ตอนที่ 294 กลับไปสํารวจภูเขาช่องว่างเสือใจสลาย
ในขณะที่หวังไห่และกลุ่มทหารยามหนีไปนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ได้หันมามองเหอหยุนเซียง เขาไม่เข้าใจอะไรที่ทําให้เหอหยุนเซียงต้องการรับเขาเป็นศิษย์
เหอหยุนเซียงนั้นเป็นหนึ่งใน 10 ผู้เชี่ยวชาญแห่งดินแดนแห่งความโกลาหล ตราบใดที่เขาพูดว่าต้องการรับศิษย์ ก็จะมีผู้คนที่ต้องการเป็นศิษย์เขามายืนเข้าแถวรอยาวไปหลายร้อยไมล์
ในขณะที่หวงเสี่ยวหกลงคิดอยู่นั้น เหอหยุนเซียงก็มองออกถึงความสงสัยของหวงเสี่ยวหลง จากนั้นเขาก็หัวเราะเบาๆ “ไอ้หนู เจ้าคงสับสนสินะว่าทําไมข้าถึงต้องการรับเจ้าเป็นศิษย์? ข้าขอพูดตรงๆกับเจ้าแล้วกัน ข้าหน่ะได้ฝึกวิถีลับที่สามารถคาดเดาถึงพรสวรรค์ของคนอื่นได้ นอกจากนี้บุคลิกของเจ้านั้นก็เหมาะสมที่จะเป็นศิษย์ข้าด้วย”
หวงเสี่ยวหลงก็อึ้งจนไม่รู้จะพูดอะไรออกไปดี เพียงแค่เนี้ยเนี่ยนะ? อย่างไรก็ตาม วิถีลของเหอหยุนเซียงที่สามารถคาดคะเนพรสวรรค์ของคนอื่นได้นั้นมันทําให้หวงเสี่ยวหลงตกตะลึง มันช่างเป็นเคล็ดวิชาที่น่าเลื่อมใสและน่าหวาดกลัวจริงๆ แม้ว่ามันจะเป็นแค่การคาดคะเนก็ตามที่เลอะ
เหอหยุนเซียงก็เดินเข้าไปใกล้ “ไอ้หนู เจ้าได้บ่มเพาะมาจนถึงตอนนี้ยังไม่ถึงร้อยปีใช่ไหม? บ่มเพาะมาไม่ถึงร้อยปีแต่กลับสามารถโค่นล้มผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นที่ 8ชั้นสูงสุดได้ ด้วยพรสวรรค์ระดับขึ้นในท่ามกลางเหล่าอัจฉริยะที่ข้าเคยพบเจอ เจ้านั้นถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกเลย”
ร้อยปีงั้นหรอ? หวงเสี่ยวหงก็ยิ้ม ถ้าหากเหอหยุนเซียงรู้ว่าเขามีอายุเพียงแค่ 20 หล่ะก็ เหอหยุนเซียงจะมีปฏิกิริยาอย่างไรกัน? โดยปกติแล้วผู้คนส่วนใหญ่เมื่อพวกเขาทะลวงเข้าสู่ระดับเซียนเทียน พวกเขาก็จะใช้เคล็ดวิชาลับหรือโอสถบางอย่างเพื่อทําให้เขาดูอ่อนเยาว์กว่าอายุจริงของตัวเอง ดังนั้น การตัดสินอายุจากรูปลักษณ์ภายนอกนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก
“เป็นอย่างไรหล่ะ? คําพูดของข้าถูกต้องใช่มั้ย” พอเห็นว่าหวงเสี่ยวหลงยังคงเงียบอยู่ตลอดเวลา เหอหยุนเซียงก็คิดว่าหวงเสี่ยวหลงยอมรับในการประเมินของเขาจากนั้นเขาก็ยิ้มออกมาแล้วพูดว่า “ไอ้หนู ตอนนี้มาทําพิธีคารวะเป็นศิษย์แบบง่ายๆกันก่อนดีกว่า เมื่อเรากลับเมืองสหัสวรรษกันแล้ว ข้าจะเชิญผู้เชี่ยวชาญระดับสูงหลายคนมาเข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีรับเป็นศิษย์อาจารย์อย่างเหมาะสม
เมื่อเหอหยุนเซียงคิดว่าหวงเสี่ยวหลงจะคารวะเขาอย่างมีความสุข หวงเสี่ยวหลงกลับส่ายหัวแทน “ต้องขอบคุณความช่วยเหลือของผู้อาวุโสเหอเมื่อก่อนหน้านี้มาก อย่างไรก็ตาม ข้ามีอาจารย์อยู่แล้ว” ในใจของหวงเสี่ยวหลงนั้น เขามีเพียงอาจารย์แค่คนเดียวนั้นคือ- ประมุขนิกายประตูเทพอสูรคนก่อน เหรินหรูกวง!
แม้ว่าเขาจะยอมรับว่าฉือเทียนฟูเป็นศิษย์พี่ของเขาในตอนที่เขาไปอาณาจักรพระพุทธเจ้าอันศักดิ์สิทธิ์ มันก็เป็นแค่เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดและเรื่องเล็กๆน้อยๆ
เหอหยุนเซียงมองก็ตกตะลึงไปชั่วครู่ๆ ไอ้หนูนี่กลับปฏิเสธเขางั้นหรือ?! จากนั้นเขาก็ยิ้มออกมา เขาอธิบายหลายอย่างไปโดยไม่แนะนําตัวเอง ดังนั้นไอ้หนูนี้จึงไม่รู้ถึงตัวตนของเขา
“ไอ้หนู ข้าคิดว่าเจ้านั้นคงไม่รู้ว่าข้าเป็นใครใช่หรือไม่?”เหอหยุนเซียงก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ข้าคือเหอหยุนเซียง เจ้าเมืองสหัสวรรษ” พอรู้สึกกลัวว่าหวงเสี่ยวหลงจะยังคงสับสน เขาจึงได้พูดเพิ่มไปอีกประโยคว่า “หนึ่งใน10ผู้เชี่ยวชาญระดับสูงของดินแดนแห่งความโกลาหล
หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มออกมาอย่างทําอะไรไม่ถูกกับคําพูดของเขา “ผู้อาวุโสเหอ ข้ารู้อยู่แล้ว”
ครั้งนี้ก็เป็นฝั่งของเหอหยุนเซียงที่ไม่รู้จะทําอย่างไรและขมวดคิ้ว ไอ้เด็กน้อยคนนี้รู้ว่าเขาเป็นใครแต่กลับปฏิเสธคารวะเขาเป็นอาจารย์งั้นหรือ?
“ทําไม?”น้ำเสียงของเหอหยุนเซียงนั้นดูจริงจังมาก
หวงเสี่ยวหลงก็ตอบไปว่า “ในใจของข้านั้น ข้ามีอาจารย์เพียงคนเดียวเท่านั้น”
เหอหยุนเซียงก็หยุดเงียบสักพัก “ในโลกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้นี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะมากมายในชีวิตของพวกเขานั้นมีอาจารย์มากกว่าหนึ่งคน และข้าเองก็มีอาจารย์ 4 คนด้วย”
สิ่งที่เหอหยุนเซียงนั้นคือเรื่องจริง ในโลกจิตวิญญาณต่อสู้นี้ ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะส่วนใหญ่นั้นมีอาจารย์มากกว่าหนึ่งคน แต่แม้ว่าจะเป็นแบบนั้น หวงเสี่ยวหลงก็ยังส่ายหัวและปฏิเสธอยู่ดี
เหอหยุนเซียงก็มองหวงเสี่ยวหลง ทันทีเขาก็ได้ปลดปล่อยแรงกดดันที่ไร้รูปร่างเข้าปกคลุมหัวเสี่ยวหลง ทําให้คนที่เหลือทั้งสี่ ได้แก่ฉินหยาง หลี่เฟย เจี่ยตงและฟานเอ๋อเฉิงนั้นหน้าซีดอย่างเห็นได้ชัด
แต่เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันจากเหอหยุนเซียง หวงเสี่ยวหลงกลับยังคงสงบนิ่ง และแม้ว่าเหอหยุนเซียงจะค่อยๆเพิ่มแรงกดดันมากขึ้นก็ตาม ในคู่ต่อมาแรงกดอันหนักหน่วงที่เหอหยุนเซียงปล่อยมานั้นก็ได้ล่าถอยไปราวกับน้ำลดลงและหายไป
เหอหยุนเซียงจ้องมองหวงเสี่ยวหลงราวกับผู้แพ้การต่อสู้ในขณะที่เขายิ้มออกมาแล้วพูดว่า “เด็กน้อย ดูเหมือนว่า ข้าไม่ควรจะบังคับเจ้า ถ้าหากว่าเจ้าเปลี่ยนใจหล่ะก็ ก็มาพบข้าที่เมืองสหัสวรรษ นี่คือเหรียญตราเมืองสหัสวรรษ” พอดึงเหรียญตราที่มีขนาดเท่าไข่มุกออกมา เขาก็ส่งให้หวงเสี่ยวหลง
หวงเสี่ยวหลงก็รับเหรียญตราสีเทาที่ถูกสลักด้วยตราสัตว์สวรรค์สองหัว ซึ่งมันเป็นสัตว์สวรรค์ตัวเดียวกับที่ถูกสลักอยู่บนชุดของเหอหยุนเซียง
เหอหยุนเซียนก็ยื่นมือออกไปแหวกมิติโดยไม่พูดพร่ำทําเพลงจากนั้นเขาก็เข้าไปในนั้นแล้วหายตัวไปจากตรงนั้นในพริบตา
พอเก็บเหรียญตราเมืองสหัสวรรษลงไปในแหวนเทพอสูรแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็กลับไปบ้านพักที่เขาซื้อไว้พร้อมกับฉินหยางและคนอื่นๆ
อีกด้านหนึ่งภายในคฤหาสน์อันยิ่งใหญ่ที่ตกแต่งอย่างหรูหราทางทิศใต้ของเมือง จ้าวเฉินนั้นโกรธเกรี้ยวมากในขณะที่เขาจ้องมองเฉินเฉิงที่คุกเข่าต่อหน้าเขาอย่างหนักแน่น
“ขยะเอ้ย!” จ้าวเฉินก็เตะเฉินเฉิงที่คุกเข่าตรงหน้าเขาอย่างไม่ใยดี ในขณะที่เฉินเฉิงถูกเตะกระเด็นไปกระแทกพื้นตรงมุมสนามหญ้านั้นเขาก็ได้กรีดร้องออกมา
จากนั้นจ้าวเฉินก็ใช้มือจับเก้าอี้ข้างๆแล้วบดขยี้ให้กลายเป็นผง ในขณะเดียวกันนั้นดวงตาของจ้าวเฉินก็เปล่งประกายแสงอันคมกริบออกมา “เหอหยุนเซียงคนนี้นี่กล้าต่อต้านข้าทุกครั้งเลยจริงๆ รอก่อนเถอะชักวันหนึ่งข้าจะบดขยี้เมืองสหัสวรรษแล้วจับภรรยาและสนมของเจ้ามาทรมานเล่นจนตายเลยคอยดู!”
ผู้คุ้มกันทุกคนที่ยืนอยู่หลังจ้าวเฉินก็ก้มหน้าก้มตาไม่กล้าพูดอะไรออกมา
บดขยี้เมืองสหัสวรรษนั้นหรือ? แม้กระทั่งเจ้าเมืองแห่งบาปยังไม่กล้าพูดว่าจะบดขยี้เมืองสหัสวรรษออกมาเล่นๆเลย เมืองสหัสวรรษนั้นมีอยู่มาตั้งหลายพันปี ซึ่งขุมกําลังที่หยั่งรากลึกในเมืองแห่งนี้จะถูกทําลายได้ง่ายขนาดนั้นเลยงั้นหรือ?
จ้าวเฉินก็หันไปทางชายชราผมเงินที่อยู่ข้างเขา “พ่อบ้านเฟิง จงสะกดรอยเจ้าหวงเสี่ยวหลงนั้น เมื่อมันออกจากเมืองหมื่นเทวะเมื่อไหร่ มารายงานขั้นทันที
“ได้ขอรับ นายน้อย” ชายชราผมเงินก็ตอบออกมาอย่างเคารพ
จ้าวเฉินก็พยักออกมาในขณะที่ดวงตาของเขาเปล่งแสงออกมา “ไอ้สารเลว เมื่อใดที่เจ้าออกจากเมืองหมื่นเทวะ ข้าจะทําให้เจ้ารู้ถึงผลที่ตามมาเมื่อเจ้ากล้าขัดคําสั่งของข้า จ้าวเฉิน! อย่าคิดว่าเพราะมีเหอหยุนเซียง ไอ้แก่นั่นปกป้องแล้วข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้า!”
ส่วนทางด้านหวงเสี่ยวหลงนั้น เมื่อเขามาถึงที่พักเขาก็เข้าไปในหุบเขาเทวะซูมทันที จากนั้นเขาก็กลืนหญ้าวิญญาณแห่งชีวิตลงไป แล้วทําการบ่มเพาะเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณและบัญญัติวิญญาณในห้องโถงวิหารซูมทันที
เนื่องจากการแทรกแซงของเหอหยุนเซียง หวงเสี่ยวหลงก็เชื่อว่าจ้าวเฉินคงไม่กล้าหาเรื่องเขาในที่สาธารณะแน่ อย่างน้อยก็ไม่ทําในขณะที่เขาอยู่ในเมือง
หวงเสี่ยวหลงที่นั่งขัดสมาธิอยู่ใจกลางวิหารซูมีสัมผัสถึงคลื่นพลังงานที่กระจายออกมาจากทะเลจิตวิญญาณของเขาในขณะที่พลังจิตของเขานั้นรวมตัวกลายเป็นกลุ่มก้อนพายุพลังงานที่หมุนวนราวกับพายุหมุนอันเกรี้ยวกราดพร้อมกับพลังงานสีครามที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ พอสัมผัสได้ถึงสิ่งนี้หวงเสี่ยวหลงก็รีบใช้งานเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณและบัญญัติโบราณดูดซับพลังงานสีครามนี้
10 วันผ่านไป
ภายใต้การดูดซับพลังงานอย่างต่อเนื่อง พลังงานภายในหญ้าวิญญาณแห่งชีวิตทั้งหมดก็ได้ถูกหวงเสี่ยวหลงดูดซับจนหมด ในที่สุดทะเลจิตวิญญาณของเขานั้นก็ได้กลับคือสู่ความเงียบสงบ ในขณะเดียวกันเหนือทะเลจิตวิญญาณของเขานั้นมีมังกรดําและมังกรฟ้าบินวนไปมา พวกมันได้คํารามออกมาไม่สิ้นสุดพร้อมกับปลดปล่อยกลิ่นอายมังกรออกไปทุกทิศทาง
ในเวลาเดียวกันหวงเสี่ยวหลงก็ได้ลืมตาและเปิดเนตรนรกตรงใจกลางหน้าผากพร้อมกับเปล่งประกายแสงสีแดงเข้มราวกับสายฟ้าฟาด
หลังจากดูดซับหญ้าวิญญาณแห่งชีวิต ในที่สุดเคล็ดวิชาเชิดหุ่นโบราณของหวงเสี่ยวหลงก็ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นที่ 3 ซึ่งมันได้เพิ่มพลังจิตของเขาอย่างมาก หากรวมกับเนตรนรกแล้ว การโจมตีทางจิตวิญญาณของเขานั้นจะทรงพลังมากกว่าเดิมหลายเท่า และหวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกว่าหลังจากบ่มเพาะในครั้งนี้แล้ว แม้กระทั่งปราณฉีและปราณภายในของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย
“ถึงเวลาไปสํารวจภูเขาช่องว่างเสือใจสลายอีกครั้งแล้ว “หวงเสี่ยวหลงก็ได้ตัดสินใจขึ้นมา
หวงเสี่ยวหลงมีความรู้สึกว่าภูเขาช่องว่างเสือใจสลายนั้นคือภูเขาสี่ทะเลในก้นร่องเขานั้นจะต้องเป็นสถานที่ที่ผู้เชี่ยวชาญเผ่าเทวะโบราณอาศัยอยู่อย่างแน่น และเข้าก็มั่นใจมากด้วย
ไม่ว่าหลายปีที่ผ่านมาความเร็วในการบ่มเพาะของเขาจะเพิ่มขึ้นมากเพียงใด หวงเสี่ยวหลงก็ยังรู้สึกว่าเขานั้นยังอ่อนแอมากอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างเหอหยุนเซียง การเผชิญหน้ากับเหยาเฟยหรือจ้าวเฉินด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขานั้น มันคงเป็นการต่อสู้ที่ยากลําบากนัก ดังนั้นเขาจะต้องบรรลุระดับเทวะให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทําได้