ตอนที่ 654 เทพอสูรกลับจวนแล้ว
เพราะฉินหลิวซีจับตาดูอยู่ นักพรตเฒ่าชื่อหยวนจึงไม่กล้าขัดใจ นางใช้อาคมต้าเหยี่ยน แม้รู้ว่าที่นางบอกว่าจะเลิกร่วมมือกันเป็นเพียงการล้อเล่น เขาก็ยังไม่กล้าอยู่ดี เด็กหญิงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความคิดนางยิ่งเฉียบแหลม ปฏิกิริยาต่อสิ่งรอบข้างยิ่งฉับไว กลัวแทบตายว่าเขาจะจากไป
อย่างนั้นก็รออีกสักหน่อย ลูกศิษย์มีศิษย์เป็นของตัวเองแล้ว ให้เวลาผ่านไปนานอีกหน่อย นางมีคนคอยอยู่ข้างกายก็ไม่โดดเดียวแล้ว
สำหรับชื่อเจินจื่อ นักพรตเฒ่าชื่อหยวนมองด้วยสายตาเข้มงวดและเย็นชา เสี่ยงชีวิตเฒ่าชรานี้ อยากตีเขาให้จมดิน
ชื่อเจินจื่อมองไปยังท้องฟ้าไกลลิบ โอกาสยังมาไม่ถึง แต่พวกเขาศิษย์พี่ศิษย์น้องจะต้องมีโอกาสได้พบกันอีกเสมอ รอเวลานั้นมาถึง บุญคุณความแค้นในอดีตจะได้ร่วมกันสะสาง
ฉินหลิวซีเห็นตาเฒ่าหยุดพัก จึงลากเขามาเอ่ยเรื่องรังโจรของชื่อเจินจื่อที่ถูกโจมตี ทั้งขู่ทั้งปลอบให้เขาไปปิดประตูเมือง
แต่นักพรตเฒ่าชื่อหยวนไม่อยากไป เขากล่าวด้วยเสียงหงุดหงิด “นั่นเป็นรังโจรแห่งหนึ่งของเขา เจ้าให้ข้าไปที่นั่นบุกรุกที่ของคนอื่น คืออยากใช้ข้าเป็นเหยื่อล่อเขาออกมางั้นหรือ”
ฉินหลิวซีรู้สึกเหมือนโดนเรียกสติ “อ้า นี่ก็เป็นวิธีที่ดี ข้าไปตั้งค่ายกลที่นั่นอีกอย่างก็ดี ท่านก็เป็นเหยื่อตกปลา หากเขากล้ามา พวกเราก็กำจัดให้สิ้นซากไม่ให้เหลือรอดแม้แต่คนเดียว!”
เครานักพรตเฒ่าชื่อหยวนร่วงหายไปเส้นหนึ่ง เขาชี้นิ้วมืออันสั่นเทาไปที่นางอยู่นาน ถึงได้ระบายความรู้สึกที่อัดอั้นไว้ในใจออกมา “ที่จริงเจ้าแอบซ่องสุมกำลังเพื่อยืดอำนาจไว้นานแล้วใช่หรือไม่”
ลูกศิษย์ตัวเองแท้ๆ ยังจับเขามัดมือไพล่หลังพาขึ้นเขาเหลียงซาน!
กตัญญูอาจารย์จนจะทำให้เขาตายเสียแล้ว!
ฉินหลิวซีชำเลืองมองเขา “เรื่องยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวก็ไม่เสียเปล่า ไม่ใช่ว่าท่านก็แอบคิดในใจลึกๆ ว่าจะใช้อาคมต้าเหยี่ยนไปเสี่ยงทายหาที่อยู่ของเขาหรอกหรือ ไม่ต้องทำนายหรอก นั่งคอยไปวันๆ เดี๋ยวเขาก็ตกลงมาในหลุมเอง!”
นักพรตชื่อหยวนรู้สึกเหนื่อยใจ ช่างเถิด ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องถูกยั่วให้โกรธจนตายอยู่แล้ว!
นักพรตเฒ่านิ่งไป ฉินหลิวซีแสดงออกว่าพอใจมาก นางฮัมเพลงพลางนำกลองผีสิงที่นำกลับจากเมืองเซิ่งจิง และขวดหล่อเลี้ยงไต้หรง วิญญาณผีสาวที่ไม่สมบูรณ์ออกมา
หลังจากผ่านการบำรุงรักษามาระยะเวลาหนึ่งแล้ว วิญญาณที่อ่อนแอของไต้หรงแข็งแรงขึ้นมาไม่น้อย อีกทั้งได้ฟังเถิงเจาสวดมนต์แผ่เมตตาโปรดสัตว์ให้ทุกวัน กล่อมเกลาจิตใจที่เต็มไปด้วยความต้องการล้างแค้นและความอาฆาตพยาบาทจนจางไป ที่หลงเหลืออยู่คือดวงวิญญาณอันอ่อนแอ และยังสามารถเห็นรูปร่างหน้าตาที่งดงามหยาดเยิ้มของนางในอดีตชาติได้อีกด้วย ฉินหลิวซีอยากส่งนางข้ามไปยังปรโลก
ไต้หรงถามอย่างลังเล “ข้าไม่ไปเกิดใหม่ ให้ข้าอยู่ข้างกายท่านต่อไปได้หรือไม่”
ฉินหลิวซีส่ายหน้า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยเอ่ยไปแล้ว เจ้าต้องการแก้แค้นให้สาสมก็ต้องรับกรรม เมื่อไปปรโลกก็จะต้องถูกคิดบัญชีหนี้กรรม เจ้าหลบไม่พ้นและไม่อาจอยู่ต่อได้”
ไต้หรงสีหน้าหม่นลง แต่ก็ยิ้มออกมาอย่างรวดเร็ว “ข้าเข้าใจแล้ว”
ที่นางยังอยู่ต่อในโลกมนุษย์ได้ก็เป็นกำไรแล้ว ยังเรียกร้องมากเกินไปอีก กลายเป็นนางเกิดความความโลภในใจ
ฉินหลิวซีเห็นนางปล่อยวางจิตใจได้ ถึงจะเรียกเฮยอู๋ฉังมารับนางไป นอกจากนี้ยังเอ่ยกับเขาเรื่องเว่ยเสียอีกสักหน่อย ขอป้ายให้กับเขาเพื่อเข้าไปเป็นผู้ช่วย
นางแปะมือกับเฮยอู๋ฉัง “ท่านใคร่ครวญได้รอบคอบเกินไปแล้ว ที่จริงแล้วพวกเราที่อยู่ข้างล่างมีคนทำงานไม่ค่อยพอ ต้องสุ่มเลือกคนไปหามารซื่อหลัวนั่น ไหนจะต้องรักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในนรกอีก ไม่ต้องเอ่ยถึงวิญญาณจำนวนมากที่ต่อแถวรอไปเกิดใหม่ คนตายในโลกมนุษย์ยังมีมากมายจนจำนวนยมทูตไม่พอไปรับวิญญาณ สำหรับเจ้าพวกคนชั่วบางคน ตัวตายไปแล้วยังก่อเรื่องวุ่นวายไม่หยุด ทำร้ายวิญญาณที่บริสุทธิ์ เหยียนจวินและพวกข้าที่กำลังจัดการเรื่องนี้อยู่กำลังร่วมหารือ และอยากจะหาวิญญาณที่ออกจากร่างแต่กายเนื้อยังไม่ตายมาเป็นเซิงอู่ฉังชั่วคราว มากน้อยก็ยังช่วยข้าได้บ้าง ที่นี่มีหนึ่งดวง อย่างน้อยก็ช่วยข้าแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้”
สำหรับวิญญาณตรงหน้า จะเป็นวิญญาณของคนที่ยังมีชีวิตหรือวิญญาณคนตาย ขอเพียงเป็นคนที่ฉินหลิวซีมองเห็นก็เป็นอันใช้ได้ จะสนใจเป็นตายไปทำไม
ฉินหลิวซีขมวดคิ้วพลางถาม “แต่ละวันมีคนตายจำนวนมาก? ทั้งหมดเป็นการตายโดยธรรมชาติหรือเป็นพวกตายโหง?”
เฮยอู๋ฉังชะงักไปเล็กน้อย “มีทั้งสองอย่าง เพียงแต่เมื่อท่านกล่าวเช่นนี้แล้ว ก็ดูเหมือนว่าจำนวนคนตายปีนี้จะมากกว่าปีที่แล้วอยู่มาก”
เกิดดับหมุนเวียน มีคนตายก็มีคนมาเกิด คนตายมากก็ต้องจัดการคนตายเข้าแถวคอยไปเกิดใหม่ เพื่อให้โลกมนุษย์และยมโลกมีความสมดุล
แต่ฉินหลิวซีกล่าวลอยๆ ขึ้นมาประโยคหนึ่ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกมีบางอย่างไม่ถูกต้อง วิญญาณที่รอไปเกิดใหม่ในยมโลก ณ ตอนนี้ กล่าวได้ว่ามีมากมายนับไม่ถ้วน ไม่ควรเป็นแบบนี้สิ หรือว่าคนบนโลกมนุษย์ไม่ขยันมีลูกงั้นหรือ
เฮยอู๋ฉังเริ่มนั่งไม่ติดแล้ว เขาต้องรีบกลับไปดูบัญชีตัดสินฉบับเก่าสักหน่อยแล้ว ที่นี่มีสถานที่ไหนถูกละเลยไปอย่างนั้นหรือ
“ข้ารีบร้อนมา ไม่มีป้ายตราของเซิงอู๋ฉังกับสิ่งของที่ต้องใช้ อย่างเช่นโซ่ล่ามวิญญาณก็ไม่ได้นำมาด้วย ข้ากลับไปเบิกมาให้ชุดหนึ่งแล้วค่อยส่งให้เว่ยเสีย ข้าเหล่าเฮยต้องรีบไปก่อนแล้ว แล้วพบกันใหม่ขอรับ”
ฉินหลิวซีพยักหน้า “ไปเถิด”
ไต้หรงแสดงความเคารพต่อฉินหลิวซีและเถิงเจาอย่างสูง หากไม่ใช่พวกเขาศิษย์อาจารย์ วิญญาณของนางคงแตกซ่านสูญสลายไปแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้สึกซาบซึ้งบุญคุณอย่างมาก
ลำแสงสีทองแห่งบุญบารมีสาดส่องเข้าไปยังดวงจิตของทั้งสองคน เถิงเจารู้สึกปีติยิ่งนัก
“เจ้าทำด้วยใจ จากนี้ไปเรื่องทำนองนี้จะมีอีกมากให้สั่งสมบุญบารมี จิตแห่งเต๋าจะต้องมั่งคง” ฉินหลิวซีตบไหล่เถิงเจา แล้วจึงพยักหน้าให้
เมื่อส่งไต้หรงไปแล้ว ฉินหลิวซีก็ไม่ได้พักค้างที่อาราม นางรีบควบม้ากลับไปร้านเฟยฉางเต๋า ให้เว่ยเสียพักอยู่ในเฟยฉางเต๋าอย่างสบายใจสักระยะก่อน ส่วนนางก็พาศิษย์ทั้งสองกลับจวนตระกูลฉิน
ออกจากบ้านไปเมื่อเดือนสามก่อน จนถึงตอนนี้เข้าเดือนห้าแล้ว มองออกไป อีกไม่กี่วันจะถึงเทศกาลตวนอู่ ไหว้ขนมจ่าง แข่งเรือมังกร เมื่อฉินหลิวซีกลับเข้าไปในจวนอีกครั้งก็ได้ยินเสียงหัวเราะของคนในจวนลอยมา นางหยุดเท้าไว้ หันกลับไปมองรอบๆ ลานบ้านหนหนึ่ง
“ไอ้หยา เทพอสูรกลับมาแล้ว!” ปีศาจโสมน้อยสังเกตเห็นฉินหลิวซีปรากฏตัวเป็นคนแรก มันวิ่งออกมาจากพื้นดินแล้วทะลุเข้าประตูบ้านไป
เดิมทีฉีหวงกำลังปักลายผ้าอยู่ใต้ชายคาบ้าน นางได้ยินเสียงนี้เข้าจึงลุกขึ้นมา เดินมาสองก้าวก็เห็นฉินหลิวซีปรากฏตัวขึ้นที่ประตู
“ท่านกลับมาแล้ว” ฉีหวงเดินไปรับ คิ้วทั้งสองข้างขมวดเข้าหากัน “ทำไมผอมลงไปอีกแล้ว เมืองเซิ่งจิงไม่มีของอร่อยให้กินเลยหรือเจ้าคะ”
“คิดถึงเจ้าที่อยากผอม” ฉินหลิวซีล้อนางด้วยรอยยิ้ม
“ท่านแกล้งข้า” ฉีหวงค้อนนางทีหนึ่ง “เพราะว่าท่านผอม รูปร่างก็ยังสูงอีกด้วย” นางหันไปเห็นเถิงเจา เจ้าเด็กคนนี้ตัวยืดสูงขึ้นไปอีก เพียงแต่ท่าทางหนักแน่นขึ้นแล้ว ไม่รู้ว่าประสบพบเจออะไรมาบ้าง
เถิงเจาทำความเคารพนางทีหนึ่ง สายตาจึงเหลือบไปเห็นปีศาจโสมน้อยที่หลบอยู่หลังพุ่มไม้เข้า จึงเดินเข้าไปหา หยิบมันขึ้นมาวางไว้บนมืออย่างระมัดระวัง
ปีศาจโสมน้อยบิดตัวขาวๆ อ้วนๆ ของมันไปมา เอ่ยอย่างเขินอาย “พวกท่านกลับมาแล้ว”
เถิงเจาแกล้งยีใบไม้เล็กๆที่อยู่บนหัวของมัน “ผมยุ่งแล้ว กลับไปข้าจะตัดให้เจ้าสักหน่อย”
ปีศาจโสมน้อยตัวแข็งเพราะนึกถึงเรื่องในอดีต ภาพเหตุการณ์เรื่องราวน่าเศร้าที่มันถูกคนป่วยโรคย้ำคิดย้ำทำลงมือปรากฏขึ้นมาราวกับเรื่องเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
ร่างกายที่เป็นโสมของมันว่องไวปราดเปรียวกระโดดขึ้นมาทันที “อย่างนี้ข้าเรียกว่าสวยแบบยุ่งๆ สายตาของเจ้ามีปัญหาแล้ว” ยายเจ้าสิ ขอร้องเถิดช่วยทำตัวเป็นคนหน่อย ทำไมต้องจ้องใบไม้ไม่กี่ใบบนหัวข้าไม่วางตาด้วย
ฉินหลิวซีมองปีศาจโสมน้อย สายตาจ้องอยู่ที่ผลสีแดงบนส่วนหัว “ใช้ได้ ออกผลสีแดงสองลูกบนหัวเจ้าคืนให้ข้าได้แล้ว”
ปีศาจโสมน้อยรีบยืดมือขึ้นไปคลำผลสีแดงบนหัวของมัน ก้าวถอยหลังสองก้าว คิดถึงแต่เรื่องเทพอสูรกลับจวนจนตื่นเต้นเกินไปหน่อย ลืมซ่อนผลสีแดงที่มีอยู่แค่สองลูกเอาไว้
โธ่เอ๊ย เสียแผนหมดแล้ว