บทที่ 576 คำเตือน
บทที่ 576 คำเตือน
เซี่ยชิงหยวนซึ่งกำลังกดเผ่ยเยว่เอาไว้พลันรู้สึกได้ว่าร่างกายของอีกฝ่ายแข็งขืน
เซี่ยชิงหยวนคิดว่าอาจเกิดอะไรขึ้นกับหญิงสาวอีก จึงก้มศีรษะมองดู
ก่อนพบว่าเผ่ยเยว่ปิดปากแน่น พร้อมมองมาที่ตัวเธอด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เซี่ยชิงหยวนเลิกคิ้วแล้วเอ่ยถามโดยใช้รูปปากกล่าวว่า “มีอะไร?”
เผ่ยเยว่ยังเปิดปาก แล้วเอ่ยตอบโดยไม่ส่งเสียง “พวกเขาจะเข้าไปในหมู่บ้านเพื่อฆ่าคนค่ะ”
เอ่ยพลางทำท่าเอามือปาดคอ
พูดกันอย่างจริงคือ เผ่ยเยว่ได้ยินพวกเขาพูดว่าหากหลบหนีไม่ได้ พวกเขาจะเข้าไปในหมู่บ้าน จับชาวบ้าน และใช้พวกเขาเป็นตัวประกันเพื่อบังคับให้ตำรวจปล่อยตัวไป
หากตำรวจไม่ยินยอมก็ฆ่าทุกคนเพื่อให้รับโทษร่วมกันไปซะ
เซี่ยชิงหยวนได้ยินดังนั้นก็พลันตื่นตกใจทันที
ผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านล้วนออกไปที่ชายแดน หากพวกนอกกฎหมายเข้ามาในหมู่บ้าน ก็คงไม่ต่างอะไรกับการที่ภูตผีปีศาจเข้ามาในหมู่บ้าน
ผู้เฒ่าผู้แก่ คนอ่อนแอ ผู้หญิง และเด็กที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาล้วนเป็นได้เพียงวิญญาณสังเวยให้คมดาบเท่านั้น
เมื่อเธอนึกถึงเด็กสองคนที่บ้าน รวมถึงหลินตงซิ่วและเสิ่นอี้หลินแล้ว หัวใจของเซี่ยชิงหยวนก็แทบจะหลุดออกมา
ทำยังไงดี?
ในขณะที่พวกเธอกำลังอยู่ในภวังค์ความคิด คนกลุ่มนั้นก็เดินตามเส้นทางมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านแล้ว
เซี่ยชิงหยวนรีบตัดสินใจทันที “ไป ฉันจะใช้ทางลัดแล้วรีบกลับไป ส่วนเธอรีบไปที่ชายแดนเพื่อหาคนมาช่วยพวกเราซะ”
ในเมื่อตอนนี้สถานการณ์เป็นแบบนี้ แผนการนี้จึงเหมาะสมที่สุด
จากความเร็วในการวิ่งของเผ่ยเยว่เมื่อครู่ หลังจากวิ่งไปอีกครึ่งชั่วโมง คาดว่าเธอจะไปถึงหน่วยป้องกันเขตแดน หรือหากโชคดีพอ ไปพบเข้ากับกลุ่มคนที่ไปลาดตระเวนก็อาจใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีหรือยี่สิบนาทีเท่านั้น
และตัวเธอจะใช้ทางลัดเพื่อกลับไปยังหมู่บ้านก่อนที่คนเหล่านี้จะไปถึง เพื่อไปกล่าวเตือนชาวบ้านให้ทันท่วงที ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่อย่างรำไรก็ได้
หากเธอโชคร้ายจนต้องพินาศด้วยน้ำมือของอาชญากร เธอก็จะอยู่เคียงข้างลูกทั้งสองของเธอ ไม่ปล่อยให้พวกเขาต้องหวาดกลัว
เผ่ยเยว่ลังเล “แต่พี่สาวชิงหยวน มันอันตรายเกินกว่าที่พี่จะกลับไปนะ”
บางทีอาจพบเจอคนเลว ๆ ระหว่างทางก็ได้
เซี่ยชิงหยวนเอ่ยอย่างหนักแน่น” เสี่ยวเยว่ ครอบครัวของฉันอยู่ที่นั่น ฉันต้องกลับไป”
เอ่ยจบ หญิงสาวก็ฉีกขากางเกงออก แล้วนำผ้านั้นไปมัดแขนที่บาดเจ็บไว้แน่น ก่อนจะพุ่งเข้าไปในป่าโดยไม่หันกลับมาอีก
เผ่ยเยว่มองไปยังทิศทางที่เซี่ยชิงหยวนจากไป ในใจพลันรู้สึกความโศกเศร้าท่ามกลางความกล้าหาญอันโดดเดี่ยว
เธอโยนกระเป๋าเป้สะพายหลังทิ้ง แล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิตไปหน่วยป้องกันเขตแดนโดยมีเพียงไฟฉายอยู่ในมือ
ในอดีตสิ่งที่เรียกว่าทางลัดนี้เป็นเส้นทางที่ผู้คนที่นี่ใช้สัญจร ทว่าต่อมาก็ค่อย ๆ มีการเปิดถนนใหม่ที่กว้างขึ้น ทำให้ถนนสายเก่าถูกทิ้งร้าง
บนเส้นทางเก่านี้สองข้างทางเต็มไปด้วยวัชพืช ซ้ำยังมีพุ่มไม้เตี้ยซึ่งมีหนามแหลมคมเรียงรายอยู่ทั้งสองด้าน เมื่อเซี่ยชิงหยวนเดินผ่านไป ทั้งเสื้อผ้า กางเกง และผิวหนังของเธอล้วนแล้วแต่ถูกทิ่มแทงกรีดขาด
เมื่อครู่ในตอนที่เธอไล่ตามเผ่ยเยว่ หญิงสาวได้ใช้พละกำลังเกือบทั้งหมดของเธอ มาตอนนี้ยังต้องตะบึงวิ่งอย่างบ้าระห่ำด้วยพละกำลังทั้งหมดของตัวเองอีก หญิงสาวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าอากาศในช่องอกของเธอค่อย ๆ เบาบางลง ทุกลมหายใจทำให้เธอรู้สึกอึดอัดและเจ็บปวดบริเวณอก
อีกทั้งสมองของเธอ เนื่องจากขาดออกซิเจนจึงส่งผลให้เริ่มมีอาการวิงเวียน พร้อมอาการหน้ามืดตาพร่าที่ทำให้เห็นเงาดำปรากฏขึ้นตรงหน้า
เซี่ยชิงหยวนทำได้เพียงกัดริมฝีปากของตัวเองซ้ำ ๆ เพื่อใช้ความเจ็บปวดปลุกให้เธอตื่นอยู่เสมอ
ลูก ๆ ของเธอ รวมถึงคนที่เธอรักยังรออยู่ เธอไม่อาจล้มลงไปทั้งแบบนี้ได้
ขณะที่เซี่ยชิงหยวนรีบวิ่งก้าวสุดท้าย หญิงสาวก็ฝืนไม่อยู่แล้ว ร่างของเธอจึงถูกเหวี่ยงออกไป ก่อนล้มลงกับพื้น
ฝ่ามือของเธอครูดไปกับกรวดบนพื้น และเริ่มมีเลือดออก
เซี่ยชิงหยวนไม่สนใจความเจ็บปวด รีบสะบัดศีรษะซึ่งเริ่มเซื่องซึมมากขึ้นเรื่อย ๆ และกัดฟันวิ่งไปยังหมู่บ้าน
หญิงสาวใช้เวลาทำทุกอย่างนี้ราวสามสิบนาที คนกลุ่มนั้นบางคนได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังใช้ถนนสายใหม่ ย่อมเดินทางมาไม่เร็วเท่าเธออย่างแน่นอน
เมื่อคำนวณจากความเร็วแล้ว พวกเขาน่าจะใช้เวลาอีกสามสิบนาทีกว่าจะถึงหมู่บ้าน
ซึ่งก็เท่ากับว่าเหลือเวลาไม่มากแล้วสำหรับพวกชาวบ้าน
เซี่ยชิงหยวนวิ่งไปยังประตูบ้านที่ใกล้ที่สุด แล้วหยุดยืนอยู่ที่ประตูลานบ้านของพวกเขาพร้อมร้องตะโกน “พวกโจรกำลังมา รีบลุกขึ้นเร็ว!”
ชาวบ้านในหมู่บ้านนั้นไม่มีใครกล้าหลับสนิทมาสักพักแล้ว ทันทีที่ได้ยินเสียงตะโกนของเซี่ยชิงหยวน พวกเขาก็ลุกขึ้นจากเตียงทันที
หญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านจำเสียงของเซี่ยชิงหยวนได้ จึงวิ่งออกจากบ้านไปเปิดประตู ใบหน้าฉายชัดถึงความตื่นกลัว “โจรมาที่นี่เหรอคะ?”
เซี่ยชิงหยวนหอบหายใจ พลางกุมหน้าอกที่ปวดร้าวอย่างรุนแรงจนแทบหายใจแทบไม่ออก แล้วเอ่ยว่า “พวก… โจรจากพม่า… กำลังมาที่นี่ อีก… ราว ๆ สิบนาทีคงมาถึง”
จำเป็นต้องกล่าวบอกเวลาให้น้อยลงเพื่อให้ชาวบ้านรู้สึกถึงความเร่งด่วน
หญิงสาวเมื่อได้ยินเช่นนั้น ก็อยากจะร้องไห้ออกมาอยู่ครู่หนึ่ง “ทำยังไงดีคะ?”
เซี่ยชิงหยวนกล่าวว่า “ปฏิบัติตามแนวทาง… ที่เคยเรียนรู้ฝึกซ้อมมา”
อำเภอรุ่ยมีที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ที่ค่อนข้างพิเศษ ทางศูนย์บรรเทาความยากจนและหน่วยรักษาความปลอดภัยได้ร่วมกันจัดการฝึกซ้อมสถานการณ์พิเศษ เพื่อป้องกันการเกิดขึ้นของสถานการณ์ที่คล้ายกัน
ผู้หญิงคนนั้นพยักหน้ารัว ๆ ราวกับกำลังทุบกระเทียม “ได้… ได้ค่ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
เซี่ยชิงหยวนรั้งเธอไว้ “พี่สาว เกรงว่าคงต้องให้พี่ช่วยปลุกเรียกชาวบ้านที่เหลือด้วยกันกับฉันก่อนค่ะ”
หญิงสาวลังเลเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้าอย่างเด็ดเดี่ยว “ได้ค่ะ งั้นคุณรอก่อนนะคะ”
เอ่ยจบ ก็ตะโกนเข้าไปในบ้านว่า “แม่คะ พวกโจรกำลังมา พาเด็ก ๆ ไปซ่อนตามที่เราเคยฝึกซ้อมกันมา แล้วระหว่างทางก็ช่วยตะโกนกล่าวบอกสักสองสามครั้งด้วย!”
ไม่นานนักก็มีเสียงหญิงชราดังมาจากในบ้าน “ได้ ลูกไปเถอะไม่ต้องกังวล!”
เฒ่าชรานั้นเฝ้าเด็ก ๆ อยู่ข้างในและนอนฟังอยู่ข้างประตูอยู่เสมอ
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาเคยทำเมื่อครั้งช่วยกองทัพสายแปดต่อสู้กับกองโจร ชีวิตคนแก่อย่างนี้ มีอะไรให้ต้องหวาดกลัวกัน?
ผู้หญิงคนนั้นวิ่งไปที่ห้องครัวและนำฝาหม้อขนาดใหญ่หนึ่งใบ เล็กหนึ่งใบ ยังมีตะหลิวอีกหนึ่งอัน และขันตักน้ำอะลูมิเนียมมาแบ่งให้เซี่ยชิงหยวน แล้วกล่าวว่า “ไปกันค่ะ ไปเรียกคนอื่น ๆ กัน”
เอ่ยจบ หญิงสาวทั้งสองเดินเคาะฝาหม้อพร้อมร้องตะโกนไปตลอดทางเพื่อเรียกให้ทุกคนรีบลุกขึ้น หยิบอาวุธที่ถนัดมือแล้วไปพบกันยังจุดหมาย
ในเวลาเพียงสองหรือสามนาที หมู่บ้านก็ถูกแบ่งออกเป็นสองเหตุการณ์
คนเฒ่าคนแก่พาเด็ก ๆ วิ่งมุ่งหน้าลึกเข้าไปในภูเขา ในขณะที่ผู้หญิงค่อย ๆ ย่องเบาไปยังหุบเขาลึกที่เต็มไปด้วยกับดักอย่างเงียบ เพื่อปูหญ้าที่พวกเขาเตรียมไว้ก่อนแล้วให้ทั่วเพื่อให้ดูเหมือนพื้นราบ
เมื่อทุกอย่างพร้อมก็หมดเวลาไปสิบนาทีพอดี
ตอนนี้ใบหน้าของเซี่ยชิงหยวนกลายเป็นสีขาวซีด แข้งขาของเธออ่อนแรง ซวนเซไปเล็กน้อยจนเกือบจะล้มลง
เถียนกุ้ยฟางซึ่งอยู่ข้าง ๆ รีบวิ่งไปประคองเธอไว้ ก่อนจะตระหนักได้ว่ามือของตนจับเข้ากับบางอย่างที่เปียกชื้น
เธอมองผ่านแสงจันทร์และก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่ามือของเธอเต็มไปด้วยเลือด!
เถียนกุ้ยฟางร้องอุทาน “น้องชิงหยวน ได้รับบาดเจ็บเหรอ?”
เซี่ยชิงหยวนโน้มตัวเข้าหาเธอแล้วกระซิบว่า “อย่าตื่นตระหนกไปค่ะ รีบถอยกลับกันเถอะ”
ได้ยินดังนั้น เถียนกุ้ยฟางจึงโบกมือเรียก “พวกเราไปกันเถอะ!”
ผู้หญิงสิบกว่าคนก็พากันกระจายและคลานไปตามเนินเขาด้านข้างในทันที จากนั้นจึงเฝ่ารออย่างเงียบ ๆ เพื่อให้พวกโจรห้าร้อยมาถึง
หลังจากนั้นประมาณสิบกว่านาที เสียงฝีเท้าอันลุกลี้ลุกลนพลันดังขึ้น คนพวกนั้นมาถึงแล้ว!
เซี่ยชิงหยวนจำคนที่เป็นหัวหน้ากลุ่มได้ เขาเป็นคนร่างสูงใหญ่ มีผ้าโพกรอบศีรษะ เขาได้รับบาดเจ็บและมีลูกน้องคอยช่วยพยุง
หากถูกบีบบังคับจนไม่เหลือหนทางก็จงเผชิญหน้าซะ พยายามทุกวิถีทางเพื่อจับเขาไว้ให้ได้
เธอยื่นมือออกมาพร้อมขยิบตาให้ทุกคน และชี้ไปยังชายที่ได้รับบาดเจ็บ
พวกผู้หญิงเหลือบมองหน้ากัน ก่อนจะพยักหน้ารับเพื่อเป็นการบอกว่าพวกเธอเข้าใจแล้ว
ในทันใดนั้นเอง ชายที่บาดเจ็บพลันสบถสาปแช่งบางอย่างเป็นภาษาพม่า ทำให้คนกลุ่มนั้นหยุดฝีเท้าลงและยืนอยู่หน้าคูน้ำลึกโดยไม่ก้าวไปข้างหน้าต่อ
เมื่อพวกผู้หญิงเห็นดังนั้น หัวใจของพวกเธอก็เกิดความตระหนก
พวกเขาพบเห็นอะไรเข้าอย่างนั้นเหรอ?