รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 918 บ้าไปแล้ว มีคนหย่อนเบ็ดล่อคุณชาย!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 918 บ้าไปแล้ว มีคนหย่อนเบ็ดล่อคุณชาย!

บทที่ 918 บ้าไปแล้ว มีคนหย่อนเบ็ดล่อคุณชาย!

“พวกเจ้าไม่เข้าใจ วิสัยทัศน์ต่ำเกินไป ภัยพิบัติครั้งใหญ่กำลังย่างกรายเข้ามา ไม่ว่าคนเบื้องหลังพวกเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไร้ประโยชน์!”

คำพูดของเจ้าก้อนหินไม่ได้ทำให้จ้าวแดนธุลีโกรธขึ้นมา

เสียงของมันยังคงความไม่แยแส ราวกับกำลังบอกเล่าข้อเท็จจริง ไม่มีเจตนาดูถูกสบประมาทหลี่จิ่วเต้า

“จริงเท็จ ภาพมายา สิ่งเหล่านี้หนักหนาเกินไป มีพลังเพียงพอทำลายทุกสิ่ง ผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเจ้าดูเหมือนจะได้รับเบื้องลึกอันไม่ธรรมของหน้าฉากมา แม้ในสายตาพวกเจ้าแล้วเขาจะไร้เทียมทานในใต้หล้า สามารถทำได้ทุกสิ่ง แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับภัยพิบัติครั้งใหญ่ เขาก็ถูกกำหนดไว้ให้ทำได้เพียงทอดถอนใจ ไม่มีพลังพอจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้”

จ้าวแดนธุลีกล่าว “ข้าเองก็ไม่มีหนทางเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้ ไม่มีทางที่จะต่อกรกับภัยพิบัติครั้งใหญ่ ทำได้แต่เพียงหาหนทางอื่นเพื่อรักษาเอาชีวิตให้รอดพ้นไปได้”

เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ เห็นได้ชัดว่ามันมีอารมณ์ในน้ำเสียงมากขึ้น สามารถฟังออกได้ถึงความโศกเศร้าบางอย่าง

เห็นได้ชัดว่ามันรู้บางสิ่ง อีกทั้งยังไม่ได้มองอนาคตในแง่ดี แม้ว่าตัวมันเองจะมีแผนการ แต่ก็ยังคงไม่อาจรับประกันได้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่

“ภัยพิบัติครั้งใหญ่ ต้นกำเนิดความมืดมิด?”

ต้นหลิวถามด้วยเสียงลึกล้ำ

“ไม่ ต้นกำเนิดความมืดเป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่ง”

จ้าวแดนธุลีส่ายหัว “พวกเจ้าไม่รู้ความจริง มองเห็นเพียงพื้นผิว ความจริงที่อยู่เบื้องหลังห่างไกลเกินกว่าจินตนาการของพวกเจ้านัก!”

มันหวาดวิตก ทั้งยังกริ่งเกรง กระทั่งต้นหลิวและเจ้าก้อนหินยังสามารถฟังออกถึงความตื่นตระหนกหวาดกลัวของมัน

เจ้าก้อนหินเงียบเสียง ไม่ได้ด่าหรือตวาดว่าไร้สาระแต่อย่างใด

ผู้แข็งแกร่งเช่นจ้าวแดนธุลีกลับแสดงความตื่นตะหนกหวาดกลัวออกมา ภัยพิบัติครั้งใหญ่คือสิ่งใดกันแน่?

มันตระหนักได้เป็นอย่างยิ่ง ท่าทางของจ้าวแดนธุลีไม่ใช่สิ่งที่แสร้งทำขึ้นมาอย่างแน่นอน เนื่องจากจ้าวแดนธุลีไม่มีความจำเป็นต้องทำเช่นนี้

“จริงเท็จ ภาพมายา นี่เป็นกุญแจสำคัญของทุกสิ่งอย่างนั้นหรือ? เรื่องราวเกี่ยวข้องกับภาพมายาและความเป็นจริง?”

ต้นหลิวถามอีกครั้งในประเด็นที่ตนสะกิดใจ

“ไม่ต้องถามแล้ว วันนี้ข้าพูดมากเกินไปแล้ว ผลกระทบจากความจริงนั้นหนักหนาเกินไป กระทั่งข้ายังไม่อาจแบกรับทั้งหมดได้…”

จ้าวแดนธุลีเอ่ย

“ข้ามองพวกเจ้าในแง่ดีเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงยินดีมอบโอกาสให้กับพวกเจ้า หวังว่าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวัง!”

มันกล่าวต่อ

หลังจากนั้นมันก็มองไปทางเจ้าก้อนหิน “วิญญาณและร่างกายแยกจากกัน เจ้าถูกกำหนดให้ไม่สมบูรณ์ เหตุใดจึงไม่กลับไปแดนธุลีกับข้าเสีย จากนั้นก็รวมเป็นหนึ่งเดียวกับจิตวิญญาณหลัก”

เห็นได้ชัดว่ามันรู้เกี่ยวกับเรื่องของเจ้าก้อนหินด้วย

“ได้”

เจ้าก้อนหินตอบด้วยความยินดี “ร่วมเป็นหนึ่งเดียวกับวิญญาณหลัก ทำลายจิตสำนึกของมัน ทำให้ข้ากลายเป็นจิตวิญญาณหลัก”

“เจ้าเป็นเพียงแค่จิตสำนึกที่เกิดจากกายเปล่า จะกลายเป็นร่างหลักได้อย่างไร อย่าได้ปฏิเสธจิตวิญญาณหลักของเจ้าเลย นั่นคือจิตสำนึกและความคิดที่แท้จริงของเจ้า!”

จ้าวแดนธุลีเอ่ย

“เจ้าเอาแต่เอ่ยวาจาไร้สาระเหม็นโฉ่ว!”

เจ้าก้อนหินพูดไปด่าไป “ก่อนหน้านี้อาจเป็นเช่นนั้น ทว่าตั้งแต่ข้าเกิดจิตสำนึกขึ้นมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปแล้ว ข้าก็คือข้า ไม่มีทางยอมให้วิญญาณหลักอันใดนั้นกลืนกินและลบจิตสำนึกไปเด็ดขาด!”

มันจะตอบตกลงได้อย่างไร หากเป็นเช่นนั้น ตัวตนของมันจะสลายหายไปจากโลกโดยไม่อาจฟื้นคืน

โดยเฉพาะยิ่งเมื่อจิตวิญญาณหลักอยู่ข้างเดียวกับจ้าวแดนธุลี เป็นศัตรูกับคุณชาย เช่นนั้นมันจะยอมตกลงกลายไปเป็นศัตรูกับคุณชายได้อย่างไร?

มันไม่ใช่คนไร้หัวจิตหัวใจเช่นนั้น!

ไม่สิ เรียกคนก็ดูจะไม่ถูกต้องไปหน่อย กล่าวว่าไร้หัวจิตหัวใจก็ผิดไปบ้าง มันเป็นเพียงแค่ก้อนหิน ไม่มีหัวจิตหัวใจจริง ๆ

แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไร มันก็ไม่มีทางเป็นศัตรูกับคุณชาย ไม่อาจลงมือกับคุณชาย!

“ข้าพูดมากถึงเพียงนี้แล้ว พวกเจ้ายังดื้อดึงอยู่อีกหรือ? น่าเสียดาย น่าเสียดายที่ข้ามองพวกเจ้าในแง่ดีเสียจริง”

จ้าวแดนธุลีเอ่ย

“มองในแง่ดี? ที่เจ้ามองพวกเราในแง่ดีได้ ทั้งหมดล้วนแล้วมาจากคุณชาย”

ต้นหลิวเปิดปากพูด ไม่เชื่อถือสิ่งที่เรียกว่ามองในแง่ดีของจ้าวแดนธุลี

มันกับเจ้าก้อนหินมีสิ่งใดดึงดูดจ้าวแดนธุลีกัน?

คำตอบนั้นชัดเจนเป็นอย่างยิ่ง ทั้งหมดเป็นเพราะพวกมันมีความเกี่ยวข้องกับคุณชาย จ้าวแดนธุลีต้องการใช้พวกมันจัดการคุณชาย

“นั่นเป็นเพียงแค่เหตุผลส่วนหนึ่ง แต่นั่นไม่ได้สำคัญ สำคัญที่ผลลัพธ์สุดท้าย”

จ้าวแดนธุลีกล่าว “พวกเจ้าไม่มีอนาคต มีเพียงติดตามข้าเท่านั้นพวกเจ้าจึงจะรอดชีวิตได้!”

หลังจากนั้นมันก็กล่าวต่อ “ข้าให้เวลาพวกเจ้าได้ใคร่ครวญ และก็ไม่บังคับให้พวกเจ้าตัดสินใจแต่อย่างใด พวกเจ้าก็คิดให้รอบคอบเสียเถิด”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ต้นหลิวก็ยิ้มออกมา “พูดได้ดีจริง ๆ ให้เวลาพวกเราใคร่ครวญอย่างนั้นหรือ เกรงว่าเป็นเพราะเจ้าไม่อาจลงมือได้ตามต้องการในตอนนี้!”

มันมั่นใจว่าจ้าวแดนธุลีไม่อาจลงมือได้ในยามนี้ ไม่เช่นนั้นจ้าวแดนธุลีคงไม่พูดสิ่งใดกับพวกมันมากมายที่นี่

จ้าวแดนธุลีไม่ได้เป็นคนดีแต่อย่างใด ไม่เช่นนั้นเมื่อเจ้าก้อนหินเข้าไปในแดนธุลี คงไม่ทุ่มส่งร่างตนเองออกมา!

เห็นได้ชัดยิ่งว่าเจ้าก้อนหินได้พบสิ่งเหนือความคาดคิดในแดนธุลี มันจึงส่งร่างหินออกมา ทิ้งทางรอดหนึ่งสายไว้ให้ตนเอง

“ฉลาดยิ่ง แต่ก็ไร้ประโยชน์ ตอนนี้ข้าไม่สะดวกจะลงมือจริง ๆ แต่หากคิดว่าข้าไม่อาจทำสิ่งใดกับพวกเจ้าได้ นับว่าเป็นความคิดที่ผิดมหันต์!”

จ้าวแดนธุลีกล่าว “ข้ามีหนทางมากมายที่จะจัดการพวกเจ้า หวังว่าพวกเจ้าจะตระหนักได้ถึงจุดนี้นะ”

“วางใจได้ ไม่จำเป็นต้องเปลืองสมองคิด หลังจากนี้พวกเราจะต้องไปที่แดนธุลี”

ต้นหลิวกล่าว

“จะดีสุดหากมาโดยไว ความอดทนของข้ามีอยู่อย่างจำกัด อย่ารอจนกว่าพวกเจ้าต้องเผชิญควาทุกข์ทนจึงค่อยสำนึกเสียใจ”

ร่างของจ้าวแดนธุลีเลือนหายไป จากนั้นร่างของฮุยจิ่วก็ระเบิดออก กระทั่งจิตวิญญาณก็ดับสูญ ตายลงอย่างสนิท

“ไปเถิด ใช้เวลาฝึนฝน หลังจากนั้นพวกเราจะไปเยือนแดนธุลีสักครา”

ต้นหลิวเอ่ยกับเจ้าก้อนหิน

“พี่หลิว หนนี้ท่านมีความมั่นใจกี่ส่วน?”

เจ้าก้อนหินถาม

“เก้าส่วน!”

ต้นหลิวตอบอย่างมั่นใจ จากนั้นก็กลับไปยังข้างแม่น้ำสายเล็กพร้อมเจ้าก้อนหิน

พวกมันต่างจับจ้องไปทางจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลง

จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงต้องการจะเป็นไส้ศึกแฝงกายเข้าไปในกองกำลังมืดมิด จึงมาหาพวกมันเพื่อขอความช่วยเหลือ ให้พวกมันสร้างพื้นที่พิเศษขึ้นมาสำหรับจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงโดยเฉพาะ ชะลอความเร็วของเวลาด้านในลง ทำให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงที่อยู่ด้านในได้รับประสิทธิผลที่ดียิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน พวกมันก็ช่วยเหลือให้จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงดูดซับพลังมืดมิดของจิตหลักมืดมิด

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงสามารถดูดซับพลังมืดมิดได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง ไม่ประสบปัญหาใดแม้แต่น้อย

หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงใช้เวลาเพียงไม่นานก็จะสามารถปลอมตัวเป็นจิตหลักมืดมิดลอบเข้าไปทางฝั่งความมืดมิดได้

พวกมันอดชื่นชมจักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่ได้ จักรพรรดิหมากล้อมหวงหลงไม่ได้ทรงพลังอันใดมากมาย แต่กลับกล้าลงมือทำเช่นนี้ นับว่ามีความกล้าหาญอย่างแท้จริง!

ทะเลมรกต ท้องฟ้าสีครามแจ่มใส หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยเหาะเหินบนกระบี่อย่างไม่เร็วมากนัก เพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์อันแสนงดงาม

พวกเขาทั้งสองดูบริสุทธิ์อย่างแท้จริง ราวกับถูกสวรรค์สรรสร้างขึ้นมา ดูแล้วช่างเหมาะสมกันยิ่ง

“พวกเราลงไปเดินเล่นกันเถิด”

เมื่อมาถึงภูเขาแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ก็ลงจากกระบี่ฉุนจวิน ทิวทัศน์ของเขาแห่งนี้งดงามเป็นพิเศษ หลี่จิ่วเต้าจึงตัดสินใจลงไปเดินเล่น

เขาเก็บกระบี่ฉุนจวินแล้วเดินอย่างแช่มช้าไปพร้อมลั่วสุ่ย ประหนึ่งคู่เซียนหวานล้ำอย่างถึงที่สุด

ทว่าตอนนั้นเองพลันเกิดเรื่องแปลกประหลาดขึ้น ทำลายบรรยากาศสิ้น

จู่ ๆ ก็มีเบ็ดตกปลาหย่อนลงมาจากท้องฟ้า ราวกับว่าต้องการจะหย่อนเหยื่อล่อคน จับหลี่จิ่วเต้า!

สีหน้าของลั่วสุ่ยแปรเปลี่ยนไปในทันที ผู้ใดกันหาญกล้าถึงเพียงนี้ บังอาจหย่อนเบ็ดล่อคุณชาย!

นี่บ้าไปแล้วหรือ?!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท