รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 917 เจ้าก้อนหิน ‘บังอาจเอ่ยว่าคุณชายไม่ได้การ’

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 917 เจ้าก้อนหิน ‘บังอาจเอ่ยว่าคุณชายไม่ได้การ’

บทที่ 917 เจ้าก้อนหิน ‘บังอาจเอ่ยว่าคุณชายไม่ได้การ’

แดนธุลี พื้นที่สีเทาอันลึกลับน่าสะพรึงกลัว กระทั่งหลังฉากก็ยังมีสิ่งมีชีวิตเพียงจำนวนไม่มากที่รู้ถึงการคงอยู่ของแดนธุลี ยิ่งมีจำนวนน้อยนิดเข้าไปใหญ่ที่เคยได้ยินว่าผู้เบิกทางได้เดินทางไปยังแดนธุลีเป็นที่สุดท้าย

สาเหตุที่จิตวิญญาณหลักเจ้าก้อนหินปรากฏตัวขึ้นในแดนธุลีก็มาจากข่าวลือนี้เช่นเดียวกัน

เจ้าก้อนหินไม่ธรรมดา ได้รับการชี้แนะจากผู้เบิกทาง เกิดเป็นจิตสำนึกเดินบนเส้นทางการฝึกตน

หลังจากนั้นมันก็ฝึกตนและเก็บรวบรวมสมบัติมาตลอด เพียงเพื่อเป้าหมายในการเข้าไปยังแดนธุลี ตามรอยเท้าผู้เบิกทางไป หวังว่าจะได้ใกล้ชิดกับผู้เบิกทางท่านนั้น

ภายหลังยามที่มันเข้าไปยังแดนธุลี ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาบางอย่างเกิดขึ้น ทำให้ร่างและวิญญาณแยกจากกัน เป็นสาเหตุให้เกิดเรื่องในปัจจุบันนี้

ต้นหลิวอ่านความทรงจำของฮุยจิ่วไปได้ไม่นาน ฉากภายในแดนธุลีก็ปรากฏขึ้นในสายตาของต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน

มันเป็นดินแดนที่ไร้พืชผลโดยสิ้นเชิง กระทั่งต้นหญ้าสักต้นยังไม่มี ปราศจากความมีชีวิต มีเพียงแค่หมอกสีเทาลอยอวล ท้องนภาและผืนดินต่างก็เป็นสีเทา

แดนธุลีนับว่าเป็นปัญหาใหญ่อย่างแท้จริง ไม่รู้ว่าเป็นพลังอันใดที่ไหลเวียนอยู่ภายใน เพียงแค่เข้าไปก็ทำให้นิสัยคนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก ราวกับว่ากลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเสียแล้ว

อย่างฮุยจิ่วก็เป็นหนึ่งในตัวอย่างที่พบได้ทั่วไป

ฮุยจิ่วมาจากหลังฉาก ก่อนหน้านี้ในความทรงจำแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าฮุยจิ่วเป็นคนดีอย่างยิ่ง เปี่ยมเมตตาคุณธรรม ยามอยู่เบื้องหลังไม่เคยทำสิ่งเลวร้าย ทำความดีอยู่เสมอ

ทว่าหลังจากที่ฮุยจิ่วตกลงไปในแดนธุลีโดยบังเอิญ นิสัยของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก

ราวกับว่าเขาเปลี่ยนไปเป็นอีกคนอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นคนโหดร้ายกระหายเลือด ความเมตตาคุณธรรมหายสิ้น มีเพียงแต่การสังหารอย่างไร้ที่สิ้นสุด ล้างผลาญสิ่งมีชีวิตทั่วทั้งจักรวาลโกลาหล!

หลังจากนั้นเขายิ่งทำสิ่งเลวร้ายขึ้นมากกว่าเดิม สามารถกล่าวได้ว่ากระทำเรื่องชั่วร้ายได้ทุกรูปแบบ ประหนึ่งว่าพลังของแดนธุลีดึงเอาความชั่วร้ายทั้งหมดในจิตใจของเขาออกมา ทำให้ลงมืออย่างบ้าคลั่งตามอำเภอใจ ไม่ห่วงกังวลสิ่งใด กระทำเรื่องเลวร้ายออกมามากมายเกินกว่าจะบรรยายได้!

หลังจากนั้นต้นหิวและเจ้าก้อนหิวก็ได้เห็นจ้าวแดนธุลี

ทว่าพวกเขาไม่ได้เห็นใบหน้าของจ้าวแดนธุลี ซ้ำยังไม่รู้ว่าเป็นเผ่าพันธุ์ใด

หลังจากที่ความชั่วร้ายภายในใจของฮุยจิ่วถูกจุดขึ้นมา การพัฒนาก็เป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่ง ดึงดูดความสนใจจากจ้าวแดนธุลีจนมอบโลหิตธุลีให้ด้วยตนเอง

แต่ในตอนนั้นเอง พลันมีฉากแปลกประหลาดน่าสะพรึงกลัวเกิดขึ้น!

ความทรงจำที่ควรจะดำเนินต่อไปกลับนิ่งสนิท รางกับทุกอย่างถูกหยุดเอาไว้

ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นส่งตรงถึงภายในหัวของต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน

“พวกเจ้าสอดแนมข้าอย่างนั้นหรือ?!”

หลังจากเสียงนี้ดังขึ้น ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินก็ต่างตกใจสะดุ้ง

เสียงมาจากที่ใดกัน?!

เพียงไม่นาน พวกมันก็รู้ความจริง ภายในภาพความทรงจำที่ถูกแช่ค้างเอาไว้ ร่างของจ้าวธุลีขยับตัวมาเผชิญหน้ากับพวกมัน

ภายในใจของต้นหลิวหนักอึ้ง นี่คือความน่าสะพรึงกลัวของจ้าวแดนธุลีอย่างนั้นหรือ? เพราะพวกมันตรวจสอบดูความทรงจำที่เกี่ยวข้องกับจ้าวแดนธุลี ทำให้จ้าวแดนธุลีเกิดการตอบสนอง?

นี่นับว่าน่าหวาดกลัวอย่างแท้จริง!

“เจ้าเป็นใคร? คิดทำสิ่งใดกับคุณชาย!”

ต้นหลิวกับเจ้าก้อนหินสงบลงอย่างรวดเร็ว เอ่ยตะโกนใส่จ้าวแดนธุลี

ก่อนหน้านี้ระหว่างงานชุมนุมพ่นใย แดนธุลีเคยปรากฏออกมา เห็นได้ชัดว่าเป้าหมายคือคุณชาย ทว่าหลังจากนั้นก็ถูกคุณชายลงมือจนต้องถอยร่น

และเพราะครั้งนั้นเอง ทำให้เจ้าก้อนหินถูกจิตวิญญาณหลักพบเข้าเกิดเป็นเรื่องจนถึงตอนนี้

“ที่แท้พวกเจ้าก็เป็นผู้ติดตามข้างกายคนผู้นั้น…”

เสียงของจ้าวแดนธุลีเต็มไปด้วยความไม่แยแสต่อสิ่งใด ฟังแล้วไม่อาจแยกออกได้ว่าเป็นเสียงชายหรือหญิง

“ไม่มีอันใด เพียงแค่อยากลองดูว่าคนผู้นั้นมีสิ่งใดบ้าง”

มันกล่าวออกมา น้ำเสียงยังคงเต็มไปด้วยความเฉยเมย

“เจ้ากับผู้เบิกทางมีความสัมพันธ์อันใด?!”

ต้นหลิวถามสิ่งที่ต้องการจะรู้มากที่สุดออกมา

“มีความสัมพันธ์อันใด? ฮ่าฮ่า ไม่ได้นับว่ามีความสัมพันธ์อันใดมากมาย ข้าก็เป็นเพียงแค่ ‘โรค’ ในร่างของคนผู้นั้น”

จ้าวแดนธุลีเอ่ยออกมา

“โรค?!”

หลังได้ยินเช่นนั้น รูม่านตาของต้นหลิวและเจ้าก้อนหินก็หดวูบลงอย่างอดไม่ได้

พวกมันจะคาดคิดได้อย่างไรว่าคำตอบจะเป็นเช่นนี้!

เนื่องจากตามที่พวกมันรู้มาแล้ว เห็นได้ชัดว่าผู้เบิกทางเป็นผู้ยิ่งใหญ่หาใครเปรียบ บุกเบิกโลกแห่งการฝึกตน จนแผ่ออกไปเป็นวงกว้าง

บุคคลยิ่งใหญ่หาใครเปรียบไม่ได้เช่นนี้จะป่วยได้อย่างไร?

อีกทั้ง ‘โรค’ ใดกันที่สามารถคุกคามบุคคลเช่นนี้ได้?!

“พูดวาจาไร้สาระอันใด! เจ้าสู้ไม่พูดเสียดีกว่า วาจาไร้สาระเช่นนี้ผู้ใดจะเชื่อ!”

เจ้าก้อนหินพูดไปด่าไป ไร้ซึ่งมารยาทอันใด

บังอาจลงมือกับคุณชาย นี่นับได้ว่าเป็นศัตรูที่ไม่อาจอยู่ร่วม ไม่จำเป็นต้องสุภาพแต่อย่างใด

จ้าวแดนธุลีนั้นไม่ได้โกรธเคือง น้ำเสียงยังคงเฉยเมยเช่นเคย

“พวกเจ้าไม่เข้าใจ ‘โรค’ มีหลากหลายประเภทมากเกินกว่าที่พวกเจ้ารู้ ป่วยใจเองก็นับเป็นโรค ความคิดก็สามารถป่วยได้ ข้าไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ เป็นเพียงแค่อาการป่วยเล็กน้อยในร่างของคนผู้นั้น”

ต้นหลิวนิ่งเงียบไม่เอ่ยวาจา ภายในใจกำลังขบคิดความน่าเชื่อถือของคำพูดจ้าวแดนธุลี

เมื่อลองตรึกตรองแล้ว จ้าวแดนธุลีก็ไม่มีความจำเป็นอันใดต้องโกหกพวกมัน อีกทั้งตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนั้น เอ่ยวาจาโกหกเหล่านี้ก็ไม่ได้ประโยชน์อันใด

หรือว่าคนผู้นั้นจะป่วยจริง ๆ เป็นการป่วยใจหรือความคิดที่ป่วยขึ้นมา?

หรือการกำเนิดของแดนธุลี จะเป็นเพราะคนผู้นั้นขับไล่โรคเหล่านั้นออกมา ทำให้เกิดเป็นแดนธุลีและจ้าวธุลี?

“จริงเท็จ ภาพมายาและความจริง สิ่งเหล่านี้หนักหนาเกินไป กระทั่งคนผู้นั้นยังได้รับผลกระทบ เกิดเป็นความคิดมากมาย ก่อเกิดโรคจำนวนมาก…”

จ้าวแดนธุลีเอ่ยออกมา ดูไม่คล้ายกล่าวกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน เหมือนกำลังรำพึงกับตัวเองเสียมากกว่า

“จริงเท็จ ภาพมายาและความจริง?! หมายความว่าอย่างไร?”

ต้นหลิวสะกิดใจถามออกมาทันที

คราวนี้จ้าวแดนธุลีไม่ได้ตอบ จมลงสู่ห้วงความเงียบงัน

หลังจากนั้นเพียงอึดใจต่อมา มันก็เอ่ยปากทำลายความเงียบงัน

“ความจริงอาจโหดร้ายอย่างยิ่ง สามารถทำให้คนพังทลายลง ทว่านี่ก็เป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนพวกเราไปด้านหน้าไม่ใช่หรือ? เป็นแรงผลักดันให้ไขว่คว้าหาความจริง!”

ตัวมันนั้นไม่ได้รู้ความจริงทั้งหมด ยังคงพยายามไล่ไขว่คว้าหาความจริง

ถ้อยคำเหล่านี้มันเองก็กำลังบอกตนเองด้วยเช่นกัน

มันเอ่ยต่อ “ข้าค่อนข้างจะมองเจ้าทั้งสองในแง่ดี ในอนาคตจะต้องมีภัยพิบัติครั้งใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน เจ้าติดตามคนผู้นั้นไปก็ไม่ได้การ คนผู้นั้นไม่อาจปกป้องเจ้าได้ คนผู้นั้นโดดเด่นเกินไป ถูกกองกำลังต่าง ๆ หมายหัวเอาไว้แล้ว เขาจะต้องถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ให้กองกำลังทั้งหมดกลืนกิน!”

มันกล่าวถึงหลี่จิ่วเต้า

แม้ว่าสิ่งที่หลี่จิ่วเต้าแสดงออกมาจะน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับกองกำลังเหล่านั้น หลี่จิ่วเต้าก็ได้แต่เพียงถูกกลืนกินเข้าไปเท่านั้น ไม่อาจก่อเกิดคลื่นลมใหญ่โตอันใด

“ข้าสามารถมอบโอกาสให้พวกเจ้าได้เข้าร่วมแดนธุลี มอบโลหิตธุลีให้พวกเจ้า ทำให้พวกเจ้ากลายเป็นสมาชิกของแดนธุลี”

มันกล่าว “นี่เป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สำหรับพวกเจ้า มีเพียงแค่แดนธุลีเท่านั้นที่จะสามารถปกป้องพวกเจ้าได้ หากพลาดไป เกรงว่าพวกเจ้าจะต้องร่ำไห้ในอนาคตเนื่องจากไม่มีที่ให้อยู่”

“พูดวาจาไร้สาระอีกแล้ว! คิดว่าข้าจะตกลงหรือ? บอกว่าคุณชายไม่ได้การ แต่เจ้าคู่ควรอย่างนั้นหรือ!”

เจ้าก้อนหินเอ่ยด้วยโทสะที่พวยพุ่ง

บังอาจเอ่ยว่าคุณชายไม่ได้การ มันพลันโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นมาทันที

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท