บทที่ 934 บรรพจารย์ฝูปรากฏตัว!
บทที่ 934 บรรพจารย์ฝูปรากฏตัว!
“แม้แต่สิ่งมีชีวิตจากเทวโลกยังสู้ไม่ไหวหรือ เก่งกาจปานนั้นเชียว”
มัจฉาสัตมายาแสร้งทำทีเป็นตื่นตกใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “พวกท่านเป็นใครกันแน่ ในบรรดาสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นยังมีตัวตนทรงพลังปานนี้อยู่ด้วยหรือ พวกท่านเป็นคนข้างกายคุณชายหลี่หรือ”
สิ่งมีชีวิตเทวโลกล้วนกล้าแกร่ง ต่อให้สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นแข็งแกร่งขึ้นมากเพราะการเปลี่ยนแปลงของฟ้าดิน แต่ครั้นจะให้กำราบสิ่งมีชีวิตจากเทวโลกยังเป็นไปไม่ได้
แม้ว่าสิ่งมีชีวิตจากเทวโลกจะนึกหวั่นเกรงต่อสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอยู่บ้าง ทว่าหากถูกดาบจ่อคอสถานการณ์ย่อมเปลี่ยน
พฤติกรรมเช่นโจรอย่างเม่นเสมือนจ่อดาบแนบคอผู้อื่นอย่างไม่ต้องสงสัย กระต่ายจนมุมยังรู้จักกัดคน นับประสาอะไรกับสิ่งมีชีวิตจากเทวโลก
ใช่ว่าจะข่มขวัญด้วยความเป็นสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นได้
เม่นต้องมีขุมอำนาจให้พึ่งพิงอยู่เบื้องหลังแน่นอน
หากผู้ที่เป็นที่พึ่งพิงให้มันอยู่เบื้องหลังเป็นสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นเช่นกันคงเป็นปัญหาใหญ่
ผู้ที่เก่งกาจได้เพียงนี้ในบรรดาสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น เขานึกถึงผู้ติดตามคุณชายเป็นกลุ่มแรก
ทว่าไม่นานเขาก็ปัดความคิดนี้ตก
ผู้ที่อยู่ข้างกายคุณชายมิกล้าประพฤติตนเช่นนี้สักคน
เรื่องอื่นไม่ว่า หากผู้ใดบังอาจทำตัวเช่นนี้ คุณชายต้องจัดการในทันที
มิใช่ผู้ติดตามคุณชายแต่ยังทรงพลังถึงเพียงนี้ ไม่นานนักเขาก็นึกได้ว่าอาจเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องกับผู้ติดตามคุณชาย
ผู้ที่ข้องเกี่ยวกับผู้ติดตามคุณชายย่อมได้รับประโยชน์มากกว่าสิ่งมีชีวิตตนอื่น มีโอกาสแข็งแกร่งทรงพลัง
เขาตัดสินใจสืบสาวให้ถึงที่สุด ถอนรากถอนโคน มิยอมให้เจ้าพวกนี้ทำคุณชายเสียชื่อ ทำลายภาพลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น
“นับว่าพอมีสมองอยู่บ้าง!”
เม่นมีสีหน้าทะนง “ข้าไม่กลัวจะบอกความจริงพวกเจ้า ผู้ยิ่งใหญ่เบื้องหลังข้ามิใช่แค่มีความเกี่ยวข้องกับคุณชายหลี่ หากแต่ยังเป็นผู้มีพระคุณของคุณชายหลี่!”
“ผู้มีพระคุณของคุณชายหลี่?”
มัจฉาสัตมายามองหน้ากับชางเหยา ใคร่รู้ในใจเหลือแสน
ผู้ใดกันที่เก่งกาจปานนี้ ซ้ำยังเป็นผู้มีพระคุณของคุณชาย
เหตุใดพวกเขาถึงไม่รู้เรื่องเลย
“ใช่แล้ว! ที่คุณชายหลี่ทรงพลังใหญ่ยิ่งอย่างในตอนนี้ ล้วนเป็นเพราะผู้ยิ่งใหญ่เบื้องหลังข้า!”
ยิ่งเอ่ยเม่นก็ยิ่งภาคภูมิ “ผู้ยิ่งใหญ่ท่านนั้นก็คือบรรพจารย์ฝู!”
“บรรพจารย์ฝู?”
มัจฉาสัตมายาและชางเหยาสีหน้าเปลี่ยนกันทั้งคู่ อย่าให้เอ่ยเลยว่าประหลาดเพียงใด
คุณชายเคยประกาศว่าของวิเศษทั้งหลายในมือแลกเปลี่ยนมาจากบรรพจารย์ฝูจริง ถ้อยคำนั้นปลุกปั้นบรรพจารย์ฝูเป็นเหมือนผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน
ผู้อื่นไม่รู้เบื้องลึกของบรรพจารย์ฝู แต่พวกเขารู้ดี
บรรพจารย์ฝูมิได้เก่งกาจแม้แต่น้อย เป็นเพียงตัวละครต่ำต้อย คุณชายแสร้งพูดไปอย่างนั้น
อะไรกัน หรือบรรพจารย์ฝูผู้นี้คิดจริงว่าตนคือผู้ยิ่งใหญ่ไร้เทียมทาน?
ไม่ต้องคิดให้มากความก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้
บรรพจารย์ฝูไม่รู้ตัวเลยหรือว่าตนมีปัญหาขนาดไหน?
เป็นไปได้อย่างไรกัน!
ดูท่าคงมีใครบางคนแอบอ้างชื่อบรรพจารย์ฝู!
เรื่องนี้ชักน่าสนใจ
ผู้ใดสุดยอดปานนั้น ริอ่านแอบอ้างบรรพจารย์ฝู
ต้องรู้ว่าชื่อบรรพจารย์ฝูนั้นมิควรแอบอ้าง ไม่รู้ว่ามียอดฝีมือหลังฉากจำนวนเท่าใดหมายหัวบรรพจารย์ฝู ต่างสงสัยว่าบรรพจารย์ฝูได้รากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากไป
แอบอ้างบรรพจารย์ฝูมีราคาแพงที่ต้องจ่าย!
“บรรพจารย์ฝูเองหรือนี่! มิน่าล่ะ!”
มัจฉาสัตมายาแสร้งทำทีเป็นตะลึง “ไม่ต้องเอ่ยอันใดอีก ข้าจะจ่ายเดี๋ยวนี้!”
จากนั้นเขาหันไปมองชางเหยา นำสมบัติล้ำค่าออกมามากมายพร้อมชางเหยาก่อนจะมอบให้เม่น
“ไม่เลว! วางตัวได้ดี หนุ่มคนนี้มีอนาคตยิ่ง!”
เม่นคลี่ยิ้มกว้าง รับสมบัติล้ำค่าเหล่านั้นไว้ด้วยความพึงใจ
มัจฉาสัตมายายิ้มแป้นพลางเอ่ย “ความนับถือที่ข้ามีต่อบรรพจารย์ฝูเสมือนสายน้ำลำธารหลั่งไหลไร้ที่สิ้นสุด ท่านพาข้าไปพบบรรพจารย์ฝูสักคราได้หรือไม่”
เขาใคร่สนใจในผู้ที่แอบอ้างบรรพจารย์ฝูคนนี้ อยากรู้เหลือเกินว่าผู้ใดหาญกล้าแอบอ้างชื่อบรรพจารย์ฝู
“ผู้ยิ่งใหญ่ระดับบรรพจารย์ฝูใช่ผู้ที่เจ้าอยากพบก็ได้พบที่ไหน”
เม่นปรายตามองมัจฉาสัตมายา
“ช่วยทีเถิด! ชีวิตนี้ได้พบบรรพจารย์สักคราข้าคงไม่มีเรื่องให้เสียดายแล้ว!”
มัจฉาสัตมายานำสมบัติล้ำค่าออกมาอีกกองหนึ่งแล้วยื่นให้เม่น
เขามิได้ขาดแคลนสมบัติล้ำค่า เพราะเคยไปถึงเทวโลก ได้ของดีที่นั่นมาไม่น้อย
หลังเม่นได้เห็นสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ก็ตาเบิกกว้าง
มันเป็นเพียงลูกสมุน สิ่งที่ริบมาล้วนต้องส่งมอบให้เบื้องบน บัดนี้มันได้รับสมบัติล้ำค่านับคณามาเป็นของตนเอง ไฉนเลยจะไม่หวั่นไหว
“เอาเถิด เห็นแก่ความเลื่อมใสของเจ้า ข้าจะพาเจ้าไปพบบรรพจารย์ฝู! ทว่าข้าขอเตือนไว้ก่อน การจะเผชิญหน้ากับท่านบรรพจารย์ฝูนั้นเป็นไปไม่ได้ ได้แต่ให้เจ้าเพียงทอดมองบรรพจารย์ฝูจากที่ไกล ๆ เท่านั้น”
เม่นรับสมบัติล้ำค่าเหล่านี้ไว้
“ได้ ได้เห็นท่านบรรพจารย์ฝูจากที่ไกล ๆ สักครานับว่าเพียงพอแล้ว!”
มัจฉาสัตมายาตอบด้วยความตื้นตัน
จากนั้นเม่นก็พาพวกเขาไปจากที่นี่ รุดหน้าไปยังสถานที่พำนักของบรรพจารย์ฝู
หลังผ่านไประยะหนึ่ง พวกเขามาถึงส่วนลึกในขุนเขาแห่งหนึ่ง ในนั้นมีลานเต๋ากว้างใหญ่ไพศาลอันแสนวิเศษตั้งอยู่
‘ซ้ำยังเป็นโจรอยู่ด้วย เดิมลานเต๋าแห่งนี้คือลัทธิจักรพรรดิโบราณ’
มัจฉาสัตมายาคิดในใจ
เขาอยู่ในอาณาจักรนี้มานาน จึงพอรู้สถานการณ์ท้องถิ่นในอาณาจักรนี้อยู่
หลังมาถึงที่นี่ เขามองปราดเดียวก็รู้ที่มาของลานเต๋าแห่งนี้ นั่นคือลัทธิจักรพรรดิโบราณซึ่งเคยเก็บตัวอยู่ในอาณาจักรนี้
“กลับมาแล้วหรือ”
มีสมาชิกที่คอยเฝ้าลานเต๋าอยู่ เป็นเพียงพอนหน้าตาไม่น่าไว้ใจสองตัว หลังเห็นเม่นกลับมาแล้วก็รีบคลี่ยิ้มทักทาย
“กอบโกยมาได้เท่าไหร่”
เพียงพอนตัวหนึ่งเอ่ยถามเม่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เห็นได้ชัดว่าสนิทกับเม่นใช้ได้
“ดูเจ้าว่า บัดนี้พวกเราติดตามอยู่ข้างกายท่านบรรพจารย์ฝู ผู้ใดบ้างกล้าไม่เชื่อฟัง ผู้ใดบ้างกล้าขัดขืน แน่นอนว่ากอบโกยกลับมาเต็มกระบุง!”
เม่นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
“พวกเขาสองคนคือสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรที่เลื่อมใสศรัทธาต่อบรรพจารย์ฝู นึกอยากมาพบหน้าบรรพจารย์ฝูในลานเต๋า”
มันกล่าวต่อ “บรรพจารย์ฝูต้องการก่อตั้งลัทธิเต๋า กว้านรับลูกศิษย์สาวก แม้ตอนนี้จะยังไม่เริ่ม แต่ก็อีกไม่นานแล้ว เพราะอย่างนั้น ข้าถึงพาพวกเขามา พวกเขาต่างเคารพต่อบรรพจารย์ฝูเหลือแสน หากเป็นไปได้ วันหน้าอาจได้อยู่เป็นศิษย์ในลานเต๋าแห่งนี้”
เล่นใหญ่เพียงนี้เชียว?
มัจฉาสัตมายาสะท้านใจ
กล่าวแอบอ้างบรรพจารย์ฝู บ่งบอกว่าคนผู้นี้พอรู้เรื่องบรรพจารย์ฝูอยู่บ้าง
หากรู้เรื่องอยู่บ้าง ย่อมต้องรู้ว่ามียอดฝีมือคณานับหมายหัวบรรพจารย์ฝู!
คนผู้นี้แอบอ้างบรรพจารย์ฝูไม่พอ ทว่ายังไม่รู้จักสำรวมแม้แต่น้อย ยังคิดจะก่อตั้งลัทธิเต๋า กว้านรับลูกศิษย์สาวก เรียกได้ว่าเอิกเกริกอย่างที่สุด
คนผู้นี้ไม่กลัวบรรดายอดฝีมือมาหาถึงที่หรือไร
‘หมอนี่ไม่ธรรมดาแน่…’
มัจฉาสัตมายาเอ่ยเสียงเข้มในใจ
คนผู้นี้ต้องมีที่พึ่งพิงอย่างแน่นอน ถึงไม่กลัวว่าเหล่ายอดฝีมือจะมาหาถึงที่ มิฉะนั้น ไฉนเลยจะกล้าทำตัวเอิกเกริกเช่นนี้
เพราะอย่างนี้ เขายิ่งใคร่รู้เข้าไปใหญ่ ผู้ใดกันที่ใจกล้าปานนี้
“ได้ เข้าไปสิ”
เพียงพอนทั้งสองปล่อยผ่าน เม่นพามัจฉาสัตมายาและชางเหยาเข้าไปในลานเต๋า
ทว่าในตอนนั้นเอง พลันเกิดเรื่องไม่คาดคิด
ห้วงมิติแห่งนี้บิดเบี้ยว คลื่นพลังสยองสุดขีดบุกเข้ามา พลังปราณนี้อยู่เหนือขอบเขตอิสระขึ้นไปแน่นอน มียอดฝีมือเหนือขอบเขตอิสระมาเยือนที่นี่!
“รนหาที่ตายอีกคนแล้วหรือ! บรรพจารย์ฝูปราบไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่แล้ว!”
ทว่าเม่นยังมิได้กลัวเกรงแม้แต่น้อย
แต่กลับเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมา