ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 159 ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 159 ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

บทที่ 159 ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

สุดท้ายแล้วคำร้องขอของเถาวั่งที่จะขอเข้าพบหลิงเยว่กลับได้พบกับชิงยวนแทน

“ท่านผู้อาวุโสชิง”

เถาวั่งคำนับชิงยวนด้วยความเคารพ

“ขออภัยที่รบกวนท่าน…”

“อย่าได้เอ่ยสุภาพจนเกินไป ฟังแล้วเมื่อยหู” ชิงยวนโบกมือตัดบทเถาวั่ง “กลับไปเถิด อีกครึ่งเดือน หลิง…”

คำพูดของนางยังไม่ทันจบสิ้น ก็ได้ยินเสียงกึกก้องดังสนั่นมาจากด้านหลัง ดังกว่าเสียงเตากลั่นโอสถระเบิดเสียอีก

เถาวั่งที่อยู่ตรงหน้าจวนเจ้าเมืองรีบถอยหลังอย่างรวดเร็วด้วยสัญชาตญาณ

พลังวิญญาณภายในตัวของชิงยวนเริ่มสร้างเกราะป้องกัน แสงสีเขียวจาง ๆ พลันปกคลุมทั่วร่างกาย นางหันกลับไปมองด้านหลัง เปลวเพลิงลุกโชนไปทั่วฟ้า จวนเจ้าเมือง… ในที่สุดก็ถูกหลิงเยว่ระเบิดจนหายไปสิ้น

“ศัตรูโจมตี ศัตรูโจมตี!”

เหล่าทหารชุดแดงที่อยู่ใกล้ ๆ รีบมุ่งหน้าไปที่จวนเจ้าเมือง คิดว่าเป็นการโจมตีของศัตรู แต่เมื่อพวกเขาไปถึงจวนเจ้าเมือง เหล่าทหารชุดแดงพลางมองเศษซากปรักหักพังและเปลวไฟลุกโชนอย่างไร้อารมณ์ พร้อมกับหลิงเยว่ที่เดินโซเซออกมาจากเปลวเพลิงและโม่จวินเจ๋อที่คอยประคองร่างของนางไว้

ผู้คนที่มาเฝ้าดูต่างกระตุกยิ้มเล็กน้อย รู้สึกราวกับว่าฝุ่นได้จางหายไป ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง ไม่รู้ว่าหากท่านเจ้าเมืองได้เห็นสภาพจวนของตนในตอนนี้แล้วจะมีความรู้สึกอย่างไร?

“ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองฮั่วหยาง คงจะเป็นท่านรองเจ้าเมืองน้อยเสียแล้ว”

“เมืองฮั่วหยางรุ่งเรืองเพราะท่านรองเจ้าเมือง แต่ก็ล่มสลายเพราะท่านรองเจ้าเมืองเช่นกัน”

“นางทำได้อย่างไร เพียงแค่กลั่นโอสถระดับต่ำเท่านั้น ถึงกับระเบิดจวนเจ้าเมืองอันใหญ่โตเช่นนี้ได้เลยหรือ” นักกลั่นโอสถที่เฝ้าดูต่างก็รู้สึกงุนงง

ในเรื่องนี้ หลิงเยว่ถือว่าตัวเองค่อนข้างไร้เดียงสา นางก็ไม่รู้ว่าเหตุใดจู่ ๆ เตากลั่นโอสถถึงระเบิดขึ้นมาได้ ทั้งที่ใช้กรรมวิธีถูกต้องตามตำราการกลั่นโอสถเบญจธาตุ นางกล้าสาบานได้อย่างแน่นอนเลยว่าไม่มีความผิดพลาดแม้แต่ขั้นตอนเดียว!

เถาวั่งจ้องมองหลิงเยว่ที่ดูยับเยินจนแทบจำไม่ได้ จู่ ๆ เขาก็นึกสงสัยว่าการตัดสินใจของตนเองผิดหรือไม่ หากพานางไปที่สำนัก สักวันนางอาจระเบิดสำนักทิ้งทั้งหลังก็เป็นได้

เหล่าอาจารย์สอนการกลั่นโอสถในขณะนี้มีความคิดตรงกันโดยมิได้นัดหมาย อาจมีความเป็นไปได้เช่นนั้น หากท่านผู้อาวุโสเถาจะพาหลิงเยว่ไปสำนักเหอตง พวกเขาจะต้องจับมือกันไม่ให้นางกลั่นโอสถภายในสำนักเด็ดขาด หรือหากจะกลั่นจริงก็ต้องอยู่ในม่านป้องกันถึงสิบแปดชั้น!

ว่านอวี้เฟิงและศิษย์ทั้งสามคนที่ได้หนีมาดูความสนุกของศิษย์น้องห้ารู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องในความรอบคอบของตนยิ่งนัก ตั้งแต่หลิงเยว่ระเบิดเตาเป็นครั้งที่สอง พวกเขาก็รีบย้ายออกจากที่อยู่เดิมในทันที มิฉะนั้นคงได้กลายเป็นเหยื่อของแรงระเบิดเตาเป็นแน่ ดูเถิด โม่จวินเจ๋อผู้ไม่ยอมเชื่อใคร บัดนี้ช่างดูสิ้นหวังนัก แม้แต่ท่านเจ้าสำนักและบรรพจารย์เล่อเหอเห็นก็คงยากที่จะจำใบหน้าเขาได้แล้ว

ไม่มีผู้ใดเห็นใจชายหนุ่มและหญิงสาวที่มาจากจวนเจ้าเมือง บางส่วนถึงกับกลั้นหัวเราะจนต้องเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า กลัวว่าหากเผลอสบตาหลิงเยว่อีกครั้งจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่

เหล่าชาวเมืองและทหารชุดแดงมีความกังวลเช่นนี้ แต่ผู้บำเพ็ญที่ไม่ได้อยู่เมืองฮั่วหยางนั้นต่างหัวเราะออกมาจนสุดเสียง

หลิงเยว่ “…”

“เจ้าทำสิ่งใดกับเตากลั่นโอสถหรือ?”

ชิงยวนมีสีหน้าเรียบเฉย นางเพียงออกมาชั่วครู่ ศิษย์น้อยก็ระเบิดเตาตามหลังมาเสียแล้ว เหตุใดนางไม่ระเบิดตัวเองให้วายวอดไปด้วยเลยเล่า

“ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดพลาดเลยเจ้าค่ะ แค่กลั่นโอสถตามปกติ”

หลิงเยว่กะพริบตาอย่างไร้เดียงสา พยายามให้อาจารย์เชื่อในคำพูดของตนเอง รวมถึงฝูงชนที่เฝ้าดูและเยาะเย้ยนางด้วย แต่น่าเสียดาย… ผลที่ได้นั้นน้อยนิด เสียงหัวเราะกลับยิ่งดังกว่าเดิม

“ท่านรองเจ้าเมืองน้อย หากท่านไม่มีวาสนาทางด้านการกลั่นโอสถจริง ๆ ก็ล้มเลิกเถิด อาหารวิญญาณพิเศษที่ท่านทำมันก็ไม่ต่างจากโอสถเสียหน่อย”

“จริงด้วย ได้ยินมาว่าท่านยังได้คำเชิญให้ไปเป็นอาจารย์ที่สำนักกลั่นโอสถเหอตง สอนการทำอาหารวิญญาณพิเศษ แต่ก็ไม่ใช่การสอนการกลั่นโอสถ แล้วท่านดิ้นรนเช่นนี้เพื่อสิ่งใดกัน”

“ใครบอกว่าข้าไม่มีวาสนาทางด้านการกลั่นโอสถ เมื่อวานรองเจ้าเมืองน้อยผู้นี้ได้กลั่นโอสถฟื้นปราณสำเร็จไปหนึ่งเตาแล้ว!”

หลิงเยว่เชิดหน้าอย่างภาคภูมิ แม้ยามที่ดูอับอายและมอมแมม ร่างกายเต็มไปด้วยสีสันทั้งสีดำเทาอันเกิดจากเขม่าควันจากการระเบิด แต่ก็ไม่อาจพรากความมั่นใจในตัวนางไปได้

“ครั้งนี้เป็นเพียงอุบัติเหตุ พวกเจ้าจงเฝ้าดูเถิด ในไม่ช้านี้เม็ดยาที่รองเจ้าเมืองผู้นี้กลั่นออกมา ย่อมกลายเป็นที่ต้องการอย่างสูงแน่นอน!”

ชิงยวนทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เหตุใดจึงไม่เคยทราบเลยว่าศิษย์น้อยของนางนั้นหน้าไม่อายถึงเพียงนี้

ในที่สุดเมื่อเถาวั่งได้พบหลิงเยว่ เขาพลันรีบเร่งเข้าไปสอบถามเรื่องการเดินทางไปยังสำนักเหอตงทันที

หลิงเยว่มิได้กล่าวตอบ เพียงหันไปทางชิงยวน อาจารย์ของนางยังมิได้อนุญาต แล้วนางจะกล้ารับปากได้อย่างไร เพียงแต่ปัญหานี้แท้จริงแล้วเกิดจากสิ่งใดกัน?

“ไม่ได้! ข้าจะให้เวลานางอีกครึ่งเดือน หากผ่านพ้นครึ่งเดือนแล้ว ข้าจะให้นางเดินทางไปกับพวกเจ้าเอง”

ความดื้อรั้นของชิงยวนเริ่มมีมากขึ้น นางยังคงไม่ยอมเชื่อว่าศิษย์รักของตนเองไม่มีความสามารถในการกลั่นโอสถ จึงตั้งใจจะใช้เวลาที่เหลือฝึกฝนหลิงเยว่อย่างเต็มที่ ทวงคืนเกียรติที่สูญเสียไปให้จงได้!

“เช่นนั้น อาจารย์เจ้าคะ พวกเราจะพักที่ใดกัน?” หลิงเยว่ซักถามด้วยเสียงอ่อย เพราะในตอนนี้จวนเจ้าเมืองได้ถูกนางระเบิดทิ้งไปเสียแล้ว

บางคนที่ได้ยินคำนี้ก็รีบละจากการมุงดูความสนุก แอบเดินหนีไม่ให้ท่านรองเจ้าเมืองน้อยหันมาเห็นและลงโทษพวกเขาด้วยการระเบิดโรงเตี๊ยมหรือร้านค้าของตน

ชิงยวนก็ไม่อยากให้ศิษย์น้อยต้องขายหน้าในเมืองเช่นกัน จึงทำตามความคิดของซูซวง คือขับไล่หลิงเยว่ออกไปยังทะเลทรายอันกว้างใหญ่ไพศาล

ที่แห่งนี้นางระเบิดเมื่อใดก็ได้ อีกทั้งปรารถนาจะระเบิดด้วยท่าใดก็ย่อมได้เช่นกัน

โม่จวินเจ๋อเฝ้ามองทะเลทรายตรงหน้าที่ทอดไปไกลสุดลูกหูลูกตา แล้วหันไปมองหลิงเยว่ด้วยความสงสาร “เจ้าจงพยายามให้เต็มที่เถิด ส่วนข้า… จะไปพักที่โรงเตี๊ยม”

“แม้แต่ท่านก็จะทอดทิ้งข้าเช่นกันหรือ!”

หลิงเยว่โศกเศร้าอย่างสุดแสน เอื้อมมือออกมาหมายจะรั้งชายหนุ่มที่เคยไม่ยอมห่างกายนาง ทว่าบัดนี้เขากลับทิ้งเพียงแผ่นหลังเย็นชาและท่าทีของชายใจร้าย ผู้ที่ไม่ว่านางจะรั้งไว้สักเท่าใดก็ไม่ยอมเหลียวหน้ากลับมามอง

ระเบิดครั้งยิ่งใหญ่ทำลายเตากลั่นโอสถที่เคียงข้างหลิงเยว่ระหว่างการระเบิดเกือบร้อยครั้งแบบไม่มีชิ้นดี ชิงยวนคาดไม่ถึงมาก่อนว่าการกลั่นโอสถระดับต่ำจะทำให้เตากลั่นโอสถระดับสามระเบิดจนสิ้นซากเพียงนี้

ศิษย์น้อยผู้นี้ช่างทรงพลังยิ่งนัก…

หรือเป็นเพราะเตากลั่นโอสถระดับสามรับไม่ไหว ถึงได้พังพินาศลงเช่นนี้?

[เตากลั่นโอสถเบญจธาตุระดับห้า ราคาห้าพันล้าน ต้องการซื้อหรือไม่?]

ระบบที่เริ่มตื๊อขายของอีกครั้งเป็นเครื่องพิสูจน์ความคิดของชิงยวน

หลิงเยว่ที่นอนอยู่บนพื้นทราย “…”

ที่แท้ก็เป็นเพราะเตากลั่นโอสถ

เตากลั่นโอสถในโลกผู้บำเพ็ญเซียนแบ่งเป็นหนึ่งถึงสิบระดับ ยิ่งระดับสูงคุณภาพก็ยิ่งดี แต่เตากลั่นโอสถระดับสามก็ไม่แย่นัก ถือว่าเพียงพอสำหรับการกลั่นโอสถระดับต่ำทั้งหมด เตากลั่นโอสถระดับสี่ถึงเจ็ดขึ้นไปนั้นมีความทนทานในระดับกลาง ส่วนระดับแปดถึงระดับเทพสามารถกลั่นโอสถระดับสูงและโอสถชั้นเลิศได้

นางแค่กลั่นโอสถระดับต่ำ จะใช้เตากลั่นระดับห้าไปเพื่อสิ่งใดกัน?

เกรงว่าระบบอยากจะขูดรีดทรัพย์สินนางจนหมดตัวเสียมากกว่า

มีเพียงครั้งนี้เท่านั้นที่ชิงยวนไม่ยินยอมให้แผนการอันแยบยลของระบบประสบความสำเร็จ นางควักเตากลั่นโอสถระดับห้าออกมาให้หลิงเยว่

“เริ่มได้แล้ว”

ขณะนี้หลิงเยว่ดีใจยิ่ง นางนึกอยากจะนอนแผ่หลาอีกสักพัก พลิกตัวไปมา เปลี่ยนจากนอนคว่ำเป็นนอนหงาย “อาจารย์ ข้าโดนระเบิดจนเจ็บปวดไปหมด อีกอย่างพลังวิญญาณก็แทบไม่เหลือแล้ว พักสักหน่อยไม่ได้หรือเจ้าคะ?”

จากนั้นโอสถฟื้นฟูระดับกลางและโอสถฟื้นปราณก็พุ่งเข้าปากหลิงเยว่ที่ยังพูดไม่ทันจบ

“เริ่มเลย”

ชิงยวนถอยหลังหลีกทางให้หลิงเยว่กลั่นโอสถต่ออย่างใจเย็น

หลิงเยว่พยายามช่วยเหลือตนเองที่ต้องทนทุกข์อีกครั้ง

“อาจารย์ ข้ายังต้องกลั่นโอสถ…”

หลิงเยว่พูดไม่ทันจบ แสงสีเขียวก็พุ่งเข้ามาในร่างนางทันที แสงนั้นช่วยดูดซับโอสถจนอาการบาดเจ็บภายในและพลังวิญญาณที่เกือบหมดสิ้นกลับคืนมา และจิตใจก็แจ่มใสมากขึ้นด้วย

หลิงเยว่ที่คิดจะอ้างว่าตัวเองอ่อนเพลีย ต้องการนอนพักเพื่อฟื้นฟูร่างกาย คงไม่มีข้ออ้างอีกต่อไปแล้ว นางจึงได้แต่กลั้นน้ำตาและเริ่มเร่งการเจริญเติบโตของสมุนไพรวิญญาณพิเศษต่อไป

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท