ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 186 จิตใจอันบอบบางของนางทนรับความหวาดกลัวไม่ได้อีกแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 186 จิตใจอันบอบบางของนางทนรับความหวาดกลัวไม่ได้อีกแล้ว!

บทที่ 186 จิตใจอันบอบบางของนางทนรับความหวาดกลัวไม่ได้อีกแล้ว!

เค้กสีเขียวที่ถูกอบเสร็จแล้วมีรูปร่างคล้ายตะขาบมรกตสี่ปีก หากละเลยกลิ่นหอมหวานที่โชยออกมานั้น ถือว่าเหมือนจริงยิ่งนัก

เหล่าศิษย์ที่ไม่ได้เฝ้าดูอยู่ตลอด คงสงสัยว่าเมื่อครู่หลิงเยว่แอบคว้าเจ้าตะขาบมรกตสี่ปีกเข้าไปอบตอนที่พวกเขาเผลอหรือไม่?

“ท่านอาจารย์หลิง เค้กตะขาบมรกตสี่ปีกที่ท่านทำนั้นดูสมจริงยิ่งนัก!”

เหล่าศิษย์ต่างเบียดเสียดกันอยู่หน้าโต๊ะ ฝูงตะขาบมรกตสี่ปีกต่างเกาะอยู่บนศีรษะของพวกเขา ดวงตาจำนวนนับไม่ถ้วนจ้องมองไปยังเค้กที่วางอยู่บนโต๊ะ

“พวกเจ้าก็ทำได้เช่นกัน”

หลิงเยว่พอใจกับผลงานที่นางทำขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจเป็นอย่างยิ่ง ไข่ของสัตว์อสูรในโลกผู้บำเพ็ญเซียนนั้นวิเศษนัก นอกจากจะมีไข่แดงแล้ว ยังมีสีสันต่าง ๆ อีกด้วย ทั้งสีเขียว สีแดง สีฟ้า ไม่ต้องใช้ของเหลวจากสมุนไพรชนิดอื่นมาผสมสีอีกเลย มากสุดก็แค่สกัดน้ำจากสมุนไพรวิญญาณพิเศษแล้วนำไปผสมในแป้งเค้กเพื่อเพิ่มสีสันเท่านั้น

การทำอาหารจานนี้ไม่นับว่ายุ่งยาก

“นี่แค่เลียนแบบตัวจริงของข้ามาใช่หรือไม่?”

หัวหน้าตะขาบมรกต ยกเค้กที่มีรูปร่างเหมือนตนเองขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ยิ่งมองก็ยิ่งพอใจ ยิ่งดมก็ยิ่งอดใจไม่ไหว จากนั้นเขาก็… หยิบเค้กบนโต๊ะแล้วกัดตรงส่วนหัวของเค้กตะขาบมรกตสี่ปีกเข้าไป

ฝูงตะขาบมรกตมองดูส่วนหัวที่ถูกหัวหน้าตะขาบมรกตสี่ปีกกัดกิน ต่างก็หดหัวลงโดยสัญชาตญาณและโบกปีกหนีไป!

“เจ้ากินพวกพ้องของเจ้าเองได้อย่างไรกัน!” หลิงเยว่แสดงสีหน้าตกใจราวกับถูกผีเข้า นางถอยหลังไปสามก้าวพร้อมกับเอามือทาบอกราวกับเจ็บปวดใจอย่างมาก

หัวหน้าตะขาบมรกตและเหล่าศิษย์ผู้เฝ้าดู “…”

“หัวหน้าตะขาบมรกตอร่อยหรือไม่?”

เซี่ยซิ่นรุ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น สายตาของเขาจ้องมองหัวหน้าตะขาบมรกตที่กำลังกินพวกของตนเอง โดยไม่ละสายตา

“อร่อย!”

หัวหน้าตะขาบมรกตกินเค้กตะขาบมรกตสี่ปีกหมดภายในสองสามคำ เขาเลียครีมสีเขียวที่ริมฝีปากด้วยความพอใจ กลิ่นหอมหวานของนมผสมผสานกับกลิ่นหอมสดชื่นของสมุนไพร ผงสีเขียวเหล่านั้นให้ความหวานและกลิ่นชาที่เข้มข้น

ถ้าลองใช้ตะขาบมรกตตัวจริงมาทำ รสชาติคงอร่อยไม่แพ้กันใช่หรือไม่?

“สิ่งที่ข้าทำเป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น พวกเจ้าทุกคนสามารถใช้จินตนาการของตัวเองได้อย่างไม่จำกัด จะทำเค้กรสชาติใดหรือทำเป็นรูปร่างอื่นก็ได้ อย่างเช่น รูปพืช คน หรืออื่น ๆ ล้วนทำได้ทั้งสิ้น”

หลิงเยว่ใช้ตะเกียบคีบเค้กส่วนหัวตะขาบมรกตให้ขาดออกเป็นสองท่อน จากนั้นก็ค่อย ๆ วางลงในปากของนาง

เมื่อครู่หัวหน้าตะขาบมรกตกินเข้าไปโดยไม่ได้คิดอะไร แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลิงเยว่ใช้ตะเกียบแยกชิ้นส่วนพวกของเขา พร้อมกัดกินทีละชิ้น เขาจึงรู้สึกสับสนวุ่นวาย

ยิ่งไปกว่านั้น เค้กตะขาบมรกตสี่ปีกของหลิงเยว่ยังมีไส้สีเขียวไหลเยิ้ม ดูคล้ายเลือดของพวกมันยิ่งนัก!

“เหตุใดเจ้าต้องมองดูข้าเช่นนั้น กินของเจ้าไปเสีย อย่าคิดจะแย่งข้า!”

หลิงเยว่หันหลังให้หัวหน้าตะขาบมรกต

หลังจากที่หลิงเยว่สูญเสียเลือดไปหนึ่งหยดแล้ว ยังรู้สึกหวาดกลัวยิ่งนัก ตอนนี้นางต้องการอาหารอร่อยมาปลอบโยนจิตใจอันเปราะบางของนาง เตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับนายท่านตระกูลเซี่ย อสูรผู้ร้ายกาจ!

เมื่อนึกถึงนายท่านตระกูลเซี่ย ทันใดนั้นหลิงเยว่จ้องมองไปยังเซี่ยซิ่นรุ่ยที่อยู่ไกล ๆ เขาจะเป็นดอกไม้อสูรโลหิตอีกดอกหรือไม่?

แต่เขามีอายุยี่สิบห้าปีแล้ว น่าจะไม่มีสายเลือดของดอกไม้อสูรโลหิต

“อาจารย์หลิง… ข้าทำผิดขั้นตอนหรือไม่?” เซี่ยซินรุ่ยที่ถูกจ้องอยู่นึกว่าตัวเองทำผิด เลยพูดติดขัด

แต่เขาก็ทำตามขั้นตอนในศิลาสะท้อนภาพอย่างเคร่งครัด ไม่มีผิดสักขั้นตอน!

หลิงเยว่ส่ายหน้าและผละสายตาไป

ท่านพ่อของเขาคงไม่อยู่ในห้องของนางแล้วกระมัง?

เดิมทีนางตั้งใจจะออกไปข้างนอก เพื่อขายชารู้แจ้งที่ได้จากการประมูลและเอาหินวิญญาณกลับมา แต่ดูเหมือนว่านางจะไม่สามารถออกไปได้ในเร็ววันนี้

ทว่าการหลบซ่อนอยู่เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องดีเช่นกัน นางไม่ได้จะทำร้ายฮวนฮวน กลับกันนางยังต้องเสียสละโลหิตของตนเองให้ฮวนฮวนดื่มเป็นประจำ เพื่อให้นางมีชีวิตอยู่รอดจนถึงอายุสิบแปดปี การที่นางไม่ได้ไปเรียกร้องค่าตอบแทนใด ๆ จากตระกูลเซี่ย ก็ถือว่ามีน้ำใจมากแล้ว!

“เหล่าท่านผู้อาวุโสและอาจารย์เถาไปที่ใดกัน?”

หลิงเยว่นี้เพิ่งสังเกตว่า เหล่าอาจารย์และท่านอาจารย์ใหญ่ที่มักจะมารายงานตัวทุกวันต่างหายหน้าหายตาไป

“ท่านอาจารย์เหล่านั้นได้เข้าสู่การเก็บตัวบำเพ็ญเพื่อการรู้แจ้งกระมัง?” เถียนฉู่ฉู่ตอบกลับ

“ท่านอาจารย์หลิง ท่านยังไม่ทราบหรือ ว่าในเมืองฝู่ซางของเรามีชารู้แจ้งปรากฏขึ้นกว่าร้อยหยดและยังสามารถใช้ในการแปลงกายได้อีกด้วย?”

เซี่ยซิ่นรุ่ยแอบหยิบขวดเคลือบเล็ก ๆ ออกมา แล้วส่งให้กับหลิงเยว่

“อาจารย์หลิง ขวดใบนี้ ท่านแม่อนุญาตให้นำมาให้ท่าน เพื่อขอบคุณสำหรับการที่ท่านสั่งสอนฮวนฮวนและข้าในช่วงหลายวันที่ผ่านมา…”

ในมือของหลิงเยว่ที่กำขวดเคลือบนี้ไว้ นางไม่อาจกลั้นอาการกระตุกที่มุมปากไว้ได้ สมแล้วที่เป็นคนในตระกูลเดียวกัน นางไม่รับได้หรือไม่?

“เจ้าจงเก็บไว้ใช้เองเถิด”

เซี่ยซิ่นรุ่ยตั้งใจจะยัดเยียดให้หลิงเยว่ แต่นางกลับวิ่งหนีออกไปเสียไกล

อาจารย์หลิงไม่ทราบหรือว่าขวดเคลือบเล็ก ๆ นี้ เกือบทำให้หอประมูลตระกูลเซี่ยต้องกลายเป็นผุยผงแล้ว?

อาจารย์คงไม่รู้สรรพคุณของชารู้แจ้ง เมื่อใดที่ท่านอาจารย์ทำขนมเสร็จแล้ว ข้าจะอธิบายให้ท่านอาจารย์ทราบถึงคุณค่าของขวดเคลือบนี้โดยละเอียด!

เมื่อค่ำคืนมาเยือน ห้องเรียนพิเศษแห่งนี้ยังคงสว่างจ้า กลิ่นอันหอมหวานแผ่ไปทั่วทั้งครึ่งหนึ่งของสำนัก ทำให้ผู้คนในสำนักที่กำลังกลั่นโอสถและกำลังบำเพ็ญอยู่นั้นกระวนกระวายใจ อยากจะวิ่งออกมาบอกให้หยุดการกระทำที่รบกวนจิตใจเหล่านี้เสียที!

ยามปกติเช่นนี้ หลิงเยว่คงจะกลับไปที่ห้องพักเพื่อศึกษาวิชาหมื่นชีวางอกเงย ถึงแม้ว่าจนถึงตอนนี้นางจะยังไม่สามารถเร่งการเจริญเติบโตของไข่ให้ฟักออกมาได้สำเร็จ แต่นางเริ่มรู้สึกใกล้ความสำเร็จแล้ว เชื่อว่าอีกไม่นานก็จะสามารถเร่งการเจริญเติบโตของลูกสัตว์ตัวแรกให้ถือกำเนิดขึ้นได้!

“เจ้าไปดูที่ห้องข้าหน่อย” นางอยากฝึกวิชาจนอดใจไม่ไหว แต่ก็กลัวว่าท่านชายตระกูลเซี่ยจะยังรออยู่ในห้องของนาง หลิงเยว่จึงเอนกายหันไปกล่าวกับหัวหน้าตะขาบมรกต

หัวหน้าตะขาบมรกตกำลังใช้สุราหมักสมุนไพร เพื่อทำเค้กต่อจากศิษย์ที่ทำเสียไปแล้ว พลันนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง

เหตุใดเจ้ามนุษย์เปราะบางน้อยถึงไม่กล้ากลับห้อง?

หลิงเยว่ไม่ได้ปิดบัง จึงเล่าทุกอย่างเท่าที่นางพูดได้ให้หัวหน้าตะขาบมรกตฟัง

“ไม่น่าแปลกใจ ข้ายังสงสัยอยู่เลยว่ากลิ่นอายนั้นมันช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน”

ที่แท้ก็เป็นกลิ่นอายของอสูร!

หัวหน้าตะขาบมรกตตัดสินใจออกไปเผชิญหน้ากับอสูร เพราะสำหรับมันแล้ว ถือเป็นของบำรุงชั้นดี!

หัวหน้าตะขาบมรกตที่กำลังคิดจะกินอาหารมื้อใหญ่ผลักประตูห้องของหลิงเยว่ออก ทว่าในห้องกลับมืดสนิท ไม่มีความเคลื่อนไหวใด ๆ แม้แต่กลิ่นอายของอสูรก็ไม่มีเช่นกัน!

“เจ้ามนุษย์เปราะบางน้อย เจ้าจบสิ้นแล้ว”

ประโยคแรกที่หัวหน้าตะขาบมรกตพูดออกมา ทำเอาหัวใจของหลิงเยว่เต้นระรัว

“เจ้า… เอาชนะไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”

“ผู้ที่สามารถซ่อนกลิ่นอายของอสูรได้อย่างแนบเนียนนั้น น่าจะเป็นระดับจ่าฝูงของเหล่าอสูร” หัวหน้าตะขาบมรกตก็ร้อนใจไม่น้อย มันถูกจองจำหลายพันปีไม่มีทางที่จะฟื้นสภาพได้ในเวลาอันสั้น แน่นอนว่ามันคงสู้จ่าฝูงที่มีทั้งลูกสาวและอสูรบริวารไม่ได้

“เจ้าจะทำให้ข้าตายไปด้วย!”

หัวหน้าตะขาบมรกตถึงกับคิดจะพาเหล่าตะขาบมรกตสี่ปีกทั้งหลายหนีไปแล้ว!

เหล่าผู้พิทักษ์ที่แข็งแกร่งที่สุดยังเอาชนะไม่ได้ หลิงเยว่ตกใจยิ่งนัก แม้ว่านางจะมีอีกาสุริยันและราชาดอกไม้ที่กำลังวิวัฒนาการอยู่นั้น แต่เจ้าอีกาน้อยถูกบังคับให้นอนหลับ ส่วนราชาดอกไม้ยังคงย่อยเถาวัลย์ปีศาจอยู่ ในช่วงเวลาสั้น ๆ นี้จึงไร้ประโยชน์นัก

“เช่นนั้น เราหนีกันเถิด”

ช่างภารกิจไร้สาระนั่นแล้ว!

“ปกติเห็นเจ้าฉลาดนัก เหตุใดวันนี้เจ้าถึงโง่เขลานัก?” หัวหน้าตะขาบมรกตกลุ้มใจ “จอมอสูรตนนั้นไม่ได้ฆ่าเจ้าในทันที อาจคิดเจรจากับเจ้าเท่านั้น แล้วจะหนีไปด้วยเหตุใด?”

หลิงเยว่ “…”

ตอนนั้นนางไม่ได้คิดอะไรมาก แต่หากนางแพร่ข่าวว่าในเมืองฝู่ซางซ่อนอสูรร้ายกับครึ่งอสูรตนหนึ่ง ตระกูลเซี่ยคงจะต้องถูกกวาดล้างเป็นแน่!

หากหลิงเยว่เป็นนายท่านตระกูลเซี่ย นางจะฆ่ามันผู้นั้นทันที!

หลิงเยว่คิดว่าการที่นางหนีไปนั้นสมควรแล้ว!

บัดนี้ก็ได้แต่เดิมพันว่า ฮวนฮวนมีความสำคัญต่อนายท่านตระกูลเซี่ยมากเพียงใด หากมีความสำคัญมากพอ นาง… ก็น่าจะไปเจรจากับเขาได้

การเจรจาย่อมมีสิ่งต่อรอง หลิงเยว่เหลือบมองเค้กบนโต๊ะ แล้วหันไปมองนิ้วของตน นางได้สิ่งต่อรองแล้ว!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท