ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 494 บังเอิญจริง(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 494 บังเอิญจริง(1)

ตอนที่ 494 บังเอิญจริง(1)

ชายวัยกลางคนสองคนนั้นฟังคำสั่งเซี่ยปิงหรุ่ย เมื่อได้ยินหล่อนพูดแบบนั้น

จึงก้าวเดินมาข้างหน้าทันที

“เห้ย…เห้ย…พวกแกจะทำอะไร”

เมื่อเห็นทั้งสองเดินตรงเข้ามาหาตัวเอง เกาอวิ๋นเซียวก็สัมผัสถึงความวิกฤตได้

เขามองดูหญิงสาวผู้เย็นชาตรงหน้าด้วยความเหลือเชื่อ “ทำไมเธอถึงลงมือโดยไม่บอกกล่าวเลย”

แต่ถึงอย่างนั้นเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้สั่งให้หยุด ผู้ชายสองคนนั้นจึงยังลงมือต่อไป

โดยการเดินเข้าไปโจมตีเกาอวิ๋นเซียวตรงหน้า

ตอนแรกเกาอวิ๋นเซียวต้องการหลบ แต่สองคนนี้มีฝีมือมาก แม้ครั้งแรกเขาจะสามารถหลบได้ แต่ครั้งที่สองกลับหลบไม่พ้น ใบหน้าของเขาจึงมีสีสันขึ้นมาอย่างรวดเร็ว

เกาเชี่ยนเชี่ยนเห็นพี่ชายตัวเองโดนทำร้าย จึงพยายามจะสู้กลับ

ฉินเคอวั่งเห็นแบบนี้ จึงคว้าเกาเชี่ยนเชี่ยนเอาไว้แล้วพูดขึ้น “เธออย่าเข้าไปดีกว่านะ เดี๋ยวจะโดนลูกหลงเอาได้”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เกาเชี่ยนเชี่ยนก็หันไปมองฉินเคอวั่ง จากนั้นก็กล่าวด้วยสีหน้าเสียใจ “สหายฉิน นายพาคนมาทำร้ายพี่ชายของแนเหรอ ความจริงนายเป็นคนแบบนี้นี่เอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินเคอวั่งก็คิ้วขมวดนิดหน่อย

จริง ๆ แล้วเขาไม่คิดว่าเซี่ยปิงหรุ่ยจะลงมืออย่างที่หล่อนบอก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้

แต่ตอนนี้เมื่อเขาเห็นเกาอวิ๋นเซียวกำลังโดนทำร้าย เขากลับรู้สึกโล่งใจเหลือเกิน

เมื่อเห็นฉินเคอวั่งเงียบ เกาเชี่ยนเชี่ยนก็เอ่ยต่อ “เธอรีบบอกให้คนหยุดทำร้ายพี่ชายฉันได้แล้ว ถ้ายังปล่อยไว้แบบนี้ เขาต้องโดนตีจนตายแน่”

แต่ฉินเคอวั่งยังไม่ทันได้พูด เซี่ยปิงหรุ่ยก็กล่าวอย่างใจเย็น “วางใจ ไม่ถึงตายหรอก ฉันแค่อยากจะให้พี่ชายเธอทรมานเท่านั้น”

ฉินเคอวั่งเห็นใบหน้าของเกาอวิ๋นเซียวเต็มไปด้วยรอยแผลช้ำก็ได้ทราบว่าเขาคงได้รับบทเรียนแล้ว จึงหันไปมองแล้วพูดกับเซี่ยปิงหรุ่ยว่า “พี่ปิงหรุ่ยครับ

สาสมมากพอแล้ว หยุดทำร้ายเขาเถอะครับ”

เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินแบบนี้ก็ปรายตามองฉินเคอวั่งแล้วเอ่ยขึ้น “สาสมแล้วจริงเหรอ?”

ฉินเคอวั่งพยักหน้า

“ก็ได้”

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นแบบนี้ ก็บอกให้สองคนนั้นหยุดมือ จากนั้นก็เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าเกาอวิ๋นเซียวแล้วเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ขอโทษได้หรือยัง?”

เกาอวิ๋นเซียวตอนนี้บาดเจ็บไปทั่วร่าง เขาหันมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยสายตาเกลียดชังก่อนจะเอ่ยพูด “เหอะ…ฉันไม่ขอโทษหรอก วันนี้พวกเธอก็ทำร้ายฉันเหมือนกัน

แล้วทำไมฉันจะต้องขอโทษด้วย”

ได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็หัวเราะ

“เมื่อกี้ฉันบอกให้นายขอโทษ นายพูดขอโทษออกมาก็จบแล้ว ฉันก็คงไม่ตีนาย แต่นายก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมขอโทษ จนถึงตอนนี้ก็ยังมีความคิดเดิม น่าปวดหัวจริง ๆ”

ในที่สุดเกาเชี่ยนเชี่ยนก็ตระหนักได้ว่าเซี่ยปิงหรุ่ยตรงหน้าไม่ใช่คนที่จะต่อกรด้วยได้ง่าย ๆ ตอนนี้ทางฝั่งหล่อนกับพี่ชายอ่อนแอกว่า จึงไม่ควรต่อกรกันซึ่งหน้า

จึงเดินเข้าไปหาเกาอวิ๋นเซียวแล้วเอ่ยขึ้น “พี่ ขอโทษไปเถอะ”

แต่ถึงอย่างนั้นเกาอวิ๋นเซียวก็ยังเม้มปากไม่ยอมพูดออะไร

ฉินเคอวั่งเห็นแบบนี้ก็ไม่ต้องการยุ่งกับเกาอวิ๋นเซียวอีกต่อไป จึงวางแผนจะบอกให้เซี่ยปิงหรุ่ยกลับไปก่อน แต่แล้วก็มีเสียงดังขึ้นจากทางด้านหลัง

“ปิงหรุ่ย เธอกำลังทำอะไรน่ะ นี่เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

เซี่ยปิงหรุ่ยหันมองไปหาต้นเสียง ก่อนจะพบว่าเป็นเกาซุนชิว หล่อนยกยิ้ม

แล้วเอ่ย “ไม่มีอะไร แค่คุยธุระกับใครบางคน”

แต่ถึงอย่างนั้นเกาเชี่ยนเชี่ยนก็พูดขึ้นด้วยสีหน้าดีใจ “พี่ พี่มาก็ดีแล้ว

มีคนทำร้ายพวกเรา พี่ใหญ่โดนทำร้ายด้วย”

ในตอนนั้นเอง เกาอวิ๋นเซียวก็เห็นเกาซุนชิวเช่นกัน เขารีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะชี้ไปทางเซี่ยปิงหรุ่ย “พี่ ผู้หญิงคนนี้พาพวกนักเลงสองคนนั้นมา เขาออกมาข้างนอกเพื่อเล่นงานผม เขาทำร้ายผมจนเกือบตาย นี่มันทำเกินไปแล้ว”

เมื่อได้ยินคำพูดของเกาเชี่ยนเชี่ยนและเกาซุนชิว เซี่ยปิงหรุ่ยก็หันไปมองเกาซุนชิวด้วยความแปลกใจ ก่อนจะพูดขึ้น “ที่แท้พวกเธอก็เป็นญาติกันนี่เอง”

ในตอนนั้นเอง เกาอวิ๋นเซียวและเกาเชี่ยนเชี่ยนก็พบว่าเซี่ยปิงหรุ่ยกับเกาซุนชิวรู้จักกัน

เกาเชี่ยนเชี่ยนมองแล้วเอ่ยถามเกาซุนชิว “พี่ พี่รู้จักพวกเขาเหรอ?”

“หล่อนชื่อปิงหรุ่ย เป็นเพื่อนร่วมห้องพี่เอง” พูดจบก็หันมองฉินเคอวั่งอีกครั้ง

แล้วบอกล่าว “นั่นเป็นน้องชายของเพื่อนร่วมห้องพี่ ฉินเคอวั่ง”

หลังจากพูดจบ เกาซุนชิวห็หันไปมองเกาเชี่ยนเชี่ยนแล้วเอ่ยถาม “นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”

ยังไม่ทันที่เกาเชี่ยนเชี่ยนจะได้พูด เกาอวิ๋นเซียวก็ก่นด่าแล้วบอกกล่าว “พี่ จะเกิดอะไรขึ้นได้อีกล่ะ เพื่อนร่วมห้องของพี่พาคนมาทำร้ายผมไง พี่ดูสิว่าผมโดนทำร้ายหนักแค่ไหน”

แต่ถึงอย่างนั้นเกาซุนชิวก็ยังเมินเฉยใส่เกาอวิ๋นเซียว แต่กลับจ้องมองไปที่เกาเชี่ยนเชี่ยนแทน

เกาเชี่ยนเชี่ยนเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเกาซุนชิว จึงรีบเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทันที

หลังจากได้ยินเรื่องที่เกิดขึ้น เกาซุนชิวก็อดไม่ได้ที่จะหันมองฉินเคอวั่งอีกครั้ง

หล่อนคาดไม่ถึงว่าลูกพี่ลูกน้องหญิงของตนจะชอบน้องชายของมู่หลาน แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงยิ่งกว่าก็คือหล่อนโดนอีกฝ่ายปฏิเสธ หลังจากเกาอวิ๋นเซียวทราบเรื่องก็มาเอาเรื่องฉินเคอวั่ง

เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่าเกาเชี่ยนเชี่ยนค่อนข้างพูดตรงประเด็น จึงอดพูดไม่ได้

“ตอนแรกฉันก็ไม่ได้อยากทำร้ายคนหรอก แค่อยากจะให้เขาพูดขอโทษ แต่เขาก็ไม่ยอมทำ”

หลังจากพูดจบ เซี่ยปิงหรุ่ยก็เดินเข้าตรงหน้าฉินเคอวั่ง แล้วยกมือเช็ดเครื่องสำอางบนใบหน้าออกจนหมด “เธอดูสิว่าเคอวั่งโดนหนักขนาดไหน ฉันแค่บอกให้เขาขอโทษ แต่เขาก็ยังปฏิเสธ เพราะฉะนั้นฉันก็เลยโกรธ”

ก่อนที่ฉินเคอวั่งจะทันได้ตอบสนอง เซี่ยปิงหรุ่ยก็ลบไปหมดแล้ว ดังนั้นจึงทำให้แผลบนใบหน้าเด่นชัดออกมา เขาจึงเอ่ยอย่างช่วยไม่ได้ “พี่ปิงหรุ่ย เช้านี้พี่สาวผมตั้งใจแต่งให้โดยเฉพาะ แต่พี่มาลบออกไปหมดแล้ว แล้วแบบนี้ผมจะไปเข้าเรียนได้ยังไง”

ตอนแรกเกาเชี่ยนเชี่ยนเห็นว่าฉินเคอวั่งไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมเลย จึงรู้สึกว่าที่เซี่ยปิงหรุ่ยพาคนมาทำร้ายนั้นมันมากเกินไป แต่เมื่อได้เห็นรอยแผลฟกช้ำบนใบหน้าของฉินเคอวั่งในตอนนี้ ในที่สุดก็ได้ทราบว่าเมื่อวานพี่ชายของตัวเองลงมือหนักแค่ไหน

“พี่ พี่…ทำไมพี่ถึงทำร้ายคนได้”

เกาอวิ๋นเซียวแค่นเสียงตะคอกอย่างเย็นชา ก่อนจะเอ่ย “ไอ้หนูนี่มันทำตัวไม่ดี ฉันก็แค่สั่งสอนมันเบา ๆ”

“เหอะๆ…ซุนชิว เธอดูน้องชายเธอคนนี้สิ เป็นเพราะพฤติกรรมของเขาเป็นแบบนี้ จึงทำให้ฉันอารมณ์ไม่ค่อยดี”

เกาซุนชิวก็โกรธกับพฤติกรรมของเกาอวิ๋นเซียวเช่นกัน หล่อนหันไปพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มลึก “เกาอวิ๋นเซียว แกขอโทษเขาเดี๋ยวนี้”

“พี่…”

ตอนแรกเกาอวิ๋นเซียวคิดว่าเกาซุนชิวมาแล้วจะเข้าข้างพวกเขา ไม่คิดว่าจะบังคับให้เขาขอโทษแทน ทำไมกันนะ เจ้าฉินเคอวั่งนี่ทำให้น้องสาวของเขาเสียใจมาก ทำไมเขาจะต้องเป็นฝ่ายขอโทษ

แต่ถึงอย่างนั้นเกาซุนชิวก็หันมองเกาอวิ๋นเซียวด้วยท่าทางเย็นชาก่อนจะเอ่ยขึ้น

“แกอยากจะให้ฉันบอกเรื่องนี้กับพ่อฉันและพ่อแกใช่ไหม”

“พี่…พี่ทำเกินไปแล้ว”

เกาอวิ๋นเซียวไม่อยากนึกภาพหากครอบครัวทราบเรื่องที่เขาทำ จึงหันไปจ้องมองฉินเคอวั่งด้วยความเกลียดชัง หลังจากนั้นก็พูดอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก “ขอโทษ”

“เสียงดังหน่อย”

เกาซุนชิวได้ยินเสียงของเกาอวิ๋นเซียวเบาหวิวอย่างกับยุงบิน จึงโมโหมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ขอโทษ…”

เกาอวิ๋นเซียวตะโกนเสียงดัง สีหน้าเต็มไปด้วยความหงุดหงิด

ฉินเคอวั่งเห็นเกาอวิ๋นเซียวเป็นแบบนี้ ก็เอ่ยปากพูดอย่างใจเย็น “เอาเถอะ

ถือว่าเราหายกันแล้ว”

เกาซุนชิวได้ยินแบบนี้ก็หันมองฉินเคอวั่งแล้วพูดขึ้น “เคอวั่ง พี่ไม่คิดเลยว่าน้องชายกับน้องสาวของพี่จะสร้างความเดือดร้อนให้เธอ เอาไว้สุดสัปดาห์นี้พี่จะเลี้ยงข้าวพวกเธอเป็นการขอโทษแล้วกันนะ”

ฉินเคอวั่งไม่พูดอะไรแล้วหันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ย

เซี่ยปิงหรุ่ยกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ได้สิ ถึงเวลาพวกเราไปกินอาหารดี ๆ

กัน”

“ได้ ไม่มีปัญหา”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

ขอโทษก็จบ แหม ต้องให้เจ็บตัวก่อนแล้วถึงจะขอโทษนะไอ้หนุ่ม แล้วทีนี้แกก็เลิกหวังจะจีบพี่สาวราชินีน้ำแข็งไปได้เลย เล่นไปมีเรื่องกับน้องชายเขาแบบนี้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท