(ผู้แปล ผมขอเปลี่ยนคำเรียกตัวจากฉันให้เป็นอย่างอื่นตามสถาณการณ์นะครับ)
ผมนั้นได้รู้สึกถึงแรงกดดันบางอย่างมาจากหลังหินและในขณะเจ้าปีศาจที่อยู่ข้างๆ มันคงรู้แล้วสินะ จากนั้นเธอก็ยิ้มอย่างมีความสุขและสลายราวกับเป็นมนดำของพวกโยวไคใช้กัน(ผู้แปล ให้นึกถึงมีมเด็กชูนิ้วแล้วหายไปนั้นแหละ)
ผมจ้องมองแรงกดดันของบางสิ่งนั้นอย่างช้าๆ และเพื่อลดเสียงให้ได้มากที่สุด
ซึ่งมีเหงื่อบนหน้าผากของฉันที่กำลังไหลลงไป ผมพยายามกลั้นหายใจเพื่อลดเสียงให้น้อยที่สุดที่จะเป็นไปได้
เข้าใจแล้ว…อย่างที่คิด
นั้นมันแค่หอยปกตินี้วา จะเรียกว่ามาถูกจังหวะที่สามารถไล่ไอ้ปีศาจนั้นหรือผิดจังหวะวา…ช่างเหอะ
ผมนั้นได้แต่หัวเราะภายในใจ
ถ้าลองคิดดีๆ ตัวกุก็ไม่เคยมีโชคตั้งแต่กุเกิดมาแล้วนี่วา
แต่ค่อยบ่นอีกทีละกัน เพราะตอนนี้แม่งมีกองทัพปีศาจกำลังเดินขบวนผ่านถ้ำนี้ด้วย เหี้ยแล้วไง
แถมตรงกลางกองทัพแม่งมีตัวอะไรที่โครตสดุดตาเลย
หอยยักษ์เจ้าปัญหานี้วา
แม่งเอ๊ย
ขนาดตัวแม่งประมาณพอๆ กับล้อวัวเลยนี้วา
แต่ดูเหมือนว่าเปลือกมันจะดูแตกออกและมีของเหลวสีฟ้าไหลมาด้วยคงจะเป็นเลือดที่โดนไอ้ปีศาจแรงควายนั้นเตะแหงๆ
มันค่อยๆ เคลื่อนที่โดยมีปีศาจจำนวนนับไม่ถ้วนยกมันขึ้นหลังและเดินผ่านถ้ำ
พ่องมึงเอ๊ย…ผมได้คิดในใจพร้อมกับน้ำตาที่อยากจะไหลออกมา
จะบอกว่าพวกปีศาจเข้าถึงกันเองของเป็นเรื่องที่ผิด
ต้องบอกว่าพวกแม่งเข้ากับผู้ปัดเป่าอย่างกุจะเข้าถึงกันดีกว่าสะอีก
อาาาา…อยากให้คิซึกิ อายากะกวาดแม่งให้หมดโว้ย
รวมถึงไอ้หอยที่อยู่บนหลังด้วย
นั้นคงจะเพราะเรื่องการต่อสู้เมื่อวัน เธอคงจะถอยกลับเนื่องจากหมอกนั้นมันบดบังการมองเห็นและสัมผัสทั้ง 5
แม้จะเป็นถึงเธอคนนั้นแต่ก็ยังเป็นเด็กอยู่
อาจโดนพวกปีศาจมันรุมและการมองเห็นยิ่งถูกปิดคงจะเละแน่ๆ ถ้าสู้ต่อ
ตระกูลคิซึกิ
ตระกูลผู้ปัดเป่าที่โด่งดัง
และมักจะแต่งงานกับผู้ที่แข็งแกร่งและสึบทอดมาหลายร้อยปีก่อน
แม้ไอ้อ้วนที่เป็นผู้นับตระกูลคิซิกิที่ดูยังไงก็ควรไปหาหมอเพราะโรคไขมันอุดตัน ก็ยังสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วมากจนถูกหลายคนเข้าใจผิดว่าวาปได้เลยทีเดียวถ้าเขาเอาจริง
พูดจริงนะ
มันมีผู้เล่นบางคนที่ประเมินไอ้อ้วนนี้ต่ำไป
พอบางคนเข้าไปโจมตี ไอ้อ้วนนี้ก็สามารถสวนกลับจนหัวพระเอกหักภายในทีเดียวได้เลย(ผู้แปล แม่งเก่งจัด)
เขาอาจดูเหมือนไม่เก่งเพราะสภาพภายนอกแต่พอเอาจริงเขาแม่งโครตเก่งเลย คล้ายๆ พวกนักซูโม่งี้เปล่านะ
(ผู้แปลไม่ได้พูด หรือพูดอีกอย่างพวกทาสรับใช้แม้จะพยายามมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจสามารถเหนือกว่าสายเลือดและพรสววรค์ได้เลยในโลกแหงซวยงี่)
นโยบายของราชสำนักและตระกูลผู้ปัดเป่ายังพอเข้าใจได้ แต่ว่าโลกนี้น่ะ ไม่สิถ้าให้พูดเจาะจงกว่านั้นฟุโซคุนิมันมีช่องว่างของพวกมีพลังวิญญานกับพวกไม่มีพลังวิญญานที่เป็นคนธรรมดาทำให้มีการแบ่งระดับเลยทีเดียว แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันคงดีกว่าประเทศทางใต้ที่กลายเป็นดินแดนแห่งความโกลาหลวุ่นวายละนะเอิ๊กๆ
ยังไงก็ตามมันก็ยังมีกลุ่มทัพปีศาจกำลังมุ่งหน้ามาทางผมซึ่งมีจำนวนมากเกินที่ผมจะจัดการได้
(พวกมันมีจำนวนเท่าไรกันแน่? 100 กว่างั้นเหรอ? ขอให้พวกมันเดินผ่านโดยไม่เห็นกระผมด้วยเถอะ สาธุ)
แต่ว่าด้วยระยะขนาดนั้นกุจะทำยังไงให้หลอกพวกมันไปอีกทางวา…ยิ่งมีจำนวนประมาณกองทัพแถมประสาทสัมผัสดีกว่าพวกสัตว์ทั่วไปอีก แล้วจะให้มนุษย์ธรรมดามาหลอกพวกนั้นแถมจำนวนมากขนาดนั้นเนี่ยนะ…?
(เหี้ย เหี้ย เหี้ย)
พวกแม่งคงรู้แน่ๆ ทำไงดีว่ะ ทำไงดีว่ะ ถ้าเกิดว่าไปทำให้พวกมันตกใจละ
ไม่สิทำแบบนั้นไม่ได้
วิ่งดีไหม?
จะหนีออกจากที่นี้ได้ไหม?
เวร เวร เวร
ถ้ำนี้ต้องเดินเป็นทางตรงถ้าเกิดวิ่งไปต้องใช้เวลาเท่าไร่กัน?
จะมีใครช่วยได้ไหม?
เหี้ย เวรเอ๊ย
“…?!?”
ตอนนี้กังวลสุดๆ หัวใจนั้นเต้นแรงอย่างเป็นจังหวะ พอรู้ตัวอยู่ๆ ก็รู้สึกเจ็บไหล่ซ้าย พอแตะมันด้วยมือก็รู้สึกว่ามีของเหลวและเป็นของเหลวสีแดงติดที่มือ…เวรเอ๊ย แผลกูแม่งเปิด…
“กราาาาาาาา”
“กรอออออออ”
พวกปีศาจเริ่มดมไปทั่วๆ ผมรู้อยู่แล้วละว่าทำไมพวกมันถึงรู้แดงท่วมสะขนาดนั้น
ผมนั้นได้ทำชิกิกามิและทำให้ชิกิกามิมันวิ่งไปตรงอื่นซึ่งมีเลือดผมติดอยู่ตัวของชิกิกามิที่กำลังจะบินไปด้วย ซึ่งรูปร่างของชิกิกามิคืออีกาหรือถ้าให้เจาะจงก็คือเป็นอีกาที่มีแผ่นป้ายติดอยู่ที่หน้าด้วยขนาดพอปิดหน้าของของอีกาทั้งหน้า ซึ่งทำมาหลายตัวให้มันได้มุ่งหน้าไปยังทิศทางของทะเลสาบในถ้ำ
ในเวลาเดียวกัน พวกปีศาจก็วิ่งตามอีกาที่ส่งไป
ซึ่งมีหลายตัวเลย ทั้งรูปร่างเป็นสัตว์ป่า พวกมีรูปร่างเป็นนกเอ๊ย พวกที่มีรูปร่างเป็นแมลงเอ๊ย หรือพวกที่รูปร่างไม่สามารถระบุสิ่งที่ใกล้เคียงได้ ทั้งหมดก็วิ่งไปทางเดียวกันหมด
ในเวลาเดียวไอ้หอยยักษ์นั้นก็สั่งให้ลูกน้องมัน
ขนมันไปที่ถ้ำด้านหลังเพื่อหลบภัย
(ตอนนี้ล่ะ!!!!)
ผมนั้นได้ลงพลังวิญญานที่เหลือไม่มากลงไปในข้อต่อและกล้ามเนื้อแล้วกระโดด
บางทีถ้าเกิดอยู่ในโลกก่อนคงชนะกระโดดไกลโอลิมปิกแหงๆ
“ถึงแม้อาจโดนตัดสิทธิ์เพราะโดนหาว่าโด๊ปมาก็เถอะ..!!!”
‘WHA?!?'(จากผู้แปล ปกติพวกปีศาจจะพูดแค่ ‘…?!?’ แต่ผมจะเติมลงไปด้วยภาษาอังกฤษให้ดูว่าเป็นภาษาปีศาจ)
ผมได้เสริมพลังที่ปลายหอกและเหวี่ยงด้วยเต็มแรงตรงไปที่ปีศาจที่กำลังยกไอ้หอยนั้น
‘WATCH OUT?!?’
ผมตัดข้อต่อของขาหน้าของโยวไคตัวเล็กๆ ที่อยู่ข้างหน้าผมออกทีละตัว และเล็งไปที่ช่องว่าง จากนั้นก็หมุนตัวไปรอบๆ ด้วยแรงเหวี่ยงของหอก จากนั้นก็ตัดหัวและอกของสองสามแถวในแถวที่สองจากด้านข้างเกี้ยง(ผู้แปล อ่า yi sang id Pequod First Mate 100% ทำดีต่อไปน้อง)
ไม่จำเป็นต้องฆ่าพวกแม่งทั้งหมดเพราะไม่มีเวลาเหลือมาก ยังไงพวกแมลงแม้จะถูกตัดหัวออกก็ยังสามารถมีชีวิตและดิ้นได้อีกสักพักแล้วค่อยตาย ยิ่งพวกตัวใหญ่เปลือกมันก็ยิ่งแข็งชิปหาย
แล้วจากนั้นก็ตัดขาพวกนั้นทิ้งจะทำให้พวกเขายิ่งสับสนในตอนนี้เพราะผมนั้นได้ตัดหัวทิ้งไปแล้วทำให้พวกมันไม่สามารถคิดได้แล้วตอนนี้
แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้ก็คือ…
‘NANI WTF JUST HAPPEN AHHHHHHH!?!’
พวกแมลงที่ถูกตัดหัวเริ่มกลิ้งไปกลิ้งมา ไม่อาจคิดได้อีกต่อไป แม้แค่เนื้อที่ดิ้นได้
ไม่อาจสามารถฟังคำสั่งของเจ้านายตนได้อีกต่อไป
พวกที่ขาหน้าและขาหลังถูกตัดก็ไม่สามารถเคลื่อนที่อีกต่อไป
พวกที่ไม่มีขาทั้งก็อาจถูกเตะโดยเพื่อนที่อยู่ในอาการซับซนจนกระเดนไปชนตัวอื่น
พวกที่กำลังทำการแบกไอ้หอยก็ถูกชนและไอ้หอยล้มลงทับลงลูกน้องของมันซึ่งมีน้ำหนักที่หนักมาก
จนลูกน้องถูกขยี้ด้วยฝีมือของตัวมันเอง
“ตายสะมึง…!!!”
หลังจากได้เห็นจังหวะ ผมก็ได้จะไปแทงเป้าหมายที่แท้จริงหรือไอ้หอยนั้นให้ทะลุเปลือกที่เปิดอยู่ไม่ให้โอกาศมันสู้กลับ
แผนผมคือการแทงให้มันตายหรือบาดเจ็บแล้ววิ่งหนีแบบพี่ตูนไปจุดที่พวกมันพึ่งเดินมานี้แหละ!!!
แต่…
“อ่าาาาาาา!!!!”
การประทะเปลียบเสมือนโลหะชนโลหะหรือเปลือกของมัน มือกุสั่นเลย
อ่าใช่มันคือเปลือกของมัน มันปิดเปลือกมันได้ อ่า…กุลืมไอ้เหี้ย
หลังจากที่ผมรู้ก็ได้พยายามสลัดความเจ็บออกไปและพยายามหนีแต่ไม่ทันการ
“อะไรว่ะเนี้ย”
หลังจากจะพยายามหนีพร้อมหอกที่พึ่งชนกับมัน แล้วอยู่ๆ เปลือกมันก็เปิดออกและมันได้โจมตีผมด้วยหนวดผมจำนวนมาก (ผู้แปล ใส่ tag tentacles เพื่อความปลอดภัยของทุกคน หยอกๆ ไม่กวนละๆ)
ผมหลบพวกหนวดที่โผล่ออกมาได้ทันเวลา แม้อาจโดนพวกแผ่นเหล็กบางๆ ก็ตาม
แต่อยู่ๆ หอยมันก็กระโดดพุ่งมาใส่ผม
“อันนี้มันเหี้ยไรว่ะเนี้ย!?!?”
ผมได้หันหลังด้วยความเร็วสูงและหลบการโจมตีของมัน
ซึ่งเปลือกมันก็เปิดและพุ่งมาหาอีกรอบ
ในเวลาเดียวกัน ตอนนี้หลังผมไปชนกับหินที่อยู่ข้างหลังผม
อ่า พึ่งรู้เลยว่าหอยมันมีหนวดและหอยบางชนิดสามารถกระโดดพุ่งด้วยระยะที่ไกลมากได้
สงสัยเพราะเป็นเรื่องธรรมชาติที่พวกมันกระโดดได้สินะ เหี้ยเอ๊ย
“ฮ่าๆๆๆ ไอ้สารเลว แกคิดว่าแกจะขยี้กุได้เหรอว่ะ”
ผมมองไปข้างหลังและเห็นหอยยักษ์กระโจนกลับมาหาผมพร้อมหนวดจำนวนมากของมัน
ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นแถวของลูกตาสีดำสนิทบนสายของเปลือก มันเป็นตาที่ดูแอบแฝงไปด้วยความโกรธ
ตาสีดำสนิทของมันจ้องมาที่ผม
“ห่ะ…?!?”
ตอนนี้ผมรู้แล้ว มันคือวิชาที่เกี่ยวกับตางั้นเหรอ!?!
มันสายไปแล้ว
ขาของผมแข็งและไม่สามารถขยับได้
แต่ต้องพูดว่าโดนไปแล้วแค่ครึ่งเดียวเพราะระหว่างที่มันกำลังใช้งานวิชาของมัน ผมหันหลบพอดีเลยมีแค่ขาที่ไม่สามารถขยับได้แต่ส่วนอื่นสามารถขยับได้หมด
จากนั้นหนวดของมันก็พุ่งมาที่ผม
“ไอ้เวร…พ่องมึงอ่ะ”
เพราะไม่สามารถขยับได้
เลยจำใจใช้หอกของผมพยายามปัดหนวดที่กำลังพุ่งไปแทน
แต่ก็ปัดได้เพียงแค่ 10 วินาทีเท่านั้น หอกที่กำลังใช้มันก็ได้ปิวออกไป หนึ่งในหนวดของมันก็ได้พุ่งเข้าไปที่ขาขวาผม
“เจ็บสัส!!!!”
แต่ว่าเพราะความเจ็บ
ขาผมก็สามารถหลุดออกจากวิชามันได้
ขาที่ถูกหนวดมันเจาะติดอยู่ ผมก็ได้หยิบมีดสั้นที่ผมไม่ได้ใช้กับปีศาจหมาขี้เรื้อนเมื่อครั้งก่อน
ผมได้ฟันมันโดยใช้มีดสั้นใส่หนวดที่ยังอยู่ในขาผม
“เวรเอ๊ย…”
หนวดที่ดิ้นไปดิ้นด้วยมาด้วยความเจ็บปวดก็ทำให้แผลที่ขาผมใหญ่ขึ้นอีก ผมต้องอดทนมันให้ได้
จากนั้นผมก็ตัดหนวดมันออก ฮ่าๆ มันดูน่าตลกที่แค่มีดสั้นนี้สามารถตัดมันเหมือนเต้าหู้แต่หอกของผมดันทำอะไรไม่ได้เลยสะงั้น
‘AHHHHHHHH MY TENTACLES YOU SON OF A ******’
หอยยักษ์นั้นก็ดิ้นไปดิ้นมาเพราะเจ็บปวดหลังจากตัดหนวดของมันขาดไปหลายเส้น
ไอ้หอยก็ได้ปิดเปลือกมัน แล้วก็กระโดดพุ่งมาหาผมทันที
“ควยไรล่ะ อย่ามาประเมินกูต่ำนะโว้ย”
ผมได้บิดตัวหลบการโจมตี ตัวผมพุ่งเข้ากระแทกหินและเกิดฝุ่นฟุ่ง
ตอนนี้แหละโอกาศของผม!!!
“อย่ามาดูถูกมนุษย์นะโว้ยไอ้หอยเวร!!!”
ผมกระโดดขึ้นไปบนเปลือกตัวของหอยยักษ์ก่อนที่มันจะเปิดเปลือกมันเพื่อโจมตี จากนั้นผมก็บิดมีดสั้นของผมเข้าไปในบาดแผลที่เปลือกของหอย ซึ่งน่าจะถูกเตะเบาๆ โดยปีศาจช่างพร่ามเมื่อวานนี้
‘ah sh*t here we go again’
ให้ได้ชัดเลยว่ามันต้องเจ็บมากแน่ๆ
ตัวของมันดิ้นไปด้วยความเจ็บปวดหนวดมันได้สะปัดไปมา แล้วก็มีหนวดอันหนึ่งพุ่งเข้าใส่หน้าผม
มันทำให้ผมร้องเพราะความเจ็บไปนิดน้อย เพราะมันไปโดนหน้ากากที่ผมใส่ไว้ แล้วหน้ากากนั้นได้แตกออก
ถ้าเกิดไม่มีหน้ากากนี้ล่ะก็คงตายไปแล้วละ
“ตาย!! ตายเหอ!!!ะ ทำไมไม่ตายว่ะ!!! ตายสักที!!! ตายสิว่ะ!!!”
จากนั้นผมก็ได้บิดมีดสั้นของผมให้ลึกลงไปถึงไหล่ผม
น่าจะลึกพอถึงอวัยวะข้างในเลยละ
หลังจากผ่านไปประมาณ 30 วินาที หอยยักษ์ก็เริ่มคร่ำครวญด้วยเสียงที่ไม่อาจอธิบายได้และฟาดทุกอย่างด้วยความเจ็บปวด และค่อยๆ ฟาดช้าลง… แล้วก็เงียบไป
“…”
แต่ผมก็ยังไม่วางการ์ดลง ผมแทงมันอีกรอบเพื่อมั่นใจว่าตายแน่ๆ และมันก็ไม่ขยับ
“นี่ผมทำสำเร็จแล้วงั้นสินะ…?”
ผมถอนหายใจแล้วแทงมันให้ลึกจนสุดแขนขวาผม แล้วดูเหมือนมันตายแล้วแน่ๆ
“ชนะศึก แต่ยังไม่ชนะสงครามงั้นสินะ…?”
ผมมองไปรอบๆ และถอนหายใจ รอบตัวผมโดนล้อมซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดที่ไล่ล่าชิกิงามิของผมเสร็จ พวกมันทั้งหมดได้จ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาคมกริบ ราวกับจะขย้ำผมทั้งเป็น และผมเห็นบางตัวมันคาบอีกาที่ผมสร้างขึ่นไว้ในปากสะด้วย อ่า ไอ้เหี้ย นี่มันจบแล้วสินะ
สัตว์ประหลาดได้พุ่งเข้ามาหาผมทันที
ผมได้เตรียมมีดสั้นสำหรับการต่อสู้ที่อาจเป็นครั้งสุดท้ายของผม
แต่…
‘หืม หืม ข้าคิดว่าเจ้าสอบผ่านแล้วสินะ? ยินดีด้วยที่ผ่านการทดสอบละกัน’
ผมไม่รู้ว่าเสียงที่ดูโครตจะหยื่งแบบนั้นมาจากที่ไหน
แต่ในขณะเดียวกัน ปีศาจที่อยู่ตรงหน้าผมถูกฝนลูกศรแสงสแปมจากท้องฟ้าสังหารทันที
“อ่า…”
มันมีพลังที่รุณแรงอย่างมาก ไม่มีปีศาจตนไหนที่สามารถต้านมันได้เลย ไม่อาจสามารถหนีด้วยซ้ำ
ปีศาจที่มีหลายชนิดถูกธนูตัดเป็นชิ้นๆ ชิ้นเนื้อกระจัดกระจายเป็นจำนวนมาก
ตอนนี้คงขึ้นอยู่กับเวลาแล้วละ
ปีศาจเกือบร้อยกำลังถูกฆ่าเพียงไม่กี่วิ
แล้วสักพักหนึ่ง ก็ทุกอย่างก็เงียบลง
จากนั้นความเงียบก็โดนทำลาย
“โทโมเบะซัง ท่านเป็นอะไรมากไหมเจ้าค่ะ?”
เสียงที่กึ่งก้องซึ่งเพราะอยู่ภายในถ้ำและมาจากด้านของผม
ภายในความมืด มีเด็กผู้หญิงถือธนูและลูกธนูที่เรื่องแสงเพราะพลังจากพลังวิญญานที่เข้ามาหาผม
“…ฮ่าๆๆ อย่างที่คิด โยวไคต้องสู้กับผู้ปัดเป่านี้แหละ ถึงเป็นการจัดคู่ที่เหมาะสม”
ผมพึมพำกับตัวเองเล็กน้อย
และหัวเราะเยาะเย้ยตัวเองเพราะการสังหารหมู่เมื่อกี้เกิดจากเด็กผู้หญิงเพียงคนเดียว
ดูเหมือนว่าคิซึกิ อายากะและคนอื่นๆ ตามหาผมหลังจากที่ผมแยกจากพวกเขาไปแล้ว และเมื่อพวกเขาสัมผัสถึงพลังของพวกโยวไคและก้าวเข้าไปในถ้ำ พวกเขาก็พบกับสถานการณ์ที่ผมกำลังจะโดนรุมกระทืบอยู่พอดี
(แหมมันได้สะถูกจังหวะเลย ไอ้ปีศาจพร่ามมากคงมีความเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้สินะ)
บางทีที่พวกเขารู้ตำแหน่งผมเพราะไอ้ปีศาจพร่ามมากตั้งใจปล่อยำลังโยวไคให้มาเจอสินะ
อาจเพราะว่าเธอไม่อยากพังของเล่นของเธอรึเปล่านะ?
หรือบางทีกำลังสังเหตุพลังของผู้ปัดเป่ายุคนี้ก็ได้
ซึ่งผมก็ยังไม่รู้ความตั้งใจของเธอเลย
“ถึงแม้ผมจะอยากจะรู้ความจริงมากแค่ไหนก็ตาม แต่ผมไม่ใช่คนที่จะถามแล้วเธอจะตอบให้อะนะ แต่มันก็ยังเจ็บปวดอยู่”
ขณะที่ชิกิงามิกำลังจัดการกับศพโยวไคในถ้ำ ผมก็ยืนพิงต้นไม้อยู่
กำลังรักษาตัวเอง แผลที่ขาขวาของผมนั้นช่างเจ็บปวดมากเป็นพิเศษ
เป็นเรื่องน่ามหัศจรรย์ที่หลอดเลือดแดงยังไม่ขาด ถ้าไม่มีมันผมคงกระอักเลือดตายไปแล้ว
“กรือออออ!!!!”
ผมได้กัดฝันแน่นเพราะต้องทนกับใส่ยาเข้าไป(อย่างที่รู้ว่าเป็นส่วนผสมเข้มข้นที่สกัดจากมัสตาร์ดโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเป็นวิธีลับเพื่อลดผลกระทบ)และต้องเย็บแผลเอง แม่งก็ยังเจ็บอยู่ดีไอ้เหี้ย…
ผมตัดเย็บแผลทั้งน้ำตา ฆ่าเชื้อแผลด้วยสเปรย์แอลกอฮอล์ และพันผ้าพันแผลไว้
“ท-โทโมเบะซังเป็นอะไรมากไหมเจ้าค่ะ? ท่านไม่ได้อะไรใช่ไหมเจ้าค่ะ?”
ผู้ปัดเป่าตัวน้อยกำลังดูผมเย็บแผลและได้ถามผมอย่างกังวลใจ
ก็นะมันเป็นเรื่องที่น่าสนใจหน่อยๆ สำหรับเด็กวัยนี้…
แต่ถ้าพูดถึงเรื่องน่าสนใจจริงๆ ก็คือพวกปีศาจมันสับสนและฆ่ากันเอง เหอะๆ
“ไม่เป็นอะไรมากขอรับ ข้าจะทำให้มันไม่ให้เน่าเปลื่อย แต่ที่สำคัญ กำลังจะมีคนมารับท่านเร็วๆ นี้ไหมขอรับ”
“อ่ะ ค่ะ ชิกิกามิกำลังจะกลับมาแล้วถ้าข้าคำนวนถูก”
ผู้ปัดเป่าตัวน้อยได้รีบตอบคำถามของผม ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ ดีแล้วที่จะมีคนมารับไม่งั้นผมคงจะถูกทิ้งไว้ข้างหลังเพราะขาที่บาดเจ็บ
ผมรู้สึกโล่งใจที่รู้ว่าคิซึกิ อายากะดูแลผมเป็นอย่างดี ช่างเหมือนกับในเกม เธอจะให้ความช่วยเหลือสำหรับคนรับใช้ไม่สามารถเดินได้ปกติ เหมือนในกรณีนี้
“แต่ก็มันค่อนข้างแปลกอยู่นะเจ้าค่ะ”
“ท่านหมายความว่าอย่างไรรึขอรับ?”
“เพราะปกติพวกข้ารับใช้มักใส่หน้ากาก ทำให้ข้าก็จำพวกเขาได้บ้างไม่ได้บ้าง แต่โทโมเบะซังค่อนข้างน่าประทับใจเลยเจ้าค่ะ ท่านดูเด็กมากกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ซะอีก”(ผู้แปล คงคิดว่าหน้าตาเป็นเหมือนตาลุงเพราะดูเหมือนอาวุโสในกลุ่มข้ารับใช้แหงๆ)
อายากะยิ้มให้ฉันด้วยรอยยิ้มที่มีอัธยาศัยดี ใช่แล้ว เธอนั้นเป็นเด็กดี ผมไม่อาจปล่อยให้ใบหน้าของผู้หญิงดีๆ ต้องคลุมเครือเพราะบอกเธอว่าสาเหตุที่แท้จริงที่ข้ารับใช้ถูกบังคับให้สวมหน้ากากอยู่ตลอดเวลาคือการทำให้พวกเขานั้นผูกมัดกับเจ้านายของตนมากขึ่น
“ท่านอายากะดูเหมือนพวกเขาจะมาแล้วขอรับ”
“อ่ะพวกเขามาแล้วจริงๆ ด้วย”
ข้ารับใช้คนหนึ่งที่รอดชีวิตมาได้รายงานกับเธอ และอายากะก็ดูโล่งใจ จากอีกฟากหนึ่งของป่าพวกเราเห็นเกวียนวัวคันหนึ่งเข้ามาใกล้พร้อมสหายอีกหลายคน ดูเหมือนพวกเขากำลังเดินทางกลับหลังจากพึ่งทำงานมา
(เอาละ เอาละ นี้เกวียนใครนะ)
พอผมมองดูรูปลักษณ์ของเกวียนและก็รู้เลยว่ามันเป็นของใครจึงทำหน้าขมขื่น นี่อาจจะกลายเป็นอีกปัญหาในภายหลังอีกนะเนี้ย กับยัยกอริลลานั้น
“ข้าดีใจที่ท่านรับข้อเสนอของข้านะ เจ้าหญิง”
อายากะและพวกเราที่เหลือซึ่งเป็นคนรับใช้ โค้งคำนับเกวียนที่จอดอยู่ตรงหน้าเราเพื่อแสดงความขอบคุณ
“ข้าได้ยินว่ามีใครบางคนได้รับบาดเจ็บ โชคดีที่ข้ากำลังเดินทางกลับจากที่ทำงาน และที่พักก็อยู่ไม่ไกล ถ้าเจ้าเป็นคนเดียวที่บาดเจ็บบะก็ เดียวข้าจะอุ้มเจ้าไปเอง”
ผมจำเสียงแบบเด็กน้อยแบบนี้เมื่อวันก่อน ร่างที่ลงจากเกวียนอย่างกระฉับกระเฉงเดินมาหยุดตรงหน้าผมที่นอนอยู่หน้าต้นไม้ มองลงมาที่ผมและเปิดปากพูด
“ไม่ได้เจอกันตั้งแต่นานแล้วนะ แต่คราวนี้เจ้าจะมาด้วยกันกับข้าแล้วใช่ไหมละ?”
“…ช่างเป็นเรื่องที่น่าอายที่จะพูด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะเป็นอย่างนั้นนะขอรับ”
ผมตอบคำพูดของเด็กหญิงผมดำผู้สง่างามอย่างตรงไปตรงมา ราวกับว่าเป็นข้ารับใช้ต่ำต้อย เด็กหญิงจ้องมองฉันด้วยสายตาที่หรี่ลง ประเมินผมอย่างเงียบๆ หรือให้ตรงๆ ก็คือประเมินสภาพบาดเจ็บของผมอยู่
คิซึกิ ฮินะ ลูกสาวคนโตของตระกูลคิซึกิ คนที่ผมพึ่งปฏิเสธที่จะไปด้วยเมื่อวันก่อน ผมทำได้เพียงปกปิดความกระอักกระอ่วนที่อธิบายไม่ถูกด้วยการเบือนหน้าหนีและเงียบไป…