บทที่ 935 มัจฉาสัตมายา ‘ข้าเองก็ต้องแสดงความไร้เทียมทานให้เห็นแจ้ง!’
บทที่ 935 มัจฉาสัตมายา ‘ข้าเองก็ต้องแสดงความไร้เทียมทานให้เห็นแจ้ง!’
‘เก่งกาจถึงเพียงนี้เชียวหรือ?’
มัจฉาสัตมายาลอบตะลึงในใจ
ผู้ที่แอบอ้างบรรพจารย์ฝูมีภูมิหลังอย่างไรกันแน่ ฟังจากคำกล่าวของเม่น เห็นได้ชัดว่าจัดการยอดฝีมือขอบเขตอิสระไปไม่น้อยแล้ว!
เขารู้สึกสนอกสนใจขึ้นมาในทันใด
“บรรพจารย์ฝูใช่หรือไม่ ขอเชิญออกมาพบข้าหน่อย!”
ยอดฝีมือขอบเขตอิสระผู้นั้นจุติลงมาหน้าประตูใหญ่ลานเต๋า สำรวมพลังปราณน่าพรั่นพรึงของตน เห็นได้ชัดว่ามีความยำเกรงต่อบรรพจารย์ฝู มิกล้าโอหังนัก
มิให้ยำเกรงได้อย่างไร
ถึงอย่างไร หลี่จิ่วเต้าก็สำแดงฤทธิ์เดชออกมาเสียสยดสยอง และตามที่หลี่จิ่วเต้าบอกเล่า บรรพจารย์ฝูผู้นั้นสยดสยองน่ากลัวยิ่งกว่า
เขามิกล้าเสียมารยาทต่อบรรพจารย์ฝูผู้นี้
“มีกิจอันใดหรือ”
เวลานั้นเอง เสียงหนึ่งดังออกมาจากลานเต๋า นักพรตอ้วนผู้สวมชุดนักพรตก้าวออกมา
ท่าทางของเขาดูน่าขบขันยิ่ง ชุดนักพรตที่คลุมบนตัวมีขนาดใหญ่กว่าเขาประมาณหนึ่ง เห็นแล้วให้รู้สึกอยากหัวเราะยิ่งนัก
“ท่านบรรพจารย์ฝู!”
“คารวะบรรพจารย์ฝู!”
ทว่าเรื่องที่มัจฉาสัตมายาและชางเหยาคิดไม่ถึงคือ นักพรตอ้วนผู้นี้ก็คือคนที่แอบอ้างบรรพจารย์ฝู!
พวกเขาทั้งสองต่างรู้ว่าบรรพจารย์ฝูตัวจริงมีรูปลักษณ์อย่างไร มิได้ใกล้เคียงนักพรตอ้วนผู้นี้แม้แต่น้อย
ทว่าไม่นานพวกเขาก็ได้สติ
พวกเขารู้ว่าบรรพจารย์ฝูตัวจริงหน้าตาเช่นไร ทว่าผู้อื่นไม่รู้ น่ากลัวว่านักพรตอ้วนที่แอบอ้างบรรพจารย์ฝูก็ไม่รู้เช่นกัน
ในเมื่อไม่รู้กันหมด เช่นนั้นรูปลักษณ์อย่างไรล้วนได้ทั้งสิ้น
“ท่านหรือคือบรรพจารย์ฝู”
สิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระผู้นั้นจ้องมองนักพรตอ้วน สายตาทอประกายกังขา
นักพรตอ้วนผู้นั้นดูไม่มีเค้าความเป็นยอดฝีมือสักนิด นี่คือบรรพจารย์ฝูผู้ได้รากฐานพิเศษในโลกหน้าฉากไปจริง ๆ หรือ
“ใช่แล้ว ข้าคือบรรพจารย์ฝู”
นักพรตอ้วนแสร้งทำทีขึงขังขณะตอบ ทว่าท่าทางของเขาตลกเกินไป ยามทำสีหน้าจริงจังกลับดูไม่จริงจังสักนิด ยิ่งทำให้ผู้พบเห็นอยากหัวเราะมากกว่า!
มัจฉาสัตมายาเกือบกลั้นไม่ไหวขำออกมา ยังดีที่ชางเหยาข้างกายเห็นว่ามัจฉาสัตมายาเกือบทนไม่ไหว จึงหยิกแขนอีกฝ่ายอย่างแรง เขาถึงมิได้หลุดหัวเราะออกมา
“ข้าได้รับคำสั่งจากท่านสือหง มาเพื่อเชิญบรรพจารย์ฝูไปสนทนากันที่โลกหลังฉาก!”
สิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระตนนั้นกล่าว
เขาเป็นเพียงลูกสมุนคอยเป็นธุระผู้หนึ่ง อยู่แค่ขอบเขตอิสระขั้นสอง มิใช่ยอดฝีมือระดับสูงสุดแต่อย่างใด
เมื่อคราวหลี่จิ่วเต้าอยู่ที่นิกายอวี้ซวี ขับไล่ยอดฝีมือฝ่ายปรโลกและฝ่ายปริภูมิเวลากลับไปอย่างดุดัน จากคำบอกเล่าของหลี่จิ่วเต้า บรรพจารย์ฝูนั้นทรงพลังยิ่งกว่า สิ่งมีชีวิตดาษดื่นมิกล้าหมายตาบรรพจารย์ฝูแม้แต่น้อย
มีเพียงยอดฝีมือสูงสุดเท่านั้นจึงจะกล้าหมายตาบรรพจารย์ฝูและหลี่จิ่วเต้า
สือหงก็คือยอดฝีมือสูงสุดเช่นนี้!
ทว่าสิ่งมีชีวิตหลังฉากมิได้รู้จักสือหงเป็นวงกว้าง นี่เพราะสือหงปรากฏตัวอยู่น้อยครั้ง ทว่าความแข็งแกร่งของสือหงนั้นมิอาจเคลือบแคลง
ยอดฝีมือขั้นห้าในโลกหลังฉากล้วนรู้ถึงการมีอยู่ของสือหง
สือหงคือสิ่งมีชีวิตกลุ่มแรกที่เข้าไปยังโลกหลังฉาก ตามข่าวลือเขาทลายขีดจำกัดขั้นห้าไปได้นานแล้ว บัดนี้ก้าวสู่ขั้นหกเรียบร้อย
ยอดฝีมือขั้นห้าหลังฉากล้วนหวั่นเกรงต่อสือหง
ทว่าในโลกหลังฉาก ยอดฝีมือผู้กล้าแกร่งทว่ามิได้เลื่องชื่ออย่างสือหงมิได้มีอยู่น้อย ๆ สิ่งมีชีวิตกลุ่มที่เข้าไปในโลกหลังฉากกลุ่มแรกล้วนมีพลังน่าพรั่นพรึง และดักซุ่มกันอยู่ทั้งสิ้น
“มาดใหญ่โตยิ่งนัก อยากพบข้าแต่ให้ข้าไปหาเขาด้วยตนเอง เขายิ่งใหญ่ปานนั้นเชียวหรือ”
นักพรตอ้วนหน้าตาดูแคลน “เขาต้องการพบข้า ก็ให้เขามาพบข้าที่นี่!”
จากนั้นเขาไพล่สองมือไปด้านหลัง เอ่ยเสียงเบาว่า “ธรรมบาลทั้งหลายของข้าเล่า ยังไม่รีบออกมาอารักขาอีก”
สิ้นเสียงเขา พลันมีร่างสยดสยองอีกหลายร่างพุ่งออกจากลานเต๋า
“จินเซวียน ลู่เชียน…!”
หลังยอดฝีมือขอบเขตอิสระผู้นี้ได้เห็นร่างเหล่านั้น ก็มีสีหน้าตะลึงไปนิดหน่อย
บรรดาร่างสยดสยองที่พุ่งออกจากลานเต๋าล้วนมิใช่พวกปลายแถว มีชื่อเสียงกึกก้องในโลกหลังฉาก พลังแกร่งกล้าเหลือแสน อย่างต่ำสุดก็อยู่ในขอบเขตอิสระขั้นสาม ส่วนมากอยู่ในขั้นสี่
อย่างที่คิดบรรพจารย์ฝูไม่ธรรมดาจริง ๆ แม้แต่ยอดฝีมือระบือนามในโลกหลังฉากอย่างจินเซวียน ลู่เชียนยังถูกกำราบลง
เห็นได้ชัดว่าจินเซวียน ลู่เชียน และยอดฝีมือหลังฉากตนอื่นก็หมายตาบรรพจารย์ฝูไว้เช่นกัน สุดท้ายคงเพราะพลังไม่ถึงจึงถูกกำราบ กลายเป็นผู้ใต้บัญชาบรรพจารย์ฝู
เมื่อเผชิญกับยอดฝีมือชื่อดังในโลกหลังฉากอย่างจินเซวียน ลู่เชียน เขาย่อมมิใช่คู่มือ ห่างชั้นไกลโข
ทว่าเขามิได้ลนลาน
เขากล้ามาเรียนเชิญบรรพจารย์ฝูถึงที่นี่ ย่อมมีความมั่นใจของเขา
เสียงดังฟึ่บ เขาปล่อยป้ายหยกป้ายหนึ่งออกไป จังหวะแห่งเต๋าสูงส่งไหลเวียนอยู่บนนั้น จินเซวียน ลู่เชียน และยอดฝีมือหลังฉากอื่น ๆ กระเด็นไปอีกด้านด้วยแรงกระเทือนทันที!
นี่คือป้ายหยกที่สือหงประทานแก่เขา ใช้ต่อกรกับบรรพจารย์ฝูโดยเฉพาะ ในนั้นเปี่ยมด้วยพลังอันน่าพรั่นพรึง
“มีฝีมืออยู่บ้าง”
นักพรตอ้วนยิ้มตาหยี มิได้ใส่ใจ
เขาเดินไปข้างหน้า ขอบเขตที่เผยออกมานั้นมิได้สูงส่ง คลื่นพลังปราณอยู่แค่ขอบเขตโกลาหลเท่านั้น ทว่ายอดฝีมือขอบเขตอิสระผู้นั้นก็มิได้ชะล่าใจ ควบคุมพลังป้ายหยกถล่มใส่นักพรตอ้วน
ทว่าในตอนนั้นเอง ภาพพิศวงพลันปรากฏ พลังที่จู่โจมออกจากป้ายหยกอันตรธานเกลี้ยงในเสี้ยวลมหายใจ!
ราวกับมิเคยดำรงอยู่!
นี่มันวิชาอะไรกัน
ยอดฝีมือขอบเขตอิสระผู้นั้นตกตะลึง รีบรีดเร้นพลังในป้ายหยกสุดกำลัง
ทว่าในตอนนั้นเอง ป้ายหยกราวกับสูญเสียพลังทั้งปวง หม่นหมองเหลือแสน ร่วงหล่นจากฟากฟ้า!
นักพรตอ้วนกระโจนตัวไปคว้าป้ายหยกไว้ในกำมือ!
ยอดฝีมือขอบเขตอิสระผู้นั้นมิกล้าลังเล รีบทำทีจะแหวกมิติหนีไปจากที่นี่
ทว่าพริบตาต่อมา เขาก็ค้นพบอย่างผวาว่าพลังในตัวเขาหายไปหมด!
“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว”
มัจฉาสัตมายาตะลึง สบตากับชางเหยา พวกเขาไม่รู้ตัวเลยว่านักพรตอ้วนปลดพลังป้ายหยกและพลังของยอดฝีมือผู้นั้นได้อย่างไร
“สือหงต้องการพบข้าไม่ใช่หรือ ได้ ข้าไม่เอาชีวิตเจ้า ปล่อยเจ้ากลับไปส่งข่าวให้สือหง หากต้องการพบข้า ข้าจะรอเขาอยู่ที่นี่”
นักพรตอ้วนโบกมือ พลังของยอดฝีมือผู้นั้นฟื้นกลับมาทันที
ยอดฝีมือขอบเขตอิสระผู้นั้นมีสีหน้าหลากหลายอารมณ์ กระนั้นก็มิกล้าเอ่ยอันใดอีก หันหลังหมายจะไปจากที่นี่
“ช้าก่อน นึกจะมาก็มา นึกจะไปก็ไป ไม่เหมาะสมเท่าใดกระมัง ทิ้งของทุกอย่างในตัวเจ้าไว้ที่นี่แล้วค่อยไป”
นักพรตอ้วนกล่าว
ยอดฝีมือขอบเขตอิสระผู้นี้มิกล้าขัดขืน นำทุกอย่างในตัวออกมาหมด แล้วจึงไปจากที่นี่
นักพรตอ้วนเก็บของทุกชิ้นด้วยความชื่นมื่น
“พวกเจ้าคือผู้ติดตามหลี่จิ่วเต้าใช่หรือไม่…”
เวลานั้น นักพรตอ้วนเบนสายตามาที่มัจฉาสัตมายาและชางเหยา
เขาจำมัจฉาสัตมายาและชางเหยาได้ เคยปรากฏตัวในงานแต่งของสือเฟิง
มัจฉาสัตมายาเห็นว่านักพรตอ้วนจำพวกเขาได้ก็ไม่คิดปิดบังอีก
เขาหันมองนักพรตอ้วน เอ่ยขึ้น “เจ้าเป็นใครกันแน่ เหตุใดต้องแอบอ้างบรรพจารย์ฝู ทำลายเกียรติของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่น”
“พวกเจ้าเป็นผู้ติดตามหลี่จิ่วเต้าหรือนี่!”
ด้านข้าง เม่นตกตะลึงจนดวงตาแทบถลนออกมา อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่ามัจฉาสัตมายาและชางเหยาจะเป็นผู้ติดตามข้างกายหลี่จิ่วเต้า
“ตกปลาอย่างไร ตกยอดฝีมือเหล่านั้นมารับใช้ข้า”
นักพรตอ้วนหัวเราะ มิได้ปิดบังอันใด “ให้ไปตามหาพวกเขาทีละคนยุ่งยากเกินไป มิสู้ให้พวกเขามาหาข้า”
เขาจงใจรับสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นกลุ่มหนึ่งไว้ใต้บัญชา แล้วให้สิ่งมีชีวิตท้องถิ่นกลุ่มนี้รีดไถสมบัติล้ำค่าจากสิ่งมีชีวิตต่างอาณาจักรโดยอ้างนามบรรพจารย์ฝู เพื่อให้เป็นที่จับตา แล้วหลอกล่อยอดฝีมือเหล่านั้นเข้ามา
“ข้ารอให้หลี่จิ่วเต้ามาหาข้าอยู่เช่นกัน”
เขาหรี่ตามองมัจฉาสัตมายาและชางเหยา “ไม่เลว แผนการสำเร็จด้วยดี นี่อย่างไร พวกเจ้ามาแล้ว”
“คิดอะไรอยู่! อย่างเจ้าริอ่านหมายหัวคุณชายเชียวหรือ?!”
มัจฉาสัตมายาแผดเสียง “วันนี้พวกเราจะกำราบเจ้าเสีย!”
นักพรตอ้วนย่างกรายออกไปหนึ่งก้าว พลันนั้นพลังไร้รูปลักษณ์ก็แผ่ขยาย เขาเอ่ยยิ้ม ๆ “พวกเจ้าทำได้หรือ”
สีหน้ามัจฉาสัตมายาและชางเหยาเปลี่ยนไปทั้งคู่
พวกเขาไม่รู้สึกถึงพลังวิถี ราวกับพลังในกายสูญสิ้นทั้งหมด!
ทว่ามัจฉาสัตมายามิได้กังวล
แม้ว่าตัวเขาไม่มีของวิเศษที่คุณชายประทาน ทว่าชางเหยามี!
นักพรตอ้วนผู้นี้จะสามารถกำราบของวิเศษที่คุณชายประทานได้เชียวหรือ
เขาไม่เชื่อ!
“ไยจึงทำไม่ได้เล่า! อีกไม่นานเจ้าจักได้เข้าใจว่าความคิดของเจ้าน่าขันเพียงใด!”
มัจฉาสัตมายาก้าวออกไป ไพล่สองมือไปด้านหลัง จ้องมองนักพรตอ้วนอย่างมาดมั่น
ชางเหยาร้อนใจแทบแย่ กระตุกชายเสื้อมัจฉาสัตมายาอยู่ตลอด
นางมีภาพอักษรที่คุณชายประทาน ทว่าไม่รู้เพราะเหตุใด นางไม่อาจปลุกพลังในภาพอักษรภาพนี้ได้เลย!
พลังของภาพอักษรนี้อยู่ในสภาวะนิทรา!
พลังในภาพอักษรไม่อาจปะทุนับเป็นเรื่องที่เลวร้ายอย่างยิ่ง พวกเขาไม่มีกำลังพอจะต่อกรกับนักพรตอ้วนได้เลย!
ทว่ามัจฉาสัตมายามิได้สนใจชางเหยา
ยามนี้เขากำลังต่อว่านักพรตอ้วนอย่างฮึกเหิม มีเวลาสนใจชางเหยาที่ไหน
“เล่นส่วนเล่น หยอกส่วนหยอก เมื่อเผชิญหน้าคุณชายต้องนบนอบ!”
เขาจ้องมองนักพรตอ้วนพลางกล่าว “จัดการน้ำหน้าอย่างเจ้า ไม่ต้องให้คุณชายลงมือ ลำพังพวกเราก็จัดการเจ้าได้!”
ผู้ที่ติดตามอยู่ข้างกายคุณชายอย่างพี่ลั่วสุ่ย พี่เซี่ยเหยียน พี่หลิงอิน รวมถึงต้าเต๋อและพวกอ้ายฉานล้วนไร้เทียมทานยามออกไปเผชิญศัตรูข้างนอก!
หนนี้ตาเขาเสียที!
เขาจักเอาอย่างพวกลั่วสุ่ย ปราบศัตรูอย่างดุดัน แสดงความไร้เทียมทานให้เห็นแจ้ง!