รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人] – บทที่ 937 น่าพรั่นพรึงจริง ๆ เหล่าของวิเศษก็เสียเปรียบเช่นกัน!

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

บทที่ 937 น่าพรั่นพรึงจริง ๆ เหล่าของวิเศษก็เสียเปรียบเช่นกัน!

บทที่ 937 น่าพรั่นพรึงจริง ๆ เหล่าของวิเศษก็เสียเปรียบเช่นกัน!

หลังมัจฉาสัตมายาออกมาก็มิได้ปล่อยให้เวลาเสียไป ย้อนกลับไปยังเมืองชิงซานอย่างรวดเร็ว

ชางเหยาตกอยู่ในมือนักพรตอ้วน เขาร้อนรนแทบทนมิไหว ต้องการกองหนุนไปช่วยชางเหยา

ไม่นานนักเขาก็มาอยู่ที่ริมลำธานนอกเมืองชิงซาน

“พี่หลิว พี่หิน พวกท่านอยู่หรือไม่”

เขารีบวิ่งไปหาต้นหลิวและก้อนหินเพื่อขอความช่วยเหลือ

“เกิดอันใดขึ้น”

เสียงของต้นหลิวดังขึ้น ที่นี่มีจิตสำนึกเสี้ยวหนึ่งของมันเหลืออยู่

“เกิดเรื่องกับชางเหยา นางถูกผู้อื่นคุมตัวไว้!”

มัจฉาสัตมายาอธิบายอย่างรวดเร็ว หวังให้ต้นหลิวและก้อนหินยื่นมือช่วย

ในใจของเขา ต้นหลิวและก้อนหินไร้เทียมทาน หากต้นหลิวและก้อนหินลงมือ เขาก็ไม่จำเป็นต้องไปหาคุณชาย

“บังอาจนัก! ริอ่านหมายหัวคุณชาย ซ้ำยังคุมตัวชางเหยาไว้อีก!”

ก้อนหินทิ้งจิตเสี้ยวหนึ่งไว้เช่นกัน มันเอ่ยด้วยจิตสังหารพลุ่งพล่าน

“รีบไปหาลั่วสุ่ย!”

ต้นหลิวกล่าว “ร่างต้นของพวกเราไม่อยู่ที่นี่ ทิ้งไว้เพียงจิตสำนึกเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น น่ากลัวว่าคงต่อกรกับนักพรตอ้วนผู้นั้นไม่ไหว แต่หากรอร่างต้นพวกเรากลับไป คงไม่ทันท่วงทีแน่”

มันกับก้อนหินใกล้ถึงพื้นที่สีเทาแล้ว ยังกลับมามิได้ในตอนนี้ มันจึงให้มัจฉาสัตมายาไปหาลั่วสุ่ย

ลั่วสุ่ยคือผู้ที่คุณชายโปรดปรานที่สุด มีของวิเศษเต็มตัว น่าจะต่อกรกับนักพรตเต๋าไหว

“ได้!”

มัจฉาสัตมายารีบเข้าไปในเมือง กลับไปยังลานเล็ก

ทว่าเขาไม่พบลั่วสุ่ย และไม่พบคุณชาย

“เป็นอันใดไปเสี่ยวชี คุณชายกับลั่วสุ่ยออกไปข้างนอก!”

ภายในบ่อน้ำ หินโกลาหลเขามอเอ่ยกับมัจฉาสัตมายา

“ชางเหยา…เกิดเรื่องกับชางเหยา!”

มัจฉาสัตมายาเอ่ยอย่างร้อนใจ น้ำตาแทบร่วง

เขากลัวเหลือเกินว่าจะเกิดเรื่องกับชางเหยา ไม่อยากปล่อยเวลาเสียไปแม้แต่ลมหายใจเดียว

“ชางเหยาเป็นอะไรหรือ”

“ไม่ต้องร้อนใจ!”

เหล่าของวิเศษในลานเหินเข้ามาทั้งหมดในบัดดล

พวกมันสนิทสนมกับมัจฉาสัตมายาและชางเหยาเป็นอย่างดี บัดนี้ได้ยินว่าเกิดเรื่องกับชางเหยา พวกมันร้อนใจกันถ้วนหน้า

“มีนักพรตอ้วนผู้หนึ่งแอบอ้างบรรพจารย์ฝูเพื่อตกปลา เขาหมายหัวคุณชาย ข้ากับชางเหยาเข้าไปสืบ สุดท้ายถูกนักพรตอ้วนผู้นั้นกำราบ!”

“อะไรนะ!”

“มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ!”

เหล่าของวิเศษคิดไม่ถึง

“ชางเหยามียอดศาสตราในตัวไม่น้อย ขนาดนี้ยังถูกกำราบได้อีกหรือ ดูท่านักพรตอ้วนผู้นั้นคงไม่ธรรมดาจริง ๆ ต่อกรด้วยยากยิ่ง!”

“ข้าขอความช่วยเหลือจากพี่หลิวและพี่หินแล้ว ทว่าร่างต้นของพี่หลิวและพี่หินไม่อยู่ที่นี่ จึงอยากขอความช่วยเหลือจากพี่ลั่วสุ่ย แต่พี่ลั่วสุ่ยก็ไม่อยู่…”

มัจฉาสัตมายาร้อนใจจนร่ำไห้

พี่ลั่วสุ่ยกับคุณชายไม่อยู่ทั้งคู่ เขาควรไปขอความช่วยเหลือจากผู้ใดดี!

“สมน้ำหน้า พวกเจ้าควรรู้ตัวแต่แรกว่าต้องมีจุดจบเช่นนี้ อย่าได้คิดว่าคุณชายของพวกเจ้าไร้เทียมทานจริง ๆ!”

ในมุมหลืบ อสูรปริภูมิเวลาตัวนั้นแดกดัน

“หุบปากเน่า ๆ ของเจ้าซะ!”

ปลาหมึกพุ่งออกจากบ่อน้ำ จับอสูรปริภูมิเวลาตัวนั้นขึ้นมาอัด จนอสูรปริภูมิเวลาตัวนั้นคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด มิกล้าพูดจาเหลวไหลอีก!

“ไม่ต้องร้อง พวกเราจะช่วยเจ้าเอง!”

“ใช่แล้ว ไม่ต้องร้อนใจ!”

เหล่าของวิเศษพากันเอ่ยบอก รีบไปจากลานเล็กพร้อมกับมัจฉาสัตมายา รุดหน้าไปยังลานเต๋าที่เจ้าอ้วนนั่นอยู่

ภายในห้องอักษร

“ดูเหมือนจะมีบางอย่างไม่ชอบมาพากล…”

ฉินอี๋อินเอ่ยปาก เห็นได้ชัดว่ารับรู้เรื่องข้างนอกเช่นกัน “ของวิเศษที่คุณชายประทานแก่ชางเหยาแม้นมิใช่ศาสตราทรงพลังที่สุด กระนั้นก็เป็นฝีมือคุณชาย ไฉนเลยจะถูกกำราบได้ง่าย ๆ”

“ข้าก็เอะใจเหมือนกัน!”

พู่กันบนโต๊ะอักษรเอ่ย “น่ากลัวว่าเจ้าอ้วนนั่นคงไม่ธรรมดาอย่างยิ่ง น่ากลัวว่าหลังเหล่าของวิเศษไปถึงอาจต้องเสียเปรียบ!”

มันตั้งใจจะออกโรงแล้ว

อีกด้าน มัจฉาสัตมายาและเหล่าของวิเศษใช้เวลาไม่นานก็มาถึงลานเต๋าของนักพรตอ้วน

“แหม กลับมาไวปานนี้เชียว”

นักพรตอ้วนปรากฏตัว ทว่าหลังเห็นเหล่าของวิเศษก็หัวเราะออกมาอย่างอดมิได้

“เจ้าทำอะไรนี่ หม้อข้าวถ้วยชามโต๊ะเก้าอี้ กระทั่งกระโถนและถังขยะก็มาด้วย! เจ้าตั้งใจจะย้ายบ้านหรืออย่างไร!”

นี่มันอะไรกัน ไม่มีชิ้นไหนดูได้เลย ล้วนเป็นเครื่องใช้ของปุถุชนทั้งสิ้น

“พูดจาอะไรของเจ้า!”

“เจ้าอ้วนเวรตะไลอย่าได้จองหอง!”

กระโถนและถังขยะบุกเข้าไปทันที คู่หูกลิ่นสะท้านโลกันตร์ผนึกกำลังโจมตี!

ทว่าลมหายใจต่อมา พวกมันก็สูญสิ้นประกายทั้งหมด พลังในกายหลับใหลสนิท ร่วงหล่นไปที่พื้น!

“แข็งแกร่งถึงเพียงนี้เชียว?!”

กระโถนและถังขยะตะลึง คิดไม่ถึงว่านักพรตอ้วนผู้นี้จะน่าประหวั่นพรั่นพรึงปานนี้!

พวกมันผ่านการเคี่ยวกรำจนครอบครองพลังระดับสูงสุด ต่อกรกับสิ่งมีชีวิตขอบเขตอิสระขั้นสามขั้นสี่ได้โดยไม่เป็นปัญหา หรืออาจปะทะกับสิ่งมีชีวิตขั้นห้าได้ด้วยซ้ำ

สุดท้าย ทันทีที่พวกมันออกโรงก็ถูกปราบ นับว่าเหนือความคาดหมายจริง ๆ!

เหล่าของวิเศษตะลึงเช่นกัน คิดไม่ถึงเลย

พวกมันมิได้ลังเล รีบผนวกกำลังบุกไปหานักพรตอ้วน

ในอดีต พวกมันมิเคยได้ต่อสู้ผ่านมือคุณชาย ส่วนใหญ่แล้วอาศัยอยู่ในลานเล็ก มีเพียงพลังกล้าแกร่งไม่มีที่ระบาย

ต่อมา ต้นหลิวประสงค์ให้พวกมันขัดเกลาตนเองเพื่อควบคุมพลังของตน จนสามารถระเบิดพลังที่แกร่งกล้าขึ้นกว่าเดิม

ทว่านักพรตอ้วนกลับสยดสยองจนน่าทึ่ง!

พวกมันไม่ทันประชิดตัวนักพรตอ้วน ก็ได้พบจุดจบเฉกเช่นกระโถนและถังขยะ พลังทั้งหมดในกายพลันหลับใหล สูญสิ้นประกาย!

เกิดอะไรขึ้น!

นักพรตอ้วนผู้นี้เป็นใครกันแน่?!

เหล่าของวิเศษสะท้านใจกันหมด

“เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้?!”

มัจฉาสัตมายาร้องเสียงหลง คาดไม่ถึงเช่นกันว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้

แม้แต่เหล่าของวิเศษยังสู้ไม่ไหวหรือ

นาทีนี้ อย่าให้เอ่ยเลยว่ามันสำนึกเสียใจเพียงใด หากรู้อย่างนี้ เขาย่อมไม่มีทางตามเหล่าของวิเศษมาช่วย ตอนนี้ แม้แต่เหล่าของวิเศษยังถูกกักตัวที่นี่!

“เจ้าไม่ซื่อสัตย์เอาเสียเลย!”

นักพรตอ้วนหันมองมัจฉาสัตมายา “ข้าสั่งให้เจ้าส่งข่าวให้หลี่จิ่วเต้า เจ้าพาเครื่องใช้เหล่านี้มาเพื่อการใด? ก่อนนี้ข้ายังคิดว่าเจ้ามีใจรักมั่น ให้ความสำคัญกับเมียเจ้าอย่างมาก ดูท่า ยามนี้ข้าต้องเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อเจ้าแล้ว!”

เขาแค่นเสียงเย็น “เจ้าไม่แยแสความเป็นความตายของเมียเจ้าสักนิด! ดูท่า ต้องให้เมียเจ้าลิ้มรสความเจ็บปวดเสียบ้าง!”

“อย่า! อย่าทำเช่นนั้น!”

มัจฉาสัตมายารีบบอก “หากเจ้าจะลงโทษ โปรดลงโทษข้าได้เลย อย่าแตะต้องชางเหยา!”

“ช้าไปแล้ว! ข้าให้โอกาสเจ้าแต่เจ้าไม่นึกเห็นค่า หากจะโทษก็ต้องโทษตัวเจ้าเอง!”

นักพรตอ้วนเอ่ย

จากนั้นเขาทำท่าจะลงมือสั่งสอนชางเหยา

เวลานั้นเอง เสียงฉินดังกังวาน ห้วงมิติบิดเบี้ยว และฉินอี๋อินก็มาถึงที่นี่

ตามคาด เป็นดั่งที่มันคิด เหล่าของวิเศษจัดการนักพรตอ้วนมิได้ ปราชัยต่อนักพรตอ้วน

“มาอีกชิ้นแล้วหรือ”

นักพรตอ้วนหันเหสายตาไปที่ฉินอี๋อิน หรี่ตาพลางเอ่ย “ชิ้นนี้ดูมีของอยู่บ้าง!”

เขาสัมผัสได้ถึงความไม่ธรรมดาของฉินอี๋อิน ทรงพลังกว่าของวิเศษชิ้นอื่นมากนัก

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

รู้สึกตัวอีกที ข้าก็เป็นเซียนซะแล้ว [原來我是世外高人]

Status: Ongoing

‘หลี่จิ่วเต้า’ ชายหนุ่มผู้ถูกส่งตรงจากดาวเคราะห์สีฟ้ามายังโลกแห่งการฝึกตน ทว่ากลับไร้ซึ่งคุณสมบัติใด ๆ ในการเข้าสู่วิถีผู้ฝึกตน เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหันมาตกปลา วาดภาพและเขียนกลอนขาย

อันที่จริงหลี่จิ่วเต้ารู้เพียงเล็กน้อยว่า เจ้าแมวน้อยที่มาหาตนเป็นครั้งเป็นคราวเพื่อขอปลากินนั้น แท้จริงแล้วคือพยัคฆ์ขาว ส่วนชายผมขาวที่แข่งเขียนพู่กันกับเขาเป็นตัวตนระดับบรรพกาล และที่จะลืมไปไม่ได้ สตรีผู้งดงามที่มาร้องขอให้เขาช่วยวาดรูปอยู่ทุกวัน นางถึงกับเป็นเซียนในตำนาน!

ชายหนุ่มนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง “เอาล่ะ…เช่นนั้น ข้าเป็นใครกัน?”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท