รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 920 ผู้ยินดีออกโรง สำเร็จโดยพลัน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 920 ผู้ยินดีออกโรง สำเร็จโดยพลัน!

บทที่ 920 ผู้ยินดีออกโรง สำเร็จโดยพลัน!

หลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยเดินทอดน่องอยู่ท่ามกลางป่าไม้ขุนเขา พลันนั้นเอ็นหวายตกปลาพร้อมด้วยตะขอปรากฏออกมาเบื้องหน้าหลี่จิ่วเต้าและลั่วสุ่ยอีกครั้ง

บนนั้นมีสมุนไพรต้นหนึ่งผูกไว้ให้เห็นจะ ๆ หลี่จิ่วเต้าได้กลิ่นหอมอ่อน ๆ อันชวนให้สดชื่นจากมัน เพียงได้สูดดมก็ช่วยให้กระปรี้กระเปร่า

หลังลั่วสุ่ยเห็นสมุนไพรต้นนี้ก็ตกตะลึง

ผู้ใดกัน เก่งกาจสามารถยิ่งนัก มือเติบอย่างแท้จริง นางสัมผัสถึงความวิเศษของสมุนไพรต้นนี้ ทรงพลังกว่าสมุนไพรต้นก่อนหลายเท่าตัว!

‘เป็นเพียงตัวละครต่ำต้อยริอ่านตกคุณชายหรือ?’

นางคิดในใจ

ผู้บังอาจตกคุณชายย่อมไม่ธรรมดา จะกล้าแกร่งเพียงใดก็เป็นเรื่องปกติ มือเติบเท่าใดก็เข้าใจได้

ทว่า…คนผู้นี้จะโอหังเกินไปหรือไม่ ดูถูกคุณชายเกินไปแล้ว?!

เอ็นหวายตกปลาเชื่อมติดกับตะขอเผยออกมาเบื้องหน้าคุณชายอย่างผ่าเผยเช่นนี้ หมายจะตกคุณชายตรง ๆ คนผู้นี้ผยองยิ่งนัก ไม่เห็นคุณชายอยู่ในสายตาสักนิด

‘วางแผนผิดแล้ว เศษหญ้าที่ลูกวัวน้อยกินยังทรงพลังกว่านี้อีก!’

ลั่วสุ่ยดูแคลนในใจ

ตกคุณชายด้วยสิ่งนี้หรือ คิดอะไรอยู่! คุณภาพสู้วัชพืชในลานคุณชายมิได้ด้วยซ้ำ

อย่าว่าแต่คุณชายเลย นางยังไม่ติดกับ ลำพังผลไม้สักผลในตัวยังเหนือชั้นกว่าหญ้าต้นนี้เหลือแสน

สถานการณ์เป็นเช่นนั้นจริง หลี่จิ่วเต้าไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย เดินอ้อมตะขอตกปลาออกไปกับลั่วสุ่ย ไปจากที่นี่ เดินทอดน่องในป่าไม้ขุนเขาต่อ

คิดจะตกเขาโดยไม่นำของชั้นดีออกมาอย่างนั้นหรือ

คิดอะไรอยู่!

หลี่จิ่วเต้าอยากเห็นเหมือนกันว่าผู้ใดต้องการตกเขา แล้วหลังจากนี้คนผู้นี้จะนำสิ่งใดมาตกเขาต่อ

หากมิใช่เช่นนี้ เขากับลั่วสุ่ยได้ไปจากเทือกเขาแห่งนี้นานแล้ว

ส่วนลึกใต้ธรณี

ตาอวี๋ดวงตาเป็นประกาย ราวกับมองเห็นภาพหลี่จิ่วเต้าต้านสิ่งยั่วยุไม่ไหวจนยอมถูกเขาตกกันซึ่งหน้าแล้ว เขาเอ่ยด้วยความตื่นเต้น “บอกตามตรง ความสำเร็จจากการตกกันซึ่งหน้าสาแก่ใจยิ่งนัก ข้าขอขนานนามว่าเป็นความสาแก่ใจอันเปรมปรีดิ์ที่สุด…”

ทว่าเขาเอ่ยไม่ทันจบก็ต้องหยุดชะงัก สีหน้าอึมครึมจนฝนแทบตก

เรื่องบ้าอะไรกัน นำดอกจื่ออิงออกมาแล้วยังไม่พออีกหรือ

คนผู้นั้นไม่สะทกสะท้าน ซ้ำยังอ้อมดอกจื่ออิงออกไปอีกรึ?!

เขาเชื่อไม่ลงจริง ๆ มีผู้ที่ต้านทานแรงยั่วยุจากดอกจื่ออิงได้ด้วยหรือ

พรืด!

อีกด้าน ตาหวังหัวเราะอย่างอดมิได้

เขาเอ่ยเยาะเย้ย “นี่หรือความสาแก่ใจที่เจ้าชอบ อ้อ ๆ เข้าใจแล้ว เจ้าชอบความสาแก่ใจจากการสะเทือนใจระคนหดหู่เช่นนี้นี่เอง! มิน่าข้าถึงมิอาจดื่มด่ำไปด้วย เพราะข้ามิได้ชอบความเจ็บปวดเช่นเจ้า!”

ตาอวี๋ต่อว่า โมโหจนอกแทบระเบิด

เขายอมรับความพ่ายแพ้ครานี้มิได้!

“นี่คิดจะบีบให้ข้าเอาจริงหรือ?!”

ใบหน้าของเขาเขียวจนดูมิได้ เก็บไม้ตกปลากลับไป

“ข้าจะไปนำ ‘ผู้ยินดี’ จากคลังสมบัติมา!”

เขาโกรธจริง ๆ แล้ว ไม่คิดจะปล่อยไปทั้งอย่างนี้

“เจ้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ ของในคลังสมบัติเจ้ายังกล้าแตะต้องอีกหรือ?!”

ตาหวังตวาด หยุดตาอวี๋ในทันใด ไม่ยอมให้เขาเข้าไปที่คลังสมบัติ

คลังสมบัติมีความสำคัญอย่างยิ่งยวด หน้าที่ของพวกเขาคือปกปักรักษาคลังสมบัติ แม้นมิใช่ของวิเศษที่ท่านผู้นั้นสร้างขึ้นกับมือ กระนั้นล้วนเป็นของที่ท่านผู้นั้นเคยใช้ อานุภาพเกินจินตนาการ ผู้ใดเล่าจะรับมือไหว ย่อมไม่มีทาง!

ท่านผู้นั้นก็คือผู้บุกเบิก ผู้เผยแผ่หลักเต๋า พวกเขาทั้งสองก็มิใช่มนุษย์ชายชราจริง ๆ หากแต่เป็นจิตสำนึกซึ่งเกินจากพลังสองมวล

พวกเขามีหน้าที่ดูแลคลังสมบัติแห่งนี้ อยู่ที่นี่มาตั้งไม่รู้นานเท่าใด มิเคยออกไปไหน

“ตาอวี๋ ข้าว่าเจ้ากล้าบ้าบิ่นเกินไป ขืนเกิดเรื่องจริง ๆ จะทำอย่างไร”

ตาหวังเอ่ยเสียงเข้ม

ปกติไม่ว่าตาอวี๋เล่นสนุกอย่างไรเขามิเคยแทรกแซง ทว่าหนนี้ไม่เหมือนกัน ตาอวี๋บังอาจคิดแตะต้องของในคลังสมบัติ เขาไม่มีทางยินยอม

“มิใช่ข้ากล้าบ้าบิ่น แต่เพราะไม่มีทางเกิดเรื่องจริง ๆ”

ตาอวี๋กล่าว “เจ้าไม่เชื่อข้า แล้วไม่เชื่อท่านผู้นั้นหรือ เหลือเกินจริง ๆ ข้าเพียงต้องการใช้ ‘ผู้ยินดี’ แค่นิดหน่อย ไม่มีทางเป็นเรื่องขึ้นมาหรอก”

ผู้ยินดีคือนามของไม้ตกปลาแท่งหนึ่ง เป็นชื่อที่ท่านผู้นั้นประทาน มีความหมายว่าผู้ยินดีติดเบ็ด

แต่เดิมไม้ตกปลานี้มิได้มีอานุภาพแต่อย่างใด เป็นเพียงไม้ตกปลาธรรมดาเท่านั้น ทว่าหลังท่านผู้นั้นหยิบไปใช้ ไม้ตกปลานี้พลันเปี่ยมแสนยานุภาพสะท้านฟ้า ตกได้ทุกสิ่ง เมื่อปล่อยออกไปมิมีสิ่งใดหนีรอดไปได้”

“ไม่มีทาง!”

ตาหวังยืนกราน “พวกเราเฝ้าอยู่ที่นี่เพื่อรอผู้ที่ท่านนั้นกำหนดเข้ามารับสมบัติวิเศษเหล่านี้ ขืนเกิดเรื่อง ยามผู้ที่ท่านนั้นกำหนดมาถึงพวกเราจะทำอย่างไร!”

ที่นี่เป็นแดนวาสนาเล็ก ๆ แห่งหนึ่งที่ท่านผู้นั้นทิ้งไว้ พวกเขาเฝ้าอยู่ที่นี่ก็เพื่อรอผู้ที่ท่านนั้นกำหนดมารับสมบัติ

แม้พวกเขาจะไม่รู้เหมือนกันว่าท่านนั้นกำหนดผู้ใดมา แล้วจะมาเมื่อใด กระนั้นพวกเขาก็รู้ดีว่าผู้ที่ท่านนั้นกำหนดต้องมาที่นี่แน่

“ไม่เป็นไร ตาหวังเจ้าคิดมากเกินไปจริง ๆ ทุกคนอยู่ที่นี่กันมานมนาน ไยต้องทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กแค่นี้”

เวลานั้นเอง เสียงหนึ่งพลันดังขึ้น ผู้ยินดีออกมาด้วยตนเองพลางกล่าวกับตาหวัง

“แต่…”

ตาหวังทำท่าเหมือนอยากเอ่ยต่อ ทว่าไม่ทันพูดจบ ก็ถูกตาอวี๋ขัดขึ้นก่อน

“ผู้ยินดีพูดขนาดนี้แล้ว เจ้ายังพิรี้พิไรอันใดอยู่อีก!”

ตาอวี๋ถลึงตาใส่ตาหวัง ก่อนจะวิ่งโร่ไปหาผู้ยินดี

เขากล่าวยิ้ม ๆ “ท่านผู้ยินดีโปรดลงมือ ช่วยออกหน้าผดุงความยุติธรรมให้ข้าที”

“ตาอวี๋ ข้าต้องตำหนิเจ้าด้วย จากนี้ไปห้ามมิให้เจ้าเล่นสนุกเช่นนี้อีก ฟ้าดินกำลังเปลี่ยนแปลง สสารอัศจรรย์ปรากฏขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุ เหล่านี้ล้วนเป็นปรากฏการณ์ประหลาดที่อุบัติเพราะผู้ถูกกำหนดเผยตัว! เพราะอย่างนั้น จากนี้ไปเราต้องสงบจิตสงบใจ มัวเล่นสนุกเรื่อยเปื่อยเช่นนี้มิได้อีก ต้องรอคอยการมาของผู้ที่ท่านนั้นกำหนดอยู่ที่นี่”

แม้พวกเขาจะไม่เคยออกไป กระนั้นก็ยังรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงกับโลกภายนอก

“หากเอ่ยกันเช่นนี้นับว่ามีความเป็นไปได้จริง ๆ! ถึงอย่างไร จู่ ๆ จะมีสสารอัศจรรย์ปานนั้นปรากฏออกมาเสียเฉย ๆ ได้อย่างไร!”

ตาอวี๋ตาโต รู้สึกว่าที่ผู้ยินดีคาดเดานั้นสมเหตุสมผล

“เอาล่ะ ข้าจะช่วยเจ้าสักครา แต่ขอบอกไว้ก่อน นี่เป็นครั้งสุดท้ายของเจ้าแล้ว จากนี้ไปห้ามมิให้เล่นสนุกเรื่อยเปื่อยเช่นนี้อีก สงบจิตใจให้ดี รอคอยการมาของผู้ที่ท่านนั้นกำหนด!”

ผู้ยินดีกล่าว

“ได้ ไม่มีปัญหา! จากนี้ไปข้าจะไม่เล่นสนุกอีกแล้ว! รอให้ข้าตกหมอนั่นเข้ามา แล้วจะอยู่เล่นกับหมอนั่นในฐานตำหนักแห่งนี้!”

ตาอวี๋คลี่ยิ้มกว้าง “เช่นนั้นคงน่าสนุกกว่า!”

“ได้”

ผู้ยินดีลงมือ สะบัดตะขอลงไปในบ่อน้ำ

บนตะขอมีเบ็ดตกปลาเกี่ยวอยู่ นี่คือเบ็ดตกปลาที่ท่านผู้นั้นเคยใช้ สามารถจำแลงเป็นสิ่งที่ผู้ถูกตกปรารถนาที่สุด จนยั่วยวนให้คนผู้นั้นติดเบ็ด

“ผู้ยินดีออกโรง สำเร็จโดยพลัน!”

ตาอวี๋ตะโกนส่งกำลังใจให้ผู้ยินดีอยู่ข้าง ๆ

เขารอให้หลี่จิ่วเต้าถูกผู้ยินดีตกเข้ามา แล้วจะ ‘เล่นสนุก’ กับหลี่จิ่วเต้าที่นี่ให้หนำใจ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท