ตอนที่ 656 เจ้าอยากรักษาก็รักษา ไม่ต้องสนใจใคร
ฉินหลิวซีมาถึงห้องของสะใภ้หวัง นางกำลังตรวจบัญชีอยู่กับฉินเหมยเหนียง เมื่อเห็นฉินหลิวซี จึงยืนขึ้นด้วยใบหน้ายินดี
“คนรับใช้บอกว่าเจ้ากลับมาแล้ว ข้ากำลังคิดว่าตรวจบัญชีเล่มนี้เสร็จก็จะไปหาเจ้าที่ห้องพอดี” สะใภ้หวังยิ้มให้อย่างอ่อนโยนพลางเดินมาข้างหน้า นางดึงมือฉินหลิวซียกขึ้นลงสังเกตดูอย่างละเอียด ขมวดคิ้วพลางกล่าว “ผอมลงไปมาก เดินทางเหน็ดเหนื่อยหรือไม่”
ฉินหลิวซีคารวะนางและฉินเหมยเหนียง แล้วจึงเอ่ยตอบ “ไม่เหนื่อยเท่าใด เพียงแค่อาหารการกินไม่ค่อยคุ้น จึงกินอาหารได้น้อยลง”
ฉินเหมยเหนียง “หน้าตาท่าทางดูมีชีวิตชีวาดี ดูร่างกายเจ้าสิ หรือว่าจะสูงขึ้นกว่าเดิมอีก” มองอย่างนี้ ฉินหลิวซีสูงกว่าพวกนางทั้งสองคน เวลาเอ่ยพวกนางต้องเงยหน้าเล็กน้อย
สะใภ้หวังคิ้วขมวดหนักขึ้นไปอีก เด็กผู้ชายตัวสูงถือว่าดี แต่เด็กผู้หญิงสูงเกินไปหาคู่ลำบากสักหน่อย เพียงแต่คิดถึงสถานะของนางจึงกดความคิดนี้ลงไปได้
“แม่นมเสิ่น เจ้าไปให้ป้าหลี่ตุ๋นน้ำแกงไก่มาบำรุงนางสักหน่อย แล้วเอาโสมที่ถูกส่งมาใส่ลงไปด้วย”
ฉินหลิวซีรีบห้ามเอาไว้ “เข้าหน้าร้อนแล้ว ดื่มน้ำแกงไก่ใส่โสมน่าจะไม่ไหว ไม่ต้องหรอก ที่ครัวทางนั้นฉีหวงตุ๋นน้ำแกงบำรุงให้ข้าแล้ว” โสมอะไร มีหรือจะสู้ผลสีแดงของปีศาจโสมน้อยได้?
ปีศาจโสมน้อยที่นางนึกถึง ตอนนี้ใช้มือเล็กๆ ของมันหยิบเอาผลสีแดงใส่ไว้ในกล่อง แอบร้องไห้น้ำตาร่วง ห้อยอยู่บนหัวได้ไม่เกินสามวัน ช่างน่าสงสาร
“อย่างนั้นเดี๋ยวเอาโสมกลับไป ให้นางทำให้เจ้าดื่ม” สะใภ้หวังเห็นนางห้ามไว้ก็ไม่บังคับ กลับเตรียมโสมให้นางนำกลับไปด้วย นางอธิบาย “โสมนี้ที่บ้านท่านยายของเจ้าส่งมาให้ คนที่นำมาคือพี่ชายลูกพี่ลูกน้องของเจ้า อีกเดี๋ยวให้เขามา พวกเจ้าคงจะจำหน้าเขาได้”
“ข้าพบเขาแล้ว”
สะใภ้หวังชะงักไป “หืม?”
ฉินหลิวซีกล่าวเรียบๆ “ฉินหมิงเย่ว์พาเขาไปที่เรือนพักของข้าและแนะนำให้รู้จัก ในเมื่อที่บ้านมีแขกมา หากท่านแม่ออกไปไม่ได้ ก็เชิญเขาพักผ่อนที่ห้องหนังสือ ให้ฉินหมิงฉุนกับฉินหมิงฉีออกมารับรองเถิด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นบุรุษ แขกมาเยือนควรต้องต้อนรับ แต่ให้น้องสาวออกไปเป็นเพื่อนจะทำให้ถูกนินทาเอาได้ง่ายๆ”
สะใภ้หวังหน้าเห่อร้อนขึ้นมาจนเป็นสีม่วงคล้ำ คำพูดนี้ของฉินหลิวซีเหมือนนางถูกตบหน้าด้วยฝ่ามือฉาดใหญ่
นางเป็นนายหญิงตระกูลฉิน การควบคุมดูแลอบรมสั่งสอนคนในบ้านให้อยู่ในระเบียบ เป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของนาง ถึงมีบุรุษคนนอกมาไม่มีเหตุผลที่ให้เด็กสาวในบ้านไปอยู่เป็นเพื่อน เพราะหญิงชายแตกต่าง แม้ว่าฝ่ายที่มาจะเป็นหลานชายของฝ่ายแม่ซึ่งก็คือสะใภ้หวัง แต่คนที่ออกมาต้อนรับควรเป็นบุรุษในบ้าน แม้ว่าผู้ใหญ่ในบ้านบางคนจะถูกเนรเทศไป แต่ยังมีเด็กหนุ่มสองคนอยู่ในเมืองหลี สามารถต้อนรับขับสู้ได้ตามเดิม
แต่ความจริงกลับเป็นหญิงสาวในบ้านที่ไปเป็นเพื่อนเล่น และยังพาเดินไปทั่วบ้านตามใจชอบ? สมองฉินหมิงเย่ว์มีแต่น้ำ นางพาบุรุษคนนอกไปที่เรือนของพี่สาวคนโต ยังกล้าแนะนำให้รู้จัก นางเป็นใครถึงมาแนะนำบุรุษให้รู้จักพี่สาวงั้นหรือ
สะใภ้หวังอายแทบจะเอาหน้าแทรกแผ่นดิน นางเอ่ยด้วยใบหน้านิ่งสนิท “เทศกาลตวนอู่ใกล้เข้ามาแล้ว กิจการที่ร้านไปได้ไม่เลว ข้ากับอาหญิงของเจ้ายุ่งอยู่ที่ร้านทั้งวัน ดูแลไม่ทั่วถึง เรื่องในบ้านกลับไม่ได้ดูแล เป็นข้าเองที่ไม่ดี”
ฉินเหมยเหนียงอ้าปากแล้วอ้าปากอีก นางถอนหายใจออกมา พวกบุรุษไม่อยู่ สะใภ้หวังดูจะเป็นหัวเรืองานนอกบ้าน เรื่องในบ้านจึงได้แต่มอบให้สะใภ้รองเซี่ย สะใภ้สามกู้เป็นคนดูแล เด็กสาวในบ้านใจกล้าอย่างนี้ เกรงว่าผู้ใหญ่สองคนคงเห็นดีเห็นงามไปด้วย
สะใภ้เซี่ยคงพอใจหลานชายของพี่สะใภ้คนโต ฉินเหมยเหนียงมองออกแล้ว มีหรือสะใภ้หวังจะดูไม่ออก คิดแล้วยิ่งขุ่นเคือง ไม่ใช่เพราะสตรีบ้านฉินไม่เหมาะกับหลานชาย แต่เพราะการกระทำเช่นนี้ทำให้ดูเป็นคนชั้นต่ำ เหมือนที่คำฉินหลิวซีเอ่ยออกมา คนนอกจะมองสตรีตระกูลฉินอย่างไร
สตรีตระกูลฉินไม่ได้มีเพียงฉินหมิวเย่ว์คนเดียว
หมิงเย่ว์เสนอหน้าครั้งนี้ ไหนเลยจะไม่ใช่การตบหน้านางอย่างแรง ในฐานะสะใภ้ใหญ่ที่คอยดูแลควบคุมเรื่องในบ้าน ย่อมบกพร่องต่อหน้าที่
ฉินหลิวซีเอ่ยเรียบๆ “หญิงสาวอยู่ว่างทั้งวัน สมองคิดเรื่องเหลวไหลได้ง่าย เมื่อไม่ใช้สมองทำงานก็ง่ายต่อการก่อความเดือดร้อนให้คนในบ้าน ไม่สู้ท่านแม่หาอะไรให้พวกนางยุ่งเข้าไว้ เห็นหญิงสาวในหมู่บ้านทำงานตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ให้ทำเช่นนั้นคงดี เดี๋ยวนี้ฐานะที่บ้านไม่เหมือนแต่ก่อน แต่ก็ไม่ถึงขั้นไม่มีข้าวกิน ผู้ใหญ่ในบ้านพวกเขานอนกลางดินกินกลางทรายอยู่ที่ซีเป่ย ไม่หวังให้พวกนางหาเงินเลี้ยงครอบครัว แค่มีเงินซื้อเครื่องประดับใช้เอง หยุดให้เงินเดือน ให้ไปรับงานที่ร้านตัดเย็บเถิด”
ฉินเหมยเหนียงรีบเอ่ยเห็นด้วย “เป็นความคิดที่ดี รับงานร้านตัดเย็บมาทำข้างนอก ถือว่าให้พวกนางได้ฝึกฝนงานเย็บปักถักร้อย นับว่าดีทีเดียว”
สะใภ้หวังพยักหน้า “ข้าจะกลับไปจัดการ”
ทั้งสองถือคำของฉินหลิวซีเป็นคำสั่งและรีบไปดำเนินการ ถือเป็นคำสั่งโดยที่ไม่ได้รู้สึกว่ามีอะไรไม่เหมาะสมแม้แต่น้อย
ที่ด้านนอก หวังอวี้เชียนส่งเสียงกระแอมทีหนึ่งเพื่อขออนุญาตเข้าไปพบ
นางเดินไปที่ด้านนอกประตู จ้องหวังอวี้เชียน “เข้ามาเอ่ยข้างในเถิด”
หวังอวี้เชียนหน้าแห้งเดินเข้ามา มองเห็นฉินหลิวซีนั่งดื่มชาช้าๆ อย่างสบายอารมณ์ ในใจคิด นางเล่าเรื่องให้ผู้ใหญ่ฟังแล้วหรือไม่
ฉินเหมยเหนียงรวบรวมเก็บสมุดบัญชี “พี่สะใภ้ใหญ่ข้าขอตัวไปปรนนิบัติรับใช้ท่านแม่ก่อน”
เมื่อนางจากไป สะใภ้หวังแม้จะรู้ว่าฉินหลิวซีกับหวังอวี้เชียนเจอหน้ากันแล้วก็ยังคงแนะนำให้รู้จักกัน
“นี่คือลูกชายคนรองของท่านลุงใหญ่เจ้า นามหวังอวี้เชียน เจ้าเรียกเขาว่าพี่ชายก็พอ” สะใภ้หวังแนะนำให้ฉินหลิวซีรู้จักสถานะของหวังอวี้เชียนก่อน จากนั้นจะจ้องไปที่หวังอวี้เชียน “นี่คือลูกพี่ลูกน้องหญิงตัวจริงของเจ้า หลิวซี”
หวังอวี้เชียนรู้สึกเก้อเขิน แสดงมารยาททักทายอีกครั้ง “น้องสาว”
ฉินหลิวซีแสดงมารยาทตอบ ส่งเสียงไม่แข็งไม่อ่อนเรียกพี่ชาย
สะใภ้หวังจึงเอ่ยต่อไปว่า “ปีที่แล้วข้าส่งจดหมายไปให้ท่านยายของเจ้า เอ่ยถึงว่าวิชาการแพทย์ของเจ้าไม่เลว ท่านยายของเจ้าเกิดที่ซีเป่ยเป็นลูกหลานสายแยกของตระกูลเฉวียน แต่งออกจากตระกูล นางแนะนำชื่อของเจ้าให้ญาติสายตรงทางนั้นรู้จัก พี่ชายเจ้าจึงได้เดินทางไกลเป็นพันลี้มาเป็นเพื่อนคนตระกูลเฉวียนต้องการมาขอรับการรักษา”
สะใภ้หวังมีน้ำใจ หากฉินหลิวซีมีความสามารถรักษาลูกชายตระกูลเฉวียนได้จริง นั่นก็เท่ากับเป็นการทำเพื่อฮูหยินหวังผู้เฒ่า บุญคุณครั้งนี้ตระกูลเฉวียนจะต้องจดจำไว้ นี่เป็นประการแรก
ประการที่สอง หากรักษาหาย ตระกูลเฉวียนต้องจดจำฉินหลิวซีผู้ยิ่งใหญ่คนนี้ ดังนั้นตระกูลเฉวียนที่มีรกรากอยู่ซีเป่ย สำหรับพวกผู้ใหญ่ตระกูลฉินที่ถูกเนรเทศย่อมต้องได้รับการช่วยเหลือไปด้วย
นี่เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ฮูหยินหวังผู้เฒ่าออกปากแค่คำเดียว แนะนำให้สักหน่อย สำหรับนางไม่มีอะไรเสียหาย ตระกูลเฉวียนเองอยากจะรับความช่วยเหลือหรือไม่ก็แล้วแต่ สะใภ้หวังเพียงบอกให้ฝ่ายนั้นรับรู้ว่ามีหมอนักพรตเต๋าอยู่ก็เท่านั้น
ในโลกนี้ขอเพียงมีผลประโยชน์ต่อกันก็สามารถวางแผนพึ่งพากันได้ ในฐานะสะใภ้หวังของทุกคน นางเข้าใจเรื่องนี้เช่นกัน
ทว่าเข้าใจก็ส่วนเข้าใจ นางไม่อาจบังคับฉินหลิวซีได้
สะใภ้หวังมองฉินหลิวซี “คุณชายตระกูลเฉวียนมาถึงแล้ว อยากพบหรืออยากช่วยรักษาอย่างไร เจ้าตัดสินใจแล้วกัน ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ไม่ว่าท่านยายของเจ้าหรือตัวข้าเอง แม้ท่านย่าของเจ้า ล้วนไม่ต้องนำมาใส่ใจ ตามใจเจ้าเถิด”
หวังอวี้เชียนฟังแล้วตกใจพลางมองไปยังสะใภ้หวัง ความหมายของท่านอาหญิงแสดงให้เห็นว่าให้ความสำคัญกับฉินหลิวซีมากกว่าลุงเขยอาเขยและลูกพี่ลูกน้องที่ซีเป่ยงั้นหรือ