Invincible โลกอมตะ – ตอนที่ 302

ตอนที่ 302

ตอนที่ 302 เจ้าเคยได้ยินเรื่องสมบัติสวรรค์บ้างใหม???

พอเก็บง้าวพระคัมภีร์เทวทูตเหนือสรรพสิ่งไว้ในร่างแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็เดินไปที่กระท่อมหลังที่ 4 ภายในกระท่อมหลังที่ผนั้นมีภาพเขียนสาวงามแขวนแผนไว้บนกําแพงและนอกจากภาพเขียนสาวงามพวกนี้ก็ไม่มีสิ่งอื่นใดอีก

หวงเสี่ยวหลง ก็มองดูรอบๆและนับได้ว่าภาพเขียนสาวงามนี้มีทั้งหมด 16 ภาพ ภาพสาวงามทั้ง 16 นั้นมีความแตกต่างกันออกไป ไม่ว่าจะเป็นเอกลักษณ์ ความอ่อนโยน รูปร่างท่าทางความบริสุทธิ์ผุดผ่องและเสน่ห์อันเย้ายวน ซึ่งภาพสาวงามทั้ง 16 ภาพนี้เป็นภาพสาวงามที่ไร้อาภรณ์ปิดบังพอมองดูทรวดทรงโค้งมน เนินอกสูงชันอันน่าภาคภูมิใจและทุ่งหญ้าข้างใต้อันชุ่มช้ําแม้กระทั่งหวงเสี่ยวหงที่มีจิตใจอันแข็งแกร่ง ก็ยังหยุดใจสั่นสะท้านไม่ได้เลย

หวงเสี่ยวหลงจึงต้องใช้เวลาสักพักในการระงับความปรารถนาที่ผุดขึ้นมาในใจของเขาจากนั้นเขาก็ใช้สายตาหันไปจ้องด้ายแดงที่พันรอบร่างสาวงามทั้ง 16 ในภาพ การหมุนวนคดเคี้ยวของด้ายแดงบนร่างของสาวงามในภาพนั้นมีลักษณะแตกต่างกันออกไป หวงเสี่ยวหลงเชื่อว่านี่คือการแสดงให้เห็นถึงวิธีการไหลเวียนปราณของเคล็ดวิชาบ่มเพาะประเภทหนึ่ง หวงเสี่ยวหลงจึงหันหน้าไปมองดูภาพเขียนภาพแรกและสังเกตเห็นอักษรที่อยู่มุมซ้ายล่างเขียนไว้ด้วยตัวอักษรโบราณตัวเล็กๆ

“เคล็ดวิชา 7 ปรารถนา”

เคล็ดวิชา 7 ปรารถนา? นี่หรือว่าจะเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ผู้อยู่เหนือเทวทูตบ่มเพาะ? หวงเสี่ยวหลงก็ประหลาดใจเมื่อพบเคล็ดวิชา 7ปรารถนา ในมุมมองของเขา เคล็ดวิชา 7 ปรารถนานี้จะต้องเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่พวกคนชั่วหรือมารร้ายต่างๆบ่มเพาะในสมัยโบราณจกระทั้งผู้อยู่เหนือเทวทูตก็ได้มาโดยบังเอิญ

หวงเสี่ยวหลงไม่อยากเสียเวลามีมารยาท เขาได้เอาภาพเขียนทั้งหมดหยัดใส่แหวนเทพอสูรโดยไม่ลังเล เมื่อเขาเดินมาถึงกระท่อมที่ 5 มันกลับว่างเปล่าอยู่แล้วแต่ทว่าในกระท่อมที่ 6 นั้นมีคทาว่างไว้อยู่ภายใน ตรงหัวคทานั้นมีหัวของสัตว์สวรรค์ติดอยู่ ดวงตาของมันนั้นแดงราวกับโลหิต และมันยังปลดปล่อยแรงกลิ่นอายอันน่าบูชาของสัตว์สวรรค์

พอเห็นสิ่งนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ได้หยิบคทาขึ้นมา พอถือไว้ในมือ เขาก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่กระจายไปทั่วมือ เขาก็ขยับคทาขึ้นลงเพื่อพยายามตรวจสอบที่มาของคทาอันนี้แต่กลับไม่ได้อะไรเลย แม้ว่าเขาจะไม่สามารถตรวจสอบที่มาของคทานี้ได้ หวงเสี่ยวหลงก็สัมผัสได้ว่าของสิ่งนี้คงไม่ได้เป็นธรรมดาๆเหมือนกับแหวนเทพอสูรและดาบคู่เทพอสูร

จากนั้นเขาก็เก็บคทาใส่แหวนไป

พอออกมาจากกระท่อมหลังที่ 6 แล้ว หวงเสี่ยวหลงเก็บสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดลงในแหวนเทพอสูร

หลังจากทุกสิ่งทุกอย่างไม่เหลืออะไรให้เก็บแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็ได้กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปตรวจสอบมิติแห่งนี้ทั่วทุกซอกทุกมุม เพื่อดูว่าเขาจะหาเคล็ดวิชาเทวทูตเหนือสรรพสิ่งที่โอสถวิญญาณระดับเทวะนักพรเต๋ตัวน้อยพูดถึงได้หรือไม่

เขาไม่จําเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาเทวทูตเหนือสรรพสิ่งในการบ่มเพาะแต่เขาก็ยังสา มารถยกให้คนในตระกูลของเขาบ่มเพาะได้ อย่างไรก็ตามไม่ว่าหวงเสี่ยวหลงจะตรวจสอบละเอียดมากแค่ไหน เขาก็ได้รับเพียงความผิดหวังเพราะเขาหาไม่สามารถหาเบาะแสสถานที่ที่มีเคล็ดวิชาเทวทูตเหนือสรรพสิ่งอยู่ได้เลย แม้ว่ามันจะมีอยู่จริงๆ

สุดท้าย หวงเสี่ยวหลงก็ได้ออกจากมิติแห่งนี้แล้วก็ออกไปจากบ่อน้ําพุหนาวเย็นที่เป็นทางเข้าของมิติแห่งนี้โดยหุบเขาเทวะซูม ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ด้วยการดูดซับปลาพลังวิญญาณธรรมชาติแหละวายุหนาวเย็น ทําให้ความเย็นที่ใต้หุบเหวนั้นลดลงอย่างมากมเอเทียบกับตอนที่เขาพึ่งมาถึงเป็นครั้งแรก ด้วยความเร็วขนาดนี้ ภายในหนึ่งปี อากาศหนาวเย็นในหุบเหวแห่งนี้ก็จะหายไปหมดสิ้น

ครูต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ไม่มัวรีรออีกต่อไป พอเรียกหุบเขาเทวะซูมกลับเข้าสู่ร่าง เขาลอยขึ้น แล้วบินขึ้นไปที่หน้าผา

ก่อนหน้านี้ หวงเสี่ยวหลงได้ใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมงในการลงมาถึงหุบเหวจากด้านบนแต่ตอนนี้ตอนขากลับ เขากลับใช้ความเร็วมากกว่าเดิมถึง 2 เท่า ด้วยความเร็วอันน่าตกตะลึงขนาดนี้หวงเสี่ยวหลงจึงบินไปถึงหน้าผาในไม่ช้า

ในเวลาเดียวกัน บนหน้าผามีร่างสองร่างกําลังนั่งขัดสมาธิอยู่ พวกเขานั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากอาจารย์และศิษย์ที่ชื่อว่าเฟิงกงและไต่ลี่ พวกเขานั้นได้ถูกเสียงมังกรคํารามดึงดูดความสนใจให้เดินทางมาเพื่อนี้ซึ่งพวกเขานั้นได้เฝ้ารอคอยการกําเนิดของสมบัติสวรรค์

แต่ผ่านไปหลายเดือน สิ่งที่เรียกว่าสมบัติสวรรค์ที่พวกเขาเฝ้ารอนั้นกลับไม่ปรากฏขึ้นมาเพิ่งกะนั้นกําลังจับจ้องไปที่ก้นหุบเหวที่เขาต้องอดทนเฝ้ารอนานหลายเดือน

หรือว่าการคาดเดาของเขาจะผิดพลาด? ถ้าหากมีสมบัติสวรรค์กําเนิดขึ้นจริงๆหล่ะก็ มันคงจะปรากฏขึ้นไปนานแล้ว

“ท่านอาจารย์ บางที่เราควรจะลองลงไปข้างล่างดู?”ไต่ลี่ก็ถามออกมา

เฟิงกงก็พยักหน้าเห็นด้วยและยืนขึ้นเพื่อเตรียมจะกระโดดลงไปข้างล่างอีกครั้ง เนื่องจากเขาไม่เต็มใจจะกลับไปมือเปล่า

แต่ในขณะที่เขาจะกระโจนลงไปข้างล่างนั้น ได้มีเสียงลมกรรโชกดังขึ้นมาจากด้านล่างทําให้ทั้งสองคนรู้สึกตกใจขึ้นมา ในครูต่อมา พวกเขาก็มองเห็นร่างเงาบินขึ้นมาจากก้นหุบเหวอย่างรวดเร็วเมื่อพวกเขาตระหนักได้ว่าเป็นมนุษย์ ทั้งเฟิงกงและไต่ลี่ก็ตกใจขึ้นมา

ในช่วงหลายเดือนที่เขามาอยู่ที่นี่ พวกเขาไม่เห็นใครสักคนลงไปในหุบเหวเลย ดังนั้น ข้อสรุปที่ดูสมเหตุสมผลมากที่สุดก็คือชายคนนี้ลงไปในหุบเหวก่อนที่พวกเขาจะมาถึง! ชายคนนี้ถึงขนาด ทนลมหนาวเย็นพวกนั้นและอยู่ข้างล่างหุบเหวนานหลายเดือน?! หรือว่าชายคนนี้จะไม่กลัวลมหนาวเย็นสุดขั้วที่ก้นหุบเหวกัน?!

ในขณะที่พวกเขารู้สึกสงสัยและตกใจอยู่นั้น ร่างของหวงเสี่ยวหลงพุ่งผ่านหน้าผามาแล้วลงยืนบนพื้นอย่างนิ่มนวล พอสัมผัสได้แสงอาทิตย์อันอบอุ่น หวงเสี่ยวหลงก็สูดหายใจเข้าลึกๆสดชื่นจริงๆ!

หลังจากผ่านไปประมาณ 7 ถึง 8 เดือน ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาสู่พื้นดิน เขารู้สึกราวกับได้เกิดใหม่

จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็หันไปมองเฟิงกงและไต่หลี่ พอเห็นหวงเสี่ยวหลงมองตัวเอง อาจารย์และศิษย์ทั้งสองหายตกใจ เมื่อเฟิงกงเห็นว่าชายหนุ่มคนนี้มีการบ่มเพาะอยู่เพียงระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 ชั้นกลาง เขาก็ถอนหายใจโล่งอกอย่างลับๆ

“ท่านอาจารย์ เรื่องสมบัติที่ก้นหุบเหว บางทีชายคนนี้ก็อาจจะรู้”ไต่ลี่ก็เข้าไปกระซิบกระซาบกับเฟิงกง

เฟิงกงก็พยักหน้า เขาก็มีความคิดเหมือนกันๆ

“ชายหนุ่ม ข้ามีคําถาม ถ้าหากเจ้าตอบตามตรง ข้าก็จะปล่อยเจ้าไป อย่างไรก็ตาม หากเจ้าโกหกแม้แต่คําเดียว หุบเหวนี้จะกลายเป็นหลุมฝังศพของเจ้า!” เฟิงกงก็ชี้ไปที่หุบเหวเบื้องหลังของเขาแล้วกล่าวออกมาด้วยน้ําเสียงสั่งการ เนื่องจากเขานั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับครึ่งขั้นเทวะ ซึ่งอีกเพียงก้าวเดียวเขาก็จะบรรลุระดับเทวะแล้ว สถานะของเขานั้นเรียกได้ว่าเกือบจะเท่าเทียมกับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะ ซึ่งการฆ่าผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนขั้นกลางนั้นสําหรับเขาก็ค่อนข้างจะง่ายที่เดียว

ตั้งแต่ที่หวงเสี่ยวหลงลงไปในก้นหุบเหว เขาได้พบที่ฝึกตนของผู้เหนือเทวทูตได้กินผลไม้สีแดงเพลิงดูดซับปลาพลังวิญญาณและโอสถวิญญาณระดับเทวะทําให้ความแข็งแกร่งของเขาเพิ่มมากขึ้นดังนั้นเขาจึงอยู่ในช่วงอารมณ์ดีพอได้ยินคําพูดของเฟิงกงเขากลับไม่รู้สึกโกรธแม้แต่น้อย แต่เขากลับยิ้มอยู่ในใจจากนั้นเขาก็มองเฟิงกง “เจ้าอยากรู้อะไรหล่ะ?”

“เจ้าอยู่ข้างล่างนั่นมานานกี่วันแล้ว?”

หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดและคํานวณเวลาอย่างรวดเร็วแล้วตอบออกมา “ประมาณ 7 เดือน”

7เดือน! เฟิงกงและศิษย์ของเขาก็หันมามองกันและกันแล้วรู้สึกตกใจอยู่ภายใน

หากนับเวลาที่พวกเขาใช้เวลาอยู่ที่นี่ มันก็ประมาณ 4 เดือน แต่ชายหนุ่มผมดําตรงหน้าเขากลับลงไปก้นหุบเหวก่อนหน้าพวกเขา 3 เดือน?

“เจ้ามีสมบัติที่ปกป้องเจ้าจากธาตุหนาวเย็นขีดสุดงั้นหรือ?!”ดวงตาของเฟิงก็ลุกไหม้ไปด้วยความโลภในขณะที่เขานั้นจับจ้องไปที่หวงเสี่ยวหลง

หวงเสี่ยวหลงก็ยิ้มอ่อนออกมาในขณะที่มองสีหน้าของทั้งสองคน “ใช่แล้ว”

ทันที่ที่เพิ่งกงได้ยินคําตอบ เขาก็ได้พุ่งออกไปในพริบตา พอเขาไปถึงตัวหวงเสี่ยวหลงเขาก็ได้ งอมือเป็นกรงเล็บแล้วคว้าไหล่ของหวงเสี่ยวหลในพริบตา จากนั้นเขาก็ได้ใช้สายตาอันคมกริบราวกับปลายดาบจับจ้องหวงเสี่ยวหลงในขณะที่พูดสั่งออกมาว่า “พูดซะว่ามันคืออะไร!แล้วส่งมันมาให้ข้า! มิฉะนั้นแล้ว…”

หวงเสี่ยวหลงก็ยังไม่แยแส และปล่อยให้ชายคนนี้คว้าไหล่ไว้ จากนั้นบนฝ่ามือของเขาก็เปล่งแสงออกมาในขณะที่มีหุบเขาสีทองปรากฏขึ้นใจกลางฝ่ามือ

หุบเขาสีทองนี้ก็ได้มีปราณพุทธะอันหนาแน่ปะทุออกมาราวกับคลื่นพร้อมกับปลดปล่อยรัศมีสีทองออกมา

ซึ่งมันก็คือ หุบเขาเทวะซู!!

เฟิงกงก็ตกใจ ในสายตาของเขาเต็มไปด้วยเพลิงแห่งความโลภ “นี่มัน…?!”

แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่ามันเป็นสมบัติอะไร แต่เขาสามารถบอกได้ว่าหุบเขาสีทองขนาดเล็กนี้ไม่ธรรมดา

หวงเสี่ยวหลงก็หัวเราะออกมา “เจ้าเคยได้ยินเรื่องสมบัติสวรรค์หรือไม่?”

Invincible โลกอมตะ

Invincible โลกอมตะ

จากลูกศิษย์ของวัดเส้าหลินบนแผ่นดินใหญ่ หวงเสี่ยวหลงกลับคืนสู่โลกแห่งการต่อสู้โดยได้อาศัยความรู้จากความลับของหัวเซี่ย ซึ่งเป็นวิชาลับจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็น ในโลกของจิตวิญญาณการต่อสู้โดยเฉพาะผู้ที่มีจิตวิญญาณการต่อสู้เท่านั้นที่จะสามารถฝึกในปราณฉีและกลายเป็นนักรบได้ หวงเสี่ยวหลงเกิดมาพร้อมกับวิญญาณการต่อสู้ที่หายากจากภายในสวรรค์แห่งนี้ได้ถูกปลุกจิตวิญญาณการต่อสู้ ในช่วงพิธีปลุกเสกโดยคนของโลกแห่งนี้ อย่างไรก็ตามหวงเสี่ยวหลง กับ “ตัวแปร” จิตวิญญาณการต่อสู้ต้องลุกขึ้นต่อสู้อีกครั้งและแสดงความสามารถพิเศษอื่น ๆ เพื่อเอาชนะเหล่าอัจฉริยะสร้างความตกตะลึงให้กับตระกูลและเหล่าผู้คนของโลกจิตวิญญาณการต่อสู้

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท