บทที่ 938 ความทรงจำปรากฏขึ้นช้าเกินไปแล้ว!
บทที่ 938 ความทรงจำปรากฏขึ้นช้าเกินไปแล้ว!
นักพรตอ้วนประเมินดูฉินอี๋อิน ขณะเดียวกันฉินอี๋อินเองก็ประเมินนักพรตอ้วน
‘ดูเหมือนว่าจะมีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับคนผู้นั้น ไม่แปลกใจเลย!’
ฉินอี๋อินเอ่ยขึ้นมาในใจเมื่อพบร่อยรอยบางอย่างบนร่างนักพรตอ้วน
‘อย่างไรเสียเหล่าสมบัติก็ไม่ได้ตื่นรู้ขึ้นอย่างเต็มที่ ไม่เคยได้รับจิตสำนึกพิเศษจากคุณชาย ไม่เช่นนั้นจะถูกสยบลงเช่นนี้ได้อย่างไร? ย่อมไม่มีทาง! คนผู้นั้นไม่อาจเทียบคุณชายได้!’
มันเข้าใจเรื่องราวคร่าว ๆ ทุกอย่างแล้ว
ขณะนั้นเองนักพรตอ้วนก็ลงมือ ใช้พลังพิเศษนั่นของเขาออกมา
เขาไม่ใช้พลังพิเศษไม่ได้ ขอบเขตที่แท้จริงของเขาต่ำเกินไป เป็นเพียงขอบเขตโกลาหลเท่านั้น
พลังที่มองไม่เห็นพุ่งเข้าใส่ฉินอี๋อินอย่างรวดเร็ว ต้องการจะปิดกั้นพลังของฉินอี๋อินลง
“เจ้ายังด้อยนัก เห็นได้ชัดว่าพลังยังไม่สมบูรณ์ แต่ถึงแม้พลังของเจ้าจะสมบูรณ์แล้ว เจ้าก็ไม่อาจปิดกั้นพลังของข้าได้”
ฉินอี๋อินเอ่ยอย่างสงบนิ่ง ราวกับเพียงบอกเล่าข้อเท็จจริง
ติ๊ง!
เสียงฉินดังขึ้น ร่างของฉินอี๋อินเปล่งประกายสุกสกาว ระลอกความผันผวนอันแสนพิเศษกระเพื่อมออกมา เต๋าและกฎเกณฑ์อันไม่อาจทำความเข้าใจได้หลั่งไหล สกัดกั้นพลังที่ไม่อาจมองเห็นเอาไว้
มันกับเหล่าสมบัติไม่เหมือนกัน พลังภายในร่างของมันไม่ได้เลือนหายไป
“อันใดกัน!”
ใบหน้าของนักพรตอ้วนพลันมืดครึ้มลง ภายในใจรู้สึกย่ำแย่อย่างถึงที่สุด
ความสามารถนี้ของเขาไม่เคยล้มเหลว ประสบความสำเร็จมาโดยตลอด ไม่คาดคิดเลยว่าจะมาล้มเหลวต่อหน้าฉินอี๋อิน!
“เข้าใจผิด! ทุกอย่างเป็นเพียงการเข้าใจผิด! ข้าเพียงล้อทุกท่านเล่นเท่านั้น!”
บนใบหน้าของเขาแย้มยิ้มออกมาโดยพลัน วาจาที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยความประจบสอพลอ
ความสามารถของเขาใช้ไม่ได้ผล เช่นนั้นจะยังคงหยิ่งผยองได้อย่างไร หากไม่มีความสามารถดังกล่าว เขาก็ไม่อาจนับเป็นสิ่งใดได้ กระทั่งเหล่าสมบัติยังจัดการเขาลงได้
“สุดยอด!”
มัจฉาสัตมายาตกตะลึง สมกับเป็นฉินที่คุณชายให้ความสำคัญที่สุด สามารถปราบนักพรตอ้วนลงได้อย่างสมบูรณ์
ภายในใจของเขาโล่งขึ้นมาเป็นอย่างมาก เดิมทีคิดว่าตนเองทำร้ายเหล่าสมบัติเข้าแล้ว แต่ผู้ใดจะคิดว่าจะมีเหตุการณ์พลิกผันเช่นนี้เกิดขึ้น
ติ๊ง!
เสียงฉินดังขึ้นอีกครั้ง พลังของเหล่าสมบัติที่ถูกปิดกั้นก็ฟื้นกลับมา ใช้พลังทั้งหมดได้ดังเดิม
“ไปเถิด เขาไม่เคารพคุณชาย จำต้องได้รับบทเรียนจริง ๆ ทว่าก็อย่าได้ทำร้ายจนถึงชีวิต…”
ฉินอี๋อินไม่ได้พูดให้มากความ หลังจากเอ่ยจบก็อันตรธานหายไปจากที่นี่
“เหล่าพี่ใหญ่ได้โปรดเบามือด้วย!”
นักพรตอ้วนตระหนักได้ถึงสถานการณ์ของตนเป็นอย่างดี รีบนั่งยองลงเอามือกุมศีรษะ รู้ตัวดีว่าไม่อาจหลบหนีจากการถูกทุบตีได้
“อืม ข้าจะเบามือที่สุด!”
มัจฉาสัตมายาเป็นผู้แรกที่พุ่งเข้าไป ปากกล่าวว่าจะเบามือ แต่กลับลงมืออย่างดุดันในทันที ชกเข้าใบหน้าของนักพรตอ้วนเต็ม ๆ
“โบราณกล่าวไว้ ตีคนไม่ตีหน้า ข้ายังต้องพึ่งพาใบหน้าหากินอยู่!”
นักพรตเต๋าตะโกน ทว่าเพียงไม่ถึงชั่วอึดใจต่อมาเขาก็ถูกทุบซ้ำเข้าที่จมูก ใบหน้าของเขาปูดบวมจนเหมือนหัวสุกร
“อย่างเจ้ายังต้องพึ่งพาใบหน้าหากิน? หากเจ้าพึ่งพาใบหน้าหากินจริง ชีวิตนี้ของเจ้าคงอดตายแล้ว!”
มัจฉาสัตมายากัดฟันเอ่ยออกมา “ยังมีหน้าเอ่ยอ้างโบราณกล่าวไว้อีกหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้ายังสั่งให้คนของเจ้าทุบตีใบหน้าข้า!”
เขาต้องการจะสำแดงความไร้เทียมทานออกมา ทว่าผลที่ออกมากลับย่ำแย่ ถูกจับทุบตีอย่างน่าสังเวช เมื่อถึงตอนนี้นักพรตอ้วนกลับต้องการให้เขาเบามือ จะเป็นไปได้อย่างไร!
ตุบ ตับ!
เขาทุบตีร่างของนักพรตอ้วนอย่างดุเดือด ก่อนจะค่อยหยุดมือ
จากนั้นก็เป็นตาของเหล่าสมบัติ นักพรตอ้วนถูกทุบตีอย่างหนักต่อเนื่องทันที เมื่อครู่ผู้ใดใช้ให้นักพรตอ้วนเยาะเย้ยพวกมันกัน พวกมันเองก็ไม่มีทางเบามือกับนักพรตอ้วน!
จอบเซียนตะโกนออกมา เรียกเหล่าลูกน้องของนักพรตอ้วน
ลูกน้องเหล่านี้ส่วนใหญ่แล้วเป็นยอดฝีมือมีชื่อของหลังฉาก พวกเขาต่างมีความภาคภูมิใจในตัวเอง ทว่ากลับถูกบังคับให้กลายเป็นลูกน้องของนักพรตอ้วน ย่อมเก็บงำความโกรธแค้นเอาไว้ในใจ!
ทว่าพวกเขาเองก็ไม่กล้าลงมือโดยง่าย กลัวว่านักพรตเต๋าจะคิดบัญชีกับพวกเขาในภายหลัง!
“หากพวกเจ้าไม่ลงมือ เช่นนั้นพวกข้าก็จะทุบตีพวกเจ้าด้วย!”
เมื่อเห็นว่าลูกน้องเหล่านั้นไม่ได้ลงมือ จอบเซียนก็ตะโกนออกมา
ครั้งนี้ลูกมือเหล่านั้นพากันกรูเข้ามารับช่วงต่อจากเหล่าสมบัติ ทุบตีนักพรตอ้วนอย่างแรง
“อย่าได้สวมรอยเป็นบรรพจารย์ฝู และก็อย่าได้ทำลายภาพลักษณ์ของสิ่งมีชีวิตท้องถิ่นอีก ไม่อย่างนั้นคราวหน้าชีวิตของเจ้าจะไม่เหลือแน่นอน!”
มัจฉาสัตมายาและชางเหยาเดินเข้าไปข่มขู่นักพรตอ้วนด้วยกัน
หลังจากนั้นพวกเขาและเหล่าสมบัติก็จากไป
ทว่ายังมียอดฝีมือจากหลังฉากที่ไม่ไปไหน นั่นคือจินเซวียนและลู่เชียน
ไม่ใช่พวกเขาทั้งสองไม่ต้องการจากไป แต่เป็นเพราะความโกรธแค้นที่มีมากเกินไป
ในฐานะยอดฝีมือผู้มีชื่อเสียงในหลังฉากอย่างพวกเขา กลับถูกบังคับให้ล้างเท้านักพรตอ้วนทุกวัน!
นี่มันน่าอัปยศอดสูเกินไป!
พวกเขาเพลิดเพลินกับการทุบตีนักพรตอ้วนมากเกินไปจนไม่อาจหยุด ไม่ได้ให้ความสนใจว่าเหล่าสมบัติและยอดฝีมือหลังฉากคนอื่น ๆ ที่จากไปแล้ว
“ยังจะตีอีกหรือ?!”
นักพรตอ้วนกราดเกรี้ยว จินเซวียนและลู่เชียนเป็นบ้าอันใดกัน!
คนอื่นต่างใช้โอกาสนี้หนี แต่ทั้งสองกลับยังไม่หยุดมือ!
ความสามารถในร่างเขาปะทุออกมา ทำให้พลังในร่างจินเซวียนและลู่เชียนพลันสิ้นหาย เขากระโดดขึ้นมาทุบตีจินเซวียนและลู่เชียนอย่างบ้าคลั่งทันที!
เขาดึงความโกรธทั้งหมดก่อนหน้าระเบิดออกมาลงที่จินเซวียนและลู่เชียน ทุบตีจนทำให้ทั้งสองคนหลั่งน้ำตา ไม่ต้องกล่าวเลยว่าน่าสังเวชมากเพียงใด
หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน สุดท้ายเขาก็ยอมหยุดมือปล่อยให้จินเซวียนและลู่เชียนกลิ้งไปอีกด้าน
สาเหตุหลักเพราะความทรงจำบางส่วนที่ปรากฏขึ้นมาในหัวของเขา ทั้งยังเป็นความทรงจำที่สำคัญอย่างยิ่ง ทำให้เขายอมหยุดมือลง ไม่เช่นนั้นเขาสามารถทุบตีจินเซวียนกับลู่เชียนได้ทั้งวันทั้งคืน!
ความทรงจำนี้เกี่ยวกับสถานที่หนึ่งอันเป็นวาสนาการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ตำแหน่งสถานที่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีเสียงบอกกับเขาว่าสถานที่แห่งนั้นจะสามารถช่วยเหลือเขาได้เป็นอย่างมาก ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น มีบางสิ่งที่ถูกทิ้งเอาไว้สำหรับเขาโดยเฉพาะ
“เหตุใดไม่มาให้เร็วกว่านี้หน่อย! หากมาเร็วกว่านี้ข้าคงไม่ตกอยู่ในสภาพน่าเวทนาเช่นนี้!”
เขาอยากจะร้องไห้หากแต่ไร้น้ำตา ความทรงจำส่วนนี้มาสายเกินไปแล้ว
หากความทรงจำปรากฏขึ้นก่อนหน้านี้ ทำให้เขาได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงจนแข็งแกร่งขึ้นเรียบร้อย วันนี้เขาคงสามารถจัดการกับฉินอี๋อินได้อย่างง่ายดายแล้ว!
เห็นได้ชัดว่าความทรงจำส่วนนี้เกี่ยวข้องกับความสามารถที่ปรากฏขึ้นอย่างกะทันหันในตัวของเขา ทั้งยังแสดงให้เห็นว่าวาสนาการเปลี่ยนแปลงในสถานที่แห่งนั้นไม่ธรรมดาเป็นอย่างยิ่ง เขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอย่างมหาศาล!
“ตอนนี้ยังไม่สายเกินไป! อย่างไรเสียข้าก็รู้เส้นสนกลในของพวกเขาแล้ว!”
เขาเอ่ยออกมาอย่างชิงชัง
หนีพระได้ แต่ไม่อาจหนีวัดได้*[1] รอเขาได้รับวาสนาการเปลี่ยนแปลงจากที่นั้นแล้ว หลังจากแข็งแกร่งขึ้น เขาจะมุ่งไปยังฐานทัพของหลี่จิ่วเต้าโดยตรง ไม่มีผู้ใดสามารถรอดพ้นไปได้!
เขาจะต้องทุบเหล่าเครื่องใช้ทิ้งทั้งหมด ทั้งยังจะเผาพวกโต๊ะเก้าอี้อีกด้วย!
หลังจากนั้นเขาก็รีบจากไป เร่งตรงไปยังดินแดนอันมีวาสนาการเปลี่ยนแปลง
…
ฟากฝั่งตรงข้ามจักรวาลดวงดารา ดินแดนสีเทาแห่งหนึ่งล่องลอยอย่างเดียวดายในส่วนลึก
นี่คือพื้นที่สีเทาหรือแดนธุลี ตอนนี้ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินก็ได้มาถึงแล้ว
“มาจริงหรือ?”
จิตวิญญาณหลักก้อนหินปรากฏตัวออกมา ทั้งร่างเต็มไปด้วยธุลี สร้างขึ้นมาจากดินอย่างแท้จริง ปกคลุมไปด้วยหมอกสีเทารอบบริเวณ มันยืนอยู่ด้านบนก้มลงมองมาที่ต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน
มันไม่คาดคิดอยู่บ้างที่ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินจะบ้าบิ่นถึงเพียงนี้ กล้ามาเยือนยังแดนธุลีจริง ๆ
นี่ต้องมีความกล้ามากเพียงใดกัน?
“พวกเราย่อมต้องมา หากไม่ได้จัดการเจ้า ข้าคงไม่อาจนอนหลับได้เสียด้วยซ้ำ!”
เจ้าก้อนหินจับจ้องจิตวิญญาณหลักแล้วเอ่ยออกมา
มันผ่านการปรับเปลี่ยนร่างและยกระดับขึ้นอย่างสมบูรณ์ จิตวิญญาณหลักไม่อาจส่งผลกระทบต่อมันได้อีกต่อไป
ทว่าอย่างไรเสียจิตวิญญาณหลักกับตัวมันก็ยังคงมีความเกี่ยวข้องกันอยู่ หากปัญหาเรื่องจิตวิญญาณหลักไม่ได้รับการแก้ไข ในอนาคตก็เกิดเรื่องนอกเหนือความคาดหมายได้ทุกเมื่อ มีโอกาสอย่างมากที่มันจะต้องประสบเคราะห์หนัก!
“ฮ่าฮ่า ใช่แล้ว!”
จิตวิญญาณหลักหัวเราะร่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว เช่นนั้นก็อย่าขี้ขลาด เข้ามาในแดนธุลีเสีย”
มันระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ตระหนักได้ป็นอย่างดีว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินต้องเตรียมตัวมาพร้อม จึงไม่ได้ออกไปสู้กับต้นหลิวและเจ้าก้อนหินโดยตรง ต้องการรอจนกว่าต้นหลิวและเจ้าก้อนหินเข้ามาในแดนธุลีก่อนค่อยลงมือ
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไร้ความกลัวเกรง เข้าไปในแดนธุลีโดยตรง
พวกมันเสร็จสิ้นการปรับเปลี่ยนร่างและยกระดับอย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้อีกต่อไป ไม่ต้องกล่าวถึงจิตวิญญาณหลักเจ้าก้อนหินเลย กระทั่งจ้าวแดนธุลีมา พวกมันยังสามารถเอาชนะได้
ไม่เช่นนั้นพวกมันคงไม่มาที่นี่
หลังจากเข้าไปยังแดนธุลีแล้ว พวกมันก็สัมผัสได้ถึงอารมณ์ความรู้สึกด้านลบทุกข์ประเภทที่ต้องการกลืนกินจิตวิญญาณของพวกมันในทันที หมายจะดึงพวกมันลงสู่ธุลีอันมืดมิดไร้ที่สิ้นสุด
ไม่น่าแปลกในเลยที่ในอดีตเมื่อเจ้าก้อนหินเข้าสู่แดนธุลีจะเกิดปัญหาขึ้นกับตัวมัน ภายในสถานการณ์เช่นนี้ ยากนักที่จะไม่เกิดปัญหาขึ้นมา!
ตอนนี้จิตวิญญาณหลักเจ้าก้อนหินได้รวมเป็นหนึ่งเดียวกับอารมณ์ด้านลบเหล่านี้โดยสมบูรณ์แล้ว ไม่อาจแยกแยะออกจากกันได้ ถูกกลืนกินไปจนสิ้น
“ออกไป!”
“ไสหัวไป!”
ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินตวาดออกมา ร่างกายเปล่งประกายเรืองรอง อารมณ์ด้านลบทั้งหลายถูกขับไล่ไปอย่างสมบูรณ์ภายในพริบตา ไม่อาจเข้าใกล้พวกมันได้
กระทั่งหมอกสีเทาที่ปกคลุมรอบแดนธุลียังไม่อาจย่างกรายเข้าใกล้พวกมันได้ ราวกับพวกมันทั้งสองได้กลายมาเป็นความบริสุทธิ์เพียงแห่งเดียวในดินแดนแห่งนี้
ประกายตาของจิตวิญญาณหลักก้อนหินทอแสงแปลกประหลาด เดิมทีมันคิดว่าหลังจากต้นหลิวและเจ้าก้อนหินเข้ามา จะต้องได้รับผลกระทบจากพลังธุลี ถูกกลืนกินเข้าไปสิ้น
ทำให้มันสามารถจัดการต้นหลิวและเจ้าก้อนหินได้อย่างง่ายดาย
ทว่าดูจากตอนนี้แล้ว ความคิดดังกล่าวของมันต้องสูญสลายไป ต้นหลิวและเจ้าก้อนหินไม่ธรรมดา แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก กระทั่งพลังธุลียังไม่อาจส่งผลกระทบต่อทั้งสองได้
แต่นั่นก็ไม่สำคัญ นี่คือภายในอาณาเขตของมัน มันยังสามารถจัดการกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหินได้!
“ตายเสีย!”
มันตะโกนออกมาด้วยเสียงเย็นชา ทันใดนั้นเองร่างอันน่าสะพรึงกลัวจำนวนมากก็พุ่งออกมาจากหมอกสีเทา
ในหมู่ร่างเหล่านั้นมีแปดขุนพลแห่งแดนธุลีอยู่ด้วย!
ก่อนหน้านี้จิตวิญญาณหลักก้อนหินได้ส่งฮุยจิ่วอันเป็นหนึ่งในขุนพลทั้งเก้าออกไปจับเจ้าก้อนหิน แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จ ทั้งยังล้มเหลวอย่างอนาถ
ฮุยจิ่วอ่อนแอที่สุดในบรรดาขุนพลทั้งเก้า ทว่าก็ยังมีพลังถึงขั้นที่เจ็ดขอบเขตอิสระ ส่วนอีกแปดคนนั้นแข็งแกร่งกว่าฮุยจิ่ว พวกเขาได้รับโลหิตธุลีจากจ้าวแดนธุลีเหมือนกัน ทั้งยังมีความเข้มข้นเหนือกว่าฮุยจิ่วมาก!
ผู้ที่แข็งแกร่งสุดคือฮุยอีอยู่ในระดับสูงสุดขั้นที่แปดขอบเขตอิสระแล้ว ห่างจากขั้นที่เก้าเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น!
ฮุยอีผู้นี้ช่างน่าสะพรึงกลัวอย่างแท้จริง
จิตวิญญาณหลักก้อนหินเหยียดยิ้ม เรียกดาบใหญ่สีเทาออกมา พลังของมันแข็งแกร่งกว่า ต่ำแหน่งก็สูงกว่า ไม่เช่นนั้นคงไม่มีทางสั่งการฮุยจิ่วได้
มันไม่ได้ลงมือกับต้นหลิวและเจ้าก้อนหินโดยตรงเพราะกริ่งเกรงในตัวต้นหลิวและเจ้าก้อนหิน แต่วางแผนให้สมาชิกคนอื่น ๆ ในแดนธุลีนำหน้าไปก่อน ส่วนมันคอยหาจังหวะเหมาะสมลงมือจัดการต้นหลิวและเจ้าก้อนหินในคราวเดียว!
“ไม่ว่าพวกเจ้าจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจสร้างคลื่นลมขึ้นมาได้! จ้าวแดนธุลีสนใจในตัวพวกเจ้า แม้มีปีกพวกเจ้าก็ไม่อาจหลบหนีได้!”
จิตวิญญาณหลักก้อนหินถือดาบใหญ่สีเทาเอ่ยด้วยเสียงเย็นชา
จ้าวแดนธุลีประทับอยู่ด้านในแดนธุลี เมื่อต้นหลิวและเจ้าก้อนหินกล้าเข้ามาแล้ว ย่อมไม่อาจหวนกลับไปได้ ไม่มีหนทางอื่นใดสำหรับพวกมัน!
“ร่างกายของข้า พวกเราแยกจากกันมานานมากแล้ว ตอนนี้ได้เวลากลับมารวมเป็นหนึ่งอีกครั้ง!”
ดวงตาของมันเปล่งประกายดุร้าย มองหาโอกาส เตรียมพร้อมลงมือตลอดเวลา!
[1] หนีพระได้ แต่ไม่อาจหนีวัดได้ (跑得了和尚,跑不了庙) หมายถึง แม้จะหลบซ่อนได้ชั่วคราว แต่สุดท้ายก็ไม่อาจหนีพ้น