บทที่ 924 กลิ่นที่สุดในใต้หล้า เก้าสมบัติกริ่งเกรงจนไม่กล้าพูด!
บทที่ 924 กลิ่นที่สุดในใต้หล้า เก้าสมบัติกริ่งเกรงจนไม่กล้าพูด!
“เจ้าสิน่าขัน!”
หอกเงินตะโกนออกมา ภายในใจไม่สบอารมณ์ยิ่งที่รู้ว่าต้นวิเศษสัตตะสามารถสัมผัสความผันผวนภายในใจของพวกมันได้
“นายของพวกข้าไม่อยู่ ดังนั้นจึงถูกกำราบ ไม่เช่นนั้นพวกข้าจะถูกกำราบได้อย่างไร?! เทียบกันเพียงตัวยอดศาตราแล้ว ผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่าพวกข้าได้?!”
มันกล่าวอย่างชิงชัง เปี่ยมด้วยความไม่เต็มใจ
ในฐานะยอดศาสตราที่ผู้เบิกทางใช้ พวกมันจะอ่อนแอได้อย่างไร อีกอย่างยอดศาสตราอื่นจะเทียบเคียงพวกมันได้เช่นไร!
“น่าขัน! แม้ว่าคุณชายจะไม่ลงมือ พวกข้าก็สามารถกำราบพวกเจ้าได้!”
ต้นวิเศษสัตตะกล่าว “พวกเจ้าอย่าได้หลงคิดว่าตนเองแข็งแกร่งนัก คิดว่าคุณชายนับพวกเจ้าเป็นสมบัติล้ำค่างั้นหรือ! พวกเจ้านั้นนับเป็นสิ่งใดกัน! ดูยอดศาสตราภายในแหวนเสีย มีสิ่งไหนด้อยกว่าพวกเจ้าบ้าง?”
เมื่อสิ้นเสียงของมัน เหล่าสมบัติอื่น ๆ ที่อยู่ภายในแหวนก็พลันเปล่งประกายออกมา ไม่ได้นิ่งสนิทอีกต่อไป คลื่นพลังอันแข็งแกร่งกระเพื่อมออกมาเปี่ยมด้วยความพิเศษน่าตื่นตะลึง!
สมบัติทั้งเก้าตกตะลึง ไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะมียอดศาสตรามากมายเพียงนี้ในแหวน!
ก่อนหน้านี้เหล่าสมบัติสงบนิ่ง ไม่สำแดงพลังออกมา รวมทั้งการที่พวกมันถูกปิดผนึกพลังเอาไว้ ทำให้ไม่ได้สังเกตการดำรงอยู่ของสมบัติเหล่านี้แม้แต่น้อย
มีสมบัติอยู่จำนวนมากกว่าพวกมัน ทั้งยังสามารถสัมผัสได้ถึงความพิเศษเหนือชั้นของสมบัติเหล่านั้นที่ไม่ได้แตกต่างไปจากพวกมันมากนัก!
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น พวกมันก็ยังคงไม่ยอมรับ
“หากมีความสามารถจริงก็ทำลายผนึกพวกข้าเสีย! แล้วเรามาวัดพลังกัน!”
“ใช่!”
พวกมันตะโกนออกมา ไม่อาจก้มหัวยอมรับ
เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของพวกมันเท่านั้น ยังเกี่ยวพันไปถึงผู้เบิกทางที่อยู่เบื้องหลังพวกมันด้วย!
หากพวกมันก้มหัวยอมรับ นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้เบิกทางที่อยู่เบื้องหลังพวกมันไม่อาจเทียบได้กับหลี่จิ่วเต้าหรอกหรือ?
พวกมันไม่อาจยอมรับ ต้องการปกป้องบารมีของผู้เบิกทางท่านนั้นไปตลอดกาล!
แม้หลี่จิ่วเต้าจะรับเอาพวกมันมา แต่พวกมันก็ไม่มีทางยอมรับอยู่ดี!
ในหัวใจพวกมัน ผู้เบิกทางท่านนั้นคือตัวตนสูงสุดไร้เทียมทาน ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงได้!
“การกระทำของพวกเจ้าช่างไร้ความหมาย!”
ต้นวิเศษสัตตะเอ่ย “ข้าบอกแล้ว อย่าได้หลงคิดว่าตนเองทรงพลังมาก ทุกอย่างในลานคุณชายล้วนแข็งแกร่งกว่าพวกเจ้ามาก!”
“ใช่แล้ว ให้พวกเจ้าได้ลองเปิดหูเปิดตาเสีย! เก็บความคิดเหล่านั้นของพวกเจ้าทิ้งไป การที่สามารถอยู่ข้างกายคุณชายได้ นับเป็นเกียรติสูงสุดของพวกเจ้า!”
ในตอนนั้นเอง แหวนก็เปิดปากเอ่ยออกมา
มันมองความคิดของเก้าสมบัติออก เก้าสมบัติคิดว่านายตนแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ส่วนพวกมันก็เป็นสมบัติอันไร้ที่เทียบเคียงในใต้หล้า
หากกล่าวตามตรงแล้ว เก้าสมบัตินั้นไม่เลวเลย
ทว่าเมื่ออยู่ภายในลานเล็ก ๆ ของคุณชาย เก้าสมบัติไม่อาจนับได้ว่าเป็นสิ่งใด!
มันต้องการให้เก้าสมบัติเข้าใจถึงจุดนี้ เพื่อให้เก้าสมบัติเก็บความคิดอื่นไป ต่อจากนี้ก็ทำหน้าที่รับใช้คุณชายให้ดี
มันเข้าไปในลาน จากนั้นก็ปล่อยเก้าสมบัติออกมา
“เหล่าพี่น้องออกมาเถิด แสดงให้พวกมันได้เห็นว่าพวกเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด! พวกมันบอกว่าตนเองเป็นยอดศาสตราที่ทรงพลังสุดในใต้หล้า คุณชายนับว่าโชคดีที่ได้รับพวกมันไป!”
แหวนเอ่ยออกมา จงใจปิดกั้นบริเวณแห่งนี้เป็นพิเศษเพื่อไม่ให้รบกวนการพักผ่อนของคุณชาย
“ว่าอันใดนะ!”
“หน้าหนามาจากที่ใดถึงเอ่ยวาจาเช่นนั้น?”
“ช่างไม่รู้ฟ้าสูงแผ่นดินต่ำเสียจริง! กล้าพูดได้อย่างไรว่าคุณชายโชคดีที่ได้รับมัน! จิ๊ ๆ ข้าอยากเห็นเหลือเกินว่าพวกมันจะยอดเยี่ยมปานใด!”
สิ้นเสียงของแหวน เหล่าสมบัติทั้งหลายภายในลานก็ระเบิดออก ไม่ได้อยู่สงบนิ่งอีกต่อไป ต่างสำแดงพลังออกมา!
พวกมันรู้ว่าแหวนปิดกั้นบริเวณนี้เอาไว้แล้ว จึงกล้าสำแดงพลังออกมาโดยไม่กลัวว่าจะรบกวนการพักผ่อนของคุณชาย
“!!!”
เก้าสมบัติตกตะลึง
นี่มันอันใดกัน?
น่ากลัวเกินไปแล้ว!
ภายในลานเล็ก ๆ แห่งนี้ไม่มีสิ่งใดธรรมดา กระทั่งแผ่นหินปูพื้นยังเปล่งประกายไร้ที่สิ้นสุด หลั่งไหลด้วยจังหวะเต๋าอันแข็งแกร่ง ส่งระลอกพลังกระเพื่อมอันไม่อาจจินตนาการได้
นั่นคือสิ่งใด?
ไม้เขี่ยฟืนหรือ?
เหตุใดจึงให้ความรู้สึกเหมือนตะบองอันดับหนึ่งในใต้หล้า?!
นอกจากนี้…นั่นคือสิ่งใดกัน?
ดูเหมือนผ้าขี้ริ้วทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส ทว่ากลับให้ความรู้สึกราวกับสามารถลบล้างทุกสิ่งออกไปได้!
ยิ่งมองเท่าไหร่พวกมันก็ยิ่งตื่นตะลึง อีกด้านหนึ่งของลานเล็ก ๆ หัวผักกาดขนาดใหญ่ต่างเต็มไปด้วยขุมปราณชีวิต ทรงพลังเสียยิ่งกว่าโอสถสวรรค์ กระทั่งวัชพืชที่ขึ้นยังไม่ธรรมดา!
หลี่จิ่วเต้าผู้นี้เป็นใครกันแน่?!
หรือว่าจะสามารถทัดเทียมกับผู้เบิกทางได้จริง ๆ?!
แม้พวกมันไม่ต้องการยอมรับในจุดนี้ แต่ก็ทำไม่ได้ หลี่จิ่วเต้าผู้นี้อาจทัดเทียมกับผู้เบิกทางได้จริง ๆ!
“เป็นไปได้อย่างไร! คนผู้นั้นบุกเบิกเต๋าและกฎเกณฑ์ทั้งปวง หว่านเมล็ดพันธุ์แห่งการฝึกฝน! ไม่ว่าหลี่จิ่วเต้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจเหนือคนผู้นั้นได้!”
“ใช่แล้ว! อย่างมากสุดก็เพียงใกล้เคียง ไม่มีทางเหนือกว่าได้!”
พวกมันตะโกนออกมา ปฏิเสธความคิดก่อนหน้านี้ของพวกมัน คนผู้นั้นคือผู้ให้กำเนิดการฝึกตน เช่นนั้นจะมีคนที่สามารถเหนือกว่าได้อย่างไร พวกมันคิดมากเกินไปแล้ว!
“ถูกต้อง! อย่าได้ขลาดกลัว ต่อสู้กับพวกมันเสีย พวกมันไม่ได้แข็งแกร่งมากปานนั้น!”
ภายในลาน อสูรร้ายปริภูมิเวลาที่ถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กตะโกนยั่วยุให้เก้าสมบัติสู้เต็มที่
มันน่าสังเวชเป็นอย่างยิ่ง ถูกเฉือนอยู่บ่อยครั้ง ต้องการให้ภายในลานเล็กวุ่นวายเท่าใดยิ่งดีเท่านั้น
เพียะ เพียะ เพียะ!
ตอนนั้นเองพลันมีวัตถุคล้ายแส้ฟาดเข้าใส่มันอย่างรวดเร็ว ทำให้มันเบ้ปากด้วยความเจ็บปวด
ร่างเนื้อของมันไม่เป็นอันใด แต่วิญญาณกลับได้รับบาดเจ็บ วัตถุคล้ายแส้ราวฟาดผ่านร่างกายของมันตีเข้าไปยังจิตวิญญาณโดยตรง
“ตะโกนอันใด เจ้าไม่มีสิทธิ์พูดที่นี่! เหตุใดจึงไม่หุบปากเสีย!”
เสียงตะโกนโกรธเคืองดังมาจากบ่อน้ำ ทำให้อสูรร้ายปริภูมิเวลาโทสะพลุ่งพล่านจนแทบระเบิดออกมา!
นี่มันอันใดกัน!
หากสัตว์ตัวอื่นในลานฟาดมันก็แล้วไปเถิด แต่นี่กลับเป็นปลาหมึกที่ฟาดมัน!
ปลาหมึกคือสิ่งมีชีวิตใดกัน เป็นวัตถุดิบสดใหม่ไม่ต่างจากมันเลย!
แล้วอีกฝ่ายจะฟาดมันด้วยเหตุอันใด?!
มันรู้สึกอยากจะระเบิดโทสะออกมาจริง ๆ มันกับปลาหมึกมีสถานะไม่ต่างกัน!
“มองอะไร! ข้าไม่ต่างกับเจ้า! แม้ว่าจะเหมือนกันบ้าง แต่ข้าก็นับว่าดีกว่าเจ้า!”
ปลาหมึกตวาดเสียง
แม้มันจะมีสถานะเหมือนกับอสูรร้ายปริภูมิเวลา ต่างก็เป็นวัตถุดิบสดใหม่ ไม่มีผู้ใดบอกว่าได้ว่าจะถูกเฉือนไปเมื่อใด
ทว่ามันก็ดีกว่าอสูรร้ายปริภูมิเวลาจริง ๆ
อย่างน้อยมันก็ไม่ได้ถูกเฉือนมาเป็นเวลานาน ทั้งยังถูกหล่อเลี้ยงอย่างเต็มที่ในลานเล็ก ขอบเขตความแข็งแกร่งทวีคูณอย่างบ้าคลั่ง
นี่คือเสือออกป่าโดนสุนัขรังแก*[1]อย่างแท้จริง!
ฟันของอสูรร้ายปริภูมิเวลาขบแน่นจนแทบหัก แต่สุดท้ายมันก็กล้ำกลืนลมหายใจลงไป ไม่เอ่ยสิ่งใดอีก
ไม่มีทางเลือกอื่น ปลาหมึกนั้นดีกว่ามันจริง หากมันโต้เถียงปลาหมึกเช่นนี้ต่อไป ก็มีเพียงแต่ต้องทนทุกข์เท่านั้น
“พวกเจ้ากล้าคุยโวไร้ยางอายที่นี่หรือ?”
“น่าขันนัก พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร! อาศัยสิ่งใดมาคู่ควร!”
กระโถนและถังน้ำทิ้งเอ่ยออกมา พวกมันรวมกันแล้วสมควรกับนาม ‘กลิ่นที่สุดในใต้หล้า’ ต่างก็มีกลิ่นลึกล้ำอย่างที่สุด
เก้าสมบัติไม่เอ่ยวาจา สาเหตุหลักเป็นเพราะไม่กล้าต่อกรกับกระโถนและถังน้ำทิ้ง ทั้งสองยามคุยกันกลิ่นที่แผ่ออกมานั้นรุนแรงเกินไป!
พวกมันทนไม่ไหวจริง ๆ!
“พวกเจ้า…พวกเจ้าทั้งสองไม่ต้องเข้าร่วม อ่า นี่ไม่ใช่การเลือกปฏิบัติต่อพวกเจ้าทั้งสอง เหตุผลเป็นเพราะหลังจากนี้คุณชายยังต้องใช้พวกมันอยู่ หากมีกลิ่นติดไป เช่นนั้นคุณชายจะใช้ได้อย่างไร!”
แหวนกังวลว่าเก้าสมบัติจะติดกลิ่นเหม็น ดังนั้นจึงเอ่ยกับกระโถนและถังน้ำทิ้ง
กระโถนและถังน้ำทิ้งครุ่นคิด พบว่าเป็นจริงเช่นนั้นจึงก้าวถอยหลังไปอีกด้าน
“เอาล่ะ พวกเจ้าลงมือเถิด ให้บทเรียนสั่งสอนพวกมันตระหนักรู้สถานะเสียบ้าง!”
กระโถนเอ่ย
[1] เสือออกป่าโดนสุนัขรังแก (虎落平阳被犬欺啊) หมายถึง เมื่อเสือออกจากป่าก็สามารถถูกสุนัขรังแกได้ เปรียบเทียบกับคนมีตำแหน่งสูงส่งเมื่อกลายมาเป็นคนทั่วไปก็สามารถโดนรังแกได้