Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว! – ตอนที่ 7 เล่ม1 บทที่2.2

Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว!

เกลือแร่ น้ำเกลือ และน้ำตาลกลูโคสจำเป็นสำหรับคนที่กำลังขาดน้ำสารพวกนี้กำลังไหลเข้าไปในปากของพวกเรา

แน่นอนว่าโรงเรียนเราของแบบนี้มักจะอยู่ที่ห้องพยาบาลเสมอ

“อ้า os-1รสชาติดีจัง”

“อา…ขอบคุณมากเลยครับ…”

พวกบ้องตื้นอย่างพวกเรารับของแบบนี้อย่างไม่ลังเล

อาจารย์ อามานะสึไขว้แขนของเธอแล้วมองมาที่พวกเรา

“ทั้ง2คนนอนพักกันไปก่อนน่ะ ไม่ต้องรีบเข้าเรียนล่ะส่วนเด็กคนนั้้นน่ะ ฉันจะติดต่อครูประจำชั้นให้ แล้วครูของเธอชื่ออะไรล่ะ อยู่ชั้นไหน”

“ผม นุกุมิซึครับ ก็มาจากห้องของอาจารย์ไงครับ”

เธอคงจำผมไม่ได้หมดหวังแล้วล่ะ

“เอะ เธออยู่ห้องของชั้นเหรอ? ช่างเหอะ เดี่ยวปล่อยให้โคนูกิจัดการแล้วกัน”

อาจารย์อามานะสึ เดินออกไปจากห้องหลังจากพูดแบบนั้น

อาจารย์ห้องพยาบาลที่อยู่ตรงหน้าเราที่กำลังโบกมือให้กับ โคนุกิเซ็นเซอยู่นั้นคืิอ อาจารย์โคนุกิ

ตามปกติแล้ว อาจารย์ห้องพยาบาลสายล่าแต้ม จะมีอยู่แค่ในตำนานเมืองเท่านั้นแต่อาจารย์โคนุกิ กับไขว่ห่างราวกับว่าเธอจงใจโชว์ร่างกายระดับสุดยอดนั้นอยู่และยิ้มอย่างซุกซนไปมา

“อาการเป็นยังไงบ้างทั้ง2คน”

“ครับ ดีขึ้นมามากแล้ว”

อาจารย์โคนุกิ แผ่รังสีเซ็กซี่ออกมาทำให้หัวใจผมเต้นรัวเรื่อยๆ

“อาจารย์คะ ขอเพิ่มหน่อยค่า”

ยากิชิโอะดูเหมือนว่าเธอยังโครงเครงอยู่ขณะที่กำลังส่งขวดเปล่าให้กับอาจารย์

“ค่อยๆน่ะ”

“ได้ค่า!”

ยากิชิโอะหัวเราะเหมือนเด็ก แล้วเริ่มดื่มเกลือแร่อีก

หลังจากนั้นท่าทีของอาจารย์ก็เปลี่ยนไปเป็นท่าทีที่จริงจัง

“เป็นลมแดดมันอันตรายน่ะ มันเป็นเรื่องถึงชีวิตได้เลยน่ะแถมมันยังส่งผลต่อระยะยาวด้วย”

“ความผิดของหนูเอง ขอโทษคะ”

“ไม่ต้องขอโทษกันหรอก คนหนุ่มสาวบางครั้งก็อารมแปรปวน บางทีก็มีอารมกันกะทันหัน หรือบางทีก็ตื่นเต้นมากๆเวลาที่ทำในสิ่งต้องห้าม

“…ฮะ? อาจารย์พูดเรื่องอะไรเนี่ย”

“ไฮย่า ไม่ต้องมาแกล้งใสๆต่อหน้าครูเลยจ๊ํะ ครูรู้น่ะว่าอะไรคืออะไรน่ะ”

อาจารย์โคนูกิ วางนิ้วบนริมฝีปากของผมแล้วยิ้ม

“อะไรก็ตามที่ทำกัน2คนในห้องเก็บของ…คือความลับระหว่างพวกเราน่ะ”

อาจารย์คงกำลังเข้าใจผิดอะไรบ้างอย่าง แถมถ้าจะแก้ปัญหามันคงจะยุ่งยากผมเลยเลือกที่จะเปลี่ยนหัวข้อคุยดีกว่า

“อาจารย์โคนุกิสนิทกับอาจารย์อามานัตสึหรอครับ?”

“อืม เราเคยเป็นเพื่อนร่วมชั้นของที่นี่กันมาก่อนน่ะ”

“งั้นอาจารย์ก็เป็นรุ่นพี่สิน่ะครับ แล้วแต่ก่อนอาจารย์อามานัตสึเป็นยังไงหรอครับ?”

“เธอคงนึกไม่ถึงแน่ๆ แต่ก่อนเธอเป็นคนซุ่มซ่ามเอามากๆเลยน่ะ”

อ่า แบบนั้นพอนึกภาพออกได้ง่ายเลยเหะ

“ตอนนั้นฉันต้องพาเธอไปห้องพยาบาลตลอดเลย เพราะเธอสะดุดล้มแทบตลอดเวลา”

อาจารย์หัวเราะตอนที่เธอคิดถึงอดึต

อาจารย์โคนุกิสวมถุงน่อง แล้วเปลี่ยนท่าทางของเธอและมองเพดานอย่างคิดถึง

“อาจารย์มีอะไรบนเพดานหรอครับ?”

“อ้า คราบบนเพดานก็ยังคงเหมือนเดิม”

“ยังจำได้อีกหรอครับ”

อาจจะเป็นเพราะเธอต้องมานอนพักที่นี่บ่อยๆ เพราะร่างกายอ่อนแอแล้วพอโตขึ้นเธอเลยกับมาที่นี่ในฐานะของอาจารย์ห้องพยาบาล มันเป็นเรื่องราวที่สวยงาม

“ใช่เพราะเวลามีsex…ไม่ใช่สิเพราะฉันชอบมองเพดานน่ะ”

….แก้ๆ คนๆนี้ก็เสียสติไปอีกคน

“ได้เวลาต้องนอนพักแล้วล่ะ”

อาจารย์ดึงผ้าม่านกั้นเตียงไว้

อาจารย์โคยุกิปล่อยให้ยากิชิโอะที่อ่อนล้านอนบนเตียง หลังจากนั้นเธอก็หยิบขวดเปล่าจากมือของผมไป

“เธอจะต้องพักผ่อนด้วย ร่างกายเธอแย่กว่าที่เห็น”

“ขอบคุณครับอาจารย์ งั้นผมขอพักผ่อนก่อน”

หลังจากที่ผมเข้านอน คราบสกปรกบนเพดานก็ปรากฎให้เห็น สมองของผมอดไม่ได้ที่จะจินตนาการถึงอาจารย์โคนุกิในชุดนักเรียน ผมจึงเอาผ้าห่ม มาคลุมหัวเพื่อเอาความคิดออก

….อาจารย์ ผมไม่ได้อยากรู้ถึงขั้นนั้นซ่ะหน่อย

เสียงกริ่งดันขึ้น ผมหันไปด้วยความมึนงง

นี่นอนไปนานแค่ไหนกันล่ะเนี่ย จากเสียงดังที่ทางเดินแล้ว น่าจะถึงช่วงพักแล้วมั้ง

ผมมองไปเห็นยากิชิโอะที่กำลังหลับสนิท จากช่องว่างของผ้าม่าน ผมเป็นห่วงว่าเธอจะเป็นหวัดเพราะท้องของเธอเปิดอยู่ แต่ผมก็ไม่ควรจะไปดึงผ้าห่มมาปิดอยู่ดี

“ข้าวเที่ยงน่ารำคาญ”

หลังจากที่พูดออกไปดังๆ ผมรู้สึกเหนื่อยจริงๆ วันนี้ไม่มีความอยากอาหารเลยแม้แต่น้อยตตอนนี้ขอนอนก่อนเถอะ

ผมเพลิดเพลินกับความรู้สึกขอผ้าห่มที่มากระทบที่แก้มแต่ในตอนนั้นอาจารย์โคนูกิก็เปิดผ้าม่านออก

“นุกุมิซึคุง มีแขกนะ”

ด้านหลังของอาจารย์โคนูกิมียานามิที่โบกมืออยู่

“เฮ้ ทำไมถึงมาอยู่นี้ได้ล่ะครับยานามิซัง?”

“ฉันได้ยินมาน่ะว่า นุคุมิซึคุงกับเรม่อนจังอยู่ห้องพยาบาลน่ะแล้วทั้ง2คนอาการเป็นยังไงบ้าง?”

“ขอบคุณน่ะครับ ผมไม่เป็นไรส่วนยากิชิโอะซังก็กำลังนอนหลับสบายๆอยู่”

ผมลุกออกจากเตียง และด้วยอะไรบ้างอย่างอาจารย์โคนุกิก็มองมาที่ผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยเลศนัย

“ยานามิซัง ทำข้าวกล่องมาให้นุคุมิซึคุงเหรอ อะรา อะราลำบากแย่เลยน่ะ”

“อาจารย์ เข้าใจผิดไปแล้วครับ”

อาจารย์โคนุกิ พยักหน้าซ่้ำแล้วซ้ำเล่า

“ฉันก็ว่างั้นน่ะ ดูเหมิือนว่าอาจารย์จะเป็นก้างควางขอ? เพราะงั้นเดี่ยวอาจารย์ขอตัวไปพักก่อน ใช้ห้องกันตามใจชอบเลยน่ะ”

“ขอบคุณค่ะอาจารย์ นุคุมิซึคุง กินข้าวกันเถอะ”

ยานามิพูดอย่างร่าเริงก่อนที่จะยื่นถุงข้าวกล่องให้ผม

“อาประตูสามารถล็อคได้จากด้านในน่ะ เพราะงั้นเชิญกันตามสบาย”

อาจารย์โคนุกิเดินจากไปด้วยรอยยิ้มบ่นใบหน้าเหมือนกับอาจารย์อามานัตสึเลยคนเหล่านี้มาเป็นครูกันได้ยังไงเนี่ย?

“หืม นั้นอะไรน่ะ?”

ใต้เงาหนังสือที่วางอยู่บนโต๊ะอาจารย์ผมสังเกตุเห็นกล้องโทรศัพท์ที่วางในมุมแปลกๆอยู่

….เอาจริงดิเห้ย นี่จะแอบถ่ายกันเลยหรอ ผมเลยเดินไปปิดการบันทึกวิดีโอ

“อะไรหรอนุคุมิซึคุง”

“ไม่มีอะไรครับ มากินข้าวกันเถอะ”

ผมนั่งหันหน้าเข้าหากับยานามิซังที่กำลังหยิบกล่องพลาสติกขนาดใหญ่ออกมา ดูเหมือนว่าเธอจะยอมแพ้ในการยัดอาหารสำหรับ2คนเข้ามาในข้าวกล่องๆเดียวแล้ว

มีอาหารสีเหลืองอยู่ในข้าวกล่องนั้น

“ข้าวห่อไข่?”

“ใช่แล้วล่ะ ฉันมั่นใจมากเลยน่ะรอบนี้ทำออกมาดีเลยใช่ไหมล่า”

ยานามิแบ่งครึ่งข้าวห่อไข่ด้วยช้อนของเธออย่างสวยงาม

แล้วผมจะกินยังไงล่ะครับ อย่าบอกน่ะว่าผลัดกันกินคงไม่ใช่หรอกมั้ง

ขณะที่ผมกำลังสงสัย ยานามิก็ยื่นจานสีขาวมาให้ผม

“ฉันยืมมันมาตอนคาบคหกรรมน่ะ”

เธอเขียข้าวห่อไข่ลงบนจาน มีจะไม่มีวิธีเสริพที่ดีกว่านี้เลยหรอ

“เอาหล่ะ พนมมือกินแล้วน่ะค่ะ”

“อา ใช่ กินแล้วน่ะครับ”

ผมจำไม่ค่อยได้แล้วครั้งสุดท้ายที่กินข้าวไข่เจียวมันเมื่อไหร่กัน รสชาติที่คุ้นเคยแพร่กระจายเข้าไปในปากรสชาติแบบนี้มัน..มันก็รสข้าวห่อไข่ทั่วไปนั้นเหละ

“เป็นไง อร่อยไหมรอบนี่ให้ราคาเท่าไหร่ดี?”

“อืม 400เยน” (93บาท)

“400เยนหรอ ก็ไม่เลวน่ะ..”

ยานามิถือช้อนของเธอและพยักหน้าไปมาซ้ำ

ราคามันไม่ได้หรอ? มันก็ราคาข้าวกล่องจากร้านซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้านเลยน่ะ

“นี่คงเป็น ขีดจำกัดแล้วสิน่ะ?”

ดูเหมือนยานามิกำลังพยายามจะพูดอะไรที่น่ารำคาญเอามากๆ

“อะไรล่ะนั้น?”

“ถ้าเสนอราคาที่ต่ำมากเกินไปมันก็เป็นการดูถูกคนทำใช่ไหมล่า แถมยังไงนายก็ไม่อยากถูกมองว่าเป็นคนขี้งกอีก แต่ถ้าเสนอราคาที่สูงเกินไปตัวนุคุมิซึคุงก็จะขาดทุนไปด้วยอีก”

ก็ถูกของน่ะ อะไรแบบนี้มันก็รู้ๆกันอยู่แล้ว ยานามิมองมาที่ผมผมกับทำใบหน้าเก๋ๆแล้วพูดต่อ

“เพราะงั้นขั้นต่ำที่สุดก็คือ 400เยน ถูกต้องใช่ไหม?”

ใช่แล้ว ทางผมยังไงก็เห็นใจกันบ้าง แต่คุณยานามิพูดอะไรแบบนั้นมันจะดีหรอครับ?”

“นุคุมิซึคุง ฉันขอถามน่ะรอบนี่400เยนจะดีหรอ”

งี้นี่เอง ผมตอบโต้ความคิดอันเร่าร้อนของยานามิ

“งั้น 300เยนน่ะครั-”

“ไม่ ไม่ไม่ ฉันไม่ได้หมายถึงแบบนั้น”

เอ๊ะ มันไม่ได้หมายถึงแบบนี้เหรอ?

“อ่า ทำฉันตกใจเลย นี่ต่างหากที่ฉันอยากบอก นุคุมิซึคุง”

แล้วมันยังไงล่ะครับ ยานามิซัง?

“ฉันน่ะ จะทำลายกำแพง400เยนนั้นด้วย สิ่งนี่”

แตน แต่น แต้นนน ยานามิหยิบกระติกน้ำร้อนออกมา

“เข้าใจล่ะ อัพราคาด้วยซุปนี่เอง”

แต่ถึงจะมีซุปแต่มันก็รับประกันไม่ได้หรอกว่ามันจะใช้ได้ เดีี่ยวนี้มันก็มีซุปแถมมาให้กับข้าวกล่องกันเป็นเรื่องปกติ แม้แต่ในร้านคาเฟ่ยังหยิบขนมปังสัก2-3แผ่นได้เลย

ยานามิเปิดผากระติกน้ำร้อนออกแล้วเติมน้ำนั้นลงบนข้าวห่อไข่

“ใครบอกกันตอนไหนหรอว่านี่คือน้ำซุป?”

“อย่าบอกน่ะ…นี่คือไวท์ซอส?”

โอ้ว เพราะงี้เลยไม่มีซอสมะเขือเทศสิน่ะถึงผมจะชอบกินแบบซอสมะเขือเทศมากกว่าแต่เห็นแกความพยายามผมจะขึ้นราคาให้สักหน่อย

“450เย-”

ไม่สิ พอมาคิดดูแล้วยัยนี่..ผมพนันได้เลยว่าถ้าให้แบบนั้นไปเดียวก็มีเครื่องเคียงอัพราคาเพิ่มอีก ยังไม่ใช่บอกราคาดีกว่า

“เอ๊ะ เมื่อกี้จะพูดอะไรเหรอ?”

เหอะ ไม่ได้กินผมหรอก ผมวางช้อนไว้ในปากอย่างเงียบๆ

“หืม! รสชาตินี้มัน อะไรกัน! อร่อยมาก”

“ฮี่ม ฮี่ม …ฉันใช้ไวท์ซอสที่ได้มาเป็น-ของ-ขวัญ-ส่งท้าย-ปีที่แล้วจากโรง-แรม-หรูเลยน่ะ เป็นไงล่ะ พูดสิรสชาติ ของโรงแรมหรูน่ะ

…ฮึ่ย เธอเอาจนได้ หลังจากที่ได้ยินชื่อโรงแรมหรู ผมก็รับรู้ได้เลยว่าจะให้ราคามั่วๆไปไม่ได้แล้วถึงผมจะไม่แน่ใจในรสชาติ แต่ผมก็สามารถจินตนาการถึงฉากประมาณว่า “แม้คนจนนี่เข้าไม่ถึงรสชาติโรงแรมหรูเอาเสียเลย” ได้…

“5-500เยน”

“500เยนได้มาแล้ววว”

ยานามิยิ้ม

เธอทำให้ผมหมดทางสู้ แต่ยังไงก็จะต้องโดนดาเมจให้ได้น้อยที่สุด

“น่าสนใจจัง ทั้ง2คนทำอะไรอยู่เหรอ”

ยากิชิโอะปรากฎตัวขึ้นพร้อนกับยืดตัวของเธอจากหลังผ้าม่าณ

“เรม่อนจัง สวัดดีจ๊ะร่างกายโอเคมั้ย?”

“ไม่เป็นไรแล้วหลังจากหลับไปงีบหนึ่งก็สบายๆเลย”

“ขอบคุณพระเจ้า เรื่องนั้นทำเอาฉันตกใจมากเลยน่ะ.”

ผมอดไม่ได้ที่จะนึกถึงเหตุการณ์แสนทนทุกข์ในห้องเก็บของ

ยากิชิโอะนั่งลงบนเก้าอี้ก่อนจะหันมามองผมด้วยความสงสัย

“ว่าแต่ว่าน่ะ นุกคุงในนั้นเกิดอะไรขึ้นเหรอ ฉันจำช่วงหลังๆไม่ได้เลยอ่ะ”

“เอ๊ะ? เดี่ยวๆ หลังจากนั้นอาจารย์อามานัตสีมาช่วยพวกเราออกไปไง

“เหรอ.. จำไม่ได้เลย นี่อาจารย์อามานัตสึเปลี่ยนเสื้อให้ฉันด้วยเหรอ?

ขณะที่ยากิชิโอะกำลังพูด เธอก็เปิดชุดของเธอออก ผิวแทนของเธอพุ่งเข้ามาในหัวของผมอีกครั้ง

“ชะใช่ๆ! อาจารย์อามานัตสึเป็นคนเปลี่ยนเสื้อให้! เพราะงั้นผมไม่ได้แอบดูอะไรเลยน่ะ”

“ใครจะยอมให้ผู้หญิงดูตอนเปลี่ยนชุดกัน”

“นุกุมิซึคุง แอบหยะแหยงน่ะ”

สาวๆทั้งสองคนหันมามองผมด้วยสายตาสงสัยและเย็นชา อย่าพูดอะไรแบบนั้นเลยมันทำให้ผมอยากตายได้เลยน่ะ

“ลืมๆเรื่องนั้นกันเถอะ แล้วอันนั้นอะไรเหรอน่าอร่อยจัง”

“อันนี่หรอ ฉันทำเองน่ะ อ้าปากน่ะอ้าาา”

ยานามิป้อนข้าวเข้าไปในปากของยากิชิโอะ

“ว้าวว อร่อยจัง นี่ซอสอะไรหรอ อร่อยเกินไปแล้ว!”

“งั้นเหรอ? นี่คือรสชาติจากโรงแรมหรู เห้อ น่าเสียดายที่ดูเหมือนว่านุคุมิซึคุงจะไม่เข้าใจคุณค่าที่แท้จริงเลยให้มาราคาแบบครึ่งๆกลางๆ”

ยานามิหัวเราะคิกคัก และมองมาที่ผมขณะที่เธอตักอาหารให้ยากิชิโอะอีกช้อน ทำไมถึงตักจากจานฝั่งผมล่ะครับ

“อีกคำหนึ่งน่ะ”

“ขอโทษน่ะครับ เรม่อนอยู่นี่ไหมครับ?”

ประตูถูกเปิดออก จู่ๆอายาโนะ มิสึกิก็ปรากฎตัวขึ้น ยากิชิโอะก็ปิดปากของเธอลง

“มิสึกิ!?”

ยากิชิโอะรืบลุกขึ้นนั่งตัวตรงทันที ผิวสีแทนของเธอไม่อาจปกปิดใบหน้าสีแดงก่ำของเธอได้

“ผมได้ยินมาว่าเป็นลมไปหรอ แต่ดูเหมือนว่าอาการจะดีขึ้นแล้วน่ะครับ”

“ไม่ ไม่ ไม่ เดียวฉันจะเป็นลมแน่ๆ! มิสึกิ มาที่นี่เพื่อดูและฉันหรอ?”

“ผมเอาของมาฝาก พอกินไหวไหม?”

ในถุงเยลลี่และน้ำแอบเปิลอยู่

“นี่ของฉันหรอ?”

“แต่ดูร่าเริงดีนี่คงไม่จำเป็นแล้วล่ะมั้ง”

“จำเป็นจำเป็น! ตอนนี่ฉันไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไรเพราะไม่สบาย เพราะงั้นขอบคุณน่ะ”

“นั้นสิเนอะ”

อายาโนะ ยื่นมือมาจับที่หน้าของยากิชิโอะ

“มะ มิสึกิ…?”

“เรากินข้าวกันที่ใบหน้าไม่ได้เนอะ ”

อายาโนะ ยิ้มและหยิบข้าวที่อยู่บนแก้มออกจากหน้าของยากิชิโอะ

“ขะขอบคุณ”

“ผมคงต้องไปแล้วล่ะ”

“มิสึกิ อยากมากินข้าวด้วยกันไหม? ยานามิจังทำข้าวห่อไข่อร่อยๆด้วยน่ะ”

ยากิชิโอะพูดเพื่อยั้งอายาโนะไว้

“โอ้ ข้าวห่อไข่”

“อ้า มิสึกิซัง มาอยู่ที่นี้เอง”

ตอนนั้นใบหน้าน่ารักก็โผล่ขึ้นมาจากประตูทางเข้า เธอคืออาซากุโมะ จิฮายะเพื่อนที่โรงเรียนกวดวิชาของอายาโอะ

“มีอะไรหรอ? จิฮายะ”

“วันนี้ไม่มีเรียนกวดวิชาฉันเลยว่าจะไปห้องสมุดตอนเย็นน่ะ สนใจจะไปด้วยกันไหม?”

“ขอโทษน่ะ พอดีว่าผมน่าจะต้องกลับบ้านก่อน เจอกันที่โรงเรียนกวดวิชาพรุ่งนี่น่ะ”

“งั้นหรอ เดี่ยวคืนนี้ส่งขอความไปน่ะ”

อาซากุโมะ จิฮายะ จากไปในพริบตา อายาโนะยิ้มให้อย่างขมขื่น

“ไม่ใช่ว่าพึ่งจะบอกไปหรอว่าไว้เจอกันพรุ่งนี้น่ะ?”

เขาดูเหมือนกำลังบ่น แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของความลำบากใจมากกว่า

…เดี่ยวน่ะ ทำไมบรรยากาศระหว่างสองคนนั้นดูจะเปลี่ยนไปจากตอนที่ผมได้เรียนกวดวิชาด้วนเลยล่ะ?

“เอาหล่ะ ผมคงต้องกลับห้องเรียนก่อนน่ะ เรม่อนก็อย่าฝืนมากไปน่ะ”

“อืม ขอบคุณน่ะ”

ยากิชิโอะ มองอายาโนะที่เดินจากไป เธอมีปฎิกิริยาของผู้หญิงที่ตกหลุมรักชัดเจน

“..ออร่าความรักของเรม่อนจังแผ่ไปทั่วเลย”

ยานามิเดินเขาข้างๆผมแล้วจิ้มไปที่ข้อศอก

“ดูเหมือนว่ายากิชิโอะซังจะชอบอายาโนะน่ะ”

“ใช่ ช่างเป็นคู่ที่คาดไม่ถึงจริงๆ”

“ผมมาจากมอต้นที่เดี่ยวกันกับพวกเขา แต่ผมคิดว่าทั้ง2คนน่าจะรู้จักกันมานานกว่านั้นประมาณประถมล่ะมั้ง”

“พูดในอีกความหมายหนึ่ง ทั้ง2คนก็คือเพื่อนสมัยเด็กสิน่ะ?”

เพื่อนสมัยเด็ก นั่นคือจากมุมมองของยานามิ

เมื่อมองเห็นปฎิกิริยาของผม ยานามิก็หยักไหล่

“ฝังฉันน่ะ นุคุมิสึคุงผู้หญิงน่ะแบ่งได้อยู่2ประเภทคือ 1เพื่อนสมัยเด็ก2ยัยแมวขโมยเท่านั้นเหละ

ยานามิมองมาที่ผมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ช่างใจกล้าเสียจริง

“แล้วคนนั้นใครหรอ?”

“อาซากุโมะซัง ผมจำได้ว่าผมเจอเธอตอนที่เรียนอยู่กวดวิชาตอนผมอยู่ม.3”

สุดท้ายยากิชิโอะ ก็หลุดออกจากผวังความฝัน ร่างของเธอพุ่งตรงมาหาผมและจานก็กระเด็นทันที

“นี่ๆคิดยังไงระหว่างความสัมพันธ์ของ2คนนั้นหรอ”

“ผมคิดว่าพวกเขาก็ดูจะเป็นกันเพื่อนน่ะ เพราะพวกเข้าก็ผึ่งจะเจอกันเมื่อไม่นานนี้เอง ในมุมมองของผมพวกเค้าก็แค่เพื่อนกันเท่านั้นเอง”

“เนอะๆ ก็แค่เพื่อนกันเนอะ”

“…แต่ดูจากบรรยากาศแล้ว ผมคิดว่าพวกเขาน่าจะเริ่มออกเดทกันนิดหนึ่งมาบ้างล่ะ”

“หา?”

ออร่าที่ปล่อยออกมา่จากทั้ง2คนมันทำผมกลัวน่ะ

“เอ๊ะ เมื่อกี้หมายถึงยังไงหรอ?”

“นุคุมิซึคุง คิดจริงๆหรอว่าเวลาแค่ปีเดียวน่ะ จะเอาชนะเรื่องราวที่ฟูมฝักกันมาตั้งแต่ชั้นประถมได้น่ะ?”

“ใช่ ใช่! ยานามิจังพูดถูก”

ผมจำได้ว่าเมื่อไม่นานมานี้ผมก็เพิ่งจะเห็นความสัมพันธ์ที่ฟูมฝักกันมาตั้งแต่10ขวบแพ้ให้กับความสัมพันธ์2เดือนไปเองน่ะครับ

“ฉันรู้สึกว่าต้องเอาใจช่วยความรักของเรม่อนจัง ฉันจะช่วยด้วยน่ะ”

“ขอบคุณน่ะ ฉันรู้สึกดีขึ้นมากเลยล่ะ!”

ก็ดีแล้วล่ะที่รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว ถึงอย่างงั้นก๋็เถอะ–

“ยากิชิโอะซัง นั้นข้าวเที่ยงผมน่ะครับ”

“ จริงเหรอ? มันอร่อยมากเลยทำไมนุกคุงไม่มาร่วมวงกับเราด้วยล่ะ?”

“นั้นก็ช้อนผมน่ะครับ ยากิชิโอะซัง”

“หืม? ไม่เป็นไรหรอกน่า”

ยากิชิโอะยื่นหน้าที่คาบช้อนไว้ในปากมาทางผมและทำช้อนกระดกไปมา

อุหวา ผมหยิบช้อนมาจากปากเธออย่างไม่เต็มใจ ความรู้สึกลื่นๆนี่มันลามกเอามากๆไม่สิ โทษทีความผิดผมเอง ผมหลอกตัวเอง มันมีแต่น้ำลาย

ผมยัดช้อนเข้าปากเธอไปอีกครั้ง

“ผมไม่ค่อยหิวเท่าไรน่ะครับ กินส่วนของผมได้เลยน่ะครับ”

พอลองมาคิดดีๆแล้ว ผมไม่ค่อยชอบการผลัดกันกินเท่าไหร่ ผมไม่ค่อยเจอเหตุการณ์นี้บ่อยเลยลืมเรื่องนี้ไปเลย

“ไม่เอาสิแบบนั้นมันไม่ดีน่ะ เดี่ยวฉันเหลือไว้ให้นิดหนึ่งน่ะ”

ขอบคุณที่ยังเหลือไว้ให้นิดหนึ่งน่ะครับ

“จริงสิ นุคุมิสึคุง โคมาริจังฝากมาบอกว่าวันนี่เธออยากให้นายมาที่ชมรมด้วยหลังเลิกเรียน”

ในขณะที่กำลังกินอยู่ยานามิก็พูดขึ้น อะไรน่ะ?นี่สภานักเรียนตีกับโคมาริอีกแล้วหรอ

ผมทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากมองดูเด็กสาวทั้ง2คนกำลังกินข้าวอยู่

เอาเข้าจริงๆแล้วทั้งยานามิ และยากิชิโอะทั้ง2คนนั้นน่ารักเอามากๆแต่บุคลิกของทั้ง2คนนั้นไม่ค่อยน่าอภิิรมเท่าไหร่ อีกอย่างหนึ่ง ยากิชิโอะมีออร่าของนางเอกนกเหมือนกับยานามิแบบเดะๆ

“ขอบคุณสำหรับอาหาร”

ขณะที่ผมกำลังมีความคิดไม่ดี ช้อนที่ให้ความรู้สึกอุ่นเมื่อสัมผัสก็ถูกแทงเข้ามาในปากของผมรสชาติของไวท์ซอสพุ่งกระแทกเข้ามาในทันที

“!?”

“บอกแล้วไงว่าฉันเหลือให้นิดหนึ่ง”

ยากิชิโอะพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจและลุกยื่นขึ้น

“เอาหล่ะถึงเวลาที่ต้องกลับห้องแล้ว ฝากบอกสวัดดีอาจารย์ด้วยน่ะ”

นี่เธอกล้ายัดช้อนเข้าปากคนอื่นได้ไงเนี่ย? โดยเฉพาะช้อนที่อดีตเคยอยู่ในปากของเธอเนี่ยน่ะ นี่คิดว่าตัวเองน่ารักขนาดไห- เออใช่เธอน่ารักแต่ก็ไม่ควรแบบนี่น่ะเห้ย

ยากิชิโอะเดินออกไป ส่วนยานามิเหลือมองที่ผมแล้วหัวเราะ

“อาระ ดูเหมือนคนแถวนี่จะหน้าแดงน่ะ”

“ไม่ ไม่มีทาง!”

“จูบทางอ้อมใช่ไหมล่า ไม่ดีเลยน่ะอย่าคิดเรื่องแปลกๆในโรงเรียนสิ”

“มะ มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะ”

ผมมองไปที่อาหารแล้วรีบกินข้าวห่อไข่ให้หมด

“โอ้ ใช่ฉันจำได้ว่าตอนเย็นฉันมีธุระว่าจะไปซื้อของกับเพื่อนๆน่ะเพราะงั้นฉันคงไม่ได้ไปที่ชมรมน่ะ”

“ครับ ครับ เข้าใจแล้วครับ”

ว่าแต่ว่านี่เธอเอาจริงหรอที่จะมาเข้าชมรมวรรณกรรมนะ? ตัวเธอเองยังไม่รู้เลยน่ะว่าชมรมนี้เค้าทำกิจกรรมชมรมอะไรกันนะ

“ไปชมรมคนเดียวได้ใช่ไหม? หวังว่าจะไม่เหงาจนร้องไห้ออกมานะ”

อะไรล่ะนั้น ยั่วโมโหกันอีกแล้วหรอผมเงยหน้าขึ้นในทันที แต่ดูเหมือนว่ายานามิกำลังทำหน้าตาเป็นห่วงอยู่

เอะ นี่เธอเป็นห่วงผมจริงๆหรอ

“ไปคนเดี่ยวได้น่า”

“จริงหรองั้นพยายามเข้าน่ะ”

ยานามิเปลี่ยนสีหน้าไปราวกับเธอโล่งใจ จากนั้นเธอก็ตักข้าวที่เหลือด้วยช้อนอย่างชำนาญ

…นี่ตัวตนของผม?เป็นยังไงในสายตาของยานามิมันเป็นยังไงกันแน่?

Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว!

Too Many Losing Heroines! ตรงนี้จะมีนางเอกนกเยอะไปแล้ว!

Status: Ongoing
“หืม นายหาว่าใครแพ้กัน” ในชั้นเรียน ผมนุคุมิสึ คาซูฮิโกะ ได้พบกับหญิงสาวผู้โด่งดัง อันนะ ยานามิ(นกเบอร์1)ที่พึ่งจะถูกชายอื่นปฎิเสธมา “ทั้งๆที่ตอนนั้นบอกว่าจะแต่งงานด้วยกันแล้วแท้ๆ ไม่คิดว่าแบบนี้มันใจร้ายกันไปหน่อยหรอ?” “เรื่องนั้นเขาพูดตั้งแต่สมัยไหนหรอ” “น่าจะราวประมาณ4-5ขวบน่ะ” อะไรแบบนั้นน่ะมันนับได้ด้วยหรอ? พร้อมกับ นางเอก ผู้แตกพ่ายอย่างอย่างเรม่อน ยาคิชิโระ (นกเบอร์2) จากชมรมกีฬาและ ชิกะ โคมาริ(นกเบอร์3) จากชมรมวรรณกรรม “นุคุมิสึคุง นายรู้ไหมผู้หญิงน่ะมีอยู่2ประเภท เพื่อนสมัยเดีกไม่ก็ยัยแมวขโมย” “งั้นหรอช่างกล้าที่จะพูดน่ะ” โชคชะตานั้นจะเข้าข้างหลังจากพ่ายแพ้แล้วเท่านั้น Losing Heroines (นางเอกผู้พ่ายแพ้) –เรื่องราวชีวิตประจำวันของหนุ่มจืดจางเหมือนตัวประกอบ กับสาวๆ ที่เคยพ่ายในศึกความรักได้เริ่มขึ้น

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท