บทที่ 488 ขู่งั้นเหรอ?
บทที่ 488 ขู่งั้นเหรอ?
อู๋ฝานออกคำสั่ง อีกฝ่ายไม่กล้าขัดขืน เพราะเพื่อนหลายคนนอนกองกับพื้นส่งเสียงร้องโอดโอยให้ได้เห็นแล้ว หากไม่ให้ความร่วมมือก็จะต้องมีจุดจบเช่นที่เห็นเป็นตัวอย่าง หรือบางทีอาจเลวร้ายยิ่งกว่า
“ว่ายังไง ตามรอยมันจนได้สถานที่ซื้อแล้วงั้นเหรอ?” เสียงของหวงถิงเฟิงดังตอบจากปลายสายโทรศัพท์ เพราะเปิดลำโพงพูดคุยอู๋ฝานจึงได้ยินด้วย
ชายอันธพาลลอบมองอู๋ฝานโดยไม่รู้ตัวก่อนจะตอบกลับ “ตรวจสอบแล้วครับ และพวกเรายังขโมยวัตถุดิบมาได้พอสมควรเลย”
“ดี ทำได้ดี!” หวงถิงเฟิงตอบรับด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นยินดี “รีบกลับมาส่งของพวกนั้น แล้วบอกฉันด้วยว่ามันไปซื้อของมาจากที่ไหน”
“ไม่ได้ครับ” ชายอันธพาลตอบกลับ “รถของพวกเราเสียอยู่กลางทาง ตอนนี้อู๋ฝานเหมือนจะรู้ตัวแล้วด้วยว่าพวกเราสะกดรอยตาม มันกำลังหาตัวพวกเราอยู่ เพราะแบบนั้นมารับพวกเราด้วยครับ แล้วเอาเงินตามที่สัญญาไว้มาให้ด้วย”
“ฉันไม่คิดจะติดค้างเงินเล็กเงินน้อยแค่นั้นอยู่แล้ว” หวงถิงเฟิงตอบกลับ “พวกแกอยู่ตรงไหนกันล่ะ เดี๋ยวฉันจะได้ไปรับ”
อีกฝ่ายมองทางอู๋ฝานจนได้รับการพยักหน้าตอบ สุดท้ายเขาจึงบอกตำแหน่งที่อยู่ให้อีกฝ่ายทราบ
“รออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวฉันไป” หวงถิงเฟิงตอบกลับมา
อีกฝ่ายมาด้วยตัวเองเพราะไม่ต้องการให้พนักงานของร้านคัลเลอร์แมนรู้ วัตถุดิบเหล่านี้ไม่ใช่ของจากช่องทางตามปกติ ยิ่งมีคนรู้น้อยเท่าไหร่ก็ยิ่งดี อีกทั้งอู๋ฝานอาจเจอตัวกลุ่มอันธพาลได้ทุกเมื่อ หากปล่อยไว้จนกลุ่มคนถูกเจอเข้าอาจถูกจัดการทั้งหมด
ผ่านไปครึ่งชั่วโมง รถของหวงถิงเฟิงก็ขับจอดข้างรถตู้ของกลุ่มอันธพาล หลังลงจากรถเขาจึงได้เห็นสภาพชวนอนาถของกลุ่มคน
“ไปโดนอะไรมากันล่ะ? แล้วของอยู่ที่ไหน? ที่มาที่ไปของวัตถุดิบพวกนั้นล่ะ?” หวงถิงเฟิงเอ่ยถามเป็นชุด
แต่กลุ่มอันธพาลแค่มองกลับมาโดยไม่ตอบอะไร
“พูดสิ เป็นใบ้กันหมดแล้วรึไง?” หวงถิงเฟิงเอ่ยถาม
“ผู้จัดการหวงอยากรู้ถึงขนาดนั้นทำไมไม่มาถามผมโดยตรงกันล่ะครับ” อู๋ฝานก้าวเดินออกมาจากอีกด้านหนึ่งของรถตู้ พร้อมจ้องมองอีกฝ่ายพลางถามด้วยเสียงสงบ
“อู๋ฝาน? ทำไมแกมาอยู่ที่นี่!?” หวงถิงเฟิงแตกตื่นที่เห็นอีกฝ่ายปรากฏตัวอย่างกะทันหัน
“นั่นเป็นเรื่องที่ผมอยากรู้มากกว่า ทำไมผู้จัดการหวงถึงมาอยู่ที่นี่กันล่ะ?” อู๋ฝานเป็นฝ่ายถามกลับ
“ฉัน… ฉันบังเอิญผ่านมา!” หวงถิงเฟิงแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ
“บังเอิญผ่านมา? ไม่ใช่มาหาคนพวกนี้หรอกเหรอ?” อู๋ฝานเปรยสายตามองทางกลุ่มคนที่สภาพดูไม่จืด “ถ้าไม่ใช่ ผมก็ขอเอาตัวพวกมันไปแล้วกัน”
หวงถิงเฟิงมองอู๋ฝาน จากนั้นก็มองกลุ่มอันธพาลพร้อมเข้าใจว่าคนกลุ่มนี้ทำภารกิจล้มเหลวและขายผู้ว่าจ้าง เมื่อคิดได้ดังนั้นเขาจึงไม่คิดหลบซ่อนอะไรอีก พร้อมจ้องตากับอีกฝ่าย “แกต้องการอะไร?”
“น่าจะเป็นผู้จัดการหวงมากกว่าที่ต้องการอะไรกันแน่” อู๋ฝานเผยสีหน้าเย็นยะเยือกมองตอบ “ครั้งก่อนผมฝากข้อความผ่านคนพวกนี้เป็นคำเตือนไปแล้ว แต่ดูจากเรื่องที่เกิดขึ้น ผู้จัดการหวงน่าจะไม่ได้เก็บไปใส่ใจเลยสักนิดเดียว”
“อู๋ฝาน อย่าคิดว่าตัวเองเปิดร้านแล้วจะยิ่งใหญ่อะไร ฉันคนนี้อยู่เจียงโจวมานาน เส้นสายที่สร้างเอาไว้ดีกว่าคนอย่างแกเป็นไหน ๆ” หวงถิงเฟิงมองตอบอย่างไม่คิดหลบเลี่ยง ทั้งยังไม่มีท่าทีแตกตื่นให้เห็นทางสีหน้า
เหตุผลที่อีกฝ่ายกล้าคิดเล่นงานเรื่องวัตถุดิบของร้านอู๋ฝาน ก็เพราะในสายตาของหวงถิงเฟิง อีกฝ่ายเป็นเพียงไอ้หนูคนหนึ่งที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจ แม้จะรู้จักคนชั้นกลางโดยอาศัยร้านโลกในแหวน แต่เขาเองก็มีเส้นสายอยู่ไม่น้อย หากต้องปะทะกันจริงก็ไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว
ยิ่งไปกว่านั้น เบื้องหลังของเขายังมีเถ้าแก่ตัวจริงของร้านคัลเลอร์แมนอยู่ ไม่ว่าด้วยอะไรก็ไม่มีทางพ่ายแพ้อู๋ฝาน
“ผู้จัดการหวงค่อนข้างล้ำเส้นนะ คิดว่ารู้จักใครต่อใครแล้วจะทำอะไรก็ได้อย่างนั้นเหรอ?” อู๋ฝานก้าวเดินเข้าหาหวงถิงเฟิงพลางถาม
“เหอะ! อู๋ฝาน แกต่อต้านร้านคัลเลอร์แมนของเราไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา ถ้าเป็นคนมีเหตุผลคุยภาษาคนรู้เรื่องก็บอกเส้นทางสั่งซื้อวัตถุดิบมาให้ฉันรู้ ไม่งั้นฉันจะทำให้ร้านโลกในแหวนของแกอยู่ในเมืองต่อไม่ได้” หวงถิงเฟิงข่มขู่ออกมาโดยตรง เมื่อมาจนถึงจุดนี้ไม่คิดปิดบังอะไรอีกต่อไปแล้ว
“ขู่กันอย่างนั้นสินะ?” อู๋ฝานเผยยิ้มบาง ๆ ก่อนจะต่อยหน้าอีกฝ่าย
จมูกของหวงถิงเฟิงถึงกับหักเพราะหมัดเมื่อครู่ ก่อนเลือดกำเดาจะไหลจนต้องรีบเอามือปิดไว้พร้อมส่งเสียงแผดร้อง
“อยากจะเล่นบทข่มขู่ใช่ไหม?” อู๋ฝานยังคงเผยยิ้มก่อนจะปล่อยหมัดตรงใส่อีกฝ่าย
ครั้งนี้ตาซ้ายของหวงถิงเฟิงถึงกับบวมตุ่ยและฟกช้ำ
หวงถิงเฟิงโกรธจัด แต่สายตาที่จ้องอู๋ฝานปรากฏความหวาดกลัวขณะก้าวถอยหลัง
“คิดจะขู่คุกคามฉันเหรอ!?“ ขณะหวงถิงเฟิงรีบถอย ทว่าอู๋ฝานกลับก้าวเข้าหาอย่างรวดเร็วยิ่งกว่า พร้อมต่อยอีกหนึ่งหมัดเข้าที่ตาขวาของอีกฝ่ายโดยไม่ลังเล
ครั้งนี้ตาข้างขวาของหวงถิงเฟิงฟกช้ำบวมตุ่ยเท่ากับข้างซ้าย
“อู๋ฝาน แก แก!…” หวงถิงเฟิงทั้งหวาดกลัวและโกรธจัด ตอนนี้ดวงตาแทบไม่อาจมองภาพตรงหน้าให้ชัดเจนได้
“ฉัน? ฉันมันทำไม?” อู๋ฝานเอ่ยถาม “ครั้งก่อนฉันเตือนดี ๆ แล้ว คิดว่าตัวเองรังแกคนอื่นได้ แต่คนอื่นจะตอบโต้ไม่ได้อย่างนั้นสินะ?”
“ตึง!”
สิ้นคำอู๋ฝานจึงต่อยอีกหมัดเข้าตรงปากของหวงถิงเฟิง เพราะกำลังอ้าปากเตรียมพูดหมัดจึงทำให้ฟันแตกหลุดกระเด็นสองซี่ สุดท้ายเลือดท่วมปากไหลเจิ่งนองออกมา
“กล้าขู่ฉันงั้นเหรอ?”
กลุ่มอันธพาลต่างมองสภาพชวนเวทนาของหวงถิงเฟิง พวกเขาหวาดกลัวจนแทบไม่กล้าหายใจ อู๋ฝานกล้าเล่นงานอีกฝ่ายถึงขนาดนี้ กับพวกเขาก็ยิ่งไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องยั้งมือ หากเมื่อครู่พวกตนไม่ให้ความร่วมมือจนถึงที่สุด สภาพในเวลานี้อาจเลวร้ายยิ่งกว่าจนเทียบไม่ได้
“ผู้จัดการหวง ขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย อย่ามายุ่งกับร้านของฉัน ไม่งั้นครั้งหน้าเรื่องจะไม่ได้จบแค่หมัดไม่กี่หมัดแบบนี้แน่!” อู๋ฝานเผยน้ำเสียงเย็นยะเยือก “เข้าใจไหม?”
ภายใต้สายตาเย็นเยียบของชายหนุ่ม หวงถิงเฟิงทำได้เพียงพยักหน้ารับ
“ดี!” อู๋ฝานตบไหล่หวงถิงเฟิงราวกับพึงพอใจ ก่อนจะหันไปมองกลุ่มอันธพาลที่อยู่ใกล้ ๆ “คำพูดของฉันเมื่อกี้รวมถึงพวกแกด้วย ถ้าครั้งหน้ายังเห็นอยู่ใกล้โกดัง ฉันจะไม่ออมมือให้แล้ว เข้าใจใช่ไหม?”
“เข้าใจแล้ว เข้าใจแล้ว!” กลุ่มอันธพาลพร้อมใจกันพยักหน้าตอบรับ
อู๋ฝานยิ้มตอบรับก่อนจะหันกลับและขึ้นรถของตนเองขับจากไป
จนกระทั่งรถหายลับจากสายตา หวงถิงเฟิงและกลุ่มอันธพาลจึงพากันถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อครู่ตอนที่อีกฝ่ายมองตาพวกเขา มันเปรียบเสมือนการเผชิญหน้ากับเทพสังหาร แรงกดดันอันหนักอึ้งทำให้แม้กระทั่งการหายใจก็ยังรู้สึกยากลำบาก
“ผู้… ผู้จัดการหวง เป็นอะไรไหม?” อันธพาลคนหนึ่งที่โชคดีไม่โดนเล่นงานลุกขึ้นไปสอบถามอาการหวงถิงเฟิง
“ไอ้สวะ!” หวงถิงเฟิงตบหน้าอีกฝ่ายพร้อมฝากรอยนิ้วเอาไว้
กับอันธพาลกลุ่มนี้หวงถิงเฟิงกล้าบันดาลโทสะออกมา หากไม่ใช่เพราะโดนหักหลังเขาจะมีสภาพแบบนี้อย่างนั้นเหรอ? ทั้งหมดก็เพราะกลุ่มเศษสวะพวกนี้ทั้งนั้น!
“เรื่องครั้งนี้ฉันจะต้องตามคิดบัญชีแน่!” หวงถิงเฟิงพึมพำกับตัวเองขณะมองทิศทางที่อู๋ฝานขับรถจากไป ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดสายโทรออก
“เถ้าแก่ครับ…”