ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น – ตอนที่ 1.8 ดังนั้น พวกเราจึงลาออก(8)

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

5 ตุลาคม 2018 (ศุกร์)

โยโยกิดันเจี้ยน

“เหมือนวันนี้จะเป็นวันดีสำหรับการจัดการสไลม์อีกวัน” ผมพูด

ผมเดินเข้าไปในส่วนลึกของชั้นหนึ่งโดยไม่สนใจคนอื่นๆ โดยแทบไม่รู้สึกถึงสายตาที่มองมาแปลกๆจากพวกที่ตรงไปที่ชั้นสอง ผมตรงลึกเข้าไปเรื่อยๆโดยไม่มีชุดเกราะและมีเพียงเเค่กระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่เท่านั้น

“อะไรสักอย่างบีมมม” ผมตะโกน

คำว่า “เนียม” กลายเป็นคำว่าบีมซะแล้ว ยังไงก็เถอะ ไม่มีใครสนใจสักหน่อย

“แฮมเมอร์อะเเท๊คคค!”

ชื่อค่อนข้างจะสิ้นคิด แต่ก็ไม่มีใครสนใจ… เดี๋ยวก่อนนะ เมื่อกี๊มัน ตอนกำจัดสไลม์ ผมได้SP0.02 ซึ่งแปลกมาก ผมลองกำจัดอีกตัว ก็ได้ 0.01

สันนิษฐานเเรก ค่าSPที่ได้จะรีเซ็ตทุกวัน

สันนิษฐานที่สอง ค่าSPที่ได้จะรีเซ็ตทุกครั้งที่เข้าดันเจี้ยน

ผมรีบออกไปข้างนอกเพื่อที่จะพิสูจน์สิ่งที่คิดไว้ หลังจากที่กลับเข้ามาอีกครั้ง ผมรีบไปกำจัดสไลม์ และได้SP 0.02

ผมเริ่มตื่นเต้นเเละวิ่งไปที่บันไดทางเข้าสู่ชั้นสอง จะเกิดอะไรขึ้นถ้าหากผมกำจัดมอนสเตอร์ตัวอื่นระหว่างสไลม์สองตัว ผมอยากจะพิสูจน์เรื่องนี้ แต่โชคร้ายที่ผมไม่สามารถหามอนสเตอร์อื่นนอกจากสไลม์เจอเลย ผมเริ่มหมดหวังเเละกำลังจะลงบันไดไปที่ชั้นสอง เเละก็คิดขึ้นมาได้ว่า

“เดี๋ยวก่อน อะไรสักอย่างบีมมันไม่ได้ผลกับมอนเสตอร์อื่นที่ไม่ใช่สไลม์นี่นา”

ผมไม่มีชุดเกราะ ส่วนอาวุธก็มีแค่ค้อน สำหรับวันนี้ผมคงทำได้เเค่ล่าสไลม์อย่างเดียว

“ฟู่.. ในสนามรบ คนที่ศูญเสียความเยือกเย็นก่อนคือคนที่เเพ้สินะ”

ระหว่างที่ผมพูดพึมพำอยู่นั้น ผมก็เริ่มเดินกลับไปที่ชั้นหนึ่ง พวกคนที่กำลังไปที่ชั้นสองก็ส่งสายตาแปลกๆมาให้ผม

“ไม่น่าใช่มั้ง ผมอาจจะคิดไปเอง”

หลังจากนั้นผมก็เข้าๆออกๆดันเจี้ยนอยู่ 14 ครั้ง แต่มีครั้งนึงที่ผมได้เเค่ 0.01 ซึ่งเป็นครั้งที่ผมเเทบไม่ได้ก้าวออกจากทางเข้าเเล้วกลับเข้าไปใหม่ทันที บางทีบริเวณทางเข้าก็ถือเป็นส่วนหนึ่งของดันเจี้ยนด้วยเหมือนกัน ผมเลยนึกถึงก๊อบลินที่ผมขับรถชนไป ที่แถวๆรอยแผ่นดินแยก ผมเดาว่าตรงนั้นคือทางเข้าของดันเจี้ยน

หรือบางทีอาจจะเกี่ยวกับระยะเวลาที่อยู่ในดันเจี้ยนก็ได้

การเข้าออกอีกห้าครั้งต่อมา ผมลองทดสอบสันนิษฐานนี้ ผมลองใช้เวลาให้นานขึ้นหรือค่อยๆเพิ่มระยะห่างระหว่างทางเข้า สุดท้ายเเล้วระยะห่างก็มีผล คุณต้องออกไปจากระยะอิทธิพลของดันเจี้ยน

ระยะของดันเจี้ยนนั้นดูเหมือนว่าจะอยู่ที่ครึ่งทางระหว่างทางเข้าดันเจี้ยนกับเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ และเวลาจะไม่มีความเกี่ยวข้องกับSPที่ได้รับ

ผมพอใจกับผลการทดสอบที่ได้ ในขณะที่กำลังกลับไปที่ดันเจี้ยนอีกครั้ง ก็มีเสียงที่ไม่คุ้นหูหยุดผมเอาไว้

“เอ่อ…ขอโทษนะคะ”

ผู้หญิงหน้าตาสะสวยรูปร่างดีที่ใส่ชุดของJDAส่งเสียงเรียกผม

***

“จริงหรือครับ” ผมถาม “ฆ่าตัวตายน่ะหรอ”

“ใช่แล้วค่ะ”

ผู้หญิงจากJDAแนะนำตัวเองว่าชื่อนารุเสะเเละพาผมไปที่ YD คาเฟ่ แน่นอนว่าย่อมาจาก โยโยกิดันเจี้ยนคาเฟ่ เเละเล่าเรื่องที่ไม่คาดคิดให้ผมฟัง

“ทางเราได้รับรายงานว่ามีชายที่ไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันเดินเข้าๆออกๆดันเจี้ยน” เธอกล่าว

ผมถอนหายใจเมื่อได้ยินดังนั้น

“มีคนคิดว่าคุณอาจจะพยายามฆ่าตัวตายภายในดันเจี้ยน แต่เดินกลับไปกลับมาเพราะยังทำใจไม่ได้” นารุเสะอธิบายเเละยื่นใบอนุญาตดันเจี้ยนกลับให้ผม

ชายที่สวมชุดธรรมดาเดินไปมาระหว่างดันเจี้ยนกับทางเข้าก็คงให้ความรู้สึกประมาณนั้นเเหละนะ

ผมโค้งศรีษะลงด้วยความเสียใจ “ไม่รู้ว่าจะพูดยังไงดี เเต่ว่า…ผมขอโทษที่สร้างความลำบากให้นะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ ถ้าคุณไม่ได้พยายามจะฆ่าตัวตายจริง ก็ไม่มีอะไร” นารุเสะยิ้มพลางจิบคาเฟ่ โอเล่ของเธอ แล้วมองมาที่ผม “ตกลงเเล้ว คุณกำลังทำอะไรอยู่หรือคะ โยชิมูระซัง”

เเน่ล่ะ ถ้าจริงๆเเล้วผมไม่ได้จะฆ่าตัวตาย เธอคงสงสัยว่าผมกำลังทำอะไรอยู่

“อ่อ เอ่ออ เเค่พยายามทดสอบอะไรบางอย่างน่ะ” ผมตอบ

“ทดสอบอะไรหรือคะ”

“เอ่อ ต้องขอโทษด้วยครับ ผมยังบอกไม่ได้ในตอนนี้”

“บอกไม่ได้? หรือว่ากำลังทำงานให้กับบริษัทรึเปล่าคะ”

“ไม่ครับ ผมทำงานเกี่ยวกับการวิจัยก็จริง แต่ว่า…มีกฏที่ทำให้ผมจำเป็นต้องบอกสิ่งที่ทำอยู่หรือครับ”

“ไม่ค่ะ แต่ว่า ฉันเเนะนำให้คุณสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันเบื้องต้น ถ้าใส่ชุดธรรมดาในดันเจี้ยนอาจจะทำให้คนอื่นๆเข้าใจผิดได้ ส่วนวันนี้ เดี๋ยวฉันจะไปอธิบายให้ทางเคาเตอร์ประชาสัมพันธ์ทราบก็เเล้วกันค่ะ”

“ขอบคุณครับ ผมจะระวังเอาไว้”

ผมไม่ได้พูดเรื่องที่ราคาเครื่องป้องกันที่เเพงหูฉีก

“ในโยโยกิดันเจี้ยนเเห่งนี้ เรามีร้านค้าเอาท์เล็ตที่ขายสินค้าลดราคาด้วย ถ้าสนใจก็อย่าลืมเเวะมานะคะ”

“ขอบคุณมากครับ”

“เอาล่ะ ฉันควรจะต้องไปแล้ว” นารุเสะยืนขึ้นเเละขยับมาอยู่ข้างผม เธอยิ้มอย่างน่ารักเเล้วเน้นว่า “ถ้าเกิดพร้อมที่จะบอกเเล้วว่าทำอะไรอยู่ อย่าลืมมาบอกฉันนะคะ โอเคนะ”

หลังจากนั้นเธอก็ออกจากคาเฟ่ไป

“นารุเสะงั้นหรอ” ผมพูดกับตัวเอง “กระตือรือล้นดีจังนะ”

ผมหยิบสมุดโน๊ตขึ้นมาจดโน๊ตส่วนของวันนี้กับส่วนของเมื่อวาน ผมพึ่งจัดการสไลม์ตัวที่ 99 ไป พอดูเวลาก็ยังไม่ถึงบ่ายสามโมง ผมจึงตัดสินใจว่าจะไปดันเจี้ยนต่ออีกหน่อยก่อนกลับบ้าน ผมจึงลุกออกจากที่นั่งโดยไม่รู้ถึงความโกลาหลที่ผมกำลังจะสร้างขึ้น

***

“เอาล่ะ ตัวที่หนึ่งร้อย!!” ผมตะโกน

ผมเหวี่งค้อนลงไปที่คอร์ของสไลม์ตัวที่ 100 ซึ่งน่าจะทำให้ผมได้ SP 0.02 เเต่ทว่าก็มีรายการอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นที่หางตา

“หืมม”

ในขณะนี้ เป็นที่รู้กันทั่วไปว่า สกิลนั้นมีหลายๆความสามารถ เเละถ้าจะปลดล๊อคมันนั้น คุณต้องทำเงื่อนไขของมันให้สำเร็จก่อน โดยทั่วไป ถ้าเป็นสกิลเกี่ยวกับเวทมนตร์จะทำให้ผลของมันรุงเเรงขึ้น

ผลเริ่มต้นของสกิลเมคกิ้งคือเป็นการจัดการค่าสเตตัส แต่หลังจากจัดการสไลม์ไปร้อยตัว เหมือนผมจะปลดล็อคความสามารถอะไรบางอย่าง

“คุณได้จัดการสไลม์ไป 100 ตัว” ผมอ่านจากรายการที่พึ่งเเสดงออกมา “กรุณาเลือกสกิล”

“นี่มันอะไรเนี่ย”

 

สกิลออร์บ : การป้องกันทางกายภาพ | 1/100,000,000

สกิลออร์บ : เวทมนตร์น้ำ | 1/600,000,000

สกิลออร์บ : การฟื้นฟูสุดยอด | 1/1,000,000,000

สกิลออร์บ : สโตเรจ | 1/7,000,000,000

สกิลออร์บ : วอลต์ (1) | 1/100,000,000,000

 

รายการพวกนี้เหมือนจะเป็นสกิลที่สไลม์นั้นมีอยู่

หรือจะเป็นรายการสกิลออร์บที่สไลม์นั้นสามารถดรอปได้

ผมจดรายละเอียดพวกนี้ลงในโน๊ตอย่างบ้าคลั่ง ตัวเลขพวกนี้น่าจะเป็นค่าความน่าจะเป็นในการดรอปออร์บนั้นๆ ในกรณีนี้ สกิลที่หายากที่สุดก็น่าจะเป็นสกิลสุดท้าย – วอลต์ จากตัวเลขนั้นความหายากของมันเป็นคนละระดับกับออร์บอื่นๆเลย ต้องจัดการสไลม์หนึ่งเเสนล้านตัวถึงจะมีโอกาสที่สกิลนี้จะดรอป

ผมบอกไม่ได้ว่าสกิลสโตเรจกับวอลต์นั้นเเตกต่างกันอย่างไร อีกทั้งยังบอกไม่ได้ว่าสกิลที่หายากกว่าจะมีประโยชน์มากกว่า

บางทีสำหรับตัวสไลม์เองก็อาจจะถือว่าสกิลนี้เป็นสกิลหายากก็ได้

“เเต่ว่าสำหรับเกมเมอร์โลภมากอย่างพวกเรา เป็นธรรมดาที่จะต้องเลือกสกิลที่หายากที่สุดเเหละนะ”

พอพูดอย่างนั้น ผมก็กดไปที่สกิลวอลต์ และออร์บก็โผล่ขึ้นมาตรงหน้าผมทันที เหมือนกับตอนที่ได้รับสกิลเมคกิ้ง ผมรีบเก็บออร์บลงไปในเป้ ถึงมั่นใจว่าไม่มีใครเห็น เเต่ผมก็คอยสอดส่องรอบๆตัวเผื่อเอาไว้ก่อน

ตอนนี้ก็มีอีกปริศนาเพิ่มมาให้ตรวจสอบ นั่นคือเมื่อไรสกิลถึงจะโผล่มาให้เลือก ผมรีบตามหาสไลม์ตัวต่อไปทันทีเพื่อดูสิ่งที่เกิดขึ้นตอนกำจัดสไลม์ตัวที่ 101 แต่หลังจากจัดการมันเสร็จ ผมได้รับเเค่ SP 0.01 และไม่มีสกิลให้เลือกในครั้งนี้ ถ้าจะตั้งสมมุติฐานตอนนี้ก็จะมีความเป็นไปได้มากเกินไป ผมจึงยอมเเพ้ไปก่อนเเละส่งข้อความหามิโยชิ

โยโยกิ-ฮาจิมัน

คืนวันนั้น มีบางคนมาทุบประตูห้องผม พอรีบไปดูก็เจอกับมิโยชิที่กำลังหอบหายใจ “สกิลออร์บโผล่ขึ้นมาจริงๆหรอ” นั่นเป็นประโยคเเรกที่ออกจากปากเธอ

“ใจเย็นๆก่อน” ผมตอบ “เข้ามาข้างในก่อนสิ”

มิโยชินั่งลงที่โต๊ะโคทัตสึตามปกติและยิ้มมองมาที่ผมด้วยสายตาเป็นประกาย ผมหยิบออร์บออกมาเงียบๆ

“ฉันไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นออร์บของจริงเลยนะ” มิโยชิพูดพลางใช้นิ้วจิ้มออร์บอย่างกล้าๆกลัวๆ “เเต่ ว้าว มันมีเเม้เเต่หน้าจอที่เเสดงเวลาตั้งเเต่ตอนดรอป นายเลยรู้ว่ามันคือสกิลออร์บสินะ ถึงจะสะดวกก็เถอะ แต่รสนิยมเเย่ชะมัด ของเเบบนี้มันทำให้เด็กผู้หญิงกังวลรู้ไหม อย่างน้อยก็มีเขียนอธิบายหน่อยเถอะ”

ผมมองมิโยชิที่พูดไม่หยุดด้วยหางตาในขณะที่กำลังเตรียมชาอยู่ในครัว เธอเปิดเเลปทอปอย่างรวดเร็วเเละเข้าไปยังฐานข้อมูลของJDA

“ออร์บนี้ไม่มีอยู่ในฐานข้อมูล” เธอพูด ดูเหมือนว่าเธอกำลังหาข้อมูลของสกิลวอลต์

“ก็เเน่ละ โอกาสดรอปมันมีเเค่หนึ่งในเเสนล้านนี่”

“หนึ่งในเเสนล้านหรอ นายรู้ได้ยังไง”

“ดูนี่สิ”

 

สกิลออร์บ : การป้องกันทางกายภาพ | 1/100,000,000

สกิลออร์บ : เวทมนตร์น้ำ | 1/600,000,000

สกิลออร์บ : การฟื้นฟูสุดยอด | 1/1,000,000,000

สกิลออร์บ : สโตเรจ | 1/7,000,000,000

สกิลออร์บ : วอลต์ (1) | 1/100,000,000,000

 

ผมยื่นโน๊ตที่จดรายการสกิลให้มิโยชิดูพร้อมกับอธิบายความสามารถใหม่ของสกิลเมคกิ้ง

มิโยชิฟังผมด้วยความตื่นเต้น เธอถอนหายใจ “ว้าว สกิลนี้เปลี่ยนโลกจากหน้ามือเป็นหลังมือได้เลยนะ”

“ตอนนี้มีเรื่องที่ไม่รู้เเละความเป็นไปได้เยอะมาก” ผมพูด “ยังมีอีกหลายอย่างที่ต้องตรวจสอบ”

“หรือว่าเงื่อนไขการทำงานของสกิลจะเป็นจำนวนของมอนสเตอร์ที่กำจัดได้ หรือจำนวนที่กำจัดติดต่อกัน หรือจำนวนของมอนเตอร์ชนิดเดียวกันที่ถูกกำจัด หรือจะเป็นตัวเลขมหัศจรรย์ที่จะทำงานทุกๆหนึ่งร้อยตัว หรือจะเป็นชุดตัวเลขที่เเตกต่างกันออกไป หรือจะทำงานเเค่ครั้งเดียว มีหลายอย่างจริงๆที่เรายังไม่รู้”

“ถ้าจะหาตัวเลขมหัศจรรย์นั่นอาจจะยากหน่อย เเล้วก็ไม่มีทางตรวจสอบด้วย เอาเป็นว่าตอนนี้ลองกำจัดอีก100ตัวดูก่อนละกัน”

“ก็ดีนะ หลังจากนั้นค่อยลองก๊อบลิน100ตัวต่อ”

“ก็ประมาณนั้น ถ้าเป็นไปได้ด้วยดีเราอาจจะได้เงินทุนมาทำการวัดร่างกายนั่นด้วย”

“จากรายการสกิลนี่ เวทน้ำเหมือนจะขายได้ราคาดีอยู่นะ” มิโยชิพูดแล้วทำการค้นหาอีกครั้ง “นอกเหนือจากนั้นเป็นสกิลที่ไม่มีในระบบทั้งหมดเลย”

“จริงหรอ ฉันแปลกใจนิดหน่อยที่สกิลการป้องกันทางกายภาพยังไม่เคยถูกค้นพบมาก่อน”

“เอ่ออ เวทมนตร์น้ำ…ราคาประมาณ แปดสิบล้านเยน”

“แปดสิบล้าน!”

“แถมนี่เป็นราคาเสนอซื้อของผู้ซื้อ ถ้าเรามีเวลามากพอ คิดว่าจะได้ราคาดีกว่านี้ ถ้ากองทัพมีส่วนด้วยล่ะก็ ลองคิดภาพกองทัพจ่ายเงินที่พอๆกับการซื้อเครื่องบินต่อสู้เเบบถูกๆไปกับสกิลออร์บอย่างเช่นเวทย์น้ำ ถ้ามองจากความคุ้มค่า การซื้อออร์บดีกว่าเยอะเลย”

ถึงยังไม่รู้ว่าสกิลนั้นทำอะไรได้ เเต่ในบางกรณี มันก็อาจจะดีพอในระดับที่จะเอาชนะระบบมิซไซล์ป้องกันได้ แค่มีป้ายติดว่า สำหรับการทหาร ก็เพียงพอที่จะทำให้ราคาสูงเเล้ว

“งั้นเราจะทำยังไงกับภาษีล่ะ” ผมถาม

“การขายที่เกิดขึ้นภายใต้ใบอนุญาตการค้าจากWDAต้องถูกหักภาษีดันเจี้ยน10เปอร์เซ็น”

“จริงหรอ มันต่ำมากเลยไม่ใช่รึไง”

“เเล้วยังมีการหักค่าดำเนินงานอีก 10 เปอร์เซ็นโดยJDA การที่ภาษีไม่ได้เป็นเเบบอัตราก้าวหน้านั้นก็เพื่อช่วยผลักดันการซื้อขาย เเล้วก็ไม่เหมือนหุ้นเพราะมันไม่มีการนำภาษีส่วนเกินไปลดปีถัดไป”

“สำหรับการลงดันเจี้ยน การหักที่แย่ที่สุดก็คือ”

“..ชีวิต” มิโยชิต่อประโยคของผมให้จบ

“เอาไว้จ่ายปีหน้าไม่ได้ด้วย”

มิโยชิยังจิ้มสกิลออร์บอยู่ในระหว่างที่คุยกัน “เคย์…”

“หืม”

“ฉันคิดมาตลอดเลย หรือว่าสกิลวอลต์จะเป็น..”

เอาจริงๆผมก็น่าจะคิดเเบบเดียวกัน

“ใช่ ผมตอบ” “จะต้องเป็นสกิลสุดพื้้นฐานของโลกแฟนตาซี – ไอเทมบ็อคซ์ – แน่นอน”

มิดยชิถอนหายใจเเละเอนหลังไปพิงเตียงของผม อ่านโน๊ตอีกครั้งเเล้วพูดขึ้น “เเต่ว่าก็มีสกิลสโตเรจอยู่ด้วย ไม่สโตเรจก็วอลต์จะต้องเป็นไอเทมบ็อกซ์เเน่ๆ ถ้าเราเอารายการสกิลนี้ไปเผยเเพร่ คงจะมีเเต่คนมาล่าสไลม์เเน่ๆว่ามั้ย”

เเม้ว่าสไลม์จะจะอ่อนเเอ เเต่มันก้สามารถดรอปสกิลออร์บได้ 5 อย่าง เเถมมีไอเทมบ็อคซ์อีก

“เเต่ว่านะ สกิลออร์บที่มีโอกาสดรอปมากที่สุด – ต้านทานทางกายภาพ – ยังมีโอกาสเเค่หนึ่งในล้านเท่านั้น” ผมพูด

“ใช่ นั่นเเหละเป็นสาเหตุที่ทำให้มันจะถูกล่าเยอะ”

“เเต่ว่าจนมาถึงตอนนี้ที่คนไม่สนใจสไลม์ก็เพราะมันฆ่าลำบากนี่นา”

“ก็ ฉันคงไม่เเปลกใจถ้ามีคนประสาทไม่ปกติเอาน้ำมันราดทั่วชั้นหนึ่งเเล้วจุดไฟเผาล่ะนะ”

“หยะ-อย่างนี้นี่เอง”

มอนสเตอร์ในดันเจี้ยนนั้นเมื่อถูกกำจัด มันจะเกิดขึ้นมาใหม่ ทำให้โดยรวมเเล้วจะเหมือนว่าจำนวนจะไม่ลดลง เเต่ทว่าถ้าปล่อยทิ้งไว้นานๆ จำนวนของมันจะค่อยๆเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน ถ้ามีคนล่ามอนสเตอร์เร็วเกินกว่าที่มันจะเกิดใหม่ จำนวนของมันก็จะลดลง ถึงเเม้จะมีมีคนคิดทฤษฏีนี้ เเต่ก็ยังไม่มีคนที่สามารถพิสูจน์มันได้

เพราะว่ามันถูกปล่อยทิ้งไว้เป็นเวลาสามปี ชั้นหนึ่งของโยโยกิดันเจี้ยนก็เลยเต็มไปด้วยสไลม์ ไม่มีใครไปล่าพวกมัน เเละก็ไม่มีมอนสเตอร์ตามธรรมชาติที่ล่าพวกมันด้วยเช่นกัน พูดอีกเเง่คือที่เเห่งนี้เป็นสรวงสวรรค์ของสไลม์ ถ้าผมมีเวทมนตร์โจมตีระยะไกลก็น่าจะสามารถจัดการสไลม์หลายๆตัวได้ในทีเดียว

“อย่าพึ่งเผยเเพร่ข้อมูลนี้ละกัน” ผมพูด

“เห็นด้วย เเล้วพวกเราก็ไม่สามารถบอกที่มาของข้อมูลนี้ได้เหมือนเดิม งั้นเราจะทำยังไงกับน้ำลายเอลียนดี”

“ถ้าเราเผยเเพร่ข้อมูลเรื่องสไลม์ เจ้านี่ก็คงขายดีเป็นเทน้ำเทท่า เเต่ถ้าไม่ ก็จะมีมีใครมาล่าสไลม์อยู่ดี สำหรับตอนนี้ เรารอดูท่าทีไปก่อนดีกว่า”

“เข้าใจเเล้ว”

“เเล้วเจ้านี่ล่ะ” ผมชี้ไปที่สกิลออร์บเเล้วถาม “เธออยากได้รึปล่าว มิโยชิ ในโลกเเฟนตาซี ไอเทมบ็อคซ์เป็นที่นิยมของพ่อค้าเเม่ค้านี่นา”

“เเต่ถ้ามันเป็นสกิลที่เราคิดกันไว้ ให้คนที่ต้องลงดันเจี้ยนมีไว้ไม่ดีกว่าหรอ”

“ก็ใช่ เเต่เดี๋ยว…เธอไม่คิดจะลงดันเจี้ยนรึไง”

“ถ้าฉันลง เราก็ต้องไปด้วยกันอยู่เเล้วนี่”

“ก็คงเป็นอย่างนั้น”

มองไปที่ออร์บ ผมก็พูดสิ่งที่ผมกังวลออกมา “เราสามารถมีสกิลหลายสกิลได้ใช่มั้ย ฉันไม่อยากให้สกิลเก่าหายไป”

“ไม่รู้เหมือนกัน ก็ไม่เห็นมีรายงานว่าไม่ได้ เเต่ก็ไม่มีรายงานว่าได้เหมือนกัน”

ในหมู่ทหารหัวะทิน่าจะต้องมีคนที่มีสองสกิลหรือมากกว่า เเต่ตามปกติเเล้ว ข้อมูลพวกนี้จะไม่ถูกเปิดเผย มีข้อมูลที่เกี่ยวกับกองกำลังพิเศษนี้ถูกเปิดเผยน้อยมาก

ถ้าเราสามารถครอบครองสกิลได้จำกัด การที่สกิลเมคกิ้งสามารถผลิตสกิลอื่นได้นั้นก็จะเปล่าประโยชน์ เเล้วถ้าการที่มีสองสกิลนั้นเป็นไปไม่ได้ ตัวสกิลเมคกิ้งเองก็อาจจะหายไป เเต่ว่าจากที่มีหน้าจอเลือกออร์บ ผมก็หวังว่าจะมีหน้าจอยืนยันถ้าจะต้องทับสกิลเก่าจริงๆ

“เเต่ว่า ถ้าคิดตามหลักเหตุผลจริงๆ“ ไม่เหมือนกับในไลท์โนเวลที่มีเซ็ตติ้งอยุ่ในยุคกลาง ไอเทมบ็อคซ์ก็ดูไม่ค่อยจำเป็นมากเท่าไรในญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน”

“ถ้าไม่นับการลงดันเจี้ยนเเล้ว ก็น่าจะจริงสำหรับชีวิตประจำวันของเรา ส่วนมากก็น่าจะเป็นการขนของที่ไม่สามารถใช้มือถือได้ อย่างเลวร้ายเลยคือ อาจจะโดยSDFเพ่งเล็ง สกิลนี้อาจจะมีประโยชน์เเค่การขโมยหรือการลักลอบขนของล่ะมั้ง”

“โห เริ่มฟังดูเป็นสกิลอันตรายขึ้นมาเเล้ว”

“ไม่ใช่ว่าช่วงนี้การขายต่อทองที่ลักลอบนำเข้ากำลังเป็นประเด็นอยู่ตอนนี้หรอ นายสามารถสร้างมาตรฐานใหม่ของการขนทองได้เลยนะ เงินเเค่80ล้านเยนนี่น้อยไปเลย”

พอคนรู้ว่าคุณมีสกิลอะไรอยู่ คนก้จะสงสัยว่าคุณอาจจะเอาสกิลไปใช้ในทางที่ไม่ดี

“หรือเราควรจะทิ้งมันไปดี” ผมถาม

“เคย์ ถ้าไม่นับที่เราพูดกันเมื่อกี้ ไอเทมบ็อกซ์มีประโยชน์มากสำหรับการสำรวจดันเจี้ยนนะ”

พวกเราสองคนนั่งอยู่ที่โต๊ะคนละข้าง คิดถึงสกิลก็ยังไม่รู้ว่าทำอะไรได้

 

กลับสู่ด้านบน / ทั้งหมด / 1- / 50 ล่าสุด

กระดานสนทนา [กว้างเกินไป] โยโยกิดันเจี้ยน 1296 [อาจหลงทางได้]

431 : นักสำรวจนิรนาม – มีใครเห็นคนเเก่แปลกๆช่วงบ่ายๆวันนี้ไหม

432 : นักสำรวจนิรนาม – ใช่ๆ ฉันก็เห็น หมอนั่นใส่ชุดธรรมดาใช่ไหม ฮันว่าเขาอายุยังไม่เยอะนะ ประมาณมหาลัยรึเปล่า

433 : นักสำรวจนิรนาม – ใช่ คนที่จะฆ่าตัวตาย ทำเอาโกลาหลไปหมด

434 : นักสำรวจนิรนาม – ฆ่าตัวตาย? หมอนั่นพยายามจะฆ่าตัวตายงั้นหรอ

435 : นักสำรวจนิรนาม – เขาดูปกติดีนะ ใส่เสื้อผ้าธรรมดาเเต่ว่าเขาเดินเข้าๆออกๆดันเจี้ยน ทำแบบนี้ซ้ำๆ หลังจากนั้นก็มีคนจากสำนักงานใหญ่JDAมาคุยด้วย น่าจะมีคนไปรายงานนายคนนี้ว่าเขากำลังพยายามฆ่าตัวตายเเต่ยังทำใจไม่ได้สักที

436 : นักสำรวจนิรนาม – โอ้ เมย์ซังก็เลยโปล่มาหรอ

437 : นักสำรวจนิรนาม – 555 ใครคือเมย์ซังนะ

438 : นักสำรวจนิรนาม – นารุเสะ มิฮารุ เธอเป็นพนักงงานของ JDA ส่วนของหน่วยการจัดการดันเจี้ยน ค่อนข้างจะดังเลยล่ะ นามสกุลเขียนเหมือนคำว่า “คลื่นซัด” เเล้วก็คันจิตัวเเรกสามารถอ่านได้ว่า นารุ หรือเมย์ ใช่มั้ยล่ะ ตอนเป็นน้องใหม่สมัยอยู่มหาวิทยาลัยเคย์โอ ได้ชนะการประกวดมิสเคย์โอด้วย ทุกคนคิดว่าเธอน่าจะไปเป็นผู้ประกาศข่าว เเต่กลับไปเข้าJDAซะอย่างงั้น

439 : นักสำรวจนิรนาม – ดูนายรู้เรื่องเธอมากเลยนะ เป็นสตอคเกอร์รึปล่าว

440 : นักสำรวจนิรนาม – เธอมีชื่อเสียงพอควรเลยล่ะ ประวัติของเธอมีอยู่ในส่วนพนักงานใหม่ของJDAเมื่อปีที่เเล้วด้วย

441 : นักสำรวจนิรนาม – เธอนั่งคุยกับนายฆ่าตัวตายนั่นที่YDคาเฟ่งั้นหรอ หรือว่าจะเป็นคนรู้จัก

442 : นักสำรวจนิรนาม – จริงดิ เมย์ซังเข้ากับคนอื่นง่ายด้วย บางทีเธออาจจะพยายามช่วยเขา

443 : นักสำรวจนิรนาม – เฮ้ บางทีพรุ่งนี้ฉันควรจะลองเข้าดันเจี้ยนโดยใส่ชุดธรรมดาดู

444 : นักสำรวจนิรนาม – อย่าทำตัวเป็นภาระคนอื่นน่า

445 : มาคิดดูอีกที มีใครบางคนจากแอเรีย 12 ที่กลายมาเป็นเเรงค์1บนWDARLนี่นา

446 : ไม่ใช่ฉันเเน่นอน

447 : ไม่ใช่ฉันด้วย

448 : ฉันก็ไม่ใกล้เคียงเลย

449 : ใครเป็นนักสำรวจลำดับสูงสุดของโยโยกิดันเจี้ยนตอนนี้นะ

450 : น่าจะเป็นกลุ่มจาก อาซากะ, อิจิกายะ หรือไม่ก็ฟุนาบาชิ

451 : เรากำลังพูดถึงลำดับสูงสุด เื่อกี๊หมอนั่นน่าจะหมายถึงคนที่ไม่ได้อยู่ในSDF นายง่าวเอ๊ย

452 : ตามนั้นเเหละ แต่ว่า อิโอริ เป็นนักสำรวจลำดับสูงสุดของSDFนี่

453 : เเล้วกลุ่มที่ชื่อคาเกโรหล่ะ ฉันได้ยินมาว่าพวกนั้นอยู่ที่ชั้น 19

454 : ฉันรู้มาว่าทีมชิบุลงไปถึงชั้น 20 กว่าเเล้ว

455 : เอาจริงๆที่พูดมาไม่เข้าเค้าที่จะเป็นเเรงค์หนึ่งได้เลย

456 : ในแอเรีย12 ไม่มีนักผจญภัยที่มีชื่อเสียงที่มาจากรัสเซียหรือออสเตรเลียด้วย

457 : ฉันลองไปอ่านประทู้ใน WDARLอ้างอิงจากนายฝรั่งเศส ไม่มีใครในลำดับ 6 หลักที่น่าจะเป็นไปได้เลย

458 : ฉันไม่อยากจะพูดเเบบนี้หรอกนะ แต่ก็ไม่มีใครในญี่ปุ่นที่น่าจะเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ

459 : พูดอีกเเง่ เราควรจะสงสสัยคนที่อยู่ๆก็โผล่มามากกว่า พวกที่คนไม่ค่อยรู้จัก เเต่ว่าเกี่ยวข้องกับทางการ

460 : อย่างนายฆ่าตัวตายไง

461 : ใช่ๆ

462 : คนที่อยู่เเรงค์หนึ่งก็ไม่น่าจะต้องใช้เครื่องป้องกันใช่ไหมล่ะ

463 : พอเถอะน่าพวกนาย กระทู้นี้มันฮิตติดลำดับอยู่นะ ถ้ามีมือใหม่เห็นเข้าเเล้วเกิดเชื่อขึ้นมาจะทำยังไง

464 : โอเคๆ

 

(1) หมายถึงตู้นิรภัย

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

Status: Ongoing
สามปีที่เเล้ว เพราะการทดลองที่ผิดพลาดที่แอเรีย51 ดันเจียนเเห่งเเรกได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ตอนนี้ทุกคน /ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือทหาร ก็ต่างออกสำรวจดันเจียนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์เพื่อความร่ำรวย พลัง และเวทมนตร์ โยขิมูระ เคโกะ เป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาที่ห่างไกลกับการผจญภัย ผู้มีความฝันอยากจะลาออกจากงานมาใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ ระหว่างออกไปทำงาน เขาก็ได้พบกับดันเจี้ยนกำเนิดใหม่และได้รับพลังที่ทำให้การสำรวจดันเจียนนั้นกลายเป็นเหมือนกับเกมRPG เรื่องมากมายเกิดขึ้นและเขาก็จับพลัดจับผลูกลายเป็นนักสำรวจเเรงค์หนึ่งของโลก ด้วยความช่วยเหลือจากมิโยชิ อาซึสะ ผู้ร่วมงานที่มีพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ เขาได้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอสเตตัสของเขาทำเงินได้อย่างมากมาย เเต่ทว่า เคโกะต้องตกอยู่ภายใต้การจับตามองของกองทัพ รัฐบาลหรือสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งไปกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับความฝันของเขาที่อยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกันเนี่ย!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท