ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 164 ผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าโอสถจะต้องเป็นทรงกลม

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 164 ผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าโอสถจะต้องเป็นทรงกลม

บทที่ 164 ผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าโอสถจะต้องเป็นทรงกลม

“เผ็ดมากใช่หรือไม่?”

หัวหน้าตะขาบมรกตหัวเราะอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งชาแก้วเล็กให้กับผู้อาวุโสท่านนั้น น้ำชามีสีแดงอมม่วงทำให้เถาวั่งรู้สึกไม่ค่อยดี เขาจึงรีบคว้าแก้วชามาไว้ในมือ

ตอนแรกเขาคิดว่าเป็นชานมสีทอง แต่พอคว้ามาได้ก็พบว่ามันคือชานมจริง ๆ หากแต่เป็นชานมที่ผสมพริกป่นลงไป

เถาวั่งไม่คิดว่าหัวหน้าตะขาบมรกตจะร้ายกาจถึงเพียงนี้

มีอาจารย์คนหนึ่งรีบหยิบเต้าฮวยหวานชามหนึ่งขึ้นมา “ผู้อาวุโส ท่านใช้สิ่งนี้กินแก้เผ็ดได้”

นักกลั่นโอสถอาวุโสรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลเพราะความเผ็ดออก เขาเพียงจ้องมองเต้าฮวยแต่ไม่ได้แตะต้องมัน “ดูเหมือนว่าการเดินทางไปทะเลทรายทางเหนือครั้งนี้ พวกเจ้าจะได้ของมาไม่น้อย?”

ขณะที่พูด เขาก็เหลือบสายตามองหัวหน้าตะขาบมรกตอย่างมีนัยยะ

หัวหน้าตะขาบมรกตถูกมองจนรู้สึกเหมือนถูกจับได้ เขาจ้องเขม็งด้วยความโกรธแค้น จะมองก็มองไป พวกมนุษย์เปราะบางเหล่านี้ยังไม่เพียงพอให้ลูกหลานของเขาอิ่มท้องหรอก!

“ได้ของมาเยอะมากจริง ๆ”

เถาวั่งยอมรับอย่างตรงไปตรงมา

ผ่านไปหนึ่งวัน ประตูห้องกลั่นโอสถจึงถูกเปิดออก และมีชายคนหนึ่งเดินสบถออกมาจากด้านใน

“บ้าจริง การทดสอบอะไรกัน มีแต่โอสถหายากทั้งนั้น!”

“ข้าไม่เชื่อว่าคนอีกสามคนที่เหลือจะกลั่นออกมาครบทุกอย่างได้”

แล้วชายที่สบถด่าจนจบก็จากไปด้วยความโกรธ!

และเป็นดังที่ชายคนนั้นสาปแช่งจริง ๆ เพราะตกดึกก็มีหญิงสาวคนหนึ่งวิ่งร้องไห้ออกมา

เช้าวันรุ่งขึ้น ชายอีกคนก็เดินออกมาด้วยอาการหมดอาลัยตายอยาก

ทั้งสามคนล้วนทดสอบไม่ผ่าน เหลือเพียงหลิงเยว่ที่ยังคงดื้อรั้น แต่ดูเหมือนว่านางก็ไม่น่าจะไหวแล้ว ตลอดหนึ่งวันที่ผ่านมานางสามารถกลั่นโอสถถอนพิษได้เพียงชนิดเดียวเท่านั้น ยังเหลืออีกตั้งสี่ชนิด…

มีเวลาไม่พอเป็นแน่ หรือว่าจะยอมแพ้ไปเลยดีกว่า?

แต่หากยอมแพ้ตอนนี้ก็เท่ากับเป็นการยื่นดาบให้ศัตรูเย้ยหยัน นางจะยอมให้เป็นเช่นนั้นไม่ได้!

ด้วยเหตุนี้ ผู้คุมสอบพลันเห็นหลิงเยว่ที่ชะตากรรมถูกกำหนดแล้วว่าจะต้องล้มเหลวเดินหอบหิ้วเครื่องครัวเข้ามา…

นั่นมันเครื่องครัวหรือ?

เขาขยี้ตาด้วยความไม่เชื่อ นอกจากเครื่องครัวแล้วยังมีวัตถุดิบที่เขาไม่คุ้นตาอีกมากมาย

เถาวั่งจงใจส่งเด็กสาวคนนี้มาเพื่อเยาะเย้ยเขาใช่หรือไม่?

ถ้วยน้ำชาในมือของเขาพลันกลายเป็นผุยผงในทันที

“เถาวั่ง!”

หลิงเยว่ยังไม่ทันได้แสดงฝีมือของนางเลย เขตอาคมก็พลันปิดลง แล้วนางก็ถูกพายุพัดออกจากห้องกลั่นโอสถทันที

“การทดสอบล้มเหลว!”

“แต่ยังไม่ครบกำหนดเวลาไม่ใช่หรือ!”

ในมือหลิงเยว่ยังถือกระทะอยู่ นางร้องประท้วงด้วยความไม่พอใจ

“เจ้าถือกระทะอยู่ หรือว่า…?”

แม้เถาวั่งจะกล่าวเป็นคำถาม แต่เขามั่นใจนักหนาว่าหลิงเยว่คงต้องหาวิธีพิสดาร โดยเตรียมใช้อาหารวิญญาณพิเศษมาทำการทดสอบให้สำเร็จเป็นแน่

“ถูกแล้วเจ้าค่ะ เป็นอะไรไป พวกเขาไม่ได้กำหนดว่าห้ามใช้วิธีอื่นในการกลั่นโอสถไม่ใช่หรือ!”

อีกอย่างผู้ใดเป็นคนกำหนดว่าโอสถจะต้องเป็นทรงกลมเสมอไป เหตุใดจะปรากฏออกมาเป็นอาหารไม่ได้เล่า?

หลิงเยว่รู้สึกโกรธยิ่งนัก เตากลั่นโอสถกับสมุนไพรของนางยังอยู่ในนั้นนะ!

ผู้คุมสอบที่คิดว่าถูกเถาวั่งกลั่นแกล้งนั้นโกรธยิ่งกว่าหลิงเยว่เสียอีก เขาพุ่งพรวดออกมาจากห้องข้าง ๆ แล้วชี้ไปที่เถาวั่ง “เถาวั่ง พาคนของท่านออกไปเสีย!”

เถาวั่ง “…”

เขาสั่งให้ไปก็จะไปหรือ?

ไม่! ไม่ไป!

หลิงเยว่พูดถูก ไม่ได้มีใครกำหนดไว้ว่าห้ามใช้เครื่องครัวในการกลั่นโอสถ และไม่ได้มีผู้ใดกำหนดด้วยว่าโอสถจะต้องมีรูปร่างเป็นเม็ดกลมเสมอไป อาหารวิญญาณพิเศษของนางจะไม่สามารถทำได้เชียวหรือ?

ที่เขาส่งจดหมายเชิญให้หลิงเยว่ก็เพื่ออาหารวิญญาณพิเศษ เพราะอาหารวิญญาณพิเศษจะช่วยลดขีดจำกัดในการเป็นนักกลั่นโอสถได้!

“เจ้าตั้งใจจะทำอาหารพวกนี้หรือ?”

ผู้อาวุโสชี้ไปยังอาหารวิญญาณพิเศษที่ถูกหัวหน้าตะขาบมรกตกินจนเละเทะไปหมด

“ใช่แล้วเจ้าค่ะ!” หลิงเยว่พยักหน้า

วิชากลั่นโอสถนั้นนางยังไม่ชำนาญพอ แต่การทำอาหารวิญญาณพิเศษสำหรับนางนั้นง่ายดายยิ่ง!

เหตุใดจึงต้องละทิ้งสิ่งที่ตัวเองถนัด แล้วหันมาทำสิ่งที่ไม่ถนัดเล่า

การทดสอบของพวกเขาบอกแค่ชนิดของโอสถที่มีสรรพคุณต่าง ๆ เช่น ปรับปรุงการมองเห็น หรือใช้สำหรับถอนพิษ เป็นต้น

ถ้าอยากได้ลักษณะทรงกลม อย่างมากที่สุดก็แค่ทำอาหารวิญญาณพิเศษเป็นเม็ดกลม อย่างลูกชิ้นไส้เนื้อหรือลูกชิ้นไส้ผักจะไปยากเย็นที่ใดกัน?

ผู้อาวุโสถามย้ำอีกครั้ง “เหลือเวลาเพียงหกชั่วยามเท่านั้น เจ้าแน่ใจหรือว่าจะกลั่นโอสถทั้งห้าชนิดได้ครบ?”

หลิงเยว่พยักหน้าอย่างมั่นใจ

“ได้เจ้าค่ะ”

ประตูห้องกลั่นโอสถที่ปิดสนิทเปิดออกอีกครั้ง พร้อมกับหลิงเยว่ที่ถูกผลักกลับเข้าไป

“อาจารย์ ท่านมองไม่ออกหรือว่าเด็กสาวคนนี้เป็นพวกที่เถาวั่งส่งมากลั่นแกล้งข้า?”

หลังจากได้ยินดังนั้น ผู้อาวุโสจึงสังเกตเถาวั่งอย่างจริงจังอยู่ครู่หนึ่ง แล้วหันไปส่ายหัวให้ผู้คุมสอบ

“ข้ามองไม่ออก”

ผู้คุมสอบ “…”

เถาวั่งพลันอมยิ้มเล็กน้อย

โดยไม่รอให้ผู้คุมสอบโวยวายอีก เขาก็ถูกโยนกลับไปที่ห้องข้าง ๆ ทันที

ประตูทั้งสองบานปิดสนิท

ผู้คุมสอบจำใจดูหลิงเยว่จัดการสมุนไพรวิญญาณอย่างโหดเหี้ยมและกลั่นโอสถด้วยสารพัดวิธี ยิ่งดูยิ่งโมโห ยิ่งดูยิ่งอยากลากตัวคนที่ทำกับสมุนไพรวิญญาณด้วยวิธีแปลกประหลาดนั้นไปทุบตีสักที!

ไม่! ทุบตีเพียงครั้งเดียวจะคลายโทสะได้อย่างไร ต้องตีสักสามสี่ที!

หลิงเยว่ไม่ได้ใช้เวลาทั้งหกชั่วยามจนหมดสิ้น นางใช้เวลาเพียงสี่ชั่วยามในการกลั่นโอสถที่มีสรรพคุณถึงห้าประการสำเร็จ

สำหรับโอสถสลายกระดูกทำด้วยเผือกทอด โอสถบำรุงเนตรทำจากมันเทศทอด โอสถถอนพิษทำจากลูกชิ้นกุ้งทอด โอสถทลายปราการจากลูกชิ้นปลาทอด และโอสถคลายมายาทำจากลูกชิ้นเนื้อ สองชนิดเป็นของหวาน อีกสามชนิดเป็นของคาว ถือว่าสำเร็จลุล่วง!

โอสถที่นางทำล้วนแต่เป็นของทอดทั้งสิ้นเพื่อประหยัดเวลา แม้ว่าสีสัน กลิ่น และรสชาติจะผิดแผกไปจากโอสถทั่วไป แต่สรรพคุณนั้นไร้ที่ติ ในข้อนี้หลิงเยว่มั่นใจนัก!

ของทอดห้าจานถูกลำเลียงไปวางตรงหน้าผู้คุมสอบและผู้อาวุโสแล้ว สีหน้าของทั้งสองเต็มไปด้วยความพิศวง

หัวหน้าตะขาบมรกตหยิบโอสถสลายกระดูกเผือกทอดที่มีสีเหลืองทองอร่ามใส่ปาก พอเคี้ยวเข้าไปแล้วก็พลันสัมผัสได้ถึงความกรอบและรสชาติหวานหอม ถูกปากยิ่งนัก

“กระดูกของเจ้ามีอาการอย่างไรบ้าง?” หลิงเยว่ถามอย่างร้อนรน

เผือกทอดสลายกระดูกคือโอสถที่ใช้สลายศพ นางกลัวนักว่าหัวหน้าตะขาบมรกตจะละลายหายไปต่อหน้าต่อตา!

หัวหน้าตะขาบมรกตกินเข้าไปอีกหนึ่งลูกแล้วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่งจึงตอบกลับ “รู้สึก… คันเล็กน้อย”

โอ้! ช่างดูเหมือนว่าอาหารวิญญาณพิเศษที่นางปรุงขึ้นนั้นยังอ่อนด้อยเกินไป จนไม่อาจทำอันตรายแก่หัวหน้าตะขาบมรกตได้ หลิงเยว่รู้สึกเสียดายอยู่เล็กน้อย

ผู้อาวุโสหยิบโอสถถอนพิษที่ทำจากลูกชิ้นกุ้งทอดลักษณะเป็นก้อนกลมเล็กสีชมพูด้วยความลังเล เขาค่อย ๆ บีบมัน สิ่งนี้มีความยืดหยุ่นพอสมควร จากนั้นเขาก็เอามันเข้าปาก กลิ่นหอมของเนื้อสัตว์ผสมผสานกับกลิ่นโอสถโชยเข้าสู่โพรงจมูกแล้วไหลผ่านลำคอลงไปยังอวัยวะภายใน เมื่อมั่นใจแล้วว่าไร้พิษภัยก็ค่อย ๆ แปรเปลี่ยนเป็นปราณไหลเวียนเข้าสู่ตันเถียน

ผู้อาวุโสชะงักไปเล็กน้อย ช่างน่าแปลกใจนักที่สามารถแปรสภาพเป็นพลังปราณได้เช่นนี้…

“อาจารย์ ท่าน…” ผู้คุมสอบไม่ได้ลิ้มลองแต่อย่างใด เพียงหันหน้าไปถามผู้อาวุโส แต่ปรากฏว่าเขากลับทำท่าห้ามไม่ให้พูด จากนั้นก็ลิ้มรสของทอดทั้งสี่ที่เหลือบนโต๊ะต่อ

หลังจากได้ทดลองครบทุกชนิดแล้ว ท่านทั้งสองมองหลิงเยว่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยความฉงนและสับสน

โดยเฉพาะไส้สมุนไพรวิญญาณที่ห่อหุ้มในลูกชิ้นเนื้อและลูกชิ้นปลานั้น ไม่เพียงจะไม่มีรสขมของสมุนไพรเลย แต่ยังหอมกรุ่นละมุนลิ้นอีกต่างหาก ทั้งสรรพคุณยังไม่ด้อยไปกว่าโอสถทั่วไป หรืออาจดีกว่าเสียด้วยซ้ำ

“เจ้าทำได้อย่างไร?”

“ผู้อาวุโส หากท่านต้องการทราบว่านางทำได้อย่างไร ก็รอให้นางไปสอนที่สำนักแล้วท่านค่อยไปดูเองเถิด” เถาวั่งรีบแย่งตอบ

ผู้อาวุโสท่านนี้เป็นอาจารย์ใหญ่ หรือว่าเป็นอดีตอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักกลั่นโอสถเช่นนั้นหรือ?

หลิงเยว่คิดในใจ

แต่ว่ายามนี้สถานะของผู้อาวุโสท่านนี้ไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือนางจะได้ชุดคลุมของนักกลั่นโอสถขั้นต้น โดยอาศัยโอสถจากอาหารวิญญาณพิเศษเหล่านี้ได้หรือไม่!

“ข้าขอถามหน่อยเถิดว่าการทดสอบนี้ข้าผ่านหรือไม่?”

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท