บทที่ 929 ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลา ‘โลกหลังฉากยังจัดการไม่ได้อีกหรือ?’
บทที่ 929 ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลา ‘โลกหลังฉากยังจัดการไม่ได้อีกหรือ?’
ซีน่าทึ่งทั้งยังงดงามไร้ใดเปรียบ แก้การโจมตีหนานกงเจิ้นเทียนได้ทุกกระบวนท่า ทั้งคู่ผลัดกันรุกรับ การต่อสู้ดุเดือดเหลือแสน!
พวกเขาสู้กันบนฟ้าลามไปนอกอาณาจักร ดาราดวงแล้วดวงเล่าระเบิดพังพินาศ นอกอาณาจักรแทบล่มสลายเพราะพวกเขา!
หนานกงเจิ้นเทียนตะลึงขึ้นเรื่อย ๆ ซีแข็งแกร่งปานใดกันแน่ เหตุใดถึงรู้สึกเหมือนหยั่งไม่ถึงที่สิ้นสุด
เขาเพิ่มพลังลงไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งกำลังรบขั้นห้าแล้วยังมิอาจกำราบซี ซียังคงแก้การโจมตีได้อย่างสบาย ไม่เห็นกดดันสักนิด!
ตู้ม!
เขาฟาดฝ่ามือออกไปปะทะกับซี ก่อนจะเว้นระยะห่างออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่ต่อสู้ประชิดตัวกับนางอีก
เขาเสียเปรียบในการต่อสู้ประชิดตัว จึงคิดใช้วิชาลับเพื่อปราบซี!
“เอกภพจงอยู่ใต้บัญชาข้า!”
เขาแผดเสียง สำแดงวิชาลับตระกูลหนานกง นอกอาณาจักรสั่นไหว แผนผังฟ้าดินภาพหนึ่งปรากฏออกมาอย่างรวดเร็ว ปกคลุมทั่วทั้งนอกอาณาจักร!
พลันแผนผังฟ้าดินเคลื่อนไหว พลังมหาศาลพวยพุ่ง นี่คือมหาวิชาที่แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงสุดในโลกหลังฉากยังต้องยำเกรง ยากจะต้านทานไหว
ทันทีที่คาถาเอกภพถูกใช้ ผู้ที่ถูกหมายหัวจักได้รับแรงจำกัดมากมาย พลังวิถีถูกลดทอน พลังในกายได้รับผลกระทบ ไม่อาจรีดเร้นได้อย่างราบรื่นอีก
สิ่งนี้นับว่าอันตรายถึงชีวิตในการต่อสู้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะเหตุนี้ วิชาลับนี้ถึงได้ชื่อก้องในโลกหลังฉาก สิ่งมีชีวิตหลังฉากล้วนเปลี่ยนสีหน้าเมื่อกล่าวถึงมัน!
ทว่าซีหาได้เปลี่ยนสีหน้าไม่
คาถาเอกภพน่าประหวั่นพรั่นพรึงอย่างแท้จริง ส่งผลกระทบต่อนางอย่างรุนแรง ทว่านางแข็งแกร่งมากพอ ประกอบกับก่อนหน้าคาถาเอกภพลดความซับซ้อนลงด้วยตนเอง เผยให้เห็นจุดบอดและจุดด่างพร้อยทั้งหลาย นางทลายคาถาเอกภพได้ในพริบตา ทลายแผนผังฟ้าดินนอกอาณาจักรลง!
“ช่างเป็นตาที่คมกล้ายิ่งนัก!”
แววตาหลีหั่ววิทยาราชไหวระริก ดูออกว่าซีมองเห็นจุดบอดของคาถาเอกภพ ความสามารถของนางน่าทึ่งเป็นหนักหนา
เขาเคลื่อนไหว จุดประกายทั่วร่างกลายเป็นมนุษย์ไฟ อุณหภูมิสูงลิ่วถาโถม คลื่นความร้อนซัดสาดจากนอกอาณาจักรไปถึงโลกหลังฉาก จนสิ่งมีชีวิตหลังฉากรู้สึกเหมือนถูกเปลวเพลิงแผดเผา เหงื่อไหลโซมกาย ร้อนจนทนแทบไม่ไหว!
ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!
เขาบุกอย่างแข็งกร้าวดุดันเฉกเช่นนิสัยของเขา สองหมัดรัวออกไปไม่หยุด เข้าร่วมการต่อสู้ จู่โจมเข้าคู่กับหนานกงเจิ้นเทียนเพื่อต่อกรกับซี
ซีเก่งกาจเกินไป เขารู้สึกว่าหนานกงเจิ้นเทียนอาจมิใช่คู่มือของซี
หนานกงเจิ้นเทียนก็ตระหนักถึงเรื่องนั้นเช่นกัน ขณะเดียวกันก็เข้าใจในวาจาที่ซีเคยกล่าวไว้ก่อนหน้า
ที่ว่าซีไม่มีกำลังเสริม
ดูจากสถานการณ์ตอนนี้ เกรงว่านางจะไม่ได้โกหก ไม่มีกำลังเสริมที่ว่าจริง เบื้องหลังของซีล้วนมาจากพลังกล้าแกร่งในตัว!
เขาแสยะยิ้มมุมปาก ชักดาบใหญ่เล่มหนึ่งออกมาอย่างรวดเร็ว ไม่รู้สึกว่าการร่วมมือกับหลีหั่ววิทยาราชไม่เหมาะสมแต่อย่างใด
บัดนี้เขาไม่เห็นซีเป็นหญิงสาวผู้หนึ่งอีกแล้ว ซีเป็นบุคคลระดับเดียวกับพวกเขาแน่นอน หาใช่สาวน้อยแต่อย่างใด มีชีวิตมาเนิ่นนานตั้งไม่รู้เท่าใด!
ซีนั้นน่าทึ่งอย่างแท้จริง ต่อสู้หนึ่งต่อสองยังไม่ครณามือ ไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย!
มิหนำซ้ำ นางยังมิได้ใช้วิชาสวรรค์เก้าโคจร มิได้เพิ่มพูนกำลังรบตัวเองสักนิด
เวลาหนึ่งเดือนสำหรับสิ่งมีชีวิตตนอื่นนั้นแสนสั้น แทบจะพริบตาเดียวก็ผ่านพ้น
ทว่าสำหรับนาง เวลาหนึ่งเดือนนี้เพียงพอแล้ว!
นางปรับเปลี่ยนผนึกในแดนมงคลอันดับหนึ่ง ช่วยให้แดนมงคลอันดับหนึ่งรวบรวมขุมปราณพลังชีวิตฟ้าดินได้ไวขึ้นตั้งไม่รู้กี่เท่า
ร่างกายของนางมีความพิเศษ สามารถดูดกลืนได้อย่างรวดเร็ว ประกอบกับไม่ต้องฝึกฝน ในสถานการณ์ที่ไวไปเสียทุกอย่าง ขอบเขตพลังของนางยกระดับขึ้นอย่างบ้าคลั่ง!
บัดนี้นางมาถึงขั้นห้าตอนปลาย ห่างจากขั้นหกเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
แม้ว่าหนานกงเจิ้นเทียนและยอดฝีมือระดับสูงสุดตนอื่นจากโลกหลังฉากก็อยู่ในขั้นห้าตอนปลายเช่นกัน กระนั้นยังห่างจากนางมาก หนานกงเจิ้นเทียนและยอดฝีมือระดับสูงสุดตนอื่นจากโลกหลังฉากยังไม่ถึงจุดสูงสุดของขั้นห้าตอนปลาย แต่นางนั้นมาถึงจุดสูงสุดของขั้นห้าตอนปลายแล้ว
วิชาอภินิหารที่นางมีล้วนได้รับการปรับปรุงจากนางให้ทรงพลังขึ้น แสนยานุภาพรุนแรงน่าเกรงขาม!
ต่อให้ไม่ใช้วิชาสวรรค์เก้าโคจร ไม่เพิ่มพูนกำลังรบอีกเก้าเท่า นางก็สู้กับหนานกงเจิ้นเทียนและยอดฝีมือระดับสูงสุดตนอื่นจากโลกหลังฉากได้โดยไม่เป็นปัญหา
“เจ้าเป็นใครกันแน่ มาจากที่ใด?!”
หนานกงเจิ้นเทียนถามด้วยความตะลึง
เขาร่วมมือกับหลีหั่ววิทยาราชแล้วยังไม่ไหว ไม่อาจกำราบซีลง ซีช่างน่าสะพรึงถึงขีดสุด!
จู่ ๆ ยอดฝีมือระดับนี้โผล่มาได้อย่างไร
เขาฉงนขึ้นมาอย่างมากในใจ!
ซีมิได้เอ่ยวาจา สำแดงเพลงกระบี่ออกไป เจตจำนงกระบี่ยิ่งใหญ่ทรงพลัง แสงกระบี่มากมายฟาดฟันลงมา เปลี่ยนพื้นที่นอกอาณาจักรเป็นโลกแห่งกระบี่!
หลังหนานกงเจิ้นเทียนและหลีหั่ววิทยาราชเห็นภาพนี้ก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก
หลีหั่ววิทยาราชผู้มิเคยหวั่นเกรงสิ่งใดนาทีนี้ผวาเหลือคณา!
เขารู้สึกถึงภยันตรายใหญ่หลวงจากเคล็ดกระบี่นี้ เป็นภยันตรายถึงชีวิต จนเขาไม่เหลือความมั่นใจแม้เศษเสี้ยว!
“เข้าไปช่วยเร็ว!”
“ฆ่า!”
ยอดฝีมือสะท้านโลกันตร์ทั้งห้าผู้ถูกเชิญให้มาช่วยบุกไปที่นั่น
พวกเขาสนิทชิดเชื้อกับหนานกงเจิ้นเทียนและหลีหั่ววิทยาราชเป็นอย่างดี มิฉะนั้นคงไม่ยอมรับปากเข้ามาช่วย
พริบตาเดียวเท่านั้น พวกเขาก็บุกไปถึงที่นั่น ต่างคนต่างแผลงฤทธิ์เดช ผนึกกำลังยับยั้งเคล็ดกระบี่นี้!
ทว่าพวกเขาไม่ทันได้ยินดียินร้ายก็มีสีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมาก ซีบุกเข้ามาอีกครั้ง สำแดงมหาวิชาสยดสยองอีกแขนง
มหาวิชานี้น่ากลัวทรงพลังกว่าเพลงกระบี่ก่อนหน้าของนาง ต่อให้พวกเขาร่วมมือก็ยังไม่มั่นใจ รู้สึกหวาดผวาขึ้นมา!
น้ำแข็งเยือกเย็นโถมทับ หิมะแผ่นใหญ่โปรยปรายอยู่นอกอาณาจักร แช่แข็งทุกสรรพสิ่งไว้ในบัดดล กระทั่งปริภูมิเวลายังได้รับผลกระทบ เกิดการชะงักงัน!
หนานกงเจิ้นเทียนและยอดฝีมือระดับสูงสุดตนอื่นจากโลกหลังฉากเริ่มจับตัวเป็นน้ำแข็งอย่างรวดเร็ว พวกเขามิได้รู้สึกหนาวสะท้านเสียดกระดูกเช่นนี้มานานจนจำมิได้ ยามนี้ต่างรู้ซึ้งกันหมด!
หลีหั่ววิทยาราชมีร่างอัคคีแต่กำเนิด ไม่ว่าไอเย็นเช่นไรล้วนมิอาจเข้าใกล้ตัวเขา ทว่าครานี้ เขาถูกแช่แข็งจนไฟมอด ต้นไฟแต่กำเนิดในกายใกล้ดับเต็มที!
แม้แต่ยอดฝีมืออย่างหลีหั่ววิทยาราชผู้มีร่างอัคคีแต่กำเนิดยังต้านไม่อยู่ ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงหนานกงเจิ้นเทียนและยอดฝีมือระดับสูงสุดตนอื่นจากโลกหลังฉาก ต่างถูกแช่แข็งในเสี้ยวลมหายใจ ไม่เหลืออิสรภาพอีก!
พวกเขาหวาดผวาเหลือแสน เหตุใดซีถึงน่ากลัวได้ปานนี้
หากซีต้องการ พวกเขาไม่นึกแคลงใจเลยว่านางสามารถสังหารพวกเขาได้หมด!
สิ่งมีชีวิตหลังฉากแตกตื่นกันหมด นั่นคือยอดฝีมือระดับสูงสุดเจ็ดตนเชียวนะ ทุกตนล้วนแข็งกร้าวไร้เทียมทาน สุดท้ายกลับปราชัยต่อซีอย่างง่ายดาย!
ทุกอย่างเสมือนฝันไป พวกเขายากจะเชื่อได้ลง!
“ผู้ใดมอบความกล้าให้เจ้าปั่นป่วนปริภูมิเวลากัน?! ไม่รู้กฎที่ปริภูมิเวลาตั้งไว้หรือ”
เวลานั้นเอง เสียงเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งพลันดังขึ้น ร่างหลายร่างปรากฏขึ้นนอกอาณาจักร เพ่งสายตามาที่ซี
มหาวิชาเมื่อครู่ที่ซีสำแดงส่งผลกระทบถึงปริภูมิเวลา พวกเขาต่างสัมผัสได้ในลมหายใจนั้นจึงมายังที่นี่
พวกเขาคือผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลา มีหน้าที่ปกปักรักษาปริภูมิเวลา!
“พวกเราจัดการปราณศพมู่ชิงและปราณศพตี๋เทามิได้ แหยมด้วยไม่ไหว เจ้าพวกหลังฉากพวกเรายังจะจัดการไม่ได้อีกหรือ”
แววตาผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาทอประกายดุดัน
ก่อนนี้ไม่นานยามปราณศพมู่ชิงและปราณศพตี๋เทาปรากฏตัว กระเทือนถึงปริภูมิเวลาอย่างร้ายแรง พวกเขารุดหน้าไปหยุดยั้ง สุดท้ายกลับหงายหลังกลับมา อัดอั้นตันใจเต็มทน
บัดนี้โลกหลังฉากมีพฤติกรรมส่งผลกระทบถึงปริภูมิเวลาอีก ทำให้พวกเขามีที่ให้ระบายอารมณ์ พวกเขาจักต้องสั่งสอนซีผู้ส่งผลกระทบต่อปริภูมิเวลาให้หลาบจำ!