ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 157 หลิงเยว่กลายเป็นตัวตลกประจำเมือง

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 157 หลิงเยว่กลายเป็นตัวตลกประจำเมือง

บทที่ 157 หลิงเยว่กลายเป็นตัวตลกประจำเมือง

ตู้ม!

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวคล้ายฟ้าผ่าดังขึ้นอีกครั้งจากจวนท่านเจ้าเมือง ตามมาด้วยควันสีขาวขุ่นมัวลอยฟุ้งกระจายในอากาศ พร้อมกลิ่นไหม้ของพืชวิญญาณ

“ท่านรองเจ้าเมืองน้อยระเบิดเตาอีกแล้ว!”

“นี่เป็นเตาที่สามของวันนี้แล้ว ข้าไม่รู้ว่าเมื่อไหร่นางจะสามารถกลั่นโอสถฟื้นปราณได้สำเร็จเสียที”

“กลับมาได้ครึ่งเดือนแล้วยังระเบิดอยู่เลย ข้าว่าแย่แล้วละ…”

“หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จวนเจ้าเมืองจะถูกระเบิดพังพินาศเป็นแน่”

ชาวเมืองที่เดินผ่านไปมาต่างพูดถึงเรื่องการกลั่นโอสถของหลิงเยว่ เหล่านักกลั่นโอสถต่างก็มุมปากกระตุก ในหมู่พวกเขามีคนที่มีพรสวรรค์ไม่สูงก็จริง แต่ไม่มีใครกลั่นโอสถยากลำบากได้เท่าหลิงเยว่แล้ว

ชิงยวนก็รู้สึกหนักใจเช่นกัน ทั้งที่ขั้นตอนไม่มีผิดพลาดเลย แต่หลิงเยว่ก็ยังสามารถทำให้เตาระเบิดได้ทุกครั้งในช่วงเวลาสำคัญของขั้นตอนสุดท้ายในการขึ้นรูปโอสถ

หลิงเยว่ที่กลายเป็นตัวตลกของทั้งเมืองได้แต่ทำหน้าเศร้าหมอง นางทำทุกอย่างตามตำราอย่างเคร่งครัด ทั้งยังมีปรมาจารย์ระดับสูงในการกลั่นโอสถที่คอยสอนตัวต่อตัวอีกด้วย แต่ก็ยังไม่สำเร็จเสียที!

เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า?

ทั้งอาจารย์และลูกศิษย์ต่างก็รู้สึกหนักใจและเป็นกังวล ทว่าทางด้านซูซวงกลับเจ็บปวดแทบขาดใจ เมื่อจวนหลังงามถูกหลิงเยว่ระเบิดไปถึงหนึ่งในสามแล้ว หากระเบิดต่อไปจริง ๆ คงไม่พ้นราบเป็นหน้ากลองแน่

“ข้าขอร้องละ ไปกลั่นโอสถข้างนอกเถิด ทะเลทรายอันกว้างใหญ่จะระเบิดอย่างไรก็ย่อมได้!”

“แค่จวนผุพังหลังหนึ่งเท่านั้น หากข้าระเบิดมันทิ้ง ข้าก็จะสร้างหลังใหม่ให้แทน!” หลิงเยว่ที่มีเงินสองหมื่นล้านพูดขึ้นด้วยความหยิ่งผยอง

เพียงจวนที่ผุพังเช่นนี้จะมีค่าเท่าไหร่กันเชียว

ได้! ลงมือเลย

เมื่อหลิงเยว่พูดเช่นนั้น ซูซวงก็เดินจากไปด้วยความพอใจ นางเพียงแวะกลับมาที่เมืองฮั่วหยางเท่านั้น เพราะในขณะนี้เมืองทะเลทรายร้างยังมีเรื่องยุ่งเหยิงรอให้จัดการมากมาย

เฮ้อ… จู่ ๆ ก็นึกอยากจะเขี่ยเมืองทะเลทรายร้างออกไปให้พ้นทาง ลำพังตัวนางแค่จัดการเมืองฮั่วหยางก็ยุ่งพอแล้ว

เพียงแต่ตอนนี้เมืองทะเลทรายร้างถูกเมืองฮั่วหยางกวาดล้างจนสิ้นซากภายในครึ่งชั่วยาม ข่าวที่ซูซวงได้ครองทั้งสองเมืองและกลายเป็นผู้ชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดได้แพร่กระจายไปทั่วอาณาเขตทะเลทรายตอนเหนือแล้ว

ด้วยชื่อเสียงนี้ จึงดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งจากทะเลทรายตอนเหนือนับไม่ถ้วนคิดจะเข้าร่วมกับเมืองฮั่วหยางและเมืองทะเลทรายร้าง โอกาสในการทำให้เมืองฮั่วหยางยิ่งใหญ่ขึ้นเช่นนี้ ซูซวง… ย่อมไม่ละทิ้งเป็นแน่

ในบรรดาสี่ดินแดน ได้แก่ ดินแดนตอนเหนือ ดินแดนตอนใต้ ดินแดนตะวันตก และดินแดนตะวันออก มีเพียงดินแดนตอนเหนือเท่านั้นที่ตกต่ำที่สุด ซูซวงจึงคิดที่จะเปลี่ยนแปลงมัน

ตอนนี้โอกาสมาถึงแล้ว แม้จะเหนื่อยเพียงใดก็คุ้มค่า!

เสียงระเบิดจากเตากลั่นโอสถของหลิงเยว่กลายเป็นเพลงกล่อมเด็กสำหรับชาวเมืองฮั่วหยางไปเสียแล้ว ทว่าวันนี้ช่างแปลกประหลาด ปกติควรจะมีเสียงระเบิดดังขึ้นอย่างน้อยหกถึงเจ็ดครั้งต่อวัน แต่จนถึงดึกดื่นก็ยังไม่มีเสียงระเบิดครั้งที่สี่ดังขึ้น

หรือว่าท่านรองเจ้าเมืองน้อยจะกลั่นโอสถฟื้นปราณสำเร็จแล้ว?

น่าเสียดายที่ไม่เป็นเช่นนั้น

หลิงเยว่นั่งใคร่ครวญอยู่ในซากปรักหักพังอย่างเดียวดาย ชิงยวนรู้สึกโกรธยิ่งนัก จนต้องไปดูศิษย์คนอื่นกลั่นโอสถเพื่อสร้างความมั่นใจให้ตนเอง ปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งการกลั่นโอสถ กลับสอนศิษย์น้อยผู้นี้กลั่นโอสถที่เป็นเพียงโอสถพื้นฐานไม่ได้ ช่างน่าขันสิ้นดี!

หลิงเยว่จับผมที่ชี้ฟูของตนเองด้วยความหงุดหงิด นางคิดทั้งคืนก็ยังคิดไม่ตกว่าปัญหาแท้ที่จริงแล้วเกิดจากที่ใดกัน

ในเมื่อเครื่องมือและสมุนไพรสำหรับการกลั่นโอสถไม่มีปัญหา ดังนั้นปัญหาใหญ่ที่สุดย่อมเป็นที่ตัวนางเอง

แต่นางมีปัญหาที่ใดเล่า?

ชิงยวนตรวจร่างกายนางหลายรอบแล้วก็ไม่พบปัญหาแต่อย่างใด!

ช่างเถิด ตอนนี้ไม่มีใคร หลิงเยว่เลยแอบหยิบถุงใบเล็กออกมาจากแหวนเก็บของ ถุงนั้นบรรจุไข่นกธรรมดาหลายสิบฟอง

ตอนนี้นางอยู่ขอบเขตสร้างรากฐานมานานแล้ว แต่ไม่มีเวลาที่จะศึกษาวิชาหมื่นชีวางอกเงยเลย

ไข่นกฟองเล็ก ๆ วางอยู่ท่ามกลางซากปรักหักพัง หลิงเยว่จดจำทั้งตำราได้ขึ้นใจแล้ว ตอนนี้เหลือเพียงลงมือปฏิบัติจริงเท่านั้น

เมื่อเสียงแปลก ๆ หลุดออกจากปากของหลิงเยว่ แสงสว่างจาง ๆ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าก็ปรากฏขึ้นในอากาศ แสงเหล่านั้นกระโดดโลดเต้นและรวมตัวกันเป็นจุดส่องแสงระยิบระยับ

เมื่อความเร็วท่าประสานมือของหลิงเยว่เพิ่มขึ้น แสงสว่างจาง ๆ ก็รวมตัวกันเป็นก้อนกลมสีขาวและถูกกลืนเข้าไปในไข่นกทันที ในขณะนั้นดวงตาของนกตัวน้อยที่หลับใหลอยู่ก็สั่นไหว ก่อนจะกลับมาสงบอีกครั้ง

ไข่นกเล็ก ๆ แตกออกเป็นรอยแยก หลิงเยว่ลืมตาโพลงกลัวว่าจะพลาดนกตัวแรกที่ฟักออกมา

ของเหลวใสสีไข่ไหลออกมาจากรอยแยก จากนั้นไข่นกก็แตกกระจายไปหมด ทั้งไข่แดงและไข่ขาวกระเด็นไปทั่วบริเวณ

สีหน้าของหลิงเยว่แข็งค้างไปชั่วครู่ ก่อนจะปลอบใจตนเองว่า อย่างไรเสียมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะประสบความสำเร็จในครั้งเดียว อาจต้องลองอีกหลายครั้งสักหน่อย

ตุ้บ!

ไข่นกหลายสิบใบแตกกระจายหมดสิ้น

หลิงเยว่จ้องมองซากปรักหักพังที่ยิ่งดูยุ่งวุ่นวายขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย ขั้นตอนไม่ผิดพลาด การใช้พลังวิญญาณก็รวดเร็ว แต่…

[ท่านจะเลิกทำเรื่องโง่ ๆ ได้หรือไม่?]

ระบบทนดูไม่ไหวอีกต่อไปจึงต้องเอ่ยปากขึ้น

[ไข่นกธรรมดาจะไปทนพลังวิญญาณทั้งห้าธาตุอันมหาศาลของท่านได้อย่างไร?]

รู้แล้วว่าจะหาคำตอบได้อย่างไร?

หลิงเยว่หน้าแดงเล็กน้อย ฉวยโอกาสขณะที่ระบบโผล่มารีบถามทันที “แล้วเมื่อข้ากลั่นโอสถฟื้นปราณระดับต่ำ เหตุใดจึงระเบิดเตาอยู่ร่ำไป ทั้งที่ไม่มีสิ่งใดผิดปกติเลย”

[วิชาหมื่นชีวางอกเงย : ตำราการกลั่นโอสถเบญจธาตุ ราคาหนึ่งหมื่นล้าน ต้องการซื้อหรือไม่?]

ใบหน้าหลิงเยว่เย็นชาลง ระบบบ้านี่เฝ้าจับตามองยอดคงเหลือของนางอยู่เสมอ ทนไม่ได้ที่เห็นนางร่ำรวยขึ้นหรือ

ด้วยเหตุนี้ ตำราวิชาหมื่นชีวางอกเงยของนางถึงได้ไม่สมบูรณ์เช่นนั้นรึ!

“ยังมีวิชาหมื่นชีวางอกเงย ตำราการหลอมอาวุธวิญญาณเบญจธาตุ ตำราการวางแผนผัง และตำราการสร้างยันต์ด้วยหรือไม่?”

[ไม่เพียงเท่านั้น ยังมีตำราการเพาะเลี้ยงพิษ ตำราการอัญเชิญวิญญาณ…]

ระบบดูเหมือนจะไม่ต้องการพูดอะไรมากนัก เพียงแสดงรายการให้หลิงเยว่ดู ซึ่งครอบคลุมเกือบทุกตำราลึกลับในโลกผู้บำเพ็ญเซียน มีแม้กระทั่งตำราลับเฉพาะของตระกูลเช่น ตำราการร่ายคาถา ตำราการสาปแช่ง และอื่น ๆ อีกมากมาย

หลิงเยว่ตื่นเต้นยิ่งนัก หัวใจของนางพลันเต้นแรง อดใจไม่ไหวอยากจะซื้อทั้งหมดมาครอบครองไว้ แม้ยังไม่ได้เรียนรู้ แต่อย่างน้อยก็ต้องมีไว้ในครอบครอง

น่าเสียดายที่ค่าพลังวิญญาณของนางไม่อำนวย และยิ่งไปกว่านั้น ขณะนี้เพียงแค่การฝึกฝนวิชาหมื่นชีวางอกเงยก็ลำบากยากเย็นอยู่แล้ว บางทีวันหน้าหากนางมีเวลาว่างและร่ำรวยขึ้นอีกสักหน่อยค่อยว่ากัน

“ข้าขอซื้อตำราการกลั่นโอสถเบญจธาตุก่อนแล้วกัน”

หลิงเยว่อดกลั้นความต้องการที่จะซื้อสิ่งอื่นเอาไว้ แล้วกล่าวอีกครั้ง “ขอซื้อหินขัดเกลาจิตวิญญาณอีกสักก้อนด้วย”

รวมเป็นหนึ่งหมื่นหนึ่งพันล้าน เหลือค่าพลังวิญญาณอีกเก้าพันล้าน

แม้สิ่งที่ใช้ไปจะเป็นค่าพลังวิญญาณที่ได้มาโดยง่าย แต่หลิงเยว่ก็ยังรู้สึกเสียดาย นางนึกถึงแอปพลิเคชันขายสินค้าสารพัดในจีนแผ่นดินใหญ่ บัดนี้ระบบแลกเปลี่ยนนี้ก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมใช่หรือไม่

กล่องสีดำขนาดเท่ากำปั้นของนางปรากฏขึ้นในมือของหลิงเยว่ นางเปิดออกดู ภาพของแสงสว่างเจิดจ้าอย่างที่นางจินตนาการไว้ก็มิได้ปรากฏ แต่มีเพียงหินสีดำธรรมดาก้อนหนึ่ง

พื้นผิวของหินมีเส้นสีขาวสลับซับซ้อน หลิงเยว่จ้องมองอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีของเหลวอุ่นไหลออกมาจากจมูก ปรากฏว่าเลือดกำเดานางไหลออกมา หญิงสาวรู้สึกเวียนหัวยิ่งนัก

หลิงเยว่อดทนเก็บหินใส่กล่องและปิดไว้อย่างแน่นหนา ในที่สุดนางก็ใจเย็นลงและสมองก็เริ่มปลอดโปร่งขึ้น

หินราคาพันล้านนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!

เมื่อฟื้นฟูร่างกายได้สักพัก หลิงเยว่ก็ลงไปนอนในซากปรักหักพัง พร้อมกับเปิดตำราการกลั่นโอสถเบญจธาตุที่เพิ่งซื้อมา

ชิงยวนออกมาจากห้องกลั่นโอสถของหลงหว่านโหรวแล้ว นางจะไปถามไถ่ว่าลูกศิษย์ตัวน้อยของนางคิดอะไรได้แล้วหรือไม่ แต่นางกลับพบเห็นสิ่งใด?

ชิงยวนเห็นนางนอนหลับปุ๋ยอยู่ในซากปรักหักพัง อีกทั้งมุมปากยังยกยิ้มเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่ากำลังฝันดี

นางยังมีหน้ามานอนเช่นนี้อีกหรือ?

หากเป็นชิงยวนคงนอนไม่หลับเพราะความกังวลเป็นแน่ แก่นปราณพฤษาระดับสิบ แก่นปราณอัคคีระดับเก้า นางใช้เวลาถึงครึ่งเดือนแล้วยังกลั่นโอสถฟื้นปราณระดับต่ำไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“อาจารย์ ข้าเข้าใจแล้ว!”

ชิงยวนกำลังคิดจะปลุกนางขึ้น แต่กลับตกใจกับเสียงของหลิงเยว่ที่ดังขึ้นกะทันหัน

“อาจารย์ ข้ารู้แล้วเจ้าค่ะว่าปัญหาอยู่ที่ใด!”

หลิงเยว่กุมมือชิงยวนแน่น ดวงตาแดงก่ำด้วยความตื้นตันใจ หนึ่งหมื่นล้านที่นางทุ่มเทไปนั้นคุ้มค่าแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท