บทที่ 174 เจ้าพูดอีกทีซิ ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด!
บทที่ 174 เจ้าพูดอีกทีซิ ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด!
หลิงเยว่มอบเนื้อสัตว์อสูรย่างจำนวนหนึ่งให้กับหัวหน้าตะขาบมรกต ส่วนที่เหลือแบ่งให้เหล่าอาจารย์ที่เข้ามาดูความคึกคักภายในห้องเรียน
“ข้าชื่นชอบรสชาติจัดจ้าน หากพวกท่านรู้สึกว่าเผ็ดเกินไป อาจกินซุปหวานลูกชิ้นที่เหล่าศิษย์จัดเตรียมไว้ให้”
ลูกชิ้น…
เอ่อ… อย่าดีกว่า ในช่วงนี้พวกเขาคงไม่อยากรับประทานลูกชิ้นเท่าไหร่นัก
หัวหน้าตะขาบมรกตกำลังกินเนื้อย่างเสียบไม้ เขาแบ่งเนื้อย่างเสียบไม้ออกเป็นสองส่วนและใช้มือทั้งสองข้างกินมันอย่างเอร็ดอร่อย เขาชอบรสสัมผัสของเนื้อย่างยิ่งนัก แต่เขาไม่ชอบรสชาติของไม้ไผ่ที่เสียบเนื้ออยู่ ถ้าไม่ติดว่าไม้ไผ่นั้นรสชาติไม่อร่อย เขาคงกินมันไปด้วยแล้ว
“โอ้โห… ช่างเผ็ดร้อนนัก!”
หัวหน้าตะขาบมรกตกินเนื้อย่างเสียบไม้จนริมฝีปากและดวงตาของเขาแดงก่ำ แล้วเขาก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ ก้มหน้าก้มตา กินซุปลูกชิ้นหวานหนึ่งคำ แล้วทานเนื้อย่างเสียบไม้ต่อ
อาจารย์ใหญ่รับประทานเนื้อย่างไปหนึ่งชิ้น ในที่สุดก็เข้าใจความหมายที่หลิงเยว่พูดถึงรสชาติจัดจ้าน กลิ่นเผ็ดร้อนพุ่งตรงขึ้นสู่ศีรษะ รสชาติจัดจ้านจนดวงตาแดงก่ำ แต่เพื่อรักษาเกียรติของอาจารย์ใหญ่ เขาจึงเคี้ยวเนื้อย่างชิ้นนั้นต่อไป ยิ่งเคี้ยวยิ่งหอม น้ำในเนื้อมีสรรพคุณในการฟื้นฟูปราณ ช่วยคลายความเผ็ดปลายลิ้นไปได้เล็กน้อย
เมื่อกินเนื้อย่างหมดแล้ว เขาก็ทนไม่ไหวจึงกินเข้าไปอีกหนึ่งชิ้น!
ยังไม่ทันที่อาจารย์ใหญ่จะรับประทานหมด หลิงเยว่ก็ยื่นเนื้อสัตว์ย่างชนิดหนึ่งมาให้… ถึงขั้นนำสมุนไพรวิญญาณมาย่างเป็นอาหารเลยหรือ?
“ไม่เผ็ดหรอกเจ้าค่ะ” หลิงเยว่หัวเราะอย่างพอใจ นางจะบอกได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วนางอยากโรยพริกป่นหนา ๆ เพื่อดูอาจารย์ใหญ่และเหล่าอาจารย์ทำเรื่องน่าขบขันกัน
หากเป็นเช่นนั้น คงสนุกไม่น้อย
สมุนไพรชนิดนี้มีหน้าตาคล้ายต้นหอม แต่รสชาติกลับต่างจากผักทั่วไปโดยสิ้นเชิง เมื่อนำเข้าปากจะสัมผัสได้ถึงความกรุบกรอบ หวานละมุน ชวนให้นึกถึงรสชาติอันโอชะ แม้ว่าปริมาณพลังปราณที่บรรจุอยู่จะมีน้อย แต่สมุนไพรวิญญาณชนิดนี้เน้นไปที่รสชาติเสียมากกว่า ปริมาณพลังปราณจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญ
“ไม่นึกว่าจะเอาโอสถสมุนไพรไปย่างกินได้ด้วย รสชาติดีใช้ได้เลย!” สิ่งนี้ทำให้เหล่าอาจารย์เบิกตากว้าง
“นี่มันสิ่งใดอีกหรือ?” อาจารย์ใหญ่กำลังกินสมุนไพรย่าง ไม่ใช่สิ! โอสถสมุนไพร เขาชี้ไปที่ของกินที่วางอยู่บนเตาย่างพยายามหาคำมาอธิบายวัตถุดิบนี้อยู่
“ไส้หมูดำดิน”
“เจ้าว่าอย่างไรนะ ไหนพูดอีกทีซิ” อาจารย์ใหญ่คิดว่าตนหูฝาดเลยถามซ้ำ
“ท่านฟังไม่ผิดหรอกเจ้าค่ะ สิ่งนี้คือไส้หมูดำดิน ข้าจัดการล้างจนสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็นหลงเหลือแล้วเจ้าค่ะ” ถึงหลิงเยว่จะอธิบายเช่นนี้ แต่สีหน้าของเหล่าอาจารย์รวมถึงเหล่าศิษย์ก็เริ่มซีดเซียว พวกเขายังมีประสบการณ์น้อยเกินไป เดิมทีคิดว่าการย่างโอสถสมุนไพรนั้นแปลกใหม่แล้ว แต่อาจารย์ตัวน้อยบอกว่ายังมีสิ่งที่แปลกใหม่กว่านี้อีกหรือ!
แปลกใหม่เกินไปจนรับไม่ไหว ไม่! รับไม่ได้เลยต่างหาก รับไม่ได้อย่างยิ่ง!
“เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย หากเจ้ากินกีบเท้าหมูข้ายังพอจะเข้าใจได้ แต่นี่เป็นไส้หมูหรือ? เหตุใดเจ้าต้องไปกินอะไรแปลก ๆ ด้วยเล่า?!”
หัวหน้าตะขาบมรกตได้พูดแทนใจทุกคนที่อยู่ในนั้นแล้ว
เหล่าลูกศิษย์นึกถึงตอนที่หลิงเยว่จัดการกับไส้หมูเมื่อครู่นี้ สีหน้ายิ่งซีดลงไปกว่าเดิม นอกจากไส้หมูแล้ว แม้แต่เครื่องในอื่น ๆ ของหมูดำดิน นางก็ไม่เว้นแม้กระทั่งหนังที่มีขนหมูอยู่เต็มไปหมด นางกำจัดขนเหล่านั้นออกจนหมด นี่มันบ้าเกินไปแล้ว!
พวกเขาไม่อาจทนไหว ฮือ ๆ ๆ ความจริงแล้วควรไปเรียนรู้วิธีทำลูกชิ้นยังดีเสียกว่า อย่างน้อยวัตถุดิบที่ใช้ก็อยู่ในขอบเขตที่พวกเขาคุ้นเคยและพอจะทำใจยอมรับได้
“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามันอร่อยมาก!” หลิงเยว่มองหัวหน้าตะขาบมรกตด้วยสายตาตำหนิ แล้วย่างไส้หมูเหล่านั้นต่อไป
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในเมืองฮั่วหยาง นางสอนอะไรที่สะดวกและง่ายต่อการเรียนรู้ จนเครื่องในต่าง ๆ ถูกใช้ไปอย่างสิ้นเปลืองมากมาย แต่ตอนนี้นางมีเวลาพอที่จะไม่ต้องทิ้งเครื่องในเหล่านี้แล้ว แม้ว่าจะจัดการค่อนข้างยุ่งยากไปสักหน่อย แต่พอนึกถึงรสชาติของมันแล้ว ต่อให้ยุ่งยากเพียงใดก็คุ้มค่า!
“ข้าจำได้ว่าเรื่องส่วนผสมและสมุนไพรเหล่านี้ เจ้าได้มอบอำนาจให้เถาวั่งจัดการ แต่เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า?”
อาจารย์ใหญ่จ้องมองไปที่เถาวั่งด้วยสายตาที่เฉียบคม “ผู้อาวุโสเถา เจ้าคิดจะยักยอกแม้กระทั่งเรื่องนี้ด้วยหรือ?”
เถาวั่งอยากจะกลอกตาใส่ แต่ด้วยภาพลักษณ์ของเขาย่อมไม่ทำเช่นนั้น
นักกลั่นโอสถขั้นสูงเช่นเถาวั่งจะเหลียวแลเรื่องเศษเสี้ยวผลประโยชน์จากส่วนผสมพวกนั้นหรือ ช่างดูถูกกันเกินไปแล้ว!
เมื่อกลอกตาใส่ไม่ได้ เขาเพียงส่งสายตาเย้ยหยันพร้อมกับเสียงฮึดฮัดไม่พอใจแทน
“ย่อมไม่เป็นเช่นนั้น ข้าเพียงต้องการรับประทานเอง หากโยนเครื่องในทิ้งก็จะเป็นการสิ้นเปลืองโดยเปล่า” ระหว่างที่หลิงเยว่พูดไส้หมูที่นิ่มหยุ่นก็เริ่มหดตัว ไขมันหยดลงบนถ่านไฟ กลิ่นที่โชยออกมานั้นไม่เหม็นอย่างที่ทุกคนคาดไว้ แต่กลับให้ความรู้สึกสดใหม่และหอมกรุ่น
สดใหม่หรือ?
จะเป็นไปได้อย่างไร!
“อ๋อ! ข้าใช้สมุนไพรวิญญาณผสมกับเครื่องปรุงหมักไว้สักพัก รวมถึงโอสถบำรุงกำลังที่นำไปคลุกเคล้ากับไส้หมูนั้น ช่างเข้ากันยิ่งนัก”
ทุกคนที่อยู่ในห้องนั้นล้วนตกอยู่ในความเงียบ
พวกเขาไม่เห็นว่ามันจะเข้ากันตรงไหน แม้ว่ามันจะไม่มีกลิ่นเหม็นแล้ว แต่เมื่อนึกถึงว่าไส้หมูนั้นเอาไว้ใส่อะไร ความอยากอาหารของพวกเขาพลันหายสิ้น แม้แต่หัวหน้าตะขาบมรกตยังรีบถอยห่างจากหลิงเยว่ทันที ร่างกายของมันแสดงออกถึงความรังเกียจอย่างชัดเจน
ทั้งที่มีเนื้อมากมาย เหตุใดถึงได้ เอ่อ… คำนั้นคืออะไรนะ ทำอะไรเกินตัว? คิดนอกกรอบ?
ช่างเถิด เอาเป็นว่ามันเป็นความหมายประมาณนั้นแล้วกัน!
ฝูงชนที่เคยล้อมรอบหลิงเยว่ ต่างพากันแยกย้าย พวกที่ไม่มีวาสนาทันได้กินอาหารก่อนหน้าก็หันไปทานอาหารปกติที่ลูกศิษย์ของพวกเขานำมาย่างแทน
หึ! พวกเจ้าไม่รู้จักของดีกันเสียเลย!
หลิงเยว่บ่นอยู่ในใจพลางพลิกไส้หมูบนเตาปิ้งย่างไปด้วย ไส้ด้านนอกเป็นสีทอง ส่วนด้านในแห้งกรอบเป็นสีเหลืองอ่อน ๆ โรยด้วยยี่หร่าและพริกไทยเล็กน้อย ใช้เวลาย่างเพียงไม่นาน กลิ่นเครื่องเทศพลันฟุ้งกระจาย ช่างหอมยิ่งนัก!
หลิงเยว่วางไส้ย่างจำนวนมากไว้ด้านหนึ่ง แล้ววางไส้ชุดใหม่ลงไป ไส้ย่างสามสิบชิ้นยังไม่เพียงพอ นางคิดอยู่เพียงครู่ แล้วนำไส้ดิบห้าชิ้นที่มีลักษณะแปลกประหลาดลงไปย่างต่อ
“นี่คือสิ่งใดอีก!”
หัวหน้าตะขาบมรกตอดใจไม่ไหว พลางชี้ไปยังสิ่งที่พันอยู่บนไม้เสียบ มันดูคล้ายหนอนตัวใหญ่ เขาไม่อยากจะคิดมากแต่หลิงเยว่กลับตอบอย่างซื่อตรงว่า “องคชาตของหมูดำดิน”
“เจ้าพูดอีกทีซิ ข้าได้ยินไม่ค่อยชัด!”
หลิงเยว่หยิบไส้ย่างขึ้นมาก่อนจะกินมัน แล้วตอบกลับเสียงดัง “แน่นอนว่ามันคือส่วนที่เจ้าคิดนั่นแหละ!”
หัวหน้าตะขาบมรกตราวกับถูกฟ้าผ่า หัวหมุนวุ่นวายไปหมด เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยผู้นี้ชอบกินของแปลกประหลาด ไม่เพียงแค่เลวร้าย แต่ยังชั่วช้าอีกด้วย!
เมื่อศิษย์ชายในห้องเรียนได้ยินคำตอบเช่นนั้น สิ่งของในมือของพวกเขาพลันร่วงหล่นลงไป ศิษย์หญิงยังพอประคองไว้ได้ แต่เส้นเลือดที่มือก็เผยให้เห็นถึงความไม่สงบนิ่งในใจของพวกนาง
อาจารย์หลิง…
หลิงเยว่ที่เป็นจุดสนใจของทุกคนชี้ไปที่ฝูงชนเหล่านั้น แล้วหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของพวกเขาช่างตลกยิ่งนัก!
“อย่าเพิ่งมองข้า รีบไปดูของที่พวกเจ้าย่างก่อนเถิด มันไหม้หมดแล้ว!”
ลูกศิษย์เริ่มช่วยกันกอบกู้ของที่ย่างอยู่บนเตาอย่างโกลาหล แต่ในใจก็ยังคงสงบลงไม่ได้
หลิงเยว่ที่หัวเราะจนพอใจแล้วก็ฉีกไส้ย่างออกเป็นสองชิ้น ด้านนอกกรอบด้านในนุ่ม ขณะเคี้ยวก็มีกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพรวิญญาณพร้อมกับน้ำมันจากไส้ย่างคลุ้งอยู่ในปาก ช่างอร่อยยิ่งนัก!
หลิงเยว่รู้สึกว่าร่างกายพลันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลัง โอสถที่อยู่ในไส้หมูย่างนั้นมีสรรพคุณยิ่งกว่าเนื้อย่างเสียอีก!
นี่เป็นเพราะหลักการใดกัน?
หลิงเยว่กินเข้าไปห้าไม้ติด นางเลียริมฝีปากก่อนจะดื่มน้ำหวานหนึ่งอึก แล้วเริ่มกินต่อ ท่าทางที่เอร็ดอร่อยนั้นทำให้หัวหน้าตะขาบมรกตยากจะละสายตาจากนางได้
“สิ่งนี่มัน… อร่อยจริงหรือ?”
แม้ว่าหัวหน้าตะขาบมรกตจะเคยกินดินหรือกัดเปลือกไม้มาก่อน แต่ก็ยังยอมรับไส้หมูไม่ได้อยู่ดี
“หรือว่าเจ้าตั้งใจแสดงสีหน้าเช่นนี้ เพื่อหลอกให้ข้าติดกับ?!”
ต้องเป็นอย่างนั้นแน่!
เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยอย่าคิดว่าจะทำสำเร็จ ข้าจะไม่ยอมกินสิ่งนั้นอย่างแน่นอน!
หลิงเยว่ “…”
นางไม่ได้ว่างถึงเพียงนั้น ความสุขในการได้กินของอร่อยคนเดียวที่ไม่มีใครแย่งชิงเช่นนี้ หัวหน้าตะขาบมรกตไม่มีทางเข้าใจหรอก!