ตอนที่ 325 ชั้นที่ 4
หวงเสี่ยวหลงที่อยู่ภายในวิหารซูมีก็ตกตะลึง
หิมะที่ตกลงมาพวกนี้มันช่างน่าหวาดกลัวจริง!! ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเอาไปเทียบสายลมหนาวเย็นสุดขั้วที่ก้นหุบเขาช่องว่างเสือใจสลายแล้ว มันกลับหนาวเย็นมากกว่าร้อยเท่า
หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายของเขานั้นไหลช้าลง และสถานการณ์ของเฟิงหยางนั้นกลับแย่ยิ่งกว่าอีก ร่างของเขานั้นถูกปกคลุมไปด้วยชั้นน้ําแข็งซึ่งหมอกภูติคุ้มครองที่ห่อหุ้มตัวของเขาอยู่นั้นก็แข็งตัว
หวงเสี่ยวหลงก็ได้ส่งปราณเข้าสู่ข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์มากขึ้น ทําให้รัศมีพุทธะส่องสว่างออกไปทั่ววิหารซูมี ต้นไม่เพลิงไร้ชื่อก็เปล่งแสงสีแดงเพลิงออกมาหลอมละลายความหนาวเย็นที่ แพร่กระจายอยู่ทั่ววิหาร
ความหนาวเย็นเหล่านี้ก็ได้สลายหายไปแต่หวงเสี่ยวหลงกับสังเกตเห็นว่าที่ผิวของหุบเขาเทวะซูมนั้นยังคงมีชั้นน้ําแข็งอยู่ แต่ไม่เพียงมันจะไม่ละลาย ยิ่งเวลาผ่านไปมันกลับหนาขึ้นเรื่อยๆ
ในขณะที่หิมะตกลงมาปกคลุมพื้นผิวของหุบเขาเทวะซูมี มันก็หนักขึ้นเรื่อยๆ จนทําให้ระดับความสูงในการบินของเขานั้นลดลง หวงเสี่ยวหลงที่หวาดกลัวจึงได้ใช้งานข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์อย่างเต็มกําลัง พอเขาทําแบบนั้น มันจึงทําให้หุบเขาเทวะซูมีหยุดลดระดับความสูง อย่างไรก็ตามในขณะที่มีหิมะปกคลุมมากขึ้นเรื่อย แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะใช้ขายอาคมของวิหารซูมีเต็มกําลังอยู่ตลอด เขาก็ทําได้เพียงลดความเร็วในการหล่นของหุบเขาเทวะซูม เรื่องนี้สร้างปัญหาให้หวงเสี่ยวหลงมาก
ถ้าหากหุบเขาเทวะซูมหนักมากจนไม่สามารถบินได้อีกและร่วงลงสู่พื้น พอถึงตอนนั้น ด้วยหิมะที่ปกคลุมไปทั่วหุบเขาเทวะซุ่มจนทําให้มันถูกหิมะทับถมลงพื้นไป หวงเสี่ยวหลงคงถูกขังอยู่ ในดินแดนหิมะแห่งนี้อย่างแน่นอน
หวงเสี่ยวหลงที่กัดฟันแน่นก็ได้หันหุบเขาเทวะซูมบินกลับไปทางที่ผ่านมาจนกระทั่งถึงขอบทางเข้าชั้นที่ 3 ซึ่งเขาได้บินออกมาจากพื้นที่ที่หิมะกําลังตกลงอยู่ในที่สุดหุบเขาเทวะซูมก็ไม่หล่นลงพื้นแล้ว
แต่มันก็ไม่ได้ช่วยปลอบใจหวงเสี่ยวหลงเลยสักนิด และเสื้อของเขานั้นก็เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อด้วย
เกือบไปแล้ว!! ถ้าหากพวกเขาไม่ได้ถอยหลังกลับมาตอนนั้นหล่ะก็ พวกเขาคงร่วงหล่นลงพื้นและถูกหิมะกลบฝังอย่างแน่นอน
สําหรับสมบัติสวรรค์ที่มาจากโลกพุทธะ อย่างหุบเขาเทวะซุมนั้นมีเป็นสิ่งที่น่าหวาดกลัวสําหรับสิ่งมีชีวิตประเภทภูติผีวิญญาณทั้งหลาย แต่มันกลับไม่สามารถต้านทานหิมะที่กําลังตกอยู่ในชั้นที่ 3นี้ได้ เขานั้นโชคดีที่มีต้นไม้เพลิงไร้นามอยู่ในวิหารซูม มิฉะนั้นแล้ว เขาคงกลายเป็นน้ําแข็งแน่
ด้านนอกพื้นที่ที่หิมะตก หวงเสี่ยวหลงก็ได้ออกมาจากวิหารซูม จากนั้นเขาก็สังเกตชั้นหิมะที่ปกคลุมอยู่บนพื้นผิวของหุบเขาเทวะซูมและขะมวดคิ้วขึ้น หิมะพวกนี้ ดูเหมือนว่าแม้กระทั่งเปลวเพลิงของผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นที่ 3 ก็ยังไม่สามารถละลายมันลงได้เลย
พอครุ่นคิดถึงเรื่องนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ได้ใช้ปราณแก่นแท้ที่อยู่ในตันเถียนของเขาเปลี่ยนเปลวเพลิง ทําให้บนฝ่ามือของเขานั้นได้ปรากฏเปลวเพลิงปราณแก่นแท้ที่พริ้วไหวไปมาอย่างร่างเริงถ้าหากเปลวเพลิงปราณแก่นแท้นี้ยังไม่สามารถละลายหิมะพวกนี้ได้หล่พก เขาคงทําได้เพียงล้มเลิกแล้วออกไปจากถ้ําบ่มเพาะราชาผี
ภายใต้การจ้องมองอย่างเคร่งเครียดของหวงเสี่ยวหลง เขาก็ได้เอาฝ่ามือเข้าไปใกล้หิมะที่ปกคลุมอยู่บนหุบเขาเทวะซูม ทําให้หิมะพวกนั้นค่อยๆละลายอย่างช้าๆแล้วกลายเป็นหยดน้ําสีฟ้า
ภายใต้เปลวเพลิงปราณแก่นแท้ หิมะประหลาดนี้กลับถูกหลอมละลายจริงๆด้วย!!
เยี่ยม!! นี่หมายความว่าเขาสามารถเดินทางผ่านชั้นที่ 3ไปได้แล้ว! บนชั้นที่ 3 นี้ นอกจากหิมะประหลาดที่น่าหวาดกลัวนี้ มันก็ไม่มีอันตรายอื่นใดอีก
ครูต่อมา หิมะที่ปกคลุมหุบเขาเทวะซูมีทั้งหมดก็ละลายออกไป หวงเสี่ยวหลงจึงได้เก็บหิมะที่ละลายเป็นหยดน้ําพวกนั้นทั้งหมดใส่ขวดหยกไป หิมประหลาดนั้นมาจากน้ําสีน้ําเงิน ซึ่งเห็นได้ชัดว่าน้ําอันนี้ไม่ใช่สิ่งของธรรมดา บางทีมันออาจะมีประโยชน์ในอนาคตก็ได้
ดังนั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา หวงเสี่ยวหลงจึงได้ก่อโล่เพลิงปราณแก่นแท้ขึ้นบนรอบพื้นผิวของหุบเขาซูม และจากนั้นเขาก็ใช้งานข่ายอาคมพระพุทธสิบองค์และได้ควบคุมหุบเขาเทวะซูมีบินพุ่งเข้าไปในพื้นที่ชั้นที่ 3 ด้วยความเร็วสูงสุด
ในพื้นที่นี้หิมะนั้นก็ยังคงตกลงอย่างต่อเนื่อง
แต่ในครั้งนี้ เมื่อพวกมันตกลงบนพื้นผิวของหุบเขาเทวะซูมี พวกมันก็ถูกเพลิงปราณแก่นแท้หลอมละลายแทบจะทันที แม้ว่าระยะเวลาในการหลอมละลายของมันจะยังคงช้า แต่มันก็เป็นอุปสรรคต่อการบิน
พวกเขาก็ได้บินผ่านทุ่งหิมะไปโดยไม่หยุดพัก
บางมันอาจจะมีสมบัติอยู่ในชั้นที่ 3นี้ แต่ในความคิดของหวงเสี่ยวหลง คัมภีร์ราชาผีและโอสถวิญญาณราชาผีคือทุกสิ่งทุกอย่างสําหรับเขาที่ทําให้เขามาที่นี่ ดังนั้นเขาจึงต้องเดินทางไปถึงชั้นที่ 5 ด้วยความเร็วสูงสุด
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงพุ่งผ่านทางเข้าชั้นที่ 4 อย่างรวดเร็ว จ้าวเฉิน หลี่ฉิวปิง หวังหลินและ คนที่เหลือก็ได้เดินทางมาถึงทางเข้าสู่ชั้นที่ 3 แม้ว่าพวกเขาจะมีจําวนมาก แต่พวกเขาก็ต้องเผชิญหน้ากลับความลําบากมากกว่าหวงเสี่ยวหลงเพื่อจะมาถึงที่นี่
กลุ่มของจ้าวเฉินก็ได้ต่อสู้กับเถาวัลย์สีดําอันน่าหวาดหวั่นของหนอนผีมากกว่า 6 ชั่วโมงจากนั้นเขาพวกเขาจึงโอกาสพุ่งผ่านทางเข้าไปสู่ชั้นที่ 3 แต่แม้จะเป็นแบบนั้น ศิษย์หลายคนจากเมืองแห่งบาป เมืองมังกรเหมัน เมืองจักรพรรดิดาบและเมืองผีเขียวนั้นก็ได้กลายเป็นปุ๋ยให้หนอนผีพวกนั้น
หลังจากมาถึงชั้นที่ 3 สภาพหน้าตาของทุกคนนั้นดูน่าเวทนามากๆ
“หนอนผีพวกนี้มันน่าหวาดกลัวมากจริงๆเลย!” หลี่ฉิวปิงก็อุทานออกมาด้วยความหวาดกลัวในขณะที่เขาหันหลังกลับไปมองซึ่งเสียงกรีดร้องของหนอนผีพวกนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขาอยู่เลย คนที่เหลือที่อยู่กับเขานั้นก็ดูหน้าซีดเซียวและรู้สึกเห็นด้วยอยู่เงียบๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะการเตรียมการของพวกเขาก่อนหน้านี้หลาะก็ พวกเขาทุกคนคงได้ตายอยู่หน้าประตูทางเข้าชั้นที่3เป็นแน่
“ไอ้ลูกหมาหวงเสี่ยหวลง มันวิ่งหนีไปที่ใหนกัน!” จ้าวเฉินก็ตะโกนออกมาอย่างบูดบึง
“จากที่ข้าเห็น บางทีมันอาจจะตกตายเพราะเถาวัลย์ของหนอนผีเป็นแน่” พ่อบ้านเพิ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังเฟิงหยางก็พูดขึ้น
“ไม่ว่าหวงเสี่ยวหลงมันจะถูกหนอนผีฆ่าหรือไม่ พวกเราก็จะต้องรีบไปที่ชั้น 5 ให้เร็วที่ สุด”หวังหลินก็พูดเพิ่ม “ก่อนที่เมืองผีจะหายไป นั้นเหลือเวลาอีกเพียง 10 กว่าวันเท่านั้น”
ทุกคนๆต่างก็แสดงสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นมาเมื่อนึกถึงความจริงข้อนี้
พวกเขาจะต้องออกไปก่อนที่เมืองผีจะปิดลง หากไม่สามารถออกไปได้นั่นหมายความว่าพวกเขาจะถูกขังอยู่ภายนี้จนกระทั่งเมืองผีปรากฏขึ้นในครั้งถัดไป
และครั้งถัดไปนั้นก็อีกหนึ่งพันปีต่อมา
“เอาหล่ะ ตอนนี้พวกเรารีบกินเม็ดจิตวิญญาณไฟเพื่อต้านทานหิมะวิญญาณพวกนี้กันเถอะพวกเราจะได้ไปที่ชั้นที่4ได้อย่างรวดเร็ว”ในขณะที่กั่วเตอฮุยเอาเม็ดสีแดงออกมาเขาก็ได้พูดขึ้นแล้วกลืนมันลงไป ทันทีก็ได้มีเปลวเพลิงสีฟ้าปกคลุมร่างกายของเขาอย่างเห็นได้ชัด
จ้าวเฉินและคนที่เหลือก็ได้กลืนเม็ดจิตวิญญาณเพลิงตามเขาแล้วก้าวเข้าสู่ดินแดนหิมะด้วยการช่วยเหลือเม็ดจิตวิญญาณเพลิง กลุ่มของจ้าวเฉินก็ได้วิ่งข้ามผ่านทุ่งหิมะ ซึ่งทําให้ระยะห่างระหว่างพวกเขาและหวงเสี่ยวหลงลดลงอย่างรวดเร็ว
แต่ทว่าทางด้านหวงเสี่ยวหลงนั้นนกลับสังเกตการณ์รอบๆอย่างระมัดระวังเพื่อเฝ้าระวังสถานการณ์อันไม่คาดคิดที่จะเกิดขึ้นในขณะที่เขานั้นก็ได้ควบคุมหุบเขาเทวะซูมไปด้วยการเดินทางนั้น เป็นไปด้วยความสงบสุขโดยไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น หนึ่งวันต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ได้เดินทางมาสู่ทางเข้าที่นําทางสู่ชั้นที่4 อย่างปลอดีย สิ่งที่ประหลาดใจเขาคือไม่มีอะไรรออยู่ที่ทางเข้าชั้นที่4เลย
หวงเสี่ยวหลงจึงได้กระจายสัมผัสวิญญาณออกไปและใช้งานแม้กระทั่งเนตรนรกตรวจสอบรอบๆบริเวรทางเข้าแต่เขากลับไม่พบเจออะไรสักนิด
10 นาทีต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็ยังคงอยู่ในสภาพที่ไม่อยากจะเชื่อ แม้ว่าเขาจะเดินทางผ่านทาเขาสู่ชั้นที่ 4อย่างราบรื่นก็ตาม
ครูต่อมา หวงเสี่ยวหลงก็เก็บความคิดนี้ลงไปแล้วเดินตรวจสอบสภาพแวดล้อมบนชั้นที่ 4 ฉากตรงหน้าของเขานั้นสะท้อนให้เห็นถึงหมอกสีรุ้งที่กระจายไปทั่ว ซึ่งหมอกพวกนี้ก็ยังส่งแสงระยิบระยับที่ทําให้เคลิบเคลิ้มและหมอกนี้ลอยไปตามสายลมแต่นอกจากนั้นแล้ว หวงเสี่ยวหลงก็มองไม่เห็นอะไรสําคัญอีก
อย่างไรก็ตาม ผียักษ์เฟิงหยางก็อุทานออกมาอย่างตื่นตระหนกเมื่อเขาเห็นหมอกสีรุ้งนี้ “หมอกภูติเจ็ดสี!”
“หมอกภูติเจ็ดสี?” หวงเสี่ยวหลงก็พูดทวนอย่างมึนงง
“นายท่าน หมอกภูติเจ็ดสี่นี้เป็นหมอกภูติอันน่ารังเกียจประเภทหนึ่งที่สามารถพบได้ในดินแดนแห่งภูติผี มันเป็นพิษอย่างมาก แค่สูดเข้าไปเพียงเล็กน้อย แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นสูงก็ยังไม่สามารถหลบหนีจากเงื้อมมือความตายของมันได้ซึ่งเป็นการตายจากการเน่าเปื่อยกระทั่งสิ่งมีชีวิตประเภทภูติผีเหมือนพวกเราก็ไม่มีข้อยกเว้น”ผียักษ์เฟิงหยางก็อธิบายขึ้นมา
หวงเสี่ยวหลกงรู้สึกตกตะลึงมาก เขาไม่คิดเลยว่าหมอกสีรุ้งนี้จะเป็นพิษถึงขนาดที่ทําให้ผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นสูงสามารถตายลงได้หากสูดดมเพียงเล็กน้อย
แต่หวงเสี่ยวหลงก็รีบสงบสติลงอย่างรวดเร็ว หมอกหลากสีนี้อันตรายถึงตายออย่างแท้จริงบางทีมันอาจจะไม่สามารถเข้ามาในมิติของหุบเขาเทวะซูมีก็ได้ แม้ว่าหวงเสี่ยวหลงจะมั่นใจขนาดใหน เขาก็ได้หยิบเอดอกบัวสีนิลสองดอกออกมาจากแหวนเทพอสูรแล้วส่งอันนึงให้เฟิงหยางพวกเขาจึงได้กลิ่นดอกบัวสีนิลลงไปคนละดอก
ดอกบัวสีนิลนี้เป็นหนึ่งในสมุนไพรวิญญาณที่เขาพบในมิติลับผู้อยู่เหนือเทวทูติที่ก้นภูเขาช่องว่างเสือใจสลาย ดอกบัวสีนิลนี้สามารถรักษาพิษในโลกนี้ได้หลายร้อยชนิด
หลังจากพวกเขากลืนดอกบัวสีนิลลงไป หวงเสี่ยวหลงก็ได้ควบคุมหุบเขาเทวะซูมีพุ่งเข้าไปในมวลหมู่หมอกภูติหลากสีด้วยความระมัดระวัง