บทที่ 931 ผู้เบิกทางเกิดการเปลี่ยนแปลง สงสัยว่าทั้งหมดเป็นเพียงมายา!
บทที่ 931 ผู้เบิกทางเกิดการเปลี่ยนแปลง สงสัยว่าทั้งหมดเป็นเพียงมายา!
ภายในดินแดนว่างเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใด ซีเดินเข้าไปด้วยร่างกายที่ผ่อนคลายเต็มที่ ดูดซับพลังสุญตาในสถานที่แห่งนี้เข้ามาใช้งาน
ความแข็งแกร่งของนางพุ่งทะยานอย่างรวดเร็ว พลังสุญตาที่หลั่งไหลเข้าสู่ร่างถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพลังของนางเอง
ขณะเดียวกันดวงตาของนางก็เปล่งแสง รับรู้ได้ถึงวิถีสุญตาและสามารถควบคุมมันได้
วิถีเต๋าทั้งปวงนั้นเรียบง่ายในสายตาของนาง สิ่งนี้นับรวมวิถีสุญตาเข้าไปด้วย ใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งอึดใจ นางก็ควบคุมวิถีสุญตาได้ สามารถบงการพลังในดินแดนว่างเปล่า
“เข้ามาเถิด”
ไม่นานหลังจากนั้น นางก็หันกลับไปบอกให้เต่าชราเข้ามา
เต่าชราได้รับเล็บที่ถูกทำให้หายไปกลับคืนมา นี่ล้วนเป็นเพราะซีดูดซับพลังสุญตาทั้งหมดบนกรงเล็บเต่าชราแล้ว
หากไม่ใช่เช่นนั้น มันก็ไม่มีทางฟื้นฟูเล็บกลับมาได้อย่างแน่นอน
“ตกลง!”
เต่าชราตอบกลับด้วยรอยยิ้ม ดูแล้วไว้ใจในตัวซีเป็นอย่างมาก ทว่าภายในใจมันก็ยังคงมีความหวาดกลัว ตัวสั่นระริกระหว่างค่อย ๆ ก้าวเข้าไปในดินแดนว่างเปล่า
ซีมองอย่างไร้คำพูด เต่าชราไว้ใจนางน้อยเกินไปแล้ว
เต่าชราก้าวเข้ามาในดินแดนว่างเปล่าอย่างลุ้นระทึก หลังจากพบว่าตนเองไม่รับผลใดจากพลังสุญตา ความกังวลทั้งหมดก็พลันสลายหายไป
มันหัวเราะแหะ ๆ ออกมา “อย่าได้คิดมากไป ข้าเชื่อใจเจ้าเต็มร้อยส่วน! เหตุผลที่ร่างข้าสั่นก็เพราะกระดองเต่าหนักเกินไป เดินไม่คล่องนัก!”
กระดองเต่าหนักเกินไป?
ช่างหน้าหนาเสียจริง!
ซีปรายตามองเต่าชราพลางเอ่ยว่า“เช่นนั้นให้ข้าลดน้ำหนักให้ดีหรือไม่? ข้าจะช่วยเอากระดองเต่าบนร่างออกให้”
“อย่า! นี่นับเป็นการฝึกฝนของข้า ฝึกฝนโดยการถ่วงน้ำหนัก!”
เต่าชรารีบตะโกนออกมา
สิ่งมีชีวิตขั้นที่หกสามารถเข้าไปยังส่วนลึกของดินแดนว่างเปล่าได้?
หากเรื่องนี้แพร่กระจายออกไป เกรงว่าจะไม่มีสิ่งมีชีวิตใดกล้าเชื่อ ราวกับความฝันเกินเอื้อม ไม่คล้ายความจริง!
“พวกเจ้ามาถึงที่นี่ได้อย่างไร…!”
ตอนนั้นเองพลันมีเสียงดังขึ้น ซีและเต่าชราต่างตกใจ ทางด้านซีรีบเรียกแผนผังแปดทิศออกมาทันที!
นี่เป็นภาษาที่ซีและเต่าชราไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่ทั้งสองกลับสามารถเข้าใจความหมายได้ ต่างตกตะลึงว่าสิ่งมีชีวิตใดกันที่อาศัยอยู่ในดินแดนว่างเปล่า?!
ม่านแสงปรากฏขึ้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะควบแน่นกลายเป็นร่างหนึ่งที่ดูเหมือนชายร่างสูงตัวกำยำขึ้นมา
“เจ้าเป็นใคร?”
ซีเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงลุ่มลึก ลอบเตรียมพร้อมจะลงมือ
“ข้า?”
ร่างพร่ามัวส่งเสียงที่แสดงให้เห็นถึงการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน “ข้าไม่ได้เป็นสิ่งใดทั้งนั้น เป็นเพียงแค่ ‘โรค’…”
“โรค?!”
สีหน้าของเต่าชราดูงุนงงสับสน นี่มันคำตอบอันใดกัน
“ใช่แล้ว โรคอย่างหนึ่ง โรคที่เกิดขึ้นมาจากความคิด…”
เสียงของร่างพร่ามัวเต็มไปด้วยความอ้างว้าง
“โรคทางจิต!?”
เต่าชราเขม็งมอง โรคที่เกิดจากความคิด หรือว่าจะเป็นโรคทางจิตกัน?
“พึงใส่ใจวาจา แม้ว่าจะเป็นเรื่องจริง แต่เจ้าก็ไม่อาจใช้ถ้อยคำเหล่านี้มาบรรยายได้ ไร้ซึ่งความเคารพยิ่ง”
ร่างพร่ามัวกล่าว เห็นได้ชัดว่ากำลังปกป้องบางสิ่ง
เต่าชราไม่พูดอันใด ปิดปากของตนเองสนิท
กับโรคทางจิต จะพูดสิ่งใดได้กัน?
ร่างพร่ามัวกล่าว “ข้ากำลังยับยั้งตัวเอง บังคับไม่ให้พลังบนร่างรั่วไหลออกไปภายนอก ทว่าข้าใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว…”
“หมายความว่าอย่างไร? เจ้ากำลังยับยั้งไม่ให้พลังสุญตารั่วไหลออกไปด้านนอกหรือ?”
ซีขมวดคิ้ว
ร่างพร่ามัวเหมือนจะไม่ได้โกหก ในสายตาของนาง ร่างพร่ามัวนี่ดูแล้วไม่ใช่สิ่งมีชีวิต แต่เป็นพลังบางอย่าง
พลังนี้สลับซับซ้อนเป็นอย่างมาก กระทั่งนางยังต้องตกตะลึง ไม่ใกล้เคียงกับคำว่าเรียบง่าย ทั้งยังล้ำลึกจนไม่อาจมองบางส่วนออกได้!
นางจะไม่ตื่นตะลึงได้อย่างไร นี่เป็นครั้งแรกที่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะเป็นพลัง วิชา หรือสมบัติที่สลับซับซ้อนและน่าหวาดกลัวเพียงใด นางก็สามารถมองทะลุปรุโปร่งได้ด้วยดวงตาตนเอง
ทว่าพลังนี่กลับทำให้นางไม่อาจเข้าใจได้อย่างถ่องแท้
“ไม่ผิด การดำรงอยู่ของข้าคือการทำให้ทุกสรรพสิ่งกลับคืนสู่สุญตา”
เสียงของร่างพร่ามัวเต็มไปด้วยความจำใจ “แม้ว่าข้าไม่ต้องการจะทำสิ่งนี้ก็ตาม…”
ซีฟังแล้วก็สับสนยิ่ง ไม่เข้าใจว่าเรื่องราวทั้งหมดเป็นมาเช่นไร
นางขมวดคิ้วถามว่า “เจ้าเป็นโรคอย่างหนึ่ง เป็นโรคทางความคิด เช่นนั้นแล้วเจ้าของโรคคือผู้ใด?”
“ท่านผู้นั้น บิดาแห่งสรรพสิ่ง บิดาแห่งเต๋าและกฎเกณฑ์ ผู้ให้กำเนิดการฝึกตน”
ร่างพร่ามัวกล่าวอย่างไม่ปิดบัง
“ผู้เบิกทางท่านนั้น?!”
ซีเคยได้ยินเรื่องของผู้เบิกทางจากหลังฉาก ทราบว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งทรงพลังมากเพียงใด
หัวใจของนางจมดิ่งลง ไม่แปลกใจเลยที่พลังสุญตาในที่แห่งนี้จะน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก ที่แท้ก็เป็นโรคของคนผู้นั้น!
“จริงหรือเท็จ มายาหรือความจริง สุดท้ายคนผู้นั้นยังอดตั้งคำถามขึ้นมาไม่ได้ ภายในใจเกิดความสับสนมากมาย ก่อนจะเกิดเป็นความคิดขึ้นมา…”
ร่างพร่ามัวบอกเล่าทุกสิ่ง “ตามความคิดของข้า คนผู้นั้นป่วยอย่างแท้จริง ถึงขั้นปฏิเสธความจริง คิดว่าทุกสิ่งเป็นเพียงมายา ต้องการแสวงหาความจริงอันเป็นสัจจะ…”
คำพูดของมันทำให้ซีตื่นตะลึง
ผู้เบิกทางท่านนั้นที่ให้กำเนิดกฎเกณฑ์ บุกเบิกวิถีเต๋า ท้ายสุดกลับคิดว่าทุกสิ่งเป็นเพียงภาพมายา ไม่ใช่ความจริงแท้ เขาจะต้องค้นพบอะไรบางอย่างเป็นแน่ แต่สิ่งใดกันที่ทำให้เขาเกิดความสงสัยเช่นนี้ขึ้นมา?
เต่าชราที่ฟังอยู่เองก็ตื่นกลัวจนพูดไม่ออก เหตุใดจึงเกิดเรื่องอันน่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ขึ้นได้?
จริงและเท็จ มายาและความจริง เช่นนั้นแล้วความจริงคือสิ่งใดกันแน่?
“ยามนั้นคนผู้นั้นชวนน่าหวาดกลัวเกินไป ป่วยหนักเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับคิดว่าภาพมายาไม่สมควรมีอยู่จริง สมควรทำลายทิ้ง! ให้กำเนิดเป็นความคิดแยกออกมา ด้วยเจตจำนงที่ต้องการทำลายล้างทุกสิ่ง”
ร่างพร่ามัวเอ่ยต่อ “ข้าเป็นเพียงแค่ความคิดภายในจิตสำนึกนี้ พลังสุญตาก็ดำรงอยู่เพื่อทำให้สรรพสิ่งกลับคืนสู่ความว่างเปล่า…”
เต่าชราเบิกตากว้าง คนผู้นั้นต้องการทำลายทุกสรรพสิ่งหรือ?!
“ไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริง ทุกสิ่งคงหวนคืนสู่ความว่างเปล่าไปนานแล้ว!”
มันกัดฟันเอ่ยออกมา
อย่างไรเสียผู้เบิกทางก็แข็งแกร่งน่าสะพรึงกลัวเกินไป หากเกิดความคิดต้องการทำลายล้างทุกสรรพสิ่งจริง ๆ ก็ควรหลงเหลือเพียงความว่างเปล่าไปนานแล้ว
“นั่นคือสาเหตุที่ทำให้ข้าสามารถสนทนากับพวกเจ้าได้ตอนนี้”
ร่างพร่ามัวตอบ “หลังจากคนผู้นั้นตระหนักได้ว่าความคิดเช่นนี้นับว่าผิด หรือไม่ก็รู้สึกทนไม่ได้ ไม่ต้องการทำลายทุกสรรพสิ่ง จึงได้เตรียมการขึ้นมาภายหลัง ให้กำเนิดจิตสำนึกขึ้นมาในความคิด ทำให้ข้าปรากฏตัวออกมา”
มันถอนหายใจ พลางกล่าวต่อ “ทว่าความจริงเป็นเช่นใดข้าก็ไม่อาจตระหนักได้ชัดเจนนัก ช่วงนี้ยิ่งรู้สึกเลือนรางจนแทบไม่อาจควบคุมตนเองได้ ต้องการจะแผ่พลังสุญตาออกไป ทำให้ทุกสิ่งหวนคืนสู่ความว่างเปล่า!”
คนผู้นั้นแต่เดิมต้องการทำลายทุกสิ่ง ความคิดที่ไม่มีจิตสำนึกย่อมมีเพียงแค่การทำลายสิ้น
แต่หลังจากนั้นจิตสำนึกก็เกิดเป็นความคิดขึ้น ต่างหลับไหลลงไป ไม่ได้ทำลายทุกสิ่ง
มันคาดว่าจิตสำนึกที่เกิดขึ้นในความคิดมีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้เบิกทาง หากไม่เป็นเช่นนั้นแล้ว ความคิดคงไม่อาจเกิดเป็นจิตสำนึกแยกเป็นอิสระออกมาได้
“ทำลายทุกสิ่งหมายถึงทุกอย่างสลายสิ้น รวมทั้งความคิดด้วย ความคิดทั้งหมดเกิดจิตสำนึกแยกจากกัน แล้วเหตุใดถึงยังต้องการให้สูญสลายไป”
มันเอ่ยอย่างสงสัย
จากนั้นก็กล่าวต่อ “อาจมีบางสิ่งเกิดขึ้นกับคนผู้นั้นจริง ๆ ทำให้เกิดความคิดต้องการจะทำลายทุกสิ่งขึ้นอีกครั้ง เกิดเป็นผลกระทบส่งถึงข้า…”
ซีฟังแล้วภายในใจก็ไม่อาจสงบนิ่งได้เป็นเวลานาน
หากทุกสิ่งที่ว่ามาเป็นความจริง อนาคตอันใกล้จะต้องเกิดหายนะครั้งใหญ่ ทุกอย่างมีโอกาสที่จะสลายหายไป ถูกทำลายจนสิ้น!
ท้ายที่สุดแล้วผู้ใดกันจะสามารถต่อกรกับผู้เบิกทางได้!?
คนที่อยู่เบื้องหลังจากจะสามารถทำได้หรือไม่?
นี่ทำให้นางอดนึกถึงผู้ที่คอยปกป้องนางมาโดยตลอดไม่ได้!
เกี่ยวกับเรื่องนี้นางเองก็มีคำถาม รู้สึกไม่มั่นใจนัก
นั่นคือผู้บุกเบิก ริเริ่มเต๋าและกฎเกณฑ์ หากต้องการต่อกร แม้พูดง่ายแต่ทำยาก!
“เช่นนั้นพลังมืดมิดเล่า? นั่นเองก็เป็นเพราะคนผู้นั้นหรือ?”
นางเอ่ยถาม คิดไปถึงพลังมืดมิดที่ต้องการจะกลืนกินทุกสิ่งให้กลับสู่ความมืดมิด
พลังมืดมิดนั้นคล้ายกับสิ่งที่ร่างพร่ามัวบอกเล่า นับว่าเหมือนกันเป็นอย่างยิ่ง
“อาจจะใช่ ข้าเองก็ไม่แน่ใจ”
ร่างพร่ามัวส่ายหัว มันไม่ได้รู้เรื่องราวทั้งหมดของพลังมืดมิด
“พลังมืดมิดไม่ธรรมดา ข้อเท็จจริงเป็นเช่นใด ข้าเองก็ไม่กระจ่างชัด”
มันแสดงท่าทางราวกับพลังมืดมิดเป็นของแสลง เกรงว่าพลังมืดมิดอาจเป็นโรคใหม่ สามารถส่งผลกระทบต่อมันได้หลังจากการติดต่อ
“กล่องสี่เหลี่ยมเล่า?”
ซีถามอีกครั้ง “กล่องสี่เหลี่ยมผ่านทางมาที่นี่ เจ้าน่าจะเคยเห็นกล่องสี่เหลี่ยมใช่หรือไม่?”
เมื่อกล่าวถึงกล่องสี่เหลี่ยม เห็นได้อย่างชัดเจนว่าร่างพร่ามัวตระหนกเล็กน้อย ร่างกายสั่นสะท้านแผ่วเบา
“มีกล่องสี่เหลี่ยมผ่านมาที่นี่จริง ๆ ยามนั้นข้าเองก็ตกใจเช่นเดียวกัน อย่างไรเสียก็ไม่ใช่สิ่งใดที่สามารถทนต่อพลังสุญตาได้”
มันตอบ “น่าเสียดาย กล่องสี่เหลี่ยมอยู่ไกลเกินกว่าจินตนาการของข้า เมื่อข้าจะลงมือกับกล่องสี่เหลี่ยม ก็เกือบถูกกล่องสี่เหลี่ยมกำจัดสิ้น!”
ยามที่มันพูด ภายในใจยังคงมีความหวาดหวั่น
พอคิดว่ามันทรงพลังถึงเพียงใด แต่กลับเกือบถูกกล่องสี่หลี่ยมกวาดกว้าง สิ่งนี้ทำให้มันรู้สึกไม่อาจเชื่อได้ลง
“แข็งแกร่งปานนั้น!?”
ซีตกตะลึง
นางคิดเอาไว้แล้วว่ากล่องสี่เหลี่ยมไม่ธรรมดา แต่ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าจะไม่ธรรมดาถึงปานนี้!
กล่องสี่เหลี่ยมมีความลับอันใดอยู่กัน?
หัวใจนางสะท้านขึ้นมาจริง ๆ!
แล้วตัวนางเล่า?
บนร่างของนางมีความลับเช่นใด? จึงทำให้พลังมืดมิดสนใจ ต้องการพานางจมลงสู่ความมืดมิด?
“เจ้าตามกล่องสี่เหลี่ยมมาหรือ? น่าจะเป็นเช่นนั้น กระทั่งข้ายังไม่อาจมองเจ้าออก…”
ร่างพร่าเลือนกล่าว “ข้ารู้สึกว่าเจ้าไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เจ้าเป็นใคร? มีที่มาเช่นใดกันแน่?”
ซีสามารถใช้พลังสุญตา ทั้งยังไม่มีอันใดเกิดขึ้นกับนาง สิ่งนี้ดึงดูดความสนใจจากมันได้ในทันที จึงปรากฏตัวขึ้นเพื่อพบนางโดยเฉพาะ
“อย่าถามข้าเลย ข้าเองก็ไม่รู้เช่นกัน นี่เป็นคำตอบที่ข้าต้องการตามหา…”
ซีส่ายหัว สิ่งที่นางรู้น้อยกว่าร่างพร่ามัวมากนัก ไม่มีทางตอบคำถามของร่างพร่ามัวได้
“เอาล่ะ”
ร่างพร่ามัวกล่าว “หวังว่าเจ้าจะพบคำตอบที่ตามหา และหวังว่าเจ้าจะสามารถรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้”
แม้จะบอกว่าหวังให้ซีสามารถรอดจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้ แต่นี่ก็นับว่าเป็นความหวังของมันเช่นกัน
หากซีสามารถรอดพ้น นั่นความหมายว่ามันเองก็อาจรอดพ้นจากภัยพิบัติครั้งนี้ได้
ถึงความหวังนั้นจะริบหรี่มากก็ตาม
ทว่าทุกสิ่งบนโลกหล้า ย่อมมีตัวแปรอยู่เสมอ มันคิดว่าซีอาจเป็นตัวแปรดังกล่าว!
ความรู้สึกที่ซีนำพาสู่มันนั้นพิเศษเกินไป มันไม่อาจมองผ่านซีได้แม้แต่น้อย บางทีนี่อาจเป็นจริงขึ้นมาก็ได้