ซึ่งเธอมีตำแหน่งที่สูงกว่าของพวกเราเป็นอย่างมาก
พวกเราจึงจัดเตรียมที่ตั้งแคมป์และทำอาหารให้แก่เธอ
และเธอนั้นก็จะมีเต๊นท์ไว้นอนสบายตลอดทั้งคืน ส่วนพวกเราจะผลัดกันนอนรวมกลุ่มเฝ้ารอบแคมป์เอาไว้
คอยจับตาดูสิ่งรอบข้างตลอดเวลาเพื่อไม่ให้เกิดเหตุใดๆ
อ่า ผมจำได้ว่าเธอนั้นดูน่ารักสุดๆ เลยละตอนที่พยายามช่วยผมกางเต็นท์แต่ก็ทำไม่ได้
หรือเมื่อตอนที่เธอพยายามจับตาดูพวกเราแล้วก็เผลอหลับไปและผมบนหัวของเธอก็พันกันยุ่งไปหมด
“ข้าเข้าใจแล้ว…งั้นเจ้าเคยนั้งในเกวียนวัวลากรึเปล่าละ?”
“ข้าเคยปฏิบัติหน้าที่ยามเฝ้าเกวียนวัวลากแบบนี้มาก่อนขอรับ แต่ข้าไม่เคยเข้าไปเลย ยังไงซะข้าก็เป็นเพียงคนรับใช้เท่านั้นขอรับ”
ผมได้รับคำสั่งจากสมาชิกบางคนในตระกูลคิซึกิให้มาเป็นเพื่อนพวกเขาระหว่างเฝ้าด้วยกัน
แต่ขณะที่พวกเรากำลังเฝ้า คนรับใช้จะไม่ได้รับอนุญาตให้นั่งในเกวียนวัวลากไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดๆ ก็ตามยิ่งไม่ต้องพูดถึงในฐานะผู้คุ้มกัน
นี่ไม่ใช่แค่ใช้สำหรับผมคนเดียวเท่านั้นแต่สำหรับคนรับใช้ทุกคนเลยทีเดียว เอาเป็นว่าอาจจะมีบางคนที่ได้นั่งบ้างแต่ก็ไม่ได้เป็นทางการ
“ข้าเข้าใจแล้วงั้นนี้คงจะเป็นครั้งแรกของเจ้าสินะ?”
เธอหยุดเขียนและพูดต่อด้วยสีหน้าที่ดูจะสนุกอยู่เล็กน้อย
“เกวียนนี้สามารถกันเสียงได้ ถ้าเจ้ากังวลเกี่ยวกับข้างนอกไม่จำเป็นต้องกังวัลกลัวขนาดนั้นหรอก เจ้ายิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและเหนื่อยล้ามามากใช่ไหมละ? นอกจากนี้ ข้าไม่คาดหวังความสุภาพจากเจ้าเช่นนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำในตอนนี้คือพยายามรักษาบาดแผลของเจ้าให้หายเร็วที่สุด ข้าพูดผิดรึเปล่าละ?”
แหมข้อโต้แย้งของท่านพี่เนี้ย (anego-sama) ก็สมเหตุสมผลอยู่หรอก ผมก็นั้นก็เห็นด้วยเหมือนกันนา แต่…
“…ถ้าเช่นนั้น ข้าขอให้อย่างน้อยก็วางพรมห่างไปหน่อยได้หรือไม่ขอรับ…”
ผมอยากจะบอกว่าไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ที่จะนอนลงไปใกล้หน้าท่านพี่ (anego-sama) ที่กำลังทำงานอยู่จนมากเกินไป เดะโดนเล่นงานนะท่านพี่!?!
ถ้าเกิดมีฐานะเท่ากันคงพูดไปว่าจริงพี่พี่ว่าไงผมว่างั้นอยู่หรอก
ตอนแรก ผมคิดว่ากะจะไปพักในพื้นที่อื่นที่สร้างขึ้นใน “stray house” หรือผมจะพักในที่เดียวกับผู้คุ้มกันทั้งหลาย หรืออย่างน้อยก็อยู่ในมุมหนึ่งของห้องถ้าต้องอยู่ในห้องเดียวกันกับเธอถ้าเป็นไปได้
…ผมหมายถึง มันไม่ใช่เรื่องที่ดีที่จะนอนตรงหน้าลูกสาวคนโตของตระกูลใหญ่ที่กำลังทำงานอยู่ด้วยใช่ไหมละ!?
ถ้ามีใครเห็นผมนอนแบบนี้แม้แต่สักวินาที ผมคงซวยแหงๆ แน่ๆ มันสุดจะเสียมารยาทเกินไปด้วยละ…
และถึงแม้จะยังไม่ได้ทำอะไรเลยก็ตาม มันก็อาจก่อให้เกิดข่าวลือที่ถูกบิดเบือนไปก็ได้ด้วยซ้ำ
พูดตามตรงนะ มันไม่ใช่ความจริงที่น่ายินดีเลยแม้แต่น้อย ซึ่งผมก็ยิ่งเป็นเป้าหมายง่ายๆ สำหรับเรื่องแบบนี้อีกด้วย
ลองนึกดูนะ ผมเกิดเป็นชาวนา คนทำไร่ ในหมู่บ้านที่ยากจน และแสนหนาวเย็น ฤดูหนาวที่นั้นโหดร้ายและพืชผลก็มีน้อย
ผมโดนซื้อโดยตรกูลคิซึกิ หลังจากที่พบว่าผมนั้นมีพลังวิญญาณที่ยังแสนอ่อนแออยู่
แต่ผมก็ยังโชคดีอยู่บ้างในตอนนั้น เพราะไม่ได้ถูกนำเข้าเป็นคนใช้โดยทันทีเลย หรือนำไปใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับทดลองต่างๆ ด้วย
ตรงกันข้าม ผมโชคดีที่จะเป็นหนึ่งในผู้ดูแลของ คิซึกิ ฮินะ ที่เพิ่งถูกนำเข้ามาในตอนนั้นอีกด้วย
คิซึกิ ฮินะ ในเกมต้นฉบับเป็นคนที่ขยัน มีผมยาว ดวงตาที่มีความหมายตัวตน ร่างกายเพรียว และบุคลิกที่เข้มงวด และแสนน่าภูมิใจ
เธอเป็นลูกที่เกิดจากพ่อที่เคยอยู่ในตระกูลคิซึกิแต่ก็หนีตามกับผู้หญิงคนหนึ่งที่เขาพบโดยบังเอิญ
และฮินะนั้นเป็นเด็กที่ร่าเริงและเข้มแข็งในหมู่บ้านชนบทจนถึงอายุเจ็ดขวบ หลังจากที่แม่ของเธอนั้นได้เสียชีวิตจากโรคระบาด เธอถูกพากลับไปยังตระกูลหลักโดยพ่อของเธอเอง
และพวกเขาก็อาศัยอยู่ร่วมกันในบ้านของตระกูล ถึงแม้ว่าเธอจะถูกปฏิบัติอย่างไม่ค่อยดีนัก
เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงประมาณสามปีหลังจากที่เธอถูกพาไปอยู่ในบ้านตระกูล ขณะที่เธอกำลังเล่นข้างนอกอยู่
ก็โดนโยวไคเข้าโจมตีซึ่งแท้ที่จริงแล้วถูกส่งมาโดยแม่เลี้ยงของเธอที่ไม่ชอบตัวเธอ
พลังของมันมีชื่อว่า “การทำลายล้าง” เป็นพลังระดับโกงสุดยอดเลยแหละ มันไม่ใช่แค่ไฟปกติ มันเป็นเปลวไฟพิเศษที่ “เผาไหม้” แนวคิดและเหตุการณ์ได้อย่างง่ายดายเลยแหละ
มันสามารถเผาการโจมตีแนวคิดของศัตรูและลบล้างการโจมตีทางจิตที่ไม่มีรูปร่างได้เลย แม้กระทั่งการโจมตีแบบอีเวนท์ที่ไม่มีรูปร่างได้เป็นเพียงเหตุการณ์ที่ต้องเกิดขึ้นยังโดนเผาอย่างง่ายดาย สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ มันสามารถเผาเหตุการณ์ของ “ความตาย” ของมันเองได้อีกด้วย(ผู้แปล อีหยังนะเดสก๊า?)
มีโยวไคจำนวนมาก โดยเฉพาะในระดับภัยพิบัตินั้นจะใช้ความสามารถทันทีในการฆ่าเหยื่อตั้งแต่ที่เห็นเลย
นั้นหมายความว่าแม้แต่ผู้ปัดเป่าที่มีความสามารถระดับสูงสุดซึ่งมีพลังมหาศาลก็อาจถูกฆ่าตายก่อนที่จะสามารถแสดงพลังของตนได้โดยที่ยังไม่ได้เตรียมตัวหรือตรวจสอบพลังอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
ความจริงแล้วมีสิ่งมีชีวิตที่โหดร้ายเช่นนี้เป็นจำนวนมากอีกในช่วงท้ายของเกม
ซึ่งพลังของคิซึกิ ฮินะ นั้นมีผลพิเศษต่อโยวไคแม้พลังของเธอจะถูกลบล้างออกไปและถึงแม้พวกมันจะโชคดีพอที่จะฆ่าเธอได้สำเร็จ
ร่างกายทั้งหมดของเธอจะระเบิดเป็นเปลวไฟในวินาทีถัดมา และเธอจะฟื้นคืนชีพเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นมาก่อน(ผู้แปล weakest bug abilty in isekai be like)
หากมีจุดอ่อนใด ๆ ก็คือพลังวิญญาณของเธอจะถูกดึงออกไปใช้ในอัตราที่มหาศาลด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เธอก็แทบจะเป็นอมตะเพราะสามารถทำแบบนี้ได้หลายชั่วโมงเลยละ
ถือว่าเป็นพลังที่โกงสุดๆ เลยละ
หากแม่ของเธอเกิดในครอบครัวที่มีชื่อเสียงแล้วละก็ พลังวิญญาณของเธอคงจะยิ่งมหาศาลกว่านี้แน่ๆ พวกผู้ใหญ่บางคนจึงรู้สึกเสียดายเรื่องของเธอในเรื่องนี้
นอกจากนี้เธอยังเป็นสัตว์ประหลาดชั้นหนึ่งในทุกธาตุทั้งห้า รวมถึงในเทคนิคทางกายภาพ ดาบ และแม้กระทั่งศิลปะการใช้คาถา และเธอถูกเรียกว่าอัจฉริยะโดยคนรอบข้าง
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ถูกเปิดเผยในกลางเรื่องว่าบางทักษะของเธอเป็นผลจากความพยายามที่เต็มไปด้วยเลือดของเธอเอง
และในตอนนั้น ผมยังคงมีภาพที่อยู่ๆ โผล่มาซึ่งเป็นบางอย่างเกี่ยวกับโลกนี้อยู่ หรืออาจเป็นเรื่องที่ผมมีความทะเยอทะยานที่จะไต่ขึ้นมาจากก้นบึ้งที่แย่สุดๆ
นั่นคือเหตุผลที่เมื่อผมได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้ดูแลของเธอ ผมจึงพยายามที่จะประจบเธอ สนับสนุนเธอ และใช้ประโยชน์จากเธอสูงสุด
เมื่อความสามารถของเธอตื่นขึ้นตำแหน่งในตระกูลของเธอที่เปลี่ยนไปอย่างมากเช่นกัน
แต่ผมกลับล้มเหลว…ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดไปแทน
ในเหตุการณ์การตื่นขึ้นของเธอนั้น พวกเราต้องสู้กับสัตว์ประหลาด และผมกลับหนีออกจากสัตว์ประหลาดตรงหน้า ผมทั้งเพิกเฉยต่อเสียงร้องขอความช่วยเหลือของเธอ
มันน่ากลัวเกินไป ผมกลัวเกินไป ผมไม่รู้สึกปลอดภัยเพียงเพราะมันเป็นเหตุการณ์ภายในเกม ผมหมายถึง ผมจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ผมจะปลอดภัยในเมื่อผู้คุ้มกันและผู้ดูแลคนอื่น ๆ รอบตัวผมถูกสับและถูกกลืนกินไปทีละคนกันละ?
จากนั้นคิซิกิ ฮินะ พลังก็ตื่นขึ้นและได้สังหารสัตว์ประหลาดพวกนั้นด้วยตัวเธอเอง นั่นเป็นครั้งสุดท้ายที่ฉันได้เห็นเธอในฐานะผู้ดูแลของเธอ อาจเป็นเพราะการเปลี่ยนต่ำแหน่งของเธอด้วย
หรืออาจเป็นเพราะฉันหนีไป หรืออาจเป็นปัจจัยหลายอย่างรวมกัน ไม่นานหลังจากนั้นฉันถูกลดตำแหน่งให้เป็นเพียงเด็กฝึกงานชั้นต่ำและใช้เวลาที่เหลือในการฝึกฝนอย่างเข้มงวด
หลังจากนั้น ตำแหน่งของเจ้าหญิงกอริลลาน้องสาวคนเล็กของเธอนั้นยังคงไม่ได้หายไป และท่านพี่(anego-sama) และฝ่ายของเจ้าหญิงลิงกอริลล่ารักษาสมดุลอำนาจที่ซึ่งกำลังตึงเคลียดภายในตระกูลคิซึกิ สำหรับผม ความสัมพันธ์กับท่านพี่สาว (อะเนโกะซามะ) ค่อนข้างตึงๆ เพราะผมคงถูกมองว่าเป็นฝังของฝ่ายเจ้าหญิงกอริลล่า
“…ข้าเข้าใจแล้ว แล้วก็…เนื่องจากเจ้ายังคงเป็นผู้คุ้มกันของข้า ฉนั้นอย่าละสายตาจากข้านะ เข้าใจรึไม่?”
ในขณะที่ผมกำลังทบทวนความทรงจำในอดีตอยู่นั้น คิซึกิ ฮินะ ก็ได้เงียบไปนาน ยอมรับคำพูดของฉันโดยไม่ลังเล ผมนั้นได้ก้มศีรษะให้เธอ ย้ายพรมไปที่มุมห้องกว้างๆ แล้วนั่งลงที่นั่น
(นี่มันบรรยากาศตึงเคลียดยังบอกไม่ถูกจริงๆ)
มันเหมือนกับว่าผมได้พบกับเพื่อนที่ผมรู้จักมานานหลังจากเราทะเลาะกันในวัยเด็กมาก่อน ไม่สิ จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องเคลียดกว่านั้นอีก
แต่แล้ว บางทีท่านพี่ (อะเนโกะซามะ) อาจจะไม่ได้เกลียดผมขนาดนั้นก็ได้… ถึงแม้จะมีอะไรก็ตาม เธอก็ยังเป็นเด็กผู้หญิงที่ค่อนข้างดีในเกม และเธอก็ไว้ใจกับพระเอกของเรื่อง ทั้งที่เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลยก็ตาม
ถึงแม้ว่าเธอจะค่อนข้างจะเข้มงวดเมื่อผู้เล่นเข้าสู่รูทของเธอ แม้พอเข้าแล้วอาจตึงๆ หน่อยแต่เธอก็น่ารักเมื่อเทียบกับนางเอกยันคนอื่นๆ
“อึก..”
ผมพยายามทนกับความเจ็บปวดที่ขาขวาด้วยใบหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ แต่มันยากที่จะรักษาใบหน้าให้เป็นแบบนั้นจริงๆ บอกตามตรง ซึ่งผมจะเป็นคนแรกเลย พอไปถึงที่ไปหาหน้ากากใส่ทันทีหลังเมื่อเรากลับไปถึงตระกูล
ตอนนี้หอกของผมก็ได้หุ้มด้วยผ้าอยู่ข้าง ๆ ผม ผมนั่งลงและค่อย ๆ หลับไป พร้อมที่จะทำหน้าที่เป็นยามเฝ้าได้ทุกเมื่อ
(อย่างน้อยก็ดีกว่าอยู่ในถ้ำละนะ เพราะที่นี้โอกาสจะโดนกินคือ 0) (ผู้แปล ไม่น่า 0 นะ แบบนี้)
บางทีเพราะผมอาจจะเหนื่อยกว่าที่คิด ผมค่อย ๆ ปิดตาหนัก ๆ ของผมลงและปล่อยให้ตัวเองนั้นหลับไป
“ราตรีสวัสดิ์นะ ‘■■’ ขอให้ฝันดัละ”
ก่อนที่ผมจะหลับไป ผมรู้สึกว่ามีเพื่อนสมัยเด็กคนนั้นเรียกผมด้วยชื่อผมช่างน่าคุ้นเคยและคิดถึง
ผมไม่สามารถตัดสินได้ว่ามันเป็นความฝันหรือไม่ แต่มันก็ไม่ได้เป็นฝันที่เลวร้ายเท่าไหร่หรอกอย่างน้อยก็ไม่เหมือนกับปีศาจบางตัว…
..ข้าปล่อยให้เขาหลับไปโดยไม่พูดอะไรกับเขาอีก
แม้ว่ามันจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะคุยกับเขาเช่นนั้น
คิซึกิ ฮินะ คิดกับตัวเองขณะที่เธอมองเพื่อนสมัยเด็กที่หลับในมุมหนึ่งของห้องกว้างในตำแหน่งที่เขาพร้อมที่จะตื่นตัวได้ทุกเมื่อ
เธอนั้นก็ได้คิดว่า
บางทีตัวเองอาจจะยังไม่แข็งแกร่งมากพอ
เธอไม่ได้โกรธเคืองคนรับใช้แม้แต่น้อย ในทางตรงกันข้าม เธอรู้สึกว่าต้องรับผิดชอบเขาแทน
เธอรู้ดีว่ามันเป็นความไม่รอบคอบของเธอเองที่ทำให้เขาต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้
ใช่แล้วละ เขานั้นช่างเป็นคนสุดพิเศษ เมื่อตอนแม่ของเธอได้เสียชีวิตลงและพ่อของเธอก็ไม่ได้อยู่ข้างเธออีกต่อไปแล้ว
เธอนั้นก็ต้องอยู่คนเดียวในบ้านสุดกว้างขวางโดยไม่มีใครให้หันหน้าสามารถไปพึ่งพาได้เลย
ตามพูดตามจริงเธอเองก็มีผู้ใหญ่ที่ดูแลเธออยู่เสมอและเด็กๆ ที่เล่นด้วยกัน
แต่พวกเขาไม่ใช่คนที่เธอกำลังมองหา
ผู้ใหญ่นั้นก็ช่างดูห่างไกลและไม่อาจไว้วางใจจนไม่สามารถพึ่งพาได้เลย
และเด็กๆ ที่เล่นด้วยกันที่นี้กลับมีความรู้สึกที่แตกต่างกับเด็กที่เกิดในชนบทอย่างสุดๆ
จากนั้นก็เป็นช่วงเวลานั้นที่เขาถูกพามาหาเธอ
เด็กชายที่เกิดในหมู่บ้านชนบทเช่นเดียวกัน เขานั้นเป็นคนขยันหมั่นเพียร เอาใจใส่ และปรับตัวเข้ากับเธอได้เพราะมาจากหมู่บ้านยากจนเช่นเดียวกัน
เขาเป็นคนเดียวที่เธอสามารถพึ่งพาและไว้วางใจได้
เรียกได้ว่าเธอชอบเขาแม้ในวัยเด็ก ฮินะที่ไม่มีความสนใจในอำนาจของตระกูลคิซึกิแม้แต่น้อย
เธอถึงกับใฝ่ฝันถึงการหนีออกจากตระกูลและใช้ชีวิตในทุ่งกับเด็กชายที่ตนกำลังพึ่งพาอยู่
พวกเขาเคยพูดคุยถึงเรื่องแผนการนี้ด้วยกันแบบเล่นๆ แน่นอนว่าเขาอาจจะคิดว่ามันเป็นเพียงแค่เรื่องสนุกๆ แม้เธอจะรู้อยู่แล้วว่าเขานั้นคิดเช่นไรแต่เธอก็กลับสนุกด้วยเช่นกัน
แต่ว่า…ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเธอเกือบจะถูกฆ่าโดยปีศาจในแผนการร้าย และเธอก็สามารถปลุกพลังได้สำเร็จ นั่นทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างของเธอนั้นเปลี่ยนไป
ไม่สิ…มันมีอะไรมากกว่านั้นอีก…
การตื่นขึ้นของพลังนั้นไม่เพียงเปลี่ยนชีวิตของเธอ แต่มันยังทำให้เธอรู้สึกถึงภาระและความรับผิดชอบที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน เธอนั้นต้องเข้มแข็งและพิสูจน์ตัวเองว่าเธอคู่ควรกับพลังนี้ เธอไม่สามารถหนีไปได้อีกต่อไป แม้จะมีช่วงเวลาที่เธออยากจะกลับไปเป็นเด็กหญิงธรรมดาที่มีเพื่อนเล่นเช่นเดิม แต่เธอรู้ดีว่ามันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว
“แล้วก็นั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรหรอก…แต่ปัญหาจริงๆ คือความโง่เขลาของข้าเอง…”
คิซึกิ ฮินะ หลับตาลงและนึกถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในอดีต
ความจริงที่ว่าชีวิตของเธอเปลี่ยนไปอย่างมาก
มีผู้ใหญ่หลายคนเข้าหาเธอเพื่อใช้ประโยชน์จากพลังของเธอ
มันทำให้เธอรู้สึกตกใจและกลัวอย่างมากในฐานะเด็กสาวที่ยังไร้เดียงสา
เธอจึงขอความช่วยเหลือจากเด็กชายที่เธอไว้ใจเสมอมา
เธออยากหนีออกจากตระกูลแห่งนี้
บางทีเธอไม่ควรทำแบบนั้นเลย
มันเป็นการกระทำที่ช่างโง่เขลา
และเมื่อเด็กชายไม่ยอมตอบตกลงช่วยเหลือเธอ
เธอนั้นก็ได้รู้สึกผิดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมากจนเธอเก็บข้าวของและร้องไห้ออกจากตระกูลนี้
ในวันรุ่งขึ้นเด็กชายคนนั้นถูกไล่ออกจากการผู้ดูแลของเธอ
“โอ้ ช่างโง่จริงๆ ข้าช่างโง่จริงๆ ข้านั้นไม่เคยคิดเลยแม้แต่วินาทีเดียวว่าทำไมเด็กชายที่ปกติจะใจเย็นและฉลาดกว่าข้านั้นถึงได้มีสีหน้าที่ไร้ความหวังเช่นนั้น”
เธอได้คิดเช่นนั้น
ฮินะรู้สึกผิดที่เธอทำให้เขาต้องตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น เธอรู้สึกว่ามันเป็นความผิดของเธอเองที่ไม่ได้เข้าใจเลย
ที่จะรับรู้ถึงความยากลำบากที่เขาต้องเผชิญ
“และแน่นอน เมื่อข้าคิดย้อนกลับไป การมีตัวตนของเขาอยู่นั้นก็เป็นที่ขัดตาของทุกคน”
คงจะไม่ดีนักในสายตาของคนทั่วไปที่จะมีลูกชาวนาจนๆ อยู่ข้างๆ เธอในฐานะผู้ที่เป็นตัวเต็งในการเป็นหัวหน้าตระกูลคนถัดไป
และนั้นจะไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องเลย ที่เด็กชายคนนั้นจะได้รับความโปรดปรานในฐานะข้าราชบริพารหรือแม้กระทั่งในฐานะเพศตรงข้ามอีกด้วย
ไม่ว่า คิซึกิ ฮินะ จะทำอะไรก็ตาม
การกระทำของเธอที่ร้องไห้และวิ่งหนีพร้อมกับคำพูดที่ว่าเธอเองก็ไม่ชอบเด็กชายคนนั้นเธอบอกว่าเขาเป็นเพียงคนที่เป็นที่ปรึกษาเกี่ยวกับการหนีออกจากคฤหาสน์หลังนั้น… หลังจากนั้น
การสนทนาทั้งหมดของพวกเขาถูกดักฟังด้วยชิกิกามิ (วิญญาณรับใช้) คอยเฝ้าดูพวกเขาอยู่เสมอ
ต่อมาพวกเขายังพบว่าเธอมีแผนการที่จะหนีออกจากคฤหาสน์และใช้ชีวิตหลังจากนั้น แต่มันช่างเป็นเรื่องตลก
กลับกลายเป็นว่าแผนนั้นถูกดักทางและเธอถูกจับตัวในที่สุด
อาจเป็นเพราะมันดูไม่ดีนัก ถ้าเกิดสาเหตุที่ลงโทษมันดูไม่สมเหตุสมผล
สาเหตุการลงโทษของเด็กชายก็ถูกเปลี่ยนกลายเป็นเขาหนีจากปีศาจโดยไม่ได้ปกป้องนายของตนแม้ว่าเขาจะเป็นผู้ดูแลของเธอ
และเพราะเหตุนี้ความทรงจำของเขาถูกเปลี่ยนแปลงบางส่วนโดยวิชาบางอย่าง(ผู้แปล พี่ชายโดนเปลี่ยนความทรงจำ พี่ชายไม่ได้ขี้ขลาด)
จากนั้นเขาก็ได้รับชื่อ “โทโมเบะ” และถูกลดชั้นลงเป็นข้ารับใช้ชั้นต่ำด้วยความหวังว่าเขาจะตายที่ไหนสักแห่ง
แต่ว่าความจริงที่ว่าเขานั้นรอดจากเหตุการณ์การลอบสังหารของ คิซึกิ อาโออิ และปกป้องเธอไว้ได้นั้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิดแม้แต่สำหรับผู้ที่ต้องการฆ่าเขา
“มันน่าสมเพศนัก ข้านั้นไม่สามารถช่วยอะไรเจ้าจนถึงตอนนี้ โดยเฉพาะยัยผู้หญิงบ้านั่น…!”
หลังจากที่เธอยิ้มให้กับตัวเอง
เธอก็คิดถึงอาโออิ…น้องสาวที่เธอนั้นช่างเกลียดชัง
ใบหน้าของเธอนั้นก็เริ่มตึงเครียดขึ้นมา
การปกป้องน้องสาวของเธอ…หากมันเป็นทางเดียวที่จะได้ช่วยเขาจริงๆ ละก็แต่น่าเสียดายที่ผลมันกลับตรงข้าม
เธอไม่รู้ว่ายัยผู้หญิงบ้าๆ นั้นคิดอะไรอยู่ แต่เธอไม่สามารถเข้าใจว่าเหตุใดการถึงไม่ปกป้องเขาเลย ปล่อยให้เขาอยู่ในสภาพแบบที่ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตรอดหรือไม่ทุกครั้ง
“ยัยนั้นเกลียดชังอะไรเจ้าถึงเพียงนั้น ขนาดที่เจ้าช่วยยัยนั้นขนาดนั้นแท้ๆ”
เธอได้กัดฟันแน่น เธอเก็บความโกรธที่กำลังพุ่งพล่าน
มันไม่ดีต่อร่างกายของเธอที่จะปล่อยให้ความโกรธระบายพลังวิญญานขนาดใหญ่ของเธอออกไป
“ข้าไม่ได้ขอให้เจ้า…ให้อภัยข้า แต่ขอให้อดทนอีกสักหน่อย อีกเพียงนิดเดียวเท่านั้น”
กว่าทศวรรษที่ผ่านมา เธอได้เรียนรู้ ฝึกฝน และเติบโตแข็งแกร่งขึ้น ไม่ใช่แค่ในการต่อสู้เท่านั้น แต่ในเรื่องของเงินทอง การศึกษา และการเข้าร่วมหลายๆ กลุ่ม ทั้งหมดนี้ก็เพราะเธอต้องการช่วยเขา ช่วยให้เขาพ้นจากความทุกข์
“ข้าจะดูแลคำสาปของเจ้าให้เอง ความทรงจำของเจ้านั้น ทุกสิ่งทุกอย่าง แม้ว่าข้าจะต้องทิ้งทุกอย่างที่มี ขอแค่รออีกเพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น”
เธอพึมพำด้วยเสียงที่สั่นสะท้าน ราวกับเป็นการขอโทษและการสำนึกผิด เธอทนไม่ได้ที่รู้ว่าเธอได้ทำให้คนที่เธอห่วงใยต้องเสียชีวิตไปมากมาย
“ข้าจะยุติทุกอย่างให้จบลง ข้าจะพาเจ้าออกไปจากนรกแห่งนี้เอง นั่นเป็นเหตุผล…เป็นคำสัญญา…”
เพราะฉะนั้น อย่างน้อยที่สุด เมื่อทุกอย่างจบลง พวกเราจะสามารถรักษาสัญญาเก่า ๆ ของพวกเราได้อีกครั้ง ใช้ชีวิตร่วมกับข้าอย่างเงียบ ๆ ข้าจะทำดีที่สุดเพื่อปกป้องเจ้าจากภัยคุกคามใด ๆ
“ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่ว่าใครก็ตามที่ข้าต้องเผชิญ…”
เธอมองไปที่คนที่เธอรัก ด้วยดวงตาที่เปล่งประกายด้วยไฟแห่งความหลงใหลที่เงียบสงบแต่แสนบ้าคลั่ง…