Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน – ตอนที่ 676 หุ้นให้เปล่า

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

ตอนที่ 676 หุ้นให้เปล่า

เกมเริ่มเข้ากระบวนการตรวจสอบแล้ว?

หลินเยวียนตั้งตารออย่างอดไม่ไหว

ในอนาคตเมื่อเผชิญหน้ากับความท้าทายมากมายจากจงโจว หลินเยวียนจะต้องซื้อผลงานเพลงเหล่านี้จากระบบมากขึ้นอย่างแน่นอน และทั้งหมดนี้จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนด้านการเงินอย่างมหาศาล เขาหวังว่าเกมพืชปะทะซอมบีจะทำเงินได้ก้อนโต

ในขณะนั้น

เหล่าโจวมาหา

หลังจากกู้ตงชงชาให้ทั้งสองเสร็จ จึงออกไปจากห้องทำงาน เหล่าโจวจิบหนึ่งคำ ก่อนจะยิ้มตาหยีมองหลินเยวียน “การประชุมผู้บริหารระดับสูงของบริษัทในวันนี้ผ่านมติเรื่องหนึ่ง…”

“เกี่ยวกับผม?”

หลินเยวียนรู้จักนิสัยถ้าไม่มีเรื่องไม่มาให้เห็นหน้าค่าตาของอีกฝ่าย เมื่อใดก็ตามที่เหล่าโจวปรากฏตัวที่ออฟฟิศของตน จะต้องเป็นเพราะมีเรื่องอะไรในบริษัท และดูเหมือนว่าเรื่องเหล่านี้ล้วนสื่อสารกับหลินเยวียนผ่านเหล่าโจว

“เกี่ยวข้องมากเลยละ”

เหล่าโจวมองหลินเยวียนด้วยสีหน้าจริงๆจัง แววตาปรากฏความอิจฉาเบาบาง หลังจากนั้นจึงเอ่ยด้วยท่าทางขึงขัง “บริษัทตัดสินใจว่าจะยกระดับผลประโยชน์ตามสัญญาของนายอีกครั้ง นายจะได้รับหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ของบริษัท!”

“หุ้น?”

หลินเยวียนสีหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

จินมู่พูดคุยกับหลินเยวียนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการเข้าเป็นผู้ถือหุ้นในสตาร์ไลท์มาโดยตลอด ถึงขั้นที่ยังคิดว่าจะออกหน้าไปเจรจากับสตาร์ไลท์ด้วยตนเอง นึกไม่ถึงว่าก่อนที่จะได้ดำเนินการตามแผน สตาร์ไลท์ก็ออกตัวแบ่งหุ้นให้กับเขาแล้ว นอกจากนั้นให้มาครั้งหนึ่งก็ 10 เปอร์เซ็นต์ มากกว่าที่หุ้นที่ฉู่ขวงได้จากคลังหนังสือซิลเวอร์บลูตั้งหนึ่งเท่าตัว!

“ใช่แล้ว!”

เหล่าโจว “ที่จริงบริษัทมีแผนการในด้านนี้มาตั้งนานแล้ว แต่เพราะยังไม่ได้คุยรายละเอียดเรื่องหุ้นกันเรียบร้อย เลยเลื่อนมาจนถึงตอนนี้ หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์เป็นสัดส่วนที่ผู้ถือหุ้นทุกคนยอมรับได้…”

“มีเงื่อนไขอะไรครับ”

แน่นอนหลินเยวียนรู้ว่าแผนการของสตาร์ไลท์จะต้องแฝงเจตนาที่ลึกซึ้งกว่านั้น ลองดูก่อนว่าเงื่อนไขที่บริษัทเสนอมาคืออะไร ถ้าหากเงื่อนไขหนักหน่วงเกินไป หลินเยวียนจะไม่ตอบตกลงอย่างหุนหันพลันแล่น

“ไม่มีเงื่อนไข”

สีหน้าของเหล่าโจวแปลกพิลึก

ในครั้งนี้หลินเยวียนไม่เพียงประหลาดใจ แต่ยังรู้สึกตะลึงเล็กน้อยอีกด้วย คลังหนังสือซิลเวอร์บลูยังเสนอเงื่อนไขปกติเพื่อกระชับความสัมพันธ์กับหลินเยวียน ส่วนสตาร์ไลท์ให้หุ้น 10 เปอร์เซ็นต์กับตน โดยที่ไม่ได้เอ่ยถึงเงื่อนไขด้วยซ้ำไป?

ให้เปล่า?

เหล่าโจวจับตามองปฏิกิริยาของหลินเยวียน พลางนึกสะท้อนใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นหลินเยวียนตกตะลึงเช่นนี้ เหมือนกับสีหน้าของบรรดาผู้บริหารระดับสูงเมื่อทราบถึงการตัดสินใจของประธานกรรมการไม่มีผิด

“คำแนะนำของหัวหน้าคือ?”

จู่ๆ หลินเยวียนก็เอ่ยถามขึ้น

เหล่าโจวอึ้งไปชั่วครู่ ทันใดนั้นจึงคลี่ยิ้มบาง แววตาระคนความอบอุ่น “ฉันคิดว่านายจะตอบรับโดยไม่ลังเลซะอีก ถึงยังไงนายก็เป็นเจ้าหนูคนแรกที่กล้าใช้เครื่องคิดเลขคำนวณค่าคอมมิชชันในห้องประชุมแผนกประพันธ์เพลง”

หลินเยวียนไม่ได้พูดอะไร

เหล่าโจวจ้องมองหลินเยวียน น้ำเสียงแปลกไปเล็กน้อย “ฉันเข้าใจว่านายถามถึงความเห็นส่วนตัวของฉัน ไม่ใช่ความเห็นในฐานะหัวหน้าของสตาร์ไลท์ แต่ไม่ว่าจะในฐานะคนทั่วไปหรือในฐานะหัวหน้า ฉันก็อยากแนะนำให้นายตอบรับ ไม่มีของฟรีในใต้หล้า ถึงนี่จะเป็นการส่งมอบหุ้นให้โดยไร้เงื่อนไข แต่ที่จริงแล้วเป็นการผูกมัดทางความรู้สึก เพียงแต่มันปรากฏต่อหน้านายในรูปแบบที่อ่อนโยนที่สุด ไม่ว่าใครก็รู้สึกว่าความรู้สึกนี้ยากที่จะต้านทาน”

หลินเยวียนเงียบ

บริษัทไม่ได้บอกว่าหลินเยวียนจำเป็นต้องรับใช้สตาร์ไลท์ไปตลอดชีวิต แต่หลินเยวียนรู้ว่าเมื่อได้ที่รับหุ้นเหล่านี้แล้ว ก็ลืมเรื่องออกจากบริษัทไปได้เลย ไม่เช่นนั้นเขาจะรู้สึกผิดต่อมโนสำนึกของตนเอง

“บริษัทกำลังวางเดิมพัน”

เหล่าโจวกดเสียงเบาลง “พูดให้ชัดก็คือ ประธานกรรมการกำลังวางเดิมพัน เดิมพันว่าหลังจากรับหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์จากบริษัทไปฟรีๆ แล้วนายจะไม่เปลี่ยนงานหรือตั้งบริษัทของตัวเองโดยปราศจากภาระทางจิตใจ”

“เขาชนะเดิมพัน”

ทันใดนั้นหลินเยวียนเอ่ยด้วยรอยยิ้ม

เหล่าโจวยิ้มตาม “เรื่องนี้น่าจะเป็นเหตุผลว่าทำไมประธานกรรมการถึงนำพาสตาร์ไลท์ให้พัฒนามาจนถึงทุกวันนี้ล่ะมั้ง ฉันนึกไม่ออกว่าผู้บริหารบริษัทไหนจะกล้าตัดสินใจแบบนี้ ถ้านายออกจากสตาร์ไลท์ไปพร้อมกับหุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ อย่างมากก็แค่แบกรับความรู้สึกผิดในใจ แต่สำหรับสตาร์ไลท์ นั่นเป็นความเสียหายที่ใหญ่หลวง”

……

อีกด้านหนึ่ง

หลี่ซ่งหวาประธานกรรมการสตาร์ไลท์ทอดมองไปไกลผ่านหน้าต่างจากชั้น 18 บนตึกสูง เสียงระคนความกังวลและตกประหม่าดังมาจากด้านหลัง “คุณรู้ใช่ไหมว่าการตัดสินใจของตัวเองในวันนี้ใจกล้าบ้าบิ่นขนาดไหน”

“รู้สิ”

หลี่ซ่งหวายิ้มเอ่ย “ผมยอมรับว่าในการตัดสินใจของผมมีการเดิมพันปนอยู่ นี่อาจเป็นการตัดสินใจที่ใจกล้าบ้าบิ่นที่สุดในชีวิตผม ที่ทุ่มทรัพย์สมบัติลงบนสิ่งที่เรียกว่าจิตใจของมนุษย์ ถ้าผมเดิมพันแพ้ ผมจะสูญเสียแค่หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าผมเดิมพันชนะ ผมจะได้อนาคตของสตาร์ของเรา คุณคิดว่าเซี่ยนอวี๋กำลังเผชิญห้ากับความยั่วยวนใจอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน แต่ที่จริงแล้วสิ่งที่ยั่วยวนใจยิ่งกว่านั้นอยู่ตรงหน้าของผมต่างหาก หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์ถ้าเทียบกับบทบาทของเขาแล้วน้อยนิดจนไม่ต้องพูดถึง!”

“ถ้าเดิมพันแพ้ล่ะ?”

“บนโลกนี้ไม่มีใครชนะได้ตลอดหรอก แต่ถ้าคุณคิดว่าผมเดิมพันโดยสัญชาตญาณ คุณคิดผิดอย่างสิ้นเชิง ถ้าคุณรู้ว่าบริษัทข้างนอกพวกนั้นเสนอเงื่อนไขแบบไหนให้เซี่ยนอวี๋บ้าง…”

“เงื่อนไขอะไร?”

เสียงที่อยู่ด้านข้างของเขาตกตะลึง

หลี่ซ่งหวาเอ่ยเสียงเรียบ “จนถึงปัจจุบันนี้ มีบริษัทบันเทิงระดับเดียวกับสตาร์ไลท์มากกว่ายี่สิบบริษัท ถึงขั้นที่มีบริษัทบันเทิงขนาดใหญ่กว่าสตาร์ไลท์คิดจะดึงตัวเซี่ยนอวี๋ เงื่อนไขที่พวกเขาเสนอยั่วยวนใจยิ่งกว่าผลประโยชน์ที่เขามอบให้เซี่ยนอวี๋เสียอีก แต่เขาไม่เคยไป เรื่องพวกนี้ผมสืบมาได้ไม่ยาก”

“การผูกมัดทางความรู้สึก”

“ทำไมไม่คิดว่านี่เป็นการลงทุนทางความรู้สึกอย่างหนึ่งล่ะ เมื่อคุณทุ่มสุดตัวให้กับใครสักคน คุณไม่คาดหวังให้อีกฝ่ายดีต่อคุณกลับเลยหรือ คุณจะพูดว่าการกระทำของผมมีจุดมุ่งหมายก็ได้ แต่จุดมุ่งหมายของผมไม่มีทางทำร้ายใคร จะบอกว่าเอ็นดูหรือเอาอกเอาใจอะไรก็ตาม ตราบใดที่เขายินดีอยู่ที่สตาร์ไลท์ต่อไป ผมก็กล้าทำให้สตาร์ไลท์กลายเป็นสวนสนุกขอเขา เขามีคุณค่าพอที่จะให้ผมทุ่มเททุกอย่าง อย่าว่าแต่หุ้นสิบเปอร์เซ็นต์เลย ต่อให้เป็นหุ้นยี่สิบเปอร์เซ็นต์หรือมากกว่านั้นแล้วอย่างไร พวกคุณเห็นว่าผมมอบหุ้นเล็กๆ น้อยๆ ให้เขาไปฟรีๆ แต่ผมกลับมองเห็นอนาคตที่สตาร์ไลท์ไม่มีวันไปถึงถ้าไม่มีเขา”

“เจตนาของคุณไม่บริสุทธิ์”

“ผมคิดว่าเจตนาของผมบริสุทธิ์มาก ต่อจากนี้สตาร์ไลท์มีกฎข้อหนึ่ง ตราบใดที่ผมให้ได้ เซี่ยนอวี๋ต้องการอะไรผมจะให้ เพราะสิ่งที่ผมต้องการ มีแค่เขาที่ให้ผมได้!”

“คุณคิดจะโจมตีจงโจว?”

“ผมเคยยอมแพ้มาแล้ว แต่เขาปรากฏตัว เขาทำให้ผมมีความหวัง ผมผ่านลมผ่านฝนมานานหลายปี พบเห็นอัจฉริยะมานับไม่ถ้วน มีแค่เขาที่ทำให้ผมรู้สึกแตกต่าง และมีแค่เขาที่ทำให้ผมรู้สึกว่าจงโจวไม่ได้แข็งแกร่งจนทำลายไม่ได้ ลองคิดดูว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา มีสักกี่คนที่ดึงดูดความสนใจจากจงโจวได้? ”

“จงโจวสนใจเขา?”

“ระยะนี้จงโจวสนใจอยู่แค่สองคน คนหนึ่งคือฉู่ขวงจากวงการนิยาย อีกคนหนึ่งอยู่ที่บริษัทเรา ผมนึกไม่ถึงว่าชื่อเสียงของเซี่ยนอวี๋ใต้ ฉู่ขวงเหนือจะแผ่ขยายไปทั่วทั้งจงโจว…”

จู่ๆ เสียงตึ๊งดังขึ้น

เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์มือถือของหลี่ซ่งหวาดังขึ้น เขากดอ่าน คลี่รอยยิ้มกว้างบนใบหน้า “ต่อไปทิศทางของเซี่ยนอวี๋คือทิศทางของสตาร์ไลท์ ผมรับผิดชอบหน้าที่บังคับเรือเอง”

“…”

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Full-time Artist ใครว่าผมไม่เหมาะเป็นศิลปิน

Status: Ongoing

‘เขา’ ทะลุมิติมายังจักรวาลคู่ขนานซึ่งมีชื่อว่า ‘บลูสตาร์’

ดินแดนซึ่งอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของศิลปะวัฒนธรรม ศาสตร์ทุกแขนงซึ่งเกี่ยวข้องกับศิลปะ

ไม่ว่าจะเป็นภาพยนตร์ ดนตรี จิตรกรรม วรรณกรรม หรือการเขียนพู่กันก็ล้วนเฟื่องฟูอย่างยิ่ง

ร่างที่เขามาสิงอยู่คือ ‘หลินเยวียน’ นักศึกษาปีสองที่กำลังจะเดบิวต์

แต่โชคชะตากลับเล่นตลกให้หลินเยวียนป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หาย ทำให้ร้องเพลงไม่ได้ และมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน

ครอบครัวก็หมดเงินไปกับค่ารักษาจนอยู่ในภาวะการเงินขัดสน

เป็นเหตุให้หลินเยวียนตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองเพื่อไม่ให้เป็นภาระของครอบครัวต่อไป

แต่ ‘เขา’ ไม่คิดจะปลิดชีพตัวเองเหมือนหลินเยวียน

ถึงแม้ร่างนี้จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน แต่ก็ยังพอเหลือเวลาให้ทำอะไรอยู่บ้าง

และแม้จะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของตัวเองไม่ได้ ก็ยังพอจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตาของครอบครัวได้

เขาจะเขียนเพลง เขียนหนังสือ ถ่ายทอดความรู้ หารายได้ให้ครอบครัว!

ทันใดนั้น…

[กำลังตรวจเลือด…กำลังตรวจยีน…กำลังตรวจม่านตา…

ระดับความเข้ากันได้ร้อยละ 99.36…ตรงตามมาตรฐาน…

เลือกจากฐานข้อมูล…โลกในระบบสุริยจักรวาล…ระบบกำลังเชื่อมต่อ…]

[ดาวน์โหลดสำเร็จ เชื่อมต่อระบบศิลปะเสร็จสมบูรณ์!]

[สวัสดีโฮสต์ ยินดีสำหรับการเชื่อมต่อกับระบบศิลปะ

ระบบของเราจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่เพื่อให้ท่านได้เป็นศิลปินของบลูสตาร์!]

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท