รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 925 หวังว่าความจริงจะถูกเปิดเผยช้าลง!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 925 หวังว่าความจริงจะถูกเปิดเผยช้าลง!

บทที่ 925 หวังว่าความจริงจะถูกเปิดเผยช้าลง!

เมื่อเห็นกระโถนและถังน้ำทิ้งถอยไปอีกด้าน เก้าสมบัติจึงค่อยกล้าพูด กลิ่นของกระโถนและถังน้ำทิ้งนั้นน่าหวาดกลัวเกินไป พวกมันไม่อาจทานทนได้!

“ภายในลานเต็มไปด้วยสมบัติแล้วอย่างไร? ยังไม่ได้เปรียบเทียบ ผู้ใดจะรู้ว่าใครอ่อนกว่าใครแข็งแกร่งกว่า!”

“หากมีความสามารถจริงก็ทำลายผนึกพวกข้าแล้วมาสู้กันเสีย!”

เก้าสมบัติตะโกน แม้พวกมันจะรู้ว่าเหล่าสมบัติในลานไม่ธรรมดา ทว่าภายในใจของพวกมันยังคงไม่เต็มใจยอมรับ ต้องการจะต่อสู้

“หากตายังไม่สว่าง เช่นนั้นข้าจะปลุกพวกเจ้าขึ้นมาเอง”

ตอนนั้นเองพลันมีเสียงอันไพเราะดังขึ้นมา พร้อมกับฉินอี๋อินที่ปรากฏออกมา

“ไม่ต้องพูดมากมาย พวกเจ้าทั้งเก้าลงมือพร้อมกัน หากหยุดยั้งเสียงข้าได้จึงค่อยนับว่าพวกเจ้าแข็งแกร่ง”

มันกล่าวออกมาด้วยความมั่นใจเป็นอย่างยิ่ง

หัวใจของเก้าสมบัติหนักอึ้ง เห็นได้ชัดว่าฉินอี๋อินนั้นพิเศษและแข็งแกร่งเหนือชั้นกว่าสมบัติอื่น ๆ มาก

ทว่าพวกมันเอ่ยออกไปแล้วว่าต้องการจะต่อสู้ เช่นนั้นจะยอมถอยโดยง่ายได้อย่างไร?

ไม่มีทางเป็นไปได้ เช่นนั้นก็นับว่าน่าอับอายขายหน้าเกินไป!

“เสียสติไปแล้ว ทว่าพวกเราไม่ร่วมมือกันเอาชนะเจ้าเพียงผู้เดียวหรอก หากชนะขึ้นมา เจ้าก็จะมีข้ออ้างปฏิเสธไม่ยอมรับ!”

หอกเงินกล่าวเสียงเย็นชา

พวกมันมีความหยิ่งในศักดิ์ศรีและภาคภูมิใจในตนเอง ไม่มีทางที่จะกระทำเรื่องเช่นการสู้เก้าต่อหนึ่ง แม้ฉินอี๋อินจะไม่ธรรมดายากแก่การรับมือก็ตาม

“แล้วแต่พวกเจ้า”

ฉินอี๋อินเอ่ยอย่างไม่แยแส “เพียงแค่การโจมตีเดียวก็ทำให้พวกเจ้าตื่นได้”

หลังจากนั้น เพียงหนึ่งสายฉินดีดอย่างแผ่วเบา ภาพฉากโดยรอบก็พลันเปลี่ยนไปในทันที พวกมันต่างอยู่ภายนอกอาณาจักร

ต้นวิเศษสัตตะเปล่งแสง ปลดผนึกเก้าสมบัติ ทำให้พลังของเก้าสมบัติฟื้นกลับมา

ส่วนเรื่องที่เก้าสมบัติจะใช้โอกาสนี้หลบหนีหรือไม่ มันไม่ได้กังวลแม้แต่น้อย

ภายใต้การจับตาของสมบัติทั้งลาน ไม่มีทางที่เก้าสมบัติจะหนีรอดไปได้

“ข้าจะเผาเจ้าให้กลายเป็นเถ้าถ่าน!”

ตะเกียงโบราณลงมือ เปลวเพลิงบนไส้เทียนลุกโหมกระพืออย่างบ้าคลั่ง พริบตาเดียวก็ปรากฏทะเลเพลิงอันไร้ขอบเขต พุ่งไปทางฉินอี๋อินหมายต้องการแผดเผาอย่างรวดเร็ว

“จงฟังเสีย เพียงหนึ่งเสียงก็สามารถทำให้พวกเจ้าไม่มีทางเอาชนะได้ตลอดกาล!”

เสียงของฉินอี๋อินนั้นเบายิ่ง แต่กลับเปี่ยมด้วยความยิ่งใหญ่อย่างถึงที่สุด

มันเป็นสมบัติสำคัญยิ่งภายในลาน ย่อมเหนือชั้นเกินกว่าสมบัติอื่นมาก

ก่อนหน้านี้มันไม่เคยลงมือด้วยตนเองมาก่อน แม้จะลงมือก็ด้วยน้ำมือของคุณชาย

ทว่าครั้งนี้มันกำลังจะได้สำแดงพลังของตัวมันออกมา!

ติ๊ง!

สายฉินบนร่างของมันดีดเป็นเสียงดัง ‘ติ๊ง’ ออกมา พลังที่มองไม่เห็นเล็งไปทางเก้าสมบัติทันที ไม่ใช่เพียงแค่ตะเกียงโบราณเท่านั้น

พริบตาเดียวทะเลเพลิงสะท้านฟ้าจากตะเกียงโบราณก็ดับลง กระทั่งเปลวเพลิงบนไส้ตะเกียงยังมอดสิ้น!

“เป็นไปได้อย่างไร?!”

ตะเกียงโบราณตื่นตกใจ ไม่อาจเชื่อได้ลง!

เพลิงบนไส้ตะเกียงของมันไม่เคยมอดดับ นั่นเป็นไฟที่ผู้เบิกทางจุดขึ้นมาด้วยตัวเอง ยังคงหลงเหลือพลังของผู้เบิกทางอันไร้เทียมทานเอาไว้ เช่นนั้นจะดับลงโดยง่ายได้อย่างไร!

ทว่าถึงมันจะไม่เชื่อ แต่ก็ต้องเชื่อ ไฟบนไส้ตะเกียงมอดดับลงไปแล้วจริง ๆ!

อีกด้านหนึ่ง แปดสมบัติที่เหลือต่างก็ตกใจเช่นเดียวกัน

พลังที่ปะทุขึ้นมาจากเสียงดีดสายฉินมุ่งเป้าไปทางพวกมันเช่นกัน เพียงแค่พริบตาพวกมันก็สัมผัสได้ทันทีว่าพลังสายนี้น่าหวาดกลัวมากเพียงใด!

ยามต้องเผชิญหน้ากับพลังดังกล่าว พวกมันช่างดูเล็กจ้อยและเปราะบาง ประหนึ่งหิงห้อยประชันกับดวงตะวันอันเจิดจ้า!

“นี่เป็นยอดศาตราระดับใดกัน?”

พวกมันตกตะลึงพรึงเพริด ได้รับความเสียหายทางจิตใจครั้งใหญ่

ทุกสิ่งที่ฉินอี๋อินเอ่ยออกมาก่อนหน้านี้ทั้งหมดล้วนไม่ใช่การคุยโว แต่เป็นเรื่องจริง!

พลังที่อยู่ด้านในเสียงห่างไกลเกินกว่าที่พวกมันจะก้าวข้ามไปได้ ช่องว่างที่มีใหญ่เกินไป ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันโดยสิ้นเชิง!

หนึ่งต่อเก้า…ฉินอี๋อินยังสามารถจัดการได้ อย่าว่าแต่พวกมันทั้งเก้าเลย กระทั่งมีพวกมันเก้าสิบตนยังไม่อาจต่อกรกับฉินอี๋อินได้!

น่ากลัวเกินไปแล้ว!

ฉินอี๋อินแค่ดีดสายฉินหนึ่งครั้ง ส่งออกมาเพียงหนึ่งเสียง หากฉินอี๋อินบรรเลงเพลงจะน่าสะพรึงกลัวถึงเพียงใด?

ถึงขั้นไม่อาจจินตนาการได้!

พวกมันสัมผัสได้ว่าฉินอี๋อินนั้นสามารถทัดเทียมได้กับสมบัติที่ผู้เบิกทางสร้างขึ้นมาด้วยมือตนเอง ต่างจากพวกมันที่เป็นเพียงศาสตราธรรมดา แข็งแกร่งขึ้นมาหลังจากถูกผู้เบิกทางใช้ ห่างไกลเกินกว่าจะเปรียบเทียบ

ขณะนั้นเองความจองหองในใจพวกมันก็พังทลายลง

เมื่ออยู่ที่นี่พวกมันไม่มีสิ่งใดน่าภาคภูมิใจอย่างแท้จริง เพียงแค่ฉินอี๋อินก็ทำให้พวกมันเห็นได้ถึงช่องว่างอันไม่อาจเปรียบเทียบได้ ด้วยเหตุนี้พวกมันจะยังเหลือความจองหองจากที่ใดกัน!

“นี่ก็คือพี่ใหญ่!”

“ก่อนหน้านี้พี่ใหญ่ไม่ลงมือ แต่พอลงมือทีก็ทำให้คนตกใจกลัวจนตายได้!”

สมบัติทั้งหมดภายในลานต่างอุทานเสียงเซ็งแซ่ แต่งตั้งให้ฉินอี๋อินเป็นพี่ใหญ่ของสมบัติทั้งหมดในลาน

ไม่แปลกใจเลย คุณชายให้ความสำคัญกับฉินอี๋อินอย่างถึงที่สุด พวกมันไม่อาจเทียบฉินอี๋อินได้จริง ๆ!

“อย่าได้เอ่ยเช่นนั้น พวกเจ้าต่างก็รับใช้คุณชายเท่านั้น ไม่มีความแตกต่างอันใดระหว่างพวกเรา”

ฉินอี๋อินกล่าว

จากนั้นมันก็หันไปเอ่ยกับเก้าสมบัติ “นับตั้งแต่นี้ไปจงทำตัวซื่อสัตย์เสีย อย่าใช้ความรู้ความเข้าใจของพวกเจ้าตัดสินคุณชาย! การได้อยู่ข้างกายคุณชายนับเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่สุดของพวกเจ้า!”

มันดีดสายของตนเองอีกครั้ง ทั้งหมดพลันกลับไปอยู่ในลานเล็ก ๆ

แล้วมันก็ออกจากลานเล็ก ๆ ทันที กลับไปอยู่บนโต๊ะของห้องหนังสือ

หลังจากกลับมาห้องหนังสือแล้ว ก็มีเสียงถอนหายใจดังขึ้นมา

“อี๋อิน เจ้าคิดว่าพวกเรายังสามารถสงบสุขได้อีกนานเพียงใด?”

เสียงนั้นดังออกมาจากพู่กันที่ถูกแขวนเอาไว้บนโต๊ะ

นี่คือพู่กันที่ได้รับมาเป็นของรางวัลจากระบบเช่นเดียวกับฉินอี๋อิน

“สามารถสงบสุขได้สักพักหนึ่ง…”

อี๋อินเอ่ย “อันใด เจ้ากลัวหรือ?”

“แล้วเจ้าไม่กลัวหรือ? การต่อสู้ครั้งนั้นน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง ตอนนี้หวนนึกย้อนกลับไปยังคงหวาดผวา!”

พู่กันตอบกลับ ท่าทางราวกับหวนนึกถึงความทรงจำเลวร้ายบางอย่าง ภายในน้ำเสียงมีความสั่นเทาอยู่

ฉินอี๋อินไม่ได้พูด เงียบนิ่งไปพลัน

“กล่าวตามจริง ข้าเอง…ก็กลัว ทว่ากลัวแล้วทำสิ่งใดได้? อย่างไรเสียการต่อสู้ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ พร้อมจะปะทุออกมาเสมอ”

มันถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง “หวังว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะเลื่อนไปได้ไกลที่สุด คุณชายลำบากมามากแล้ว ให้คุณชายได้ดื่มด่ำกับความสงบสุขให้นานเท่าที่ทำได้!”

“ใช่แล้ว คุณชายนับว่าลำบากมากจริง ๆ ข้าเองก็หวังว่าความจริงจะถูกเปิดเผยช้าลง ก่อนหน้านี้คุณชายทนลำบากมามากแล้ว…”

พู่กันถอนหายใจตาม

เมื่อเทียบกับสมบัติอื่น ๆ แล้ว ดูเหมือนพวกมันจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับคุณชายมากกว่า ล่วงรู้อดีตของคุณชาย รวมถึงสถานการณ์ของคุณชายในปัจจุบัน!

ไม่เช่นนั้นพวกมันคงไม่เอ่ยออกมาเช่นนี้

“เตรียมพร้อมให้ดีเถิด การต่อสู้ครั้งนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง แม้ข้าจะหวังเป็นอย่างยิ่งว่าการต่อสู้จะสามารถเลื่อนออกไปได้ แต่ดูจากตอนนี้แล้ว การต่อสู้คงอยู่อีกไม่ไกล”

อี๋อินพูดด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก “แม้ข้าจะกลัว แต่ก็ไม่มีวันถอย ครั้งนี้ข้าก็จะยังอยู่ร่วมต่อสู้ไปกับคุณชาย!”

“ข้าด้วย แม้กลัวก็ไม่ถอย!”

พู่กันเอ่ย “ถึงอย่างไรก็เคยผ่านมาแล้ว ครั้งนี้…เพียงแค่ผ่านไปให้ได้อีกครั้งจะเป็นอันใด? ตั้งแต่ต้นจนจบข้าจะยืนเคียงข้างคุณชายเสมอ!”

จากนั้นพวกมันก็เงียบเสียงลงไม่เอ่ยสิ่งใดอีก

พวกมันรู้ว่าอนาคตจะต้องเผชิญกับสิ่งใด นั่นเป็นการต่อสู้ที่ทำให้พวกมันหวาดหวั่นอย่างถึงที่สุด

ทว่าพวกมันไม่มีวันคิดถอยหนี!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท