บทที่ 916 แดนธุลีมีที่มาอย่างไรกันแน่?!
บทที่ 916 แดนธุลีมีที่มาอย่างไรกันแน่?!
ร่างมหึมาทั้งสองกระทบกระทั่งไม่หยุด คลื่นพลังน่าพรั่นพรึงซัดสาดเรื่อย ๆ อวกาศเดือดพล่าน ระเบิดหลุมดำออกมาหลุมแล้วหลุมเล่า
ก้อนหินดุดันไร้เทียมทาน เข้าต่อสู้ประชิดตัวฮุยจิ่ว ร่างหินของมันแข็งขันยิ่งนัก ฮุยจิ่วได้แต่ฉงนสนเท่ห์กับสิ่งที่เกิดขึ้น
นี่หรือก้อนหินที่ได้รับการชี้แนะจากผู้บุกเบิกท่านนั้น มิน่า วิญญาณหลักก้อนหินถึงต้องการร่างหินนี้คืนเรื่อยมา ผิดแผกมนุษย์มนาเหลือเกิน แข็งแกร่งจนเขาแผ้วพานมิได้เลย!
เขารวบรวมพลังมาไว้ที่กำปั้นทั้งสอง รัวใส่ตัวก้อนหิน สุดท้ายเขาไม่เพียงแต่ทำอันใดก้อนหินมิได้ ไม่อาจทำลายเกราะป้องกันของก้อนหิน ทว่าสองหมัดของเขายังยับเยิน กระดูกหักสะบั้น เลือดเนื้อเละรวมกันหมด!
อะไรกัน!
เขายิ่งสู้ยิ่งทวีความแข็งแกร่ง สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังในกายอย่างชัดเจน เทียบกับแรกเริ่ม เขาทรงพลังขึ้นมาก
ทว่าเรื่องที่ทำให้รู้สึกห่อเหี่ยวคือ เขาไม่ได้ลิ้มรสความแข็งแกร่งที่ทวีคูณเลยสักนิด!
เขาผู้ทรงพลังขึ้นแล้วควรต้องบดขยี้ก้อนหินได้มิใช่หรือ
เขาในยามนี้อย่าว่าแต่บดขยี้ก้อนหินเลย กลับยิ่งเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นเรื่อย ๆ ถูกก้อนหินกระหน่ำโจมตี!
เรื่องบ้าอะไรกัน!
ทั้งที่เขายิ่งสู้ยิ่งทวีความแข็งแกร่ง เหตุใดสุดท้ายกลับดูเหมือนเป็นเขาที่ยิ่งสู้ยิ่งอ่อนแอลงเล่า?!
‘ใช่ว่าข้ายิ่งสู้ยิ่งอ่อนแอลง แต่มันแข็งแกร่งขึ้นไวเกินไป!’
ฮุยจิ่วเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน ตระหนักถึงข้อนี้ได้ในไม่ช้า
ก้อนหินแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ ความเร็วนั้นเหนือกว่าเขามาก เพราะเหตุนี่เขาถึงเป็นฝ่ายเสียเปรียบขึ้นเรื่อย ๆ ยิ่งนานเข้ายิ่งมิใช่คู่ต่อสู้ก้อนหิน!
‘บัดซบ ข้าประเมินหินก้อนนี้ต่ำเกินไปอย่างแท้จริง เป็นไปได้ว่ามันก้าวสู่ขั้นแปดแล้ว!’
เขาคิดในใจ ยิ่งใคร่ครวญยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ผิดปกติ เขาอยากถอยก่อน ไม่ต้องการสู้กับก้อนหินต่อ
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อ ช้าเร็วเขาต้องถูกก้อนหินกำราบ ซ้ำยังมีต้นหลิวอีกตนที่คอยจ้องเขาตาเป็นมัน!
แต่เดิมเขาต้องให้ความสำคัญกับต้นหลิวอยู่แล้ว ไม่อาจมองข้ามพลังของมัน สถานการณ์เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อเขาอย่างมาก
ถึงอย่างไรก้อนหินยังกล้าแกร่งน่าครั่นคร้ามขึ้นถึงเพียงนี้ เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่าต้นหลิวกล้าแกร่งขึ้นด้วยหรือไม่
หากต้นหลิวกล้าแกร่งขึ้นเช่นกัน สถานการณ์ของเขายิ่งเลวร้ายไปใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย!
‘ถอย! กลับไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน!’
เขาตัดสินใจ มองว่าอยู่ที่นี่ต่อไปคงมิไหวจริง ๆ จึงตัดสินใจกลับไปยังแดนธุลีก่อน แล้วค่อยวางแผนการอื่นต่อ
เสียงดังตู้ม ร่างของเขาระเบิดแหลกเหลว กลายเป็นไอหมอกสีเทามวลแล้วมวลเล่า กระจัดกระจายออกไปเพื่อหนี
เวลานั้นเองต้นหลิวเริ่มเคลื่อนไหว ก้านหลิวตวัดร่ายรำไปทั่วฟ้า สะกดไอหมอกสีเทาที่แผ่ขยายออกไป มันรับรู้ได้ว่าฮุยจิ่วคิดหนี
ไอหมอกสีเทาถูกพันธนาการ ฮุยจิ่วหนีไม่ได้ เผยร่างจริงออกมา
สีหน้าของเขาอึมครึม ทันทีที่ต้นหลิวลงมือเขาก็ตระหนักได้ถึงความร้ายแรง เขาไม่อาจแน่ใจได้ว่าก้อนหินก้าวสู่ขั้นแปดหรือยัง ทว่าเขาแน่ใจได้เลยว่าต้นหลิวก้าวสู่ขั้นแปดแล้วแน่นอน!
พลังของต้นหลิวในยามลงมือเหนือกว่าเขามาก ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันก้าวสู่ขั้นแปดสำเร็จ เขาอารมณ์หม่นหมองถึงขีดสุด นี่เขาต้องถูกหยุดไว้ที่นี่อย่างนั้นหรือ?!
“ไม่!”
เขาคำราม ไม่มีทางยอมถูกรั้งไว้ที่นี่
หากถูกรั้งไว้จริง ๆ จุดจบของเขาต้องแย่แน่!
“ฆ่า!”
เขาส่งเสียงคำราม ดิ้นรนเป็นครั้งสุดท้าย รีดเค้นเลือดสีเทาในกายออกมาทั้งหมด หลอมรวมเข้าด้วยกันก่อนจะซัดออกไปข้างหน้า
นี่คือโลหิตของจ้าวแดนธุลี แม้จะเจือจางลงไปแล้วหลายเท่า กระนั้นยังเปี่ยมพลานุภาพ เขาฝากความหวังทั้งหมดไว้กับโลหิตสีเทา หวังว่าโลหิตสีเทาจะช่วยกำราบต้นหลิวและก้อนหิน
ไอหมอกสีเทาม้วนตัวขึ้น พลังสยดสยองไร้ขีดจำกัดหลั่งไหลออกจากโลหิตสีเทา ถักทอเป็นภาพร่างสีเทาร่างหนึ่ง มองไม่เห็นรูปโฉม ทว่าแฝงไว้ด้วยบารมี!
เห็นได้ชัดว่ามันมิใช่ตัวละครดาษดื่น แม้กระทั่งต้นหลิวยังรู้สึกถึงความน่ายำเกรง นั่นมิใช่สิ่งที่จะปรากฏกับตัวละครดาษดื่น
“แดนธุลีเป็นสถานที่เช่นไรกันแน่ แล้วจ้าวแดนธุลีเป็นตัวตนระดับใด?”
ต้นหลิวเอ่ยเสียงเบา
ตู้ม!
เวลานั้นภาพร่างสีเทาขยับ ฟาดฝ่ามือหนึ่งลงมา มิได้มีภาพการณ์น่าพรั่นพรึงเป็นพิเศษปรากฏแต่อย่างใด ดูธรรมดาเหลือแสน ปราศจากพลังอันน่ากลัวหลั่งไหล
ทว่าต้นหลิวให้ความสำคัญกับมันเป็นพิเศษ
มันออกโรงด้วยตนเอง ไม่ได้ให้ก้อนหินลงมือ ยามนี้ ก้อนหินยังไม่สามารถควบคุมพลังทั้งหมดในกายได้ ไม่แน่ว่าจะต้านทานไหว
แม้ว่ามันก็ยังไม่สามารถควบคุมพลังทั้งหมดในตัวได้อย่างสมบูรณ์ กระนั้นพลังที่มันระเบิดออกมายังแข็งแกร่งกว่าก้อนหิน
“มวยไทเก๊ก!”
ต้นหลิวลงมือ สำแดงวิชามวยไทเก๊ก มันมิได้ชะล่าใจแต่อย่างใด ฝ่ามือนี้ดูเหมือนธรรมดาไร้ซึ่งพลังสยดสยองแต่อย่างใด กระนั้นมันรู้ดีว่าฝ่ามือนี้น่ากลัวอย่างยิ่งยวด!
ปรมัตถ์แห่งมวยไทเก๊กปะทุ ต้นหลิวเคี่ยวกรำวิชามวยไทเก๊กของตนจนอยู่ในระดับเชี่ยวชาญสุดขีด และสำแดงอานุภาพใช้ประโยชน์จากแรงผู้อื่นของมวยไทเก๊กได้ถึงจุดสุดยอด!
ตู้ม!
ทันทีที่ต้นหลิวปะทะกับหมัดนี้ มันก็รู้ได้เลยว่ามันคิดไม่ผิด ฝ่ามือนี้น่าประหวั่นพรั่นพรึงเหลือแสน เหนือกว่าพลังทั้งหมดที่ฮุยจิ่วเคยปล่อยออกมา!
ยังดีที่มันใช้วิชามวยไทเก๊กทันที มิได้เลือกปะทะโดยตรง หาไม่แล้วมันต้องเสียเปรียบอย่างใหญ่หลวง!
ปรมัตถ์ใช้ประโยชน์จากแรงผู้อื่นของมวยไทเก๊กถูกแสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งในยามนี้ มันคลายพลังกว่าครึ่งของฝ่ามือนี้แล้วสะท้อนกลับไป!
ภาพร่างสีเทาสั่นไหวรุนแรง คล้ายว่าจะพังครืนลง!
ฮุยจิ่วตาค้าง วิชามวยอะไรกันนี่ ถึงได้มีอานุภาพสะท้านโลกันตร์เยี่ยงนี้ เขาเห็นอย่างชัดเจนว่าพลังส่วนใหญ่ของภาพร่างสีเทาถูกปลด ซ้ำยังผันเปลี่ยนไปอยู่ในการควบคุมของต้นหลิวและถูกสะท้อนกลับ!
‘เรื่องบ้าอะไรกันนี่! ข้าถูกต้มครั้งใหญ่!’
เขาร้องไห้ออกมาในบัดดล น้ำตาไหลนองด้วยความชอกช้ำ ต้นหลิวผู้นี้น่ากลัวผิดมนุษย์มนายิ่งกว่า ใช่ผู้ที่เขาจัดการได้ที่ไหน!
เรื่องนี้ทำให้เขานึกเคียดแค้นวิญญาณหลักก้อนหินขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ ภารกิจอะไรกัน อีกฝ่ายส่งเขามาตายชัด ๆ!
ต้นหลิวสำแดงมวยไทเก๊กไม่หยุด อานุภาพหมัดยิ่งเพิ่มพูนความน่าสะพรึง ท้ายที่สุด ภาพร่างสีเทาถูกทำลาย กลับมาเป็นโลหิตสีเทาอีกครั้ง
เสียงดังฟึ่บ ต้นหลิวลงมือพันธนาการโลหิตสีเทาและเก็บกลับไป
“มาเถิด ขอข้าดูหน่อยว่าแดนธุลีเป็นสถานที่เช่นไร แล้วจ้าวแดนธุลีเป็นตัวตนอย่างไร!”
ต้นหลิวชี้นิ้วหนึ่งออกไป ม่านแสงจรัสพวยพุ่ง ฉายวิญญาณของฮุยจิ่วออกมาอย่างบริบูรณ์
วิญญาณหลักก้อนหินยังอยู่ในแดนธุลี มันกับก้อนหินจำเป็นต้องไปเยือนแดนธุลีสักครา ก่อนหน้านั้นการรู้เรื่องแดนธุลีไว้ก่อนจะเป็นผลดีต่อพวกมันอย่างมาก
“ไม่!”
ฮุยจิ่วคำรามกราดเกรี้ยว ระเบิดพลังในตัวอย่างบ้าคลั่ง ไม่อยากให้ต้นหลิวได้ตามต้องการ
อนิจจา ทุกสิ่งที่เขาทำล้วนเปล่าประโยชน์!
เมื่ออยู่เบื้องหน้าต้นหลิวผู้ทรงพลัง เขาไม่อาจขัดขืนได้เลย วิญญาณถูกเผยออกมาอย่างครบถ้วน
ต้นหลิวมีสีหน้าเคร่งเครียดขณะเตรียมเปิดดูความทรงจำของฮุยจิ่ว
ก้อนหินเข้ามาดูด้วย สนอกสนใจในแดนธุลีมากเช่นกัน
ลือกันว่าแดนธุลีเป็นเส้นทางสุดท้ายที่ผู้บุกเบิกเดินผ่าน แล้วความจริงเป็นเช่นนั้นจริงหรือ
ผู้บุกเบิกท่านนั้นได้ทิ้งบางอย่างไว้ในแดนธุลีหรือไม่ แล้วจ้าวแดนธุลีเกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้บุกเบิกท่านนั้น
คำตอบทั้งหมดจะถูกเปิดเผยในยามนี้!