ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น – ตอนที่ 1.11 D-Powers, เริ่มทำงานได้

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

26 ตุลาคม 2018 (วันศุกร์)

ก่อตั้งปาร์ตี้

ผ่านไปได้หนึ่งเดือนเเล้วหลังจากที่ผมกลายเป็นนักสำรวจเเรงค์หนึ่ง ผลจากการที่ผมฟาร์มสไลม์อย่างต่อเนื่องในโยโยกิดันเจี้ยนชั้น1 ทำให้ผมมีสกิลออร์บตามนี้เก็บอยู่ในวอลต์

 

สกิลออร์บ : สโตเรจ x1

สกิลออร์บ : :การฟื้นฟูสุดยอด x1

สกิลออร์บ : เวทมนตร์น้ำ x4

สกิลออร์บ : การป้องกันทางกายภาพ x4

 

ต้องขอบคุณเรื่องนี้ที่ทำให้ผมลาออกจากงานได้ เเถมมิโยชิก็ยังยื่นใบลาออกเเล้วด้วย จากที่เธอเล่ามา วิธีที่บริษัทพยายามรั้งเธอไว้นั้นมันเข้มข้นกว่าคราวผมซะอีก มิโยชิที่กำลังหวาดกลัวนั้นถูกบังคับให้เข้าไปในห้องเเคบๆ เเละสัมภาษณ์เหตุผลที่ลาออกอย่างตึงเครียด

เเต่ถึงอย่างไรก็ตาม กำไรที่น่าจะได้จากการขายออร์บเวทย์น้ำ น่าจะทำให้ผมกับมิโยชิอยู่ได้อีกสักพัก

“เคย์ ในญี่ปุ่นยุคปัจจุบัน ถ้าไม่เปิดเผยชื่อจะทำธุรกิจอะไรได้ยากมากเลยนะ” มิโยชิเตือน

การจัดสรรปันส่วนกำไรที่ได้นั้นทำได้ยาก ในยุคปัจจุบัน ไม่ว่าคุณจะทำยังไงก็ตาม การเคลื่อนย้ายกำไรไปไหนก็เเล้วเเต่นั้นจะต้องเสียภาษีทั้งหมด เพราะฉะนั้นคุณต้องเปิดเผยชื่อหรือไม่ก็ต้องเสียภาษีมหาศาล

ลองจินตนาการถึงการสร้างบริษัท มีการจัดทำทะเบียนผู้ถือหุ้น เเละมีการจ่ายปันผลในขณะที่ยังไม่ได้เป็นบริษัทมหาชน ก็จะมีเเค่ผู้ถือหุ้นกับสถาบันการเงินเท่านั้นที่จะสามารถดูทะเบียนได้ เเล้วคุณก็จะคิดว่าเสียภาษีเเค่ 20% หน่อยๆใช่ไหมล่ะ ถ้าคุณคิดเเบบนี้ล่ะก็ผิดมหันต์เลย บริษัทขนาดใหญ่ที่ยังไม่เข้าตลาดหลักทรัพย์นั้นจะเสียภาษีจากรายได้รวมทั้งหมด เเละเงินปันผลก็ต้องจ่ายภาษีเเบบอัตราก้าวหน้า ซึ่งรวมถึงภาษีเงินได้กับภาษีผู้อยู่อาศัย

สรุปคือต้องเสียภาษี 55%

“ไม่เเปลกใจเลยที่คนจะใช้บริการเเหล่งพักภาษี” มิโยชิร้อง

มิโยชิคิดที่จะก่อตั้งบริษัทในต่างประเทศเเละทำการซื้อขายที่นั่น เเต่เพราะปกติเเล้วเธอไม่ค่อยมีความมั่นใจ ก็เลยหยุดเเผนการนี้ไว้ก่อน เธอบอกว่า “ฉันเเค่รู้สึกผิดน่ะ รู้ไหม”

”เพราะฉะนั้น ฉันเลยตัดสินใจใช้ระบบปาร์ตี้” เธอสรุป

เมื่อลงดันเจี้ยนด้วยกัน ระบบปาร์ตี้นั้นจะช่วยให้กลุ่มๆนั่นเเบ่งกำไรกันได้ ตอนแรกปาร์ตี้จะเเค่เอาไว้ซื้อขายอาวุธเครื่องป้องกันสำหรับของทั้งทีม ผมก็ไม่รู้ว่าระบบภาษีมันทำงานยังไง แต่เหมือนว่าปาร์ตี้นั้นจะถือว่าเป็นนิติบุคคลเหมือนกัน

หัวหน้าปาร์ตี้จะต้องจัดการสมาชิกในแบบเดียวกันกับบริษัทหรือผู้ถือหุ้น

”นายต้องไม่เชื่อเเน่ๆว่าฉันต้องทำงานหนักขนาดไหน” มิโยชิยืดอกอย่างภาคภูมิใจ ”ขนาดตอนไปถามนักบัญชี ฉันยังเเทบไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง ระบบภาษีมันไม่ควรจะต้องเค้นหัวสมองมาเพื่อทำให้เสียเงินน้อยที่สุดสิ เหมือนกับรัฐบาลกำลังบอกพวกเราว่า ‘ถ้าโง่ก็จ่ายเงินมา’เลยนี่นา”

”มีความพยายามที่จะผลักดันการเปลี่ยนแปลงกฏหมายภาษีเหมือนกัน” มิโยชิเริ่มสอนผม ”แต่ว่าสิ่งที่อยากจะเปลี่ยนนั้นมันไปในคนละเเนวทางกับกฏหมายภาษีปัจจุบัน พวกนักกฏหมายเลยต้องคิดอย่างรอบคอบเรื่องความสอดคล้องของกฏหมาย ภาษีนั้นมีโครงสร้างของมันอยู่เเล้ว เรื่องนี้ทำให้ฉันนึกถึงหลักศิลปศาสตร์ข้อนึง ที่เเม้ว่าระบบมันจะแย่หรือไม่สมเหตุสมผลขนาดไหน แต่ตราบเท่าที่มันยังคงอยู่ได้เเละทำงานด้วยกันได้โดยไร้ข้อบกพร่อง ระบบนั้นก็สามารถเป็นที่ยอมรับได้ แต่ฉันก็คิดมาตลอดเลยว่าภาษีเนี่ยควรจะออกเเบบให้คนธรรมดาคิดเองได้หน่อยเถอะ”

”ถ้าเป็นอย่างงั้น พวกที่ปรึกษาด้านภาษีก็ตกงานหมดสิ”

”ขนาดร้านอาหารจานด่วนยังมีการจัดเซ็ตมาขายถูกๆเลยนะ แต่กรมสรรพากรไม่ทำแบบนั้น พวกนั้นน่าจะอยากสูบเลือดสูบเนื้อเราทุกบาททุกสตางค์”

”ก็ตอนนี้ญี่ป่นก็ติดตัวแดงอยู่นี่นา”

เหมือนว่าการตั้งปาร์ตี้นั้นจะต้องใช้เงินมากจนน่าตกใจ จนทำให้มิโยชิครวญครางไม่หยุดว่า ”เงินเก็บของข้า ของรักของข้า”(1)

พวกเรากัดฟันจ่ายเงินไปคนละสามเเสนเยน เงินนี้ครอบคลุมค่าดำเนินการทางกฏหมายเเละการสร้างตราประทับลงทะเบียนอย่างเป็นทางการ(2)

พอเงินเก็บของพวกเราร่อยหรอ มิโยชิเลยคิดจะสร้างเวปไซต์เพื่อขายออร์บขึ้นมาเร็วๆนี้

”ออร์บพวกนี้ต้องขายได้เเน่ๆ” เธอพูด ”ถึงจะมีค่าใช้จ่ายที่นึกไม่ถึงพวกนี้ด้วย แต่เราก็น่าจะได้กำไรนะ ถึงอาจจะเเค่นิดเดียวก็เถอะ”

มิโยชินี่ทำงานหนักชะมัด

เราใส่ที่อยู่ของปาร์ตี้เป็นตึกที่มิโยชิอยู่ แต่ที่ทำงานจริงๆก็จะเป็นห้องกินข้าวของผม เธอเสนอว่าให้เราย้ายไปที่ใหม่ถ้าเริ่มมีกำไร แต่ผมไม่เห็นด้วย คิดว่าที่อยู่ตอนนี้ก็ดีอยู่เเล้วไปอีกสักพัก

ชื่อปาร์ตี้น่ะหรอ ”ดันเจี้ยน พาวเวอร์ส” ไงล่ะ

เป็นความผิดของมิโยชิเลย ตอนกำลังเมาๆจากไวน์ เธอก็ดันส่งชื่อที่ฟังดูเหมือนพวกต้มตุ๋นนี้ไป แต่ก็น่าแปลกใจที่เธอดูพอใจกับชื่อนี้ไม่น้อย

ดังนั้น พอส่งคำขอก่อตั้งปาร์ตี้เรียบร้อย(อีโมจิร้องไห้) ปาร์ตี้ของพวกเราก็ได้เริ่มก่อตั้งขึ้นโดยมีมิโยชิเป็นหัวหน้าและมีผมเป็นสมาชิก

 

 

บทที่ 2 : D-Powers, เริ่มทำงานได้

 

1 พฤจิกายน 2018 (วันพฤหัสบดี)

หน่วยงานดันเจี้ยน คาสุมิคาเซกิ

”ครับ ผมเข้าใจเเล้วครับ ขอบคุณที่ติดต่อมา ทางเราจะตรวจสอบเรื่องนี้ครับ”

ชายที่ทำงานที่หน่วยงานดันเจี้ยนนั้นวางสายพร้อมถอนหายใจ

หน่วยงานดันเจี้ยนเป็นหน่วยงานที่จัดการดันเจี้ยนทั่วญี่ป่นตรงตามชื่อ ถึงภายในดันเจี้ยนจะเป็นขอบเขตอำนาจของWDA เเต่โดยส่วนมากเเล้วหน่วยงานดันเจี้ยนจะคอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางติดต่อกับJDA กระทรวงทั้งหลายและหน่วยงานรัฐต่างๆ

ภายในเวลาไม่นานหลังจากการปรากฏตัวขึ้นของเดอะลิงค์ WDAก็ได้ถูกก่อตั้งขึ้นเพราะจำเป็นต้องมีองค์กรที่จะมาบริหารดันเจี้ยน และด้วยความที่ว่าWDAนี้มีอำนาจเหนือทุกๆดันเจี้ยน กระทรวงเเละหน่วยงานรัฐจึงให้ความสนใจอย่างใกล้ชิด

จากมุมมองด้านทรัพยากร กระทรวงการค้าเเละอุตสาหกรรมเลยพยายามจะจัดดันเจี้ยนให้อยู่ภายใต้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติเเละพลังงาน ยังมีมุมมองจากด้านการวิจัยที่ทำให้กระทรวงกระทรวงการศึกษาวิจัยและเทคโนโลยี พยายามที่จะสร้างสำนักงานใหญ่สำหรับส่งเสริมการวิจัยดันเจี้ยน เหมือนกับที่สร้างสำนักงานใหญ่เพื่อส่งเสริมการวิจัยแผ่นดินไหว

ยังมีกระทรวงการบริหารงานภายในและการสื่อสาร ที่พยายามก่อตั้งหน่วยงานจัดการดันเจี้ยนเอาไว้ภายใต้หน่วยงานการจัดการอัคคีภัยและภัยพิบัติ ซึ่งหน่วยงานนี้ที่จริงเเล้วไมไ่ด้อยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงนี้เมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน เเต่ว่าจะไปรับคำสั่งจากหน่วยบัญชาการควบคุมความเสียหายหรือรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรีฝ่ายการจัดการวิกฤตเเทน ด้วยสาเหตุนี้จึงทำให้กระทรวงการบริหารงานภายในและการสื่อสารพยายามใช้โอกาสนี้ในการปฎิรูปให้ตนเองมีอำนาจครอบคลุมไปถึงตอนมีเหตุฉุกเฉินด้วย โดยใช้ดันเจี้ยนเป็นเหตุผล

เเม้กระทั่งกระทรวงยุติธรรมก็ยังพยายามจะสร้างหน่วยงานควบคุมดันเจี้ยนไว้ภายใต้สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองญี่ปุ่น เเต่ใครมันจะไปย้ายออกจากญี่ปุ่นเเล้วไปอาศัยอยู่ในดันเจี้ยนกันเล่า

สุดท้ายเเล้วกระทรวงเเละหน่วยงานเหล่านี้ก็ต้องมาตกลงกัน เเต่การหาข้อตกลงที่ทำให้ทุกฝ่ายพอใจนั้นเป็นไปได้ยาก ด้วยเหตุนั้น พระราชบัญญัติจัดตั้งหน่วยงานดันเจี้ยนก็ได้ถูกสร้างขึ้น ซึ่งหน่วยงานดังหล่าวนั้นไม่ได้ขึ้นตรงอยู่กับกระทรวงใดๆ

ชายที่พึ่งวางสายไปนั้นถอนหายใจ

“ทำไมถึงทำหน้าอย่างงั้นล่ะ” เพื่อนร่วมงานถาม

“เราได้รับโทรศัพท์แบบเดิมๆมาหลายรอบเเล้วตั้งเเต่เช้านี้ เป็นใครก็ต้องเหนื่อยใช่ไหมล่ะ พวกเราเป็นเเค่หน่วยงานที่ไม่มีความสำคัญ ทำหน้าที่เเค่เป็นตัวกลางเท่านั้นเอง ถึงจะติดต่อมามากขนาดไหน เราก็ทำอะไรให้ไม่ได้นี่”

“อ๋อ พวกนั้นโทรมาเรื่องการประมูลใช่ไหม”

“ใช่ พวกนั้นเอาเเต่ถามว่า ‘เป็นเรื่องหลอกลวงรึเปล่า’ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า โทรไปหาแผนกอาชญากรรมทางไซเบอร์ของกรมตำรวจสิ ให้ตายเถอะ”

“เเต่ก็มีการเเสดงหมายเลขใบอนุญาติการค้าของผู้ขายให้ทุกคนเห็นเเล้วนะ…หรือเราควรส่งเรื่องต่อไปที่สำนักงานความปลอดภัยสาธารณะดี”

พอคิดเรื่องนี้สักพัก ชายคนที่คอยรับสายโทรศัพท์ก็พยักหน้า ไม่มีอะไรที่เขาชอบมากไปกว่าการโยนงานให้คนอื่น

“ฟังดูดีนี่ ดูเเล้วเรื่องนี้น่าจะเกียวกับสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะ นายรายงานไปที่คณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติพร้อมกับจำนวนสายที่เราได้รับทั้งหมด อ้อ ฝากส่งไปที่แผนกการจัดการดันเจี้ยนของJDAด้วย”

“ใช่ งานของที่นั่นก็ครอบคลุมหลายอย่างเหมือนกัน”

“ในดันเจี้ยนมีอะไรหลายๆอย่างเกิดขึ้นตลอด ไม่อิจฉาพวกนั้นเลยสักนิด”

จนกว่าจะมีระบบที่เสถียรเเละลงตัว จำเป็นที่จะต้องมีหน่วยงานที่“คอยทำทุกอย่างให้เสร็จ” เพื่อเป็นจุดศูนย์รวมการติดต่อ เเต่ตราบเท่าที่ไม่มีใครมีสิทธิสั่งการเด็ดขาด ฉันก้ไม่อยากจะไปอยู่ในหน่วยงานนั้นเเน่ ชายคนนั้นคิดพร้อมถอนหายใจ

ด้วยเหตุนั้น ข้อมูลเรื่องการประมูลนั้นก็ได้ถูกส่งต่อจากหน่วยงานดันเจี้ยนไปยังสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะ

แผนกอาชญากรรมทางไซเบอร์ของกรมตำรวจโตเกียว, ชินบาชิ (เขตมินาโตะ)

โดยปกติแผนกอาชญากรรมทางไซเบอร์ก็จะได้รับโทรศัพท์อย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเรื่องที่อาจจะละเมิดกฏหมายอยู่เเล้ว เเต่โดยเฉพาะวันนี้พวกเขาได้รับโทรศัพท์เพื่อสอบถามเป็นจำนวนมากอย่างผิดปกติ ถึงเรื่องการประมูลที่อาจจจะเป็นการต้มตุ๋นหลอกลวง

“ไม่ครับ พวกเราไม่ทราบในเรื่องนั้น เเต่ถ้าพวกเขาไม่ได้ขายของผิดกฏหมาย ก็จะไม่ใช่อาชญากรรม หือ พวกตุ้มตุ๋นงั้นหรอ แต่ยังไม่มีผู้เสียหายใช่ไหม โอ๊ย!”

เพราะไม่ได้คำตอบที่ต้องการ คนๆนั้นได้ตวาดใส่พนักงงานเเละวางสายใส่

“เรื่องอะไรกัน” เพื่อนร่วมงานถาม “เกี่ยวกับการประมูลนั่นอีกเเล้วหรอ”

ชายคนที่รับสายเมื่อครู่นั้นกระเเทกโทรศัพท์กลับเข้าที่ “ใช่”

“ทำไมงานให้คำปรึกษาของเราถึงมีเเค่ผ่านโทรศัพท์กันนะ สิ่งเดียวที่บริการนี้มีผลคือ การช่วยเพิ่มความเครียดของพนักงาน กับเป็นการใช้เวลาของพนักงานไปโดยเปล่าประโยชน์เท่านั้นเอง เรื่องเเค่นี้ใช้อีเมลล์ไม่ได้รึไง”

“เคาเตอร์ต้อนรับของเราเปิดตอน 8.30ในตอนเช้า เเละปิดตอน 5.15 ในตอนเย็นของทุกๆวันธรรมดา เท่านี้ก็ตอบคำถามนายรึยัง”

ชายคนที่ถามนั้นยักไหล่เเละตอบว่า “งานของแผนกเรานั้นคือการรับมือกับ อาชญากรรมทางเทคโนโลยี เช่น การเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาต ฉ้อโกง หมิ่นประมาท ข่มขู่ กรรโชก ลามกอนาจาร เเละเเละการมุ่งร้ายคู่เเข่งทางธุรกิจ” เขาพูดเเล้วเกาหัว “ถ้ายังไม่มีอาชญากรรมเกิดขึ้น พวกเราก็ทำอะไรไมไ่ด้”

“พูดในอีกเเง่คือ พวกเขาอยากให้เราตรวจสอบเพราะมัน อาจจะ เป็นอาชญากรรม”

“ถ้าเราตัดสินใจว่าจะต้องตรวจสอบเรื่องนี้ เราก็จำเป็นต้องตรวจสอบการประมูลออนไลน์ทุกๆที่ใช่ไหมล่ะ ‘ของที่ขายเป็นของเเท้รึเปล่า’ ‘ไม่ได้หลอกลวงใช่ไหม’” เรากำลังอยู่ในดิสโทเปียรึไงกัน(3)

“แแต่ถ้าดูจากของที่เอามาประมูล ก็เข้าใจได้นะที่ทุกคนจะสงสัย เเต่ว่า…เเค่วางเเผนจะทำการฉ้อโกงมันยังไม่เป็นอาชญากรรมนี่สิ”

ในจังหวะวางเเผน นี้หมายความว่าอาชญากรรมนั้นยังไม่ได้เกิดขึ้น เเต่ถ้ามันเกิดขึ้นจริง ผู้กล่าวหาอาจจะถูกตั้งข้อสงสัยถึงการสมคบคิดด้วยเช่นกัน

“สิ่งที่พวกเขาพยายามขาย อาจจะดูเป็นไปไม่ได้ เเต่ตราบใดที่มันไม่ผิดกฏหมาย เราก็ไม่สามารถออกหมายจับอะไรได้”

“งั้นตอนนี้ เราส่งรายงานกับคำถามไปหาJDAก็เเล้วกัน หมายเลขใบอนุญาติการค้าก็ถูกระบุไว้ชัดเจนด้วย พวกเขาน่าจะระบุตัวคนขายได้ทันที”

พอพูดจบ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง เหมือนกำลังขู่ว่า “รับสายฉันเดี๋ยวนี้”

ขอให้เป็นเรื่องอื่นที่ไม่ใช่เรื่องประมูลด้วยเถอะ ชายคนนั้นภาวนา เเต่เเน่นอนว่าคำอธิฐานของเขามันไม่ได้ผล

 

 

(1) ล้อเลียนกอลลัม จากเดอะลอร์ดออฟเดอะริง

(2) ตราประทับของประเทศญี่ปุ่น เป็นสัญลักษณ์ที่มีความสำคัญมากในวัฒนธรรมญี่ปุ่น มักใช้แทนลายเซ็นในการเซ็นเอกสารสำคัญหรือทำธุรกรรมต่างๆ ซึ่งในปัจจุบันก็ยังมีการใช้งานอยู่ในหน่วยงานรัฐ

(3) ดิสโทเปีย : สังคมหรือโลกที่มีสภาพเลวร้ายและไม่เหมาะสม ซึ่งมักเกิดจากการปกครองที่ไม่เป็นธรรม ความทุจริต หรือการขาดการดูแลสุขภาพและสวัสดิการของประชาชนในระดับที่ร้ายแรง

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

ดี-เจเนซิส : สามปีหลังจากดันเจียนปรากฏขึ้น

Status: Ongoing
สามปีที่เเล้ว เพราะการทดลองที่ผิดพลาดที่แอเรีย51 ดันเจียนเเห่งเเรกได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลก ตอนนี้ทุกคน /ไม่ว่าจะเป็นประชาชนคนธรรมดาหรือทหาร ก็ต่างออกสำรวจดันเจียนที่เต็มไปด้วยมอนสเตอร์เพื่อความร่ำรวย พลัง และเวทมนตร์ โยขิมูระ เคโกะ เป็นพนักงานเงินเดือนธรรมดาที่ห่างไกลกับการผจญภัย ผู้มีความฝันอยากจะลาออกจากงานมาใช้ชีวิตอย่างง่ายๆ ระหว่างออกไปทำงาน เขาก็ได้พบกับดันเจี้ยนกำเนิดใหม่และได้รับพลังที่ทำให้การสำรวจดันเจียนนั้นกลายเป็นเหมือนกับเกมRPG เรื่องมากมายเกิดขึ้นและเขาก็จับพลัดจับผลูกลายเป็นนักสำรวจเเรงค์หนึ่งของโลก ด้วยความช่วยเหลือจากมิโยชิ อาซึสะ ผู้ร่วมงานที่มีพรสวรรค์ด้านคณิตศาสตร์ เขาได้ใช้ประโยชน์จากหน้าจอสเตตัสของเขาทำเงินได้อย่างมากมาย เเต่ทว่า เคโกะต้องตกอยู่ภายใต้การจับตามองของกองทัพ รัฐบาลหรือสิ่งที่ชั่วร้ายยิ่งไปกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับความฝันของเขาที่อยากจะใช้ชีวิตเรียบง่ายกันเนี่ย!?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท