รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 930 ท่านผู้นั้นเก่งกาจอย่างแท้จริง สามารถดูดกลืนพลังสุญตาด้วยกายเนื้อ!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 930 ท่านผู้นั้นเก่งกาจอย่างแท้จริง สามารถดูดกลืนพลังสุญตาด้วยกายเนื้อ!

บทที่ 930 ท่านผู้นั้นเก่งกาจอย่างแท้จริง สามารถดูดกลืนพลังสุญตาด้วยกายเนื้อ!

ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลามาเยือนด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน ก่อนหน้านี้ยังนึกเซ็งอยู่ว่าไร้ที่ระบายความกราดเกรี้ยว สุดท้ายซีรนหาที่เอง ท้าทายกฎระเบียบที่ปริภูมิเวลาอย่างพวกเขาทิ้งไว้

พวกเขามีกันทั้งหมดห้าตน สวมเกราะทองเหลือง มือถือทวนยาวทองเหลือง เจิดจรัสแยงตา ลำพังยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่เขยื้อนก็แฝงไว้ด้วยบารมีน่าเกรงขามยิ่งแล้ว!

“นางเก่งกาจอย่างยิ่ง เห็น ๆ ว่าเป็นปีศาจเฒ่าตนหนึ่ง ไฉนเลยจะไม่รู้เรื่องกฎของปริภูมิเวลา แต่นางยังกล้าปั่นป่วนปริภูมิเวลา เห็นได้ชัดว่ามิได้เก็บกฎระเบียบนั้นมาใส่ใจ”

หนานกงเจิ้นเทียนราดน้ำมันบนกองไฟ

เขาอยากให้ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาเปิดศึกกับซีอย่างยิ่ง เช่นนี้พวกเขาก็จะรอดตัวไป

ทว่าแม้เขากำลังราดน้ำมันบนกองไฟ ก็มิได้ใส่ร้ายป้ายสี

ปริภูมิเวลาทิ้งกฎไว้ในโลกหลังฉากจริง ๆ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตตนใดก็ไม่สามารถรบกวน สิ่งมีชีวิตหลังฉากรู้กันทั่ว และไม่มีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าแหกกฎที่ปริภูมิเวลาทิ้งไว้

ฝ่ายปริภูมิเวลาไม่ธรรมดา ลึกลับเกินหยั่ง เคยมีวีรชนสะท้านโลกาท่านหนึ่งแห่งโลกหลังฉากปั่นป่วนปริภูมิเวลา และถูกฝ่ายปริภูมิเวลาตัดสินโทษฉับพลัน วีรชนสะท้านโลกาท่านนั้นถูกพาตัวไป

นั่นเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานขั้นห้าตอนปลายผู้หนึ่ง สุดท้ายกลับสู้ฝ่ายปริภูมิเวลามิได้เลย ไม่มีพลังพอจะขัดขืนเลยสักนิด ถูกพาตัวไปดื้อ ๆ

นับแต่นั้นมา สิ่งมีชีวิตหลังฉากต่างรู้แจ้งถึงความน่าพรั่นพรึงของฝ่ายปริภูมิเวลา มิมีสิ่งมีชีวิตตนใดกล้าท้าทายกฎที่ฝ่ายปริภูมิเวลาทิ้งไว้

ต่อให้มีพลังพอจะข้ามทะลุปริภูมิเวลาได้ตามใจชอบก็ต้องหักห้ามตนเองอยู่เสมอ

นอกจากนี้ยังมีกลุ่มอำนาจหนึ่งที่สิ่งมีชีวิตหลังฉากยำเกรงอย่างยิ่งยวด

กลุ่มอำนาจนั้นก็คือปรโลก!

สิ่งมีชีวิตหลังฉากแทบไม่ถูกจำกัดด้วยวันเวลา ไม่มีทางชราภาพจนถึงแก่ความตาย ทว่าหลังฉากยังมีการต่อสู้แย่งชิง และมีสิ่งมีชีวิตตายไปอยู่ดี

เหล่าสิ่งมีชีวิตที่ตายไปตามหลักแล้วควรต้องหายไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ดำรงอยู่อีก

ทว่าฝ่ายปรโลกนั้นพิศวงน่ากลัวเหลือแสน เปลี่ยนสิ่งมีชีวิตที่สิ้นชีพเป็นวิญญาณหยินแล้วพาตัวไป!

พวกเขาทำได้อย่างไร

วิญญาณหยินมีคำอธิบายอย่างไรกันแน่!?

จนบัดนี้พวกเขายังคิดไม่ตก ไม่อาจเข้าใจได้

เคยมีญาติของยอดฝีมือสะท้านโลกาตายไปด้วยอุบัติเหตุ จึงไปหาปรโลก หวังว่าจะพาวิญญาณหยินของญาติกลับมา ช่วยคืนชีพให้ผู้นั้น

ทว่าปรโลกสยดสยองเกินไป หลังยอดฝีมือสะท้านโลกาเหล่านั้นไปหาปรโลกก็ถูกกำราบโดยไม่อาจทำอันใดได้เลยแม้แต่น้อย คว้าน้ำเหลวกลับมา

ปรโลกและปริภูมิเวลาลึกลับน่าพรั่นพรึงไม่แพ้กัน จนบัดนี้ยังมิอาจคลี่คลายปริศนา ไม่รู้ว่ามีความเป็นมาอย่างไร

ตู้ม!

ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาลงมือพร้อมกันทั้งห้าตน ม่านแสงทองอร่ามส่องสะท้อนนภา กฎแห่งปริภูมิเวลาอันน่าหวาดหวั่นไหลเวียน ถาโถมไปหาซี!

ผู้ลาดตระเวนทั้งห้าล้วนอยู่เหนือขอบเขตขั้นหก ทันทีที่ลงมือก็ประจักษ์ถึงความไร้เทียมทาน ทวนยาวทองเหลืองทั้งห้าเล่มเล็งไปที่ซีในบัดดล ก่อนจะทะยานแทงออกไป!

กำลังรบเหนือขั้นหกนับว่าน่ากลัวอย่างยิ่งยวด อีกทั้งมีด้วยกันถึงห้าตน สามารถกวาดล้างได้ทั้งโลกหลังฉากอย่างไร้ความกดดัน

ด้วยกาสุราที่หลี่จิ่วเต้ามอบให้ ด้านสมรภูมิมืดมิดมียอดฝีมือขั้นห้าไม่น้อยบรรลุสู่ขั้นหกเรียบร้อย

ซีเลิกคิ้วขึ้น ไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น

นางมิใช่ปีศาจเฒ่าอย่างที่พวกหนานกงเจิ้นเทียนคิด และไม่ทราบกฎระเบียบที่ฝ่ายปริภูมิเวลาเคยประกาศจริง ๆ

“นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด!”

นางปริปากหมายจะอธิบาย ทว่าผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาไม่ให้โอกาสนางอธิบายเลยสักนิด

“ไม่เกี่ยวว่าเข้าใจผิดหรือไม่!”

“ในเมื่อปั่นป่วนปริภูมิเวลา เจ้าก็ต้องถูกลงโทษสถานหนัก!”

ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาทั้งห้าแค่นเสียงเย็น ถือตัวใหญ่โต ไม่ฟังคำอธิบายแต่อย่างใด

สภาพพวกเขาในยามนี้ต่างจากยามเผชิญหน้ากับปราณศพของมู่ชิงและตี๋เทามาก

เมื่อคราวเผชิญกับปราณศพของมู่ชิงและตี๋เทา พวกเขาอ่อนน้อมถ่อมตน มิกล้าแม้แต่จะหายใจแรง ยามเผชิญกับซี พวกเขาไม่นึกแยแส ไม่เห็นซีอยู่ในสายตาสักนิด

ซีหมดหนทาง ได้แต่รับมือเข้าต่อสู้

นางเรียกแผนผังแปดทิศออกมาบดบังเบื้องหน้าทันที แผนผังแปดทิศในภาพหมุนวน พลังกล้าแกร่งพวยพุ่ง การจู่โจมของผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาถูกยับยั้ง พลังแปดทิศตรึงทวนยาวทองเหลือในมือมิให้แทงไปข้างหน้า

“นี่คือ…แผนผังแปดทิศหรือ?!”

หนานกงเจิ้นเทียนตาค้าง สายตาทอประกายเหลือเชื่อ!

แผนผังแปดทิศคือสมบัติล้ำค่าแห่งตระกูลเขา เขารู้ดีว่าแผนผังแปดทิศมีอานุภาพอย่างไร อย่าว่าแต่หยุดยั้งการโจมตีของขั้นหกถึงห้าตนเลย ลำพังหยุดยั้งการโจมตีของขั้นหกเพียงตนเดียวก็มิไหว ต้องแหลกลาญไปในพริบตา

ทว่าแผนผังแปดทิศที่ซีใช้ต่างจากแผนผังแปดทิศในอดีตอย่างเห็นได้ชัด พลานุภาพรุนแรงขึ้นตั้งไม่รู้กี่เท่า กระทั่งการโจมตีที่ผนวกพลังของขั้นหกถึงห้าตนยังระงับไว้ได้!

“นางเป็นผู้ปรับปรุงหรือ?”

เขาตะลึงงัน ไฉนเลยจะไม่รู้อีกว่าแผนผังแปดทิศถูกซีปรับเปลี่ยน!

ซีเป็นใครกัน? ผิดมนุษย์มนาเกินไปแล้ว!

เขาตกใจจริง ๆ!

“ย้อนเวลา!”

ผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาทั้งห้าแผดเสียง แม้จะอึ้งไปบ้าง แต่ก็มิได้แตกตื่น

พวกเขาผนึกกำลังร่วมควบคุมกาลเวลาให้ไหลย้อน กลับไปถึงเมื่อคราวซีอ่อนแอที่สุด

นี่เป็นจุดแข็งของพวกเขา กฎแห่งปริภูมิเวลาเป็นไปตามที่พวกเขากำกับ ซ้ำพวกเขายังอยู่ในขั้นหก การเปลี่ยนซีให้ย้อนกลับไปในยุคอ่อนแอที่สุดมิใช่เรื่องยาก

หลังแผนผังแปดทิศถูกปรับปรุงก็ทวีพลานุภาพอีกหลายเท่าตัว ทว่าด้วยวัสดุของแผนผังแปดทิศเป็นผลให้มันมิอาจกลายเป็นยอดศาสตราไร้เทียมทาน มีขีดจำกัดด้านพลัง

ซีตระหนักถึงข้อนี้ดี จึงไม่ได้หวังให้แผนผังแปดทิศกำราบผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาทั้งห้า ถึงอย่างไร ห้าตนนี้ก็มีกำลังรบขั้นหก หากหวังพึ่งเพียงแผนผังแปดทิศไม่น่าจะเป็นไปได้

นางไม่ได้ลังเล สำแดงวิชาสวรรค์เก้าโคจร ยกระดับพลังขึ้นเก้าเท่า ขณะเดียวกันก็สำแดงมหาวิชาปาดนภา ปาดเอาพลังมหาวิถีเข้ามาเจือจุน!

แต่เดิมนางห่างจากขั้นหกเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น พลังจึงมิได้ห่างกันเท่าใด บัดนี้ภายใต้พลังที่ยกระดับขึ้นเก้าเท่าและการเจือจุนจากมหาวิชาปาดนภา กำลังรบของนางพุ่งทะยานอย่างบ้าคลั่ง สามารถสู้กับสิ่งมีชีวิตขั้นหกได้อย่างสิ้นเชิง!

ประกอบกับแผนผังแปดทิศที่ถูกปรับเปลี่ยนแล้ว นางสามารถกำราบผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาทั้งห้าได้แน่นอน!

แผนผังแปดทิศเปล่งแสง เมื่อนางผนวกฤทธิ์เดชทั้งหมด แผนผังแปดทิศพลันส่องประกายน่าพรั่นพรึง คลื่นพลังสยดสยองไหลเวียน หยุดยั้งพลังปริภูมิเวลาที่จู่โจมเข้ามา!

สีหน้าผู้ลาดตระเวนปริภูมิเวลาทั้งห้าเปลี่ยนไปทันที ไม่เหลือความราบเรียบวางมาดอย่างก่อน พวกเขารับรู้ถึงภัยคุกคาม!

ซียกระดับกำลังรบขึ้นมหาศาลจนเหนือจินตนาการพวกเขา พวกเขากดดันขึ้นอีกหลายเท่าตัว!

“ไป!”

พวกเขามิได้ลังเล ตัดสินใจล่าถอยทันที

ซีในยามนี้กอปรกับแผนผังแปดทิศในมือ ต่อให้พวกเขาอยู่ที่นี่ต่อก็เปล่าประโยชน์ ไม่อาจแผ้วพานนางได้เลย

ซีไม่ได้ไล่ตาม เพียงเก็บแผนผังแปดทิศกลับไป

และนางก็ไม่ได้ทำอันใดพวกหนานกงเจิ้นเทียนอีก เพียงพาเต่าชราไปจากที่นี่

นางมีเรื่องสำคัญกว่านี้ต้องไปทำ นั่นคือการเข้าไปในดินแดนว่างเปล่า

คราวนี้เมื่อได้เผชิญหน้ากับดินแดนว่างเปล่าอีกครั้ง นางก็มั่นใจขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

“ยังไม่ต้องรีบร้อนเข้าไป ข้าขอลองอะไรหน่อย”

ซีปริปาก “ข้าอยากดูว่าข้าสามารถดูดกลืนพลังสุญตานี้ได้หรือยัง!”

นางใจกล้าอย่างยิ่ง จนเต่าชราตกอกตกใจ

“อย่าเลย! ขืนเป็นการหาเหาใส่หัวจะไม่ดีเอา!”

เต่าชราเอ่ยด้วยความกังวล

พลังสุญตานี้น่ากลัวเกินไป หากล้มเหลวซีอาจถูกพลังสุญตากลืนกิน ไม่เหลือการดำรงอยู่อย่างสิ้นเชิง

“วางใจได้ ข้ามีขอบเขต ขอเพียงชักนำพลังสุญตาออกมาสักเสี้ยวเพื่อลองดูก็พอ” หญิงสาวตอบ

จากนั้นนางก็เริ่มลงมือโดยเริ่มจากเรียกแผนผังแปดทิศ แล้วสำแดงวิชาสวรรค์เก้าโคจรกับมหาวิชาปาดนภาเพื่อเพิ่มพูนพลังของตน แล้วค่อยใช้แผนผังแปดทิศนำร่องพลังสุญตาเสี้ยวหนึ่งเข้าร่างกาย!

ต้องยอมรับว่าพลังสุญตาในดินแดนว่างเปล่าแห่งนี้น่าสะพรึงอย่างแท้จริง นางนำร่องออกมาเพียงเสี้ยวเดียวยังได้รับแรงสกัดกั้นมหาศาล พลังที่ถ่ายทอดเข้าไปเกือบถูกลบล้างจนเหลือเพียงความว่างเปล่า

“ทำได้!”

ไม่นานนักดวงตาของนางก็ลุกวาว ความคิดส่วนหนึ่งของนางได้รับการยืนยัน ว่าสามารถดูดกลืนพลังสุญตานี้มาอยู่ใต้อาณัติของตนได้!

เรื่องนี้เป็นผลดีต่อนางมากอย่างไม่ต้องสงสัย นางสามารถเข้าไปในดินแดนว่างเปล่าได้แล้ว!

อันที่จริง นับแต่ครั้งแรกที่นางมาเยือนดินแดนว่างเปล่าก็อยากลองดูว่าสามารถดูดกลืนพลังสุญตานี้ได้หรือไม่

ร่างกายของนางมีความพิเศษ หลังได้ท่านผู้นั้นช่วยปรับเปลี่ยนคงไม่เป็นปัญหาใหญ่เท่าใด

ทว่าในครานั้น ขอบเขตของนางต่ำเกินไปจึงมิกล้าทำเช่นนั้น ขืนรับไม่ไหวนางต้องตกอยู่ในอันตรายเป็นแน่!

‘ท่านผู้นั้นเก่งกาจจริง ๆ!’

นางสะท้อนใจอีกครั้งถึงความแข็งแกร่งของท่านผู้นั้น

พลังสุญตาในที่แห่งนี้แกร่งกล้าน่าพรั่นพรึงเพียงใด แม้ว่านางในตอนนี้จะทรงพลังขึ้นมาก กระนั้นยามเผชิญหน้ากับพลังสุญตาเช่นนี้ก็ยังสู้ไม่ไหว

อย่าว่าแต่เข้าไปในส่วนลึกของดินแดนว่างเปล่าเลย ขอแค่ได้ย่างกรายสักก้าวเข้าไปยังลำบากนักหนา แทบไม่มีทางทำได้ ต้องเหลือเพียงความว่างเปล่าในพริบตา

ในสายตาของนาง ต่อให้เป็นกำลับรบขั้นเจ็ดขั้นแปดก็ยากจะต้านทานพลังสุญตาเช่นนี้ไหว ขั้นเก้าอาจทำได้ แต่คงต้านได้ไม่นาน น่ากลัวว่ายากจะเข้าไปถึงส่วนลึก

ทว่าหลังนางนำร่องพลังสุญตาอันน่าประหวั่นพรั่นพรึงเพียงนี้เข้าไปในร่าง ความน่ากลัวของมันมลายสิ้น กลายเป็นเหมือนพลังทั่วไป ถูกนางดูดกลืนได้โดยง่ายจนกลายเป็นพลังของนางเอง!

แน่นอนว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับท่านผู้นั้นที่คอยคุ้มครองนาง และสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งเกินหยั่งของท่านผู้นั้น!

‘ขอบคุณ!’

นางขอบคุณท่านผู้นั้นในใจ

ท่านผู้นั้นช่วยเหลือนางมากมายเหลือเกิน ช่วยให้ร่างกายนี้ของนางเปี่ยมด้วยพลังสะท้านโลกันตร์ จนนางสามารถต่อกรกับอันตรายและอุปสรรคทั้งปวง

จากนั้น นางเริ่มดูดกลืนพลังสุญตาในที่แห่งนี้เพื่อเพิ่มพูนพลังในกายตน อีกทั้งลองทำสิ่งอื่นไปด้วย

ซียื่นฝ่ามือข้างหนึ่งเข้าไปในดินแดนว่างเปล่า เพื่อดูว่าร่างกายของนางได้รับผลกระทบจากพลังสุญตาหรือไม่

หลังพลังสุญตาเข้าร่างก็กลายเป็นพลังทั่วไป ไม่เหลืออานุภาพลบล้างให้ว่างเปล่าอีก รู้สึกว่าร่างกายของนางคงไม่ได้รับผลกระทบจากพลังสุญตา ต่อให้ไม่รีดเร้นพลังใดร่างกายของนางก็รับไหว

ตามคาด ฝ่ามือข้างที่ซียื่นเข้าไปไม่ได้เกิดการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด ไม่ใดถูกทำให้ว่างเปล่า ราวกับพลังสุญตาไม่มีอยู่!

นี่บ่งบอกว่านางสามารถเดินหน้าต่อโดยไม่ถูกพลังสุญตากระเทือน!

เต่าชราตะลึงกับความผิดมนุษย์มนาของซี

มันถึงกับคิดไปว่าพลังสุญตาในดินแดนว่างเปล่าหายไปแล้วหรือไม่!

จากนั้น มันเลียนแบบซี ยื่นขาเต่าข้างหนึ่งเข้าไปในดินแดนว่างเปล่าช้า ๆ!

“แม่เจ้า!”

มันร้องเสียงหลงออกมาในบัดดล เพราะทันทีที่ขาเต่ายื่นเข้าไปในดินแดนว่างเปล่าก็เริ่มกลายเป็นความว่างเปล่า ทั้งยังมีพลังสุญตาไหลเข้ามา หมายจะเปลี่ยนมันให้เป็นความว่างเปล่าไปทั้งร่าง หายไปอย่างสิ้นเชิง!

ยังดีที่ซีลงมือได้ทันท่วงที ดูดกลืนพลังสุญตาเหล่านั้นออกไป มันถึงมิได้เหลือเพียงความว่างเปล่า หายไปอย่างสิ้นเชิง!

ทว่าขาเต่าของมันเหลือเพียงครึ่งท่อน!

“ระวังตัวด้วย อย่าได้ประมาท!”

ซีบอกกับเต่าชรา “เจ้าอยู่รอข้าข้างนอกก่อนเถิด ข้าขอเข้าไปดูสถานการณ์หน่อย แล้วค่อยกลับมารับเจ้า”

นางเข้าไปในดินแดนว่างเปล่า

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท