้าของหลิงเยว่ในเวลานี้น่าสนใจยิ่งนัก
ชิงยวนเองก็อดขำไม่ได้
“รีบทำเถิด หากเจ้าทำเสร็จแล้ว ข้าจะพิจารณาเรื่องไปเมืองทะเลทรายร้างกับเจ้า”
หลิงเยว่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ นางพยายามลืมเรื่องน้ำลายนั่น แล้วกลับมาให้ความสนใจกับเห็ดสีทองยักษ์ที่มีพิษอยู่เล็กน้อย ซึ่งนางไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติมันจะเป็นเช่นไร
หลิงเยว่หยิบมีดทำครัวหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใช้พลังวิญญาณชำระล้างพิษออก จากนั้นนางก็ลองกินมันทันที
สัมผัสกรุบกรอบ มีรสหวานเล็กน้อย น้ำในเห็ดอัดแน่นด้วยพลังปราณสีทอง พอเคี้ยวแล้วมีกลิ่นหอมแปลก ๆ อยู่ทั่วปาก แตกต่างจากเห็ดที่เคยกินทั่วไป
นางตัดสินใจแล้ว วันนี้จะใช้วังเห็ดสีทองนี้เป็นส่วนผสมหลัก ได้เวลาแสดงฝีมือแล้ว!
บัดนี้ลานหญ้าในสวนที่สวยงามกลายเป็นครัวกลางแจ้งของหลิงเยว่ ส่วนของหมวกเห็ดและก้านเห็ดถูกนางหั่นออกไปบางส่วน ซึ่งส่วนที่เหลือเหล่านั้นถูกเก็บไว้ในแหวนเก็บของของนาง
เมื่อหัวหน้าตะขาบมรกตเห็นเช่นนั้นก็ไม่รู้สึกอะไร เพราะวังเห็ดเช่นนี้เขาขุดมาหลายต้นแล้ว จะให้ดอกเห็ดกับเจ้ามนุษย์เปราะบางสักหนึ่งต้นนั่นไม่ถือเป็นปัญหา
เมื่อหลิงเยว่เริ่มลงมือทำอาหาร กลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายไปในอากาศ
หลิงเยว่ทำไปทั้งหมดสิบสองอย่าง ทั้งทอด ต้ม ผัด นึ่ง….
อาหารสิบสองอย่างที่มีวิธีปรุงต่างกัน แต่ใช้ส่วนผสมหลักชนิดเดียวกัน ทำให้มนุษย์หนึ่งคนกับตะขาบมรกตอีกหนึ่งตัวที่ยืนดูอยู่รู้สึกประหลาดใจยิ่งนัก
น่าเสียดายนัก หากศิษย์ตัวน้อยของนางกลั่นโอสถเก่งเช่นนี้คงจะดีไม่น้อย ชิงยวนครุ่นคิด
กุ้งสับยัดไส้ก้านเห็ด หัวเห็ดเปรี้ยวหวาน เห็ดหั่น ก้านเห็ดผัดเผ็ด หัวเห็ดห่อเนื้อ…
อาหารทุกจานล้วนผสมผสานกับตำราอาหารของจีน แต่ก็ได้มีการดัดแปลงและใส่สมุนไพรวิญญาณระดับกลางเข้าไปอีกด้วย สีสันของอาหารแต่ละจานช่างสวยงามและน่ากินยิ่งนัก
หัวหน้าตะขาบมรกตลอบกลืนน้ำลายลงคอ
หลิงเยว่เข้าใจดีว่าเหตุใดเขาถึงได้กลายเป็นนักกินตัวยง เนื่องจากถูกจองจำมานานหลายพันปี สิ่งที่กินได้หรือกินไม่ได้ สิ่งที่อร่อยหรือไม่อร่อย หัวหน้าตะขาบมรกตต่างเคยกินหมดแล้ว ตอนนี้เมื่อเป็นอิสระก็ได้มากินอาหารเลิศรสที่นางทำ เป็นเช่นนี้แล้วจะอดใจไหวได้อย่างไร
โม่จวินเจ๋อที่กำลังบำเพ็ญอยู่อย่างสันโดษ ถูกกลิ่นหอมที่ลอยมาจาง ๆ ปลุกให้เขาลืมตาตื่นขึ้น พร้อมกับเฝิ่นอีวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยเดินออกมาจากห้องไปตามกลิ่นหอมนั้น
ติงหลิวหลิ่วและว่านอวี้เฟิงก็เดินออกมาด้วยเช่นกัน…
ทั้งสามคนวิ่งตรงไปที่สวนด้วยความเร็วในทันที
เจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตได้เริ่มลงมือกินอย่างรวดเร็ว ท่าทางนั้นช่างหยาบกระด้างยิ่งนัก
หลิงเยว่กลัวว่าตัวเองจะไม่ได้กิน จึงรีบคีบกุ้งสับยัดไส้ก้านเห็ดขึ้นมา ก้านเห็ดสีทองขนาดใหญ่ถูกนางหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ คว้านส่วนที่เกินออกเพื่อใส่ไส้กุ้งห่อด้วยสมุนไพรวิญญาณ จากนั้นก็นำไปนึ่ง เมื่อกุ้งสุกแล้วก็ราดด้วยน้ำปรุงรสที่เตรียมไว้
ความคิดสร้างสรรค์ที่ล้ำเลิศเช่นนี้ ผสานกับฝีมือการทำอาหารอันเลิศล้ำจะไม่ให้อร่อยได้อย่างไร!
กุ้งสับยัดไส้ก้านเห็ดถูกยัดเข้าปากในคำเดียว ก้านเห็ดกรอบหอม เนื้อสัมผัสนุ่มหนึบ กุ้งสดรสหวานเนื้อเด้ง น้ำปรุงรสหอมกลมกล่อมปะทุอยู่ในปาก!
ไม่สามารถบรรยายเพียงแค่คำว่าอร่อยได้!
มันอร่อยจนน่าเหลือเชื่อ ช่างกลมกล่อมยิ่ง!
วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยจำเห็ดสีทองนั้นได้เพราะมันคือวังอันเป็นที่อยู่อาศัยของนาง ในดวงตามีแต่การกล่าวโทษหลิงเยว่และพวกพ้อง
“พวกเจ้า… กินวังของพี่ชายข้าหรือ?”
โม่จวินเจ๋อเองก็คาดไม่ถึงว่าราชาแห่งวิญญาณผู้พิทักษ์จะเอาเห็ดมาทำเป็นวังที่อยู่อาศัย และเมื่อถูกนำมาทำเป็นอาหารแล้วจะมีรสชาติดีเยี่ยมถึงเพียงนี้
“วังของพี่ชายเจ้ารสชาติดีเสียจริง” เจ้าหัวหน้าตะขาบมรกตที่กินจนติดใจยังไม่วายตอบกลับ
“อืม อร่อยมาก” โม่จวินเจ๋อที่เริ่มกินแล้วก็เออออตามไปด้วยเช่นกัน
“เจ้า…” วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยชี้ไปที่คนบนโต๊ะทีละคนด้วยดวงตาแดงก่ำ “พวกเจ้ามันเกินไปแล้ว!”
“เจ้าอย่ามัวแต่มองอยู่เลย กินด้วยกันเถิด” หลิงเยว่พูดพลางคีบเห็ดเปรี้ยวหวานใส่ปากเจ้าวิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อย
เฝิ่นอีที่กำลังอ้าปากร้องไห้และกล่าวโทษชะงักไปทันที จะคายก็ไม่ใช่จะไม่กินเข้าไปก็ไม่เชิง สุดท้ายแล้วนางเลือกที่จะกินเข้าไป พร้อมกับร้องไห้ไปด้วย
มนุษย์ช่างโหดร้ายนัก พวกเขากินวังพี่ชายของข้าได้ลงคอ ฮือ วังของพี่ชายนั้นแสนอร่อย วังหายไปเช่นนี้ แล้วพี่ชายของข้าจะไปอยู่ที่ใด…
หลิงเยว่รู้สึกว่าปฏิกิริยาของเฝิ่นอีนั้นน่าสนใจนัก ตอนที่นางกินก็ยังไม่ลืมป้อนให้เฝิ่นอีด้วย
“อร่อยหรือไม่?”
เฝิ่นอีน้ำตาคลอเบ้า พลางมองหลิงเยว่อย่างไม่วางตา
“คราวหน้าหากพวกเราผ่านทางหุบเขาโบราณตะวันตก จะเข้าไปหาพี่เจ้าเพื่อขอวังอีกสักสองสามหลังนะ”
ช่างไร้ยางอาย!
วิญญาณผู้พิทักษ์ตัวน้อยร้องไห้ออกมาไม่หยุด หากมีหนทางจัดการกับหลิงเยว่ได้ นางคงจะจัดการไปแล้ว… ฮือ!