ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน – บทที่ 198 ผู้ใดกัน ผู้ใดเป็นคนทำ!!

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

บทที่ 198 ผู้ใดกัน ผู้ใดเป็นคนทำ!!

บทที่ 198 ผู้ใดกัน ผู้ใดเป็นคนทำ!!

“ท่านปู่ขอรับ วันนี้ข้าไปเจอของอร่อยที่ร้านต้องคำสาปมา ท่านลองชิมเร็ว!” ซีหลินเป็นหลานชายคนโตและเป็นลูกพี่ลูกน้องของซีชาง หลังจากกลับมาถึงจวนแล้ว เขารีบสั่งให้คนเอาอาหารชุดใหญ่ที่กินไปครึ่งหนึ่งแล้วออกมา

ห้องรับแขกที่เคยเย็นยะเยือก กลับอบอุ่นขึ้นด้วยการปรากฏตัวของอาหารรสเลิศ กลิ่นหอมของมันตลบอบอวลไปทั่วทุกมุม

“เจ้าเพิ่งพูดว่าอะไรนะ ร้านต้องคำสาปหรือ?” จุดสนใจของชายชราไม่ได้อยู่ที่อาหาร แต่กลับอยู่ที่ร้านเล็กทรุดโทรมแห่งนั้น

“ใช่ขอรับ ร้านที่อยู่บนถนนชิงเฟิง” ซีหลินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม ขณะรินสุราสมุนไพรวิญญาณให้ท่านปู่ของตนเอง “สุรานี้ช่างอร่อยยิ่งนัก หวานหอมชื่นใจเป็นพิเศษ หลานเพิ่งเคยลองชิมเป็นครั้งแรกเลย!”

“วันนี้ที่ร้านนั้นมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นหรือไม่?” ชายชราไม่ได้แตะจอกสุรา แต่กลับขมวดคิ้วแน่น

“ไม่มีขอรับ จะมีสิ่งใดผิดปกติเล่า?” ซีหลินทำหน้าฉงน

ชายชราซึ่งรู้ดีว่าคงไม่ได้อะไรจากหลานชายจึงเดินตรงไปยังร้านต้องคำสาปนั้นทันที เมื่อมาถึงหน้าร้านที่ทรุดโทรม เขาก็ตรงดิ่งไปยังชั้นใต้ดินอย่างมุ่งมั่น

ใต้ร้านต้องคำสาปแห่งนี้ มีอีกโลกหนึ่งซ่อนเร้นอยู่ ด้านในเต็มไปด้วยใยแมงมุมหลากสีสัน บนใยเหล่านั้นยังมีชิ้นส่วนของมนุษย์ที่ยังกินไม่หมดติดอยู่ด้วย เลือดที่หยดลงพื้นนั้นแห้งสนิทกลายเป็นสีน้ำตาล บนผนังหินมีรูพรุนมากมาย แมงมุมตัวเล็กสีสันสดใส และดวงตาที่เปล่งประกายด้วยแสงลึกลับต่างโผล่ออกมาจากรูเหล่านั้น

ชายชราเพียงยื่นมือออกมา แมงมุมตัวเล็กก็กระโดดขึ้นมาบนฝ่ามือราวกับรู้จักกันดี “พ่อของเจ้าอยู่ที่ไหน?”

แมงมุมตัวเล็กที่พูดไม่ได้ก็ส่ายหัวไปมา

ชายชราคาดเดาไว้แล้วว่าแมงมุมตัวเต็มวัยนั้นประสบกับเคราะห์ร้าย การมาในครั้งนี้เพียงเพื่อต้องการยืนยันความสงสัยของเขาเท่านั้น นี่คือแมงมุมหลากสีที่เขาเลี้ยงไว้ภายใต้ร้านต้องคำสาป เนื่องด้วยแมงมุมชนิดนี้สามารถดูดซับพลังคำสาปและนำมาใช้เป็นของตนเองได้ จานโจวนี่มันน่าฆ่าให้ตายซะจริง! บังอาจมาขัดขวางแผนการของเขา!

จานโจวแท้จริงแล้วคือชื่อจริงของท่านอาจารย์ใหญ่แห่งสำนักกลั่นโอสถ

ชายชรากำลังรู้สึกโกรธยิ่งนัก เขาฟาดมือลงบนพื้นร้านค้าเล็ก ๆ จนบริเวณนั้นกลายเป็นผงธุลีทันที รังแมงมุมใต้ดินและแมงมุมตัวเล็กบนมือของเขาก็หายไปเช่นกัน

ผู้คนบนถนนสายชิงเฟิงได้ยินเสียงดังในยามค่ำคืน แต่พวกเขาไม่ได้ออกมาดู เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับเสียงแปลก ๆ ที่ดังมาจากร้านนั้นเป็นประจำอยู่แล้ว

จนกระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้น เสียงกรีดร้องที่โหยหวนดังก้องไปทั่วถนนชิงเฟิงทำให้เหล่าฝูงชนในละแวกนั้นต่างรีบรุดออกมาดู

เมื่อเห็นสิ่งนั้น มุมปากของเขาพลันยกยิ้มขึ้นมา รู้สึกอยากหัวเราะออกมาดัง ๆ เสียด้วยซ้ำ เพราะไม่คาดคิดว่าคำสาปจะสัมฤทธิผลเร็วเช่นนี้

เมื่อมองไปที่ร้านค้าต้องคำสาปและพบว่ามันถูกทำลายเสียราบคาบ เศษไม้ที่ถูกสั่นสะเทือนจนแตกละเอียดกองเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้นดิน หากไม่นับว่าสีต่างกันก็จะดูคล้ายหิมะปกคลุมอยู่ไม่มีผิด

“ผู้ใดกัน ผู้ใดเป็นคนทำ!!” หลิงเยว่โกรธมากจนแทบลมจับ ร้านที่นางเปิดด้วยความทุลักทุเลเพิ่งเปิดได้วันเดียว กลับพังทลายไม่เหลือชิ้นดี!

หัวหน้าตะขาบมรกตแสดงความเห็นอกเห็นใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถ้าเมื่อคืนพวกเขาไม่กลับไปที่สำนัก ร้านค้านี้อาจจะรอดก็เป็นได้ แต่โทษใครได้เล่าในเมื่อเจ้ามนุษย์ผู้เปราะบางน้อยดื้อดึงจะกลับไปเอง

“ท่านอาจารย์ ท่านคิดว่าเป็นฝีมือของซีชางหรือไม่?”

พอซีชางมาถึงก็ได้ยินเซี่ยซิ่นรุ่ยเขี่ยโคลนใส่ตนเอง เขาจึงเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้ากระทำการใดล้วนเปิดเผยโจ่งแจ้ง ไม่เคยทำเรื่องลับ ๆ ล่อ ๆ เช่นนี้”

“ถ้าไม่เป็นเช่นนั้น แล้วเหตุใดเจ้าต้องมาที่นี่ตั้งแต่แต่เช้า? ไม่ใช่เพื่อมาดูสีหน้าข้าอย่างนั้นหรือ?” หลิงเยว่คิดเช่นเดียวกับเซี่ยซิ่นรุ่ย บุคคลแรกที่นางสงสัยก็คือซีชาง

นางคิดอยู่แล้ว ด้วยเหตุนี้เมื่อวานถึงได้จ่ายเงินแล้วรีบเผ่นออกไปเช่นนั้น ที่แท้ก็รอมาสมน้ำหน้านางอยู่นี่เอง!

ร้านถูกทุบจริงดังที่เขาว่า แต่มันถูกทุบจนเป็นผุยผงเลยด้วยซ้ำ!

“ไม่ใช่ข้า” เมื่อเผชิญกับสายตาที่จับจ้องด้วยความสงสัยมากขึ้นเรื่อย ๆ ซีชางกำมือแน่นซ่อนไว้ในแขนเสื้อ แต่สุดท้ายเขาก็อดทนไว้ไม่ไหวจนระเบิดออกมา

“ไม่ใช่ท่านพี่ของข้า แต่เป็นท่านปู่ของข้าต่างหากที่ทำ!” ซีหลินขายท่านปู่แท้ ๆ ของตัวเองต่อหน้าเช่นนี้

ซีชางจึงหันกลับมาถามด้วยความประหลาดใจ “เจ้าเป็นคนสั่งให้ท่านปู่ทำหรือ?”

ตามระดับความรักหลานของท่านปู่ ท่านจะต้องลงมืออย่างแน่นอน จบเห่แล้ว! เดิมทีเขาคิดจะมาขอโทษหลิงเยว่ แล้วขอกลับเข้ามาในชั้นเรียนพิเศษอีกครั้ง แต่ว่าตอนนี้…

“ข้าไม่ได้สั่ง!”

“เป็นท่านปู่ที่เมาแล้วพูดขึ้นมาเอง ปากก็ด่าแต่จานโจวตาเฒ่านั้นต้องไม่ตายดี เอาแต่พูดว่ามันกล้าฆ่าสัตว์เลี้ยงตัวน้อย ๆ ของข้า ข้าจะทำให้มันไม่มีแผ่นดินอยู่…”

“จานโจว ชื่อนี้คุ้นหูเหลือเกิน เขาคือผู้ใดกัน?”

ผู้ที่รู้ชื่อจริงของท่านอาจารย์ใหญ่ “…”

“สัตว์เลี้ยงตัวน้อย หมายถึงสิ่งใดกันหรือ?”

หรือจะเป็นเจ้าแมงมุมที่ทั้งสวยทั้งดุร้ายตัวนั้น?

สัตว์เลี้ยงตัวน้อยเพียงหนึ่งเดียวที่หลิงเยว่นึกออกว่าเกี่ยวข้องกับร้านค้าเล็ก ๆ แห่งนี้มีเพียงแค่แมงมุมเท่านั้น

“ก็พ่อของมันอย่างไรเล่า”

ซีหลินคลายฝ่ามือของเขาออก แมงมุมสีสันสดใสตัวน้อยพลันปรากฏต่อสายตาหลิงเยว่

หัวหน้าตะขาบมรกตกับหลิงเยว่สบตากันโดยไม่ได้เอ่ยสิ่งใดออกมา

เมื่อท่านอาจารย์ใหญ่เป็นฝ่ายรับผิดชอบแล้ว เช่นนั้น… คงต้องให้ท่านแบกรับต่อไปเถิด

เมื่อคดีได้คลี่คลายลงแล้ว แต่หลิงเยว่ไม่มีฝีมือพอจะแก้แค้นได้ จึงได้แต่กลืนความขมขื่นไว้ในใจ

“แล้วอย่างนี้… ร้านจะยังเปิดอยู่หรือไม่?” เซี่ยซิ่นรุ่ยเอ่ยถามแผ่วเบา

“จะเปิดได้อย่างไรเล่าในเมื่อร้านกลายเป็นผุยผงเช่นนี้”

“จริงด้วย! ท่านอาจารย์หรือจะรอให้ซ่อมแซมเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยเปิดร้านอีกครั้ง”

เหล่าศิษย์ต่างพูดกันคนละคำสองคำพลางสังเกตสีหน้าของหลิงเยว่ไปด้วย

“เอาอย่างนี้แล้วกัน เรื่องซ่อมแซมร้าน…” ซีชางดึงซีหลินที่กำลังเล่นกับเจ้าแมงมุมตัวน้อยเข้ามา “ก็ให้เจ้าเป็นผู้รับผิดชอบ”

“ด้วยเหตุใด…” ซีหลินตั้งท่าจะโต้กลับ แต่เมื่อนึกถึงท่านปู่ก็ได้แต่พยักหน้าทั้งน้ำตา “เช่นนั้นก็ได้ ข้า… รับผิดชอบก็ได้”

ความผิดที่ท่านปู่ก่อ ก็สมควรให้หลานเป็นผู้รับผิดชอบ

หลิงเยว่พอใจแล้ว แต่จะให้กลับไปอย่างมอมแมมเช่นนี้ ไม่ใช่เป็นการปล่อยให้เหล่าเพื่อนบ้านและฝูงชนบนถนนหัวเราะเยาะหรือ!

แล้วยังมีผู้อาวุโสหลิวนั้นอีก ไม่ได้! นางไม่สามารถจากไปทั้งอย่างนี้ได้!

หลิงเยว่จึงจัดการซื้อเครื่องครัว โต๊ะอาหาร ถ้วยชามราคาถูกที่สุดอีกชุดหนึ่งจากระบบ ก่อนจะนำออกมาจากแหวนเก็บของ “จัดแจงเสียสิ ร้านนี้ยังคงเปิดต่อไป!”

เหล่าศิษย์ทั้งหลาย “…”

อาจารย์ของพวกเขาคงจะบ้าไปแล้ว

แต่ในฐานะที่เป็นลูกศิษย์ พวกเขาจะทำเช่นไรได้ นอกจากจะบ้าไปด้วยกัน

“เจ้าแน่ใจหรือไม่ ว่าจะยังมีผู้มากินอาหารที่ร้าน?”

หัวหน้าตะขาบมรกตจ้องมองเก้าอี้ โต๊ะ และเหล่าลูกศิษย์ที่กำลังทำงานอยู่ตรงลานอันว่างเปล่าอย่างเงียบงัน สภาพแวดล้อมย่ำแย่ยิ่งกว่าที่พวกเขาเคยอยู่ในป่ารกร้างเสียอีก

“มีอยู่แล้ว!”

หลิงเยว่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ ในขณะที่ความมั่นใจนั้นมาจากพี่น้องตระกูลซีที่กำลังยืนดูความวุ่นวายอยู่ข้าง ๆ นางจับพวกเขาทั้งสองคนนั่งลงบนเก้าอี้ทีละคน

“วันนี้พวกเจ้าก็มาที่ร้านเพื่อทานอาหารชุดใหญ่อีกเช่นนั้นหรือ?”

โดยไม่รอให้ทั้งคู่ที่ยังมึนงงตอบ หลิงเยว่ก็ตะโกนข้ามไปยังเหล่าลูกศิษย์จากระยะไกล “อาหารชุดใหญ่สองชุด!”

ซีชางและซีหลิน “?”

ลูกค้าที่สั่งอาหารชุดใหญ่แบบเดียวกันกับเมื่อวานนี้เบียดเสียดเข้ามาในกลุ่มคน เมื่อพบเห็นร้านทรุดโทรมเล็ก ๆ ที่ดูแปลกใหม่อย่างสิ้นเชิง เขาก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้า แต่เมื่อเห็นว่ามีผู้กล้าสั่งอาหารในสภาพแวดล้อมอันยากลำบากเช่นนี้ได้อย่างหน้าตาเฉย เขาจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วนั่งลงที่โต๊ะถัดไป

“ข้าขอสั่งอาหารชุดใหญ่ชุดหนึ่งด้วยเช่นกัน” จากนั้นเขาก็พึมพำว่า “กินในบรรยากาศแบบนี้ น่าจะได้รสชาติแปลกใหม่ไม่เหมือนผู้ใดดีไม่ใช่หรือ?”

ที่สำคัญคือกลิ่นอาหารที่หอมกรุ่นเหลือเกิน กลิ่นที่เพียงแค่ดมแต่กินไม่ได้ช่างทรมานเสียเหลือเกิน!

ถึงแม้ว่าบางคนจะสั่งอาหารชุดใหญ่ไม่ได้ แต่พวกเขาก็สั่งสุราสมุนไพรวิญญาณมาทานคู่กับอาหารปิ้งย่าง เนื่องจากเมื่อเห็นว่าผู้ที่กินเมื่อวานนี้ไม่เป็นอันตรายจึงอยากลองชิมบ้าง

เมื่อมีผู้กล้านำร่อง โต๊ะหลายสิบตัวก็มีผู้เข้ามานั่งราวหนึ่งในสามในเวลาอันรวดเร็ว ในจำนวนนี้มีใบหน้าที่ไม่คุ้นเคยอยู่ไม่น้อย หลิงเยว่รู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก!

ลูกค้ากำลังกินอาหารกันอย่างเพลิดเพลินอยู่ ทันใดนั้นเสียงดังลั่นราวกับฟ้าผ่าก็ดังสนั่น ท้องฟ้าที่เมื่อครู่ยังแจ่มใสไร้เมฆดำ ทว่ากลับมืดครึ้มด้วยเมฆฝนในพริบตา

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

ยอดกุ๊กบุกแดนเซียน

Status: Ongoing
‘หลิงเยว่’ ผู้ฝึกตนสำนักฝ่ายนอกแสนอ่อนหัด ทั้งยังถูกกลั่นแกล้งจากศิษย์ร่วมสำนัก ทว่ายังโชคดีได้ระบบนี้มาช่วยชีวิต มอบหมายภารกิจให้นางสามารถแข็งแกร่งขึ้นโดยใช้ทักษะการทำอาหารให้เกิดประโยชน์ แม้เส้นทางการเป็นยอดเซียนจะหริบหรี่ ทว่าโชคชะตาของยอดแม่ครัวได้เปิดทางให้ ‘หลิงเยว่’ ได้พบหนทางที่จะช่วยให้ตนรอดจากวิกฤติในครั้งนี้ไปได้‘ลิขิตฟ้าหรือจะสู้ตะหลิว เอ้ย! มานะตน หากนางไม่ยอมแพ้ ย่อมต้องมีหนทางสดใสรออยู่ข้างหน้าแน่’

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท