กระทรวงกลาโหม, อิจิกายะ
เวลา 14 นาฬิกาของวันที่ 5 พฤจิกายน อิโอริเเละทีมของเธอได้มาถึงกระทรวงกลาโหมตามคำสั่ง ภายในห้องทำงานของเทราซาวะ พวกเธอกำลังยืนทึ่งกับออร์บที่อยู่ตรงหน้า
ซาวาตาริซึ่งเป็นคนที่จริงจังที่สุดในทีม พึ่งเคยเห็นออร์บครั้งเเรกจึงลังเล
“ท่านพันตรี อนุญาติพวกเราใช้ออร์บนี่ได้จริงๆหรือครับ”
ออร์บเเต่ละลูกนั้นราคา 2000ล้านเยน อีกทั้งยังใช้เเล้วหายไปเลยกลายเป็นทรัพย์สินของคนๆหนึ่งทันที เป็นไปได้ว่าถ้าใช้ไปเเล้วพวกเขาจะไม่ได้รับอนุญาติให้ลาออกจาก SDF ได้เลย
“เเน่นอน ถึงเคยมีการปรึกษากันเหมือนกันว่าจะให้ทหารอายุน้อยมาใช้ออร์บพวกนี้เเทน เเต่ว่า…”
ตอนนี้ซาวาตารินั้นมีอายุ 32ปี เเม้ว่าจะอยู่ในช่วงอายุที่ดีที่สุดสำหรับอาชีพนี้ เเต่ก็พูดไม่ได้ว่ายังหนุ่มยังเเน่น อีกทั้งฮากาเนะเองก็อายุ 36 ปี
ฮากาเกะกำลังนิ่งเงียบรอพันตรีพูดต่อ
“ฉันคัดค้านเรื่องนั้นเอง เพราะจนกว่าทหารหนุ่มพวกนั้นจะมีความสามารถพอที่จะใช้ออร์บได้ พวกเขาก็จะอายุเท่าพวกเธออยู่ดี”
“จริงครับ” ฮากาเนะตอบ
การให้พลังพิเศษกับทหารหนุ่มที่ยังไม่ได้รับการฝึกนั้น ไม่ได้ช่วยเพิ่มโอกาสมีชีวิตรอดให้เเต่อย่างใด นี่เป็นข้อเท็จจริง จำนวนทหารที่เสียชีวิตในดันเจี้ยนนั้นมีมากกว่าคนที่เสียชีวิตในสนามรบซะอีก
ไคบะ-ชายผู้ที่มีอายุค่อนข้างน้อยในทีม ได้ใช้ออร์บอย่างไม่ลังเล เขากำลังตรวจสอบร่างกายของตัวเอง
“เธอไม่ยอมเสียเวลาเลยนะไคบะ รู้สึกเป็นยังไง” เทราซาวะถาม
“ก็ถ้ายืนทำหน้าเศร้าอยู่เฉยๆมันไม่ช่วยอะไรนี่ครับ เเละนี่เป็นครั้งเเรกที่ผมได้ใช้ออร์บเลยไม่มีอะไรมาเปรียบเทียบ เเต่ว่า… รู้สึกเหมือนมีอะไรสักอย่างข้างในตัวผมเกิดใหม่”
ในระหว่างที่มองการพูดคุยนี้ด้วยหางตา อิโอริเล่าความไม่สบายใจของเธอให้ฮากาเนะฟัง “ฉันคิดว่าจะมีการโต้เถียงมากกว่านี้เรื่องใครจะเป็นคนใช้ออร์บซะอีกนะคะ”
“เราไม่มีเวลามาโต้เถียงก็เพราะออร์บใกล้หมดอายุ” เทราซาวะตอบเเทน “เเละเพราะว่าสกิลพวกนี้เปลี่ยนทหารให้กลายเป็นอาวุธทำลายล้างได้ เลยให้พวกหัวกะทิใช้จะเหมาะสมกว่า อีกทั้ง…”
อิโอริสังเกตได้ว่าเทราซาวะลังเลที่จะพูด เลยถามต่อขึ้นมา “อีกทั้งอะไรหรือคะ”
“ลองดูพวกเขาสิ ฉันมีความรู้สึกแปลกๆ ถ้าเปรียบเทียบกับ3ปีที่ผ่านมา ตอนนี้เราสามารถหาออร์บได้ง่ายขึ้นมาก นั่นส่งผลให้เราสามารถใช้ออร์บได้อย่างไม่ลังเลมากขึ้น”
“พวกเขา… หมายถึงดี-พาวเวอร์สสินะคะ”
“ใช่”
“พวกเขามีสมาชิกกี่คนคะ”
“มีเเค่ 2 คงที่ลงทะเบียนกับทางJDA”
“เเค่สองคนเองหรือคะ!!”
อิโอริไม่เชื่อหูตัวเองเพราะเธอคิดว่าจะเป็นปาร์ตี้ใหญ่ พวกเขาหาออร์บมากมายขนาดนั้นได้ยังไงโดยใช้คนเเค่สองคน ในสามปีที่ผ่านมา ทั้งJDAGสามารถหาได้เเค่ 6 ลูกเท่านั้นเอง
“นั่นทำให้เธอไม่สบายใจรึปล่าว อิโอริ” เทราซาวะถาม
“ก็…ใช่ค่ะ”
“ดุเหมือนว่าทางเบื้องบนก็ไม่สบายใจเช่นกัน หลังจากการซื้อขายเสร็จสิ้น ทานากะ-ชายคนที่เข้าร่วมการซื้อขายกับฉันด้วย ได้ออกคำสั่งกับพวกเขาไม่ให้ออกนอกประเทศ คำสั่งนั่นมีลายเซ็นจากทั้ง ผู้อำนวยการองค์การดันเจี้ยน รัฐมนตรว่าการประทรวงการต่างประเทศเเละประธานคณะกรรมการความปลอดภัยสาธารณะแห่งชาติ”
“ทานากะหรือคะ”
ถึงเขาจะได้รับมอบหมายหน้าที่สำคัญมา เเต่อิโอริกลับไม่เคยได้ยินชื่อชายคนนี้
“ฉันก็ไม่รู้จักเขาเหมือนกันแต่ฉันได้รับคำสั่งมาไม่ให้ถาม เเค่ให้ทานากะเข้าร่วมการพูดคุยด้วยเท่านั้น เเต่จากกิริยาท่าทางนั่นบวกกับความรวดเร็วของเจ้าหน้าที่ที่คอยต้อนรับ เขาน่าจะมาจากสำนักงานข่าวกรองและวิจัยคณะรัฐมนตรี”
เพื่อที่จะกีดกันไม่ให้ปาร์ตี้หนึ่งๆออกนอกประเทศ สำนักงานข่าวกรองและวิจัยคณะรัฐมนตรีได้ตามล่า 3 ลายเซ็นนี้มาอย่างนั้นหรอ อิโอริคิดว่าทางที่ดีไม่ควรจะไปยุ่งจะดีที่สุด
“ไม่ใช่ว่าดี-พาวเวอร์สเป็นปาร์ตี้ทั่วๆไปหรือคะ”
เทราซาวะเงียบไปชั่วขณะก่อนที่จะตอบ
“ใช่ พวกเขาเป็นปาร์ตี้ทั่วๆไป ถ้าเธอเรียกปาร์ตี้ที่สามารถนำออร์บเวทย์น้ำสามลูกที่มีตัวเลขไม่ถึง60นาทีมาที่ห้องประชุมJDAว่าทั่วๆไปละก็นะ”
“นั่น…แปลว่าพวกเขาสามารถสร้างออร์บได้ตามใจงั้นหรือคะ”
เทริซาวะคิดว่าสิ่งที่อิโอริพูดนั้นอาจจะถูกต้องก็ได้ เมื่อพูดถึงดี-พาวเวอร์ส ผู้คนอาจจะคิดว่าพวกเขามีเทคโนโลยีในการเก็บรักษาออร์บ หรือเครือข่ายนักสำรวจระดับสูง หรือไม่ก็มีนักสำรวจนิรนามคอยให้ความช่วยเหลือ เเต่ความสามารถให้การสร้างออร์บงั้นหรอ ถ้ามันเป็นไปได้จริงก็จะตอบคำถามสิ่งที่ดี-พาวเวอร์สทำได้ทุกอย่าง
“ท่านคะ” อิโอริถาม “พันตรีเทราซาวะ”
“โทษที อย่าพึ่งถามอะไรสักพัก”
ถ้าจำไม่ผิด เขาพึ่งได้รับรายงานบางอย่างจากJDAเมื่อไม่นานมานี้
เทราซาวะเปิดคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ ดึงรายการสกิลที่กำลังเฝ้าระวังของเดือนที่เเล้วขึ้นมา มันมีรายการออร์บที่มีคนค้นหาในJDAเมื่อเดือนที่ผ่านมา
ปกติเเล้ว สำหรับคนทั่วไปนั้น เวลามีออร์บดรอป พวกเขาจะตรวจสอบออร์บกับ 2 ฐานข้อมูล อย่างเเรกคือ รายการออร์บที่มีคนรอซื้อของJDAเพื่อหาราคาของออร์บนั้นๆ เเละอีกตัวคือฐานข้อมูลสกิลของJDA
เเต่ว่าบางคนอาจจะอ่านนิยายมาเเล้วลองเอาชื่อสกิลมาค้นหาในฐานข้อมูลสกิลก็เป็นไปได้เช่นกัน
โดยปกติเเล้วถ้าคนหาสกิลไม่เจอในฐานข้อมูลสกิล ก็จะไม่ไปหาต่อในรายการออร์บรอซื้อ เพราะจะรู้อยู่เเล้วว่าออร์บนั้นๆไม่มีคนรู้จัก
ถ้างั้นคนที่เช็ครายการซื้อขายก่อนเเล้วค่อยเช็คฐานข้อมูลสกิลล่ะ ถ้าเป็นเเบบนั้น คนๆนั้นต้องดรอปออร์บดังกล่าวมาเเน่นอน
เมื่อมีการค้นหาประเภทนี้เกิดขึ้น ชื่อสกิลดังกล่าวจะถูกเพิ่มไปยังรายชื่อสกิลเฝ้าระวังของJDA
เเต่ว่าบางทีก็ไม่เป็นไปตามที่คิด ผู้คนอาจจะค้นหาชื่อสกิลเล่นๆก็เป็นได้ ไม่ได้หมายความว่าทุกสกิลที่ถูกค้นหาจะเป็นสกิลใหม่ทั้งหมด อย่างเช่นชื่อสกิลที่ถูกค้นหามากที่สุดของญี่ปุ่นจะเป็น ‘ไอเท็มบ็อกซ์’
นี่ทำให้รายชื่อสกิลเฝ้าระวังของJDAไม่ได้มีความสลักสำคัญอะไรมากนัก อย่างมากก็ทำหน้าที่เก็บสถิติเท่านั้นเอง
เเต่อย่างไรก็ตาม คำพูดของอิโอรินั้นทำให้เทราซาวะนึกขึ้นมาได้ เมื่อเดือนก่อน ในบรรดาชื่อสกิลเเฟนตาซีทั้งหลายที่อยู่ในรายชื่อเฝ้าระวัง อย่างเช่น ฮีล ไอเท็มบอกซ์ เทเลพอร์ตนั้น มีชื่อสกิลง่ายๆชื่อถึงโผล่ขึ้นมา ซึ่งเเตกต่างกับชื่อสกิลอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด
“เมคกิ้ง….”
ประมาณช่วงเวลาเดียวกัน IP ดังกล่าวยังได้ค้นหาชื่อสกิลนี้ทั้งสองฐานข้อมูลอีกด้วย แถมยังไม่มีการค้นหาซ้ำอีกเลยตั้งเเต่วันที่ 27 กันยายน ทำให้มีโอกาสมากที่สกิลนั้นจะเป็นชื่อสกิลจริงๆ
เเต่อย่างไรก็ดี มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้เทราซาวะกังวล
“ร้อยโทคิมิตสึ”
“ค่ะ”
“ถ้าเธอสามารถสร้างสกิลออร์บได้ เธอจะสร้างสกิลอะไร”
เพราะเทราซาวะถามาเเบบไม่ได้จริงจัง อิโอริจึงตอบกลับเเบบไม่ได้จริงจังมากนักเช่นกัน
“นั่นสินะคะ เป็นไอเท็มบอกซ์หรือเทเลพอร์ตก็น่าจะดี อ้อ เเล้วก็เวทฟื้นฟูด้วย การฝึกของเราไม่ค่อยดีต่อผิวพรรณเท่าไร”
ใช่ สกิลพวกนั้นเป็นสกิลจากโลกเเฟนตาซีที่ใครก็อยากได้ ปกติเเล้วผู้คนน่าจะสร้างสกิลพวกนั้นก่อน เเต่ทำไมในกรณีนี้ ดี-พาวเวอร์สถึงขายสกิลเวทน้ำกับต่อต้านกายภาพ เปรียบเทียบกันเเล้ว สกิลพวกนี้เป็นสกิลธรรมดาๆ
“ถ้าเธอได้ออร์บสามอยางที่เธอบอกมาจริงๆ เธอก็น่าจะอยากใช้เองใช่ไหม”
“ใช่เเล้วค่ะ”
“…มีข้อจำกัดอะไรหรือปล่าวนะ” เทราซาวะพูดกับตัวเอง
“พันตรีคะ?”
“ไม่…ไม่มีอะไร ขอบคุณสำหรับวันนี้ ขอให้ทุกคนทุ่มเทกับการฝึกใช้งานสกิลใหม่ที่ได้รับไปเเละทำหน้าที่ของตัวเองให้ลุล่วง” พอรู้สึกตัว เทราซาวะก็บอกปัดเเละจบการกระชุม
“รับทราบค่ะ/ครับ”
***
เมื่อทีมอิโอริโค้งคำนับเเละออกจากห้องไป เทราซาวะที่อยู่คนเดียวก็คิดขึ้น
ถ้าไม่มีประวัติอาชญากรรม การตรวจสอบ IP คงเป็นไปไม่ได้
ในช่วงหลังนี้จากดักจับการติดต่อสื่อสารส่วนบุคคลกำลังถูกจับตามองจากสาธารณะชน จะทำอะไรเองคงยาก
“เเต่น่าจะมีสักอย่างที่เราสามารถทำได้” เทราซาวะพูดขึ้น
เขาหยิบนามบัตรเเละโทรไปหาแผนกจัดการดันเจี้ยนเพื่อทำการนัดพบกับหัวหน้าแผนก
บริเวณพิพิธภัณฑ์เนซุ โอยามะ
หลังจากการพูดคุยกับJDA พวกเราเดินทางไปที่โอยามะเพื่อเจอกับดีไซน์เนอร์ที่จะมาตกเเต่งออฟฟิศของเราที่นั่น เขาถามเราหลายคำถามทีเดียว หัวหน้าทีมทีไซน์เนอร์นั้นดูกระตือรือร้นมาก อาจจะเป็นเพราะมิโยชิไม่ได้กำหนดเพดานงบเอาไว้ พวกเรามีเเค่คำขอเพิ่มเติมเล็กน้อยนอกจากเก้าอี้เเละเตียงดีๆ ที่หรูๆก็จะมีเเค่ตู้เก็บไวน์หลายตู้ของมิโยชิในห้องทานข้าว
“ผมยังไงก็ได้ถ้ามันใช้ง่าย”
พวกเราคงดูเหมือนลูกค้าที่ไม่ค่อยเต็มใจจะมาใช้บริการ
เพราะไม่ว่าดีไซน์เนอร์จะเสนออะไรมา พวกเราก็ดูไม่ค่อยสนใจเท่าไร เเต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ยังสามารถออกเเบบส่วนของออฟฟิศเเละส่วนที่อยู่อาศัยอีกสองส่วนให้เป็นไปในเเนวทางเดียวกันได้
ส่วนของวอลเปเปอร์กับพื้นนั้นจะถูกส่งมาด้วยบริการด่วนพิเศษ เเต่หน้าต่างกับเฟอร์นิเจอร์จะใช้เวลาประมาณ 5 วัน ทำให้พวกเราพอจะมีเวลาเหลืออยู่บ้าง โดยจะย้ายไปบ้านใหม่ในวันที่ 12 เดือนพฤจิกายน
“พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนหน้าต่างด้วยหรอ” ผมถามมิโยชิหลังจากออกมาจากออฟฟิศของดีไซน์เนอร์
“ใช่สิ ต้องเปลี่ยนหน้าต่างให้เป็นเเบบป้องกันการถูกดักฟังด้วยเลเซอร์”
หะ อะไรนะ
“โห มิโยชิ เธอคิดจะสร้างสถาบันวิจัยอะไรอยู่รึไง”
“รุ่นพี่เองไม่ใช่หรอที่บอกว่าอยากได้ฐานลับน่ะ”
อ๊ะ จริงด้วย
จากพิพิธภัณฑ์เนซุ พวกเรานั่งรถไฟต่อไปยังสถานีโอโมเตะซานโดะ
“พวกเรามีกำหนดการส่งมอบออร์บให้ไซมอนในวันที่ 10 ในระหว่างนี้ก็เป็นเวลาพักของพวกเราสินะ” มิโยชิพูด
“ใช่ จนกว่าจะย้ายบ้าน เรามาพักกันก่อนดีกว่า ฉันเองก็จะเพลาๆเรื่องการลงดันเจี้ยนด้วย”
“ในระหว่างนี้ เราสามารถไปหามิโดริเพื่อทำการวัดสรรถภาพร่างกายได้นะ หลังจากที่ติดตั้งคอมพิวเตอร์กับพวกสายต่างๆที่ออฟฟิศ ฉันน่าจะไม่มีอะไรทำพอดี”
“ฟังดูเธอมีอะไรให้ทำเยอะเลยนะ”
“ก็นะ ส่วนมากก็เพื่อความสนุกของตัวฉันเองเเหละ”
ฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง พวกเราหยุดรถสัญญาณไฟที่ข้างร้านนาฬิกา ผมสามารถมองเห็นผู้คนกำลังชนเเก้วกันอย่างมีความสุขในร้านอาหารบราเซอรี่ชั้นดีฝั่งตรงข้าม
“รุ่นพี่”
“ว่าไง”
“ตอนนี้ฉันมีเงิน60ล้านเยนในบัญชี”
“ว้าวว”
“อะไรของรุ่นพี่เนี่ย บัญชีรุ่นพี่ก็มีเหมือนกันไม่ใช่หรอ”
“จริงด้วย 1เปอร์เซ็นนั่นสินะ”
“ใช่ คือว่านะ ถึงเราจะไม่ทำอะไรเลยนับตั้งเเต่ตอนนี้ไป เราก็ยังมีเงินมากพอที่จะเที่ยวเล่นไปได้ทั้งชีวิต รุ่นพี่คิดว่ายังไง”
เป็นคำถามที่ดี เพราะตอนนี้ในบัญชีปาร์ตี้ของเรามีเงินอยู่ตั้ง 6000ล้านเยน
“เธออยากจะเลิกหรอ มิโยชิ”
“ปล่าว ฉันเเค่อยากรู้ว่ารุ่นพี่รู้สึกยังไง เมื่อเดือนที่เเล้ว พวกเรายังต้องทำงานให้กับบริษัทมืดอยู่เลย ต้องมาร้องไห้กับหมอนทุกคืน จำได้ไหม”
ผมยังจำได้อยู่ ถึงปัญหาของผมกับเอโนกิจะดูเหมือนนานมาเเล้ว เเต่ที่จริงเเล้วก็พึ่งจะเดือนที่เเล้วนี่เอง พอคิดเเบบนั้น การใช้ชีวิตเเบบสบายๆไม่ต้องทำอะไรก็ไม่เลวเหมือนกัน เเต่คงเบื่อหน้าดูถ้าอยู่เเต่ในห้องเล่นเกมออนไลน์
“ถ้าเลิกตอนนี้ ชีวิตคงน่าเบื่อเเย่ ใช่ไหมล่ะ” ผมถาม
“ใช่ๆ!”
พอสัญญาณไฟจราจรเปลี่ยนเป็นสีเขียว ผู้คนก็เริ่มออกเดิน ผมเดินข้ามสี่เเยกพร้อมมิโยชิที่กำลังอารมณ์ดี
“จะว่าไปครอบครัวเธอทำอาชีพอะไรกัน” ผมถามมิโยชิ
“ก็ธรรมดาๆนะ พ่อเป็นพนักงงานออฟฟิศ ส่วนเเม่เป็นเเม่บ้านเต็มตัว เพราะมีพี่ชายด้วยฉันก็เลยค่อนข้างมีอิสระ เเล้วรุ่นพี่ล่ะ”
“พ่อกับเเม่ฉันเสียไปเเล้ว พี่น้องก็ไม่มี ส่วนญาติก็ไม่ได้ติดต่อเลยหลังเรียนจบ”
“จริงหรอ ตัวคนเดียวมันน่าเศร้าออกนะ”
“หยายคายน่า เรามาไกลขนาดนี้ทำไมเธอไม่ส่งเงินไปให้พ่อเเม่ล่ะ”
“หืมมม ถ้าฉันบอกความจริงไป พวกเขาทั้งบ้านต้องกลายเป็นคนไม่เอาไหนเเน่ๆ ฉันเก็บไว้เป็นความลับสักพักดีกว่า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมือนรุ่นพี่นี่นา”
พวกเราเดินผ่านร้านพราดา ผมไม่รู้เหมือนกันว่าร้านมันฉูดฉาดเกินไปหรือว่ามีสไตล์ เหมือนกับที่ไม่รู้ว่าที่มิโยชิพูดเมื่อกี้เป็นคำชมหรือคำด่า
“ฉันหิวเเล้วล่ะ หาอะไรกินกันก่อนค่อยกลับบ้านไหม”
“จริงหรอ รุ่นพี่เลี้ยงนะ!”
“นี่เธอ เราพึ่งจะคุยกันเรื่องเงินของพวกเราเมื่อกี้เองนะ”
“จริงด้วย แต่ว่าร้านอาหารที่ดีที่สุดของโอยามะอยู่อีกฝั่งนึงนะ”
“หรอ”
ระหว่างที่เดิน มิโยชิเหมือนกับคิดอะไรบางอย่างอยู่
“งั้น ซูชิไหมล่ะ”
“ก็ดีเหมือนกัน”
“ตอนนี้พวกเราอยู่ใกล้มัตสึดะ พอเลี้ยงซ้ายตรงนี้ก็ถึงเเล้ว”
“ตรงนี้น่ะหรอ ดูเเล้วให้ความรู้สึกเป็นตรอกลึกลับจริงๆ”
“รุ่นพี่ เเถวๆนี้มีร้านดังๆเพียบเลยนะ”
“ว้าว คนเเถวโอยามะกับโอโมเตะซานโดะต้องชอบพวกร้านเเฮงเอาท์ลับๆเเน่”
“รุ่นพี่อย่ามีอคติสิ คนญี่ปุ่นก็ชอบทุกคนนั่นเเหละ จริงไหม”
“ใช่”
ผมโทรไปจองโต๊ะที่มัตสึดะสำเร็จ มิโยชิบอกไว้ว่า ถ้าคุณโทรไปจองร้านอาหารที่ของยากๆในวันหยุด คุณอาจจะได้โต๊ะอย่างไม่น่าเชื่อ อาจจะเป็นเพราะมีการยกเลิกการจองกันบ่อยก็ได้
“โชคดีจัง”
พวกเรามาถึงตึกที่รูปทรงแปลกพอๆกับตึกJDA ที่ชั้นใต้ดิน พวกเขาเซิร์ฟซูชิที่จะละลายอยู่ในปาก เเต่นอกเหนือจากความอร่อยนั้นเเล้ว ผมก็รู้สึกเวียนหัวในอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมาเมื่อได้เห็นบิลค่าอาหาร
ยัยตัวเเสบมิโยชิเเลบลิ้นให้ผม
เพราะฉะนั้น มัตสึดะเลยกลายเป็นร้านอาหารที่พวกเราใช้บัตรของปาร์ตี้ดีพาวเวอร์เป็นที่เเรก