Invicinble – โลกอมตะ ตอนที่ 307 เมืองผีปรากฏขึ้น
จ้าวเฉินที่อยู่ในระหว่างรับโจมตีของหวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกตกตะลึงในปราณหมัดยักษ์ที่ดูเหมือนจริงซึ่งได้บดบังท้องฟ้า จู่ๆก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวเขา
“นี่มัน…! นี่มันเหมือนกับหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าจากโลกเทวะแห่งความว่างเปล่าในตํานานที่มีคนเคยเล่าลือกันมาเลย
จากนั้นร่างจ้าวเฉินก็ได้ปลดปล่อยเพลิงสีฟ้าซึ่งมันก็ได้กลายเป็นดอกไม้สีฟ้าที่เบ่งบานขึ้นกลางอากาศ ซึ่งมันทําเกิดภาพที่น่าหลงใหลเมื่อมองจากระยะไกล
หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าก็ได้พึ่งไปปะทะกับเหล่าดอกไม้สีฟ้าหลายดอก ทําให้ดอกไม้เหล่านั้นถูกทําลายไปทีละดอกแต่ก็ยังมีดอกไม้สีฟ้าดอกอื่นเบ่งบานขึ้นมาแทน
ประกายไฟจากดอกไม้สีฟ้าที่ถูกทําลายก็ได้ลอยออกไปทั่วทุกทิศทาง
จ้าวเฉินที่ยืนอยู่กลางอากาศ ก็จ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างอาฆาต “กระบวนท่าที่เจ้าใช้เมื่อกี้คือหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าสินะ?!”
หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า! เคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูงที่เป็นของโลกเทวะแห่งความว่างเปล่า!
สําหรับนายน้อยแห่งเจ้าเมืองบาปอย่างเจ้าเฉินนั้นไม่เคยขาดแคลนวิชาต่อสู้หรือวิชาบ่มเพาะเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้มีเคล็ดวิชาที่อยู่ในระดับเดียวกับหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า
หวงเสี่ยวหลงไม่คาดคิดว่าจ้าวเฉินจะรู้จักหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดอยู่ดี “ถูกแล้ว” ซึ่งมันมีอะไรต้องปกปิดเสียหน่อย
“ส่งเคล็ดวิชาหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่ามา แล้วข้าจะยอมให้เจ้าตายอย่างไม่ทุกข์ทรมาน!”ดวงตาของจ้าวเฉินั้นก็ลุกไหม้ไปด้วยความปรารถนา
“หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า มันเป็นหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าจริงๆด้วย”
“อย่างงั้นหรอกหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก จากนั้นก็ได้มีรอยกรีดแนวตั้งปรากฏขึ้นบนหน้าผากของหวงเสี่ยวหลงภายในเสี้ยวพริบตาซึ่งก็คือการเปิดเนตรนรก จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้ปล่อยลําแสงสีแดงเข้มออกมาจากเนตรนรก เจ้าเฉินก็ได้รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างพุ่งใส่จิตใจของเขาทันที ทําให้เขาหมดสติไป
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้เรียกเอาดาบเทพอสูรออกมาไว้บนมือแล้วฟันออกไปอย่างรวดเร็ว คมดาบทั้งสองได้ถึงออกไปราวกับภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นหลังจากผ่านไปหลายสหัสวรรษ และยังเหมือนกับฝูงสัตว์อสูรนับล้านตัวที่กระโจนออกไปเข้าปกคลุมสวรรค์ทั้ง 9 ซึ่งการโจมตีนี้ได้เข้ามาถึงตัวจ้าวเฉินเร็วกว่าที่ใครจะสามารถกระพริบตาได้
เคล็ดวิชาดาบเทพอสูร กระบวนท่าที่ 3 ความโกรธเกรี้ยวของราชานรก!
จ้าวเฉินก็ฟื้นขึ้นสติขึ้นมาแทบจะทันที แต่อย่างไรก็ตามกระบวนท่าความโกรธเกรี้ยวของราชานรกนั้นก็ได้พุ่งทะลุเพลิงสีฟ้าของเขาไปแล้วและมันนั้นกําลังพุ่งเข้าใส่หัวใจของเขา แต่ก่อนที่คมดาบจะเสียบทะลุผิวหนังของจ้าวเฉิน ก็ได้มีแสงเจิดจ้าปะทุขึ้นมาจากร่างของจ้าวเฉิน นั่นคือหลุมดําสีฟ้าขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาป้องกันการโจมตี เมื่อคมดาบพุ่งเข้าไปในหลุมดํา มันก็ไม่ต่างอะไรจากหยดน้ำที่หยดลงในมหาสมุทร
หวงเสี่ยวหลงก็หรี่ตาแคบ นี่มันมิติส่วนตัวของผู้ฝึกตนระดับเทวะ!
เมื่อคนผู้หนึ่งบรรลุถึงระดับเทวะ คนผู้นั้นจะสามารถควบคุมกฎแห่งมิติและยังสามารถเปิดมิติเอกเทศหรือมิติเทวะในทะเลปราณฉีของตัวเองได้ด้วย เมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะเผชิญหน้ากับศัตรูในการต่อสู้ เขาสามารถเรียกมิติเทวะออกมาโจมตีหรือป้องกันได้
จ้าวเฉินก็มองหวงเสี่ยวหลงด้วยสายตาเยาะเย้ย “หวงเสี่ยวหลง ด้วยการโจมตีของเจ้าในพลังระดับนี้จะยังหวังจะทําลายการป้องกันข้าได้อีกงั้นหรือ? ตอนนี้ข้าจะแสดงถึงช่องว่างระหว่างผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนและผู้ฝึกตนระดับเทวะให้เจ้าดูเป็นขวัญตา!” มิติเทวะของจ้าวเฉินที่ส่องแสงสีฟ้าขึ้นรอบตัวมันก็ได้มีปราณฉีอันมหาศาลหลั่งไหลออกมาซึ่งมันได้ทําให้พื้นที่รอบๆตัวมันสั่นไหวอย่างรุนแรงในขณะที่มันนั้นได้ปลดปล่อยความร้อนอันน่าหวาดหวั่นเข่าปกคลุมหวงเสี่ยวหลง
แต่ก่อนที่คลื่นความร้อนจะเข้ามาถึงตัว หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกราวกับเขาจะสูญสลายเป็นเถ้าถ่านได้ตลอดเวลา แม้ว่าด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งของเขา การที่จะต้านทานความร้อนอันรุนแรงขนาดนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากสําหรับเขาเลย ถ้าหากเขาถูกคลื่นความร้อนอันนี้ชนใส่ เขาคงกลายเป็นเถ้าถ่านจริงๆแน่
หวงเสี่ยวหลงจึงไม่กล้าจะลังเล เขาจึงได้กระโดดหายตัวไปจากตรงนั้นทันทีในเวลาเดียวกับที่หวงเสี่ยวหลงหายตัวไปนั้น ฉินหยาง หลี่เฟย เจี่ยตง และฟานเอ๋อเฉิง ก็ได้หายตัวไปจากจุดที่เขายืนด้วยเหมือนกัน
ครูต่อมา เสียงคํารามอันเกรี้ยวกราดของจ้าวเฉินก็ได้ดังก้องไปทั่วเมืองหมื่นเทวะ
“ไปตามหาและพาตัวไอ้เด็กสารเลวนั่นมาหาข้าแม้ว่าเจ้าจะต้องเสาะหาตัวมันไปทั่วดินแดนแห่งความโกลาหลก็ตาม!” จากนั้นเพลิงสีฟ้าของจ้าวเฉินก็ลุกลามไปทั่วราวกับสัตว์ป่า ทําให้ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านพักแห่งนี้ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เนินเขาขนาดเล็กที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองหมื่นเทวะร้อยไมล์ก็ได้มีกลุ่มของหวงเสี่ยวหลงปรากฏตัวขึ้น
แม้ว่าเขาจะบรรลุระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 แล้ว หวงเสี่ยวหลงก็รู้ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาแล้ว การที่เขาจะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะนั้นยังคงห่างไกลนัก การต่อสู้กับจ้าวเฉินเมื่อครู่นี้เป็นเพียงการทดลองดูว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นต้นได้ถึงขนาดไหน
พอเปรียบเทียบดู ในเรื่องความแข็งแกร่งและพลังป้องกันนั้น เขายังคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่แน่นอนว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นมีความสามารถของจิตวิญญาณต่อสู้ ซ่อนเร้นและก้าวเงาอยู่ หากเขาต้องการจะหนี จ้าวเฉินก็ไม่สามารถทําอันตรายเขาได้ นอกจากนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาซูมเทวะ การร่วมร่างกับจิตวิญญาณมังกรคู่ หรือเอาหุบเขาเทวะซูมออกมาเลย
เขาตระหนักดีว่าเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอจะปกป้องตัวเองได้หากข่าวลือเรื่องที่เขามีเคล็ดวิชาซมีเทวะและหุบเขาเทวะซูมถูกผู้ฝึกตนคนอื่นรู้ขึ้นมา
“ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบรรลุระดับเทวะให้เร็วที่สุด หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดกับตัวเองเมื่อเขาบรรลุระดับเทวะแล้ว การจัดการกับจ้าวเฉินก็เหมือนกับการใช้เวลาหายใจเท่านั้นเอง
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงครีนคิดเรื่องราวพวกนี้อยู่นั้น ฉินหยางและคนที่เหลือทั้งหมดสี่คนต่างก็ยืนอยู่เงียบๆด้านหลังของหวงเสี่ยวหลง แต่ความจริงแล้ว พวกเขารู้สึกตกใจมากๆ ฉินหยางตอนแรกได้คาดเดาไว้ว่าจากการเดินทางที่เขาไปมานั้น มากสุด หวงเสี่ยวหลงคงบรรลุแค่ระดับเวียนเทียนขั้นที่ 8ชั้นปลาย แต่เขาไม่เคยคิดว่าหวงเสี่ยวหลงจะสามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นต้นอย่างจ้าวเฉินและยังหลบหนีได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
ไม่ได้แม้ว่าจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
นี่ นี่มันยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้เสียอีก
“เรื่องที่ข้าขอให้เจ้าตรวจสอบเหยาเฟยนั้น ได้ความว่าอย่างไรบ้าง?” พอมาถึงจุดนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ได้หันมามองพวกเขาและถามขึ้นทันที
ก่อนที่หวงเสี่ยวหลงจะออกไปจากเมืองหมื่นเทวะนั้น เขาได้สั่งการให้ทั้งสี่คนจับตาดูเหยาเฟย เนื่องจากเมื่อครู่ถูกจ้าวเฉินและพรรคพวกรบกวน หวงเสี่ยวหลงจึงไม่มีโอกาสที่จะถาม
ฉินหยางก็ถูกดึงออกมาจากภวังค์ เขาจึงได้ก้าวออกมาตอบหวงเสี่ยวหลง “นายน้อย ตามที่พวกเราได้ตรวจสอบ ไอ้เหยาเฟยนั้นได้มุ่งหน้าไปที่ดินแดนภูติผี
“ดินแดนภูติผีงั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “แล้วเหยาเฟยมันไปทําอะไรที่ดินแดนแห่งภูติผีกัน?” หวงเสี่ยวหลงนั้นรู้จักดินแดนแห่งภูตผี เนื่องจากดินแดนแห่งนี้เป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งความโกลาหลซึ่งที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยภูตผีและวิญญาณชั่วร้าย ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน ขั้นต่ำที่เข้าไปในดินแดนแห่งภูติผีจะจบลงโดยเป็นอาหารหล่อเลี้ยงให้ภูติผีและวิญญาณชั่วร้ายเพียงเท่านั้น
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นต้นบางคนยังต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนที่เขาจะเดินทางลึกเข้าไปข้างในดินแดนแห่งภูติผี ส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนแห่งภูติผีนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของปีศาจซึ่งพวกมันมีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแล้ว
พวกวิญญาณชั่วร้ายได้วิวัฒนาการกลายเป็นปีศาจ และแต่ละตัวนั้นก็มีพลังที่สามารถทําให้ผืนปฐพี่สั่นไหวได้ แม้กระทั่งบางตัวยังเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นสูงของเผ่ามนุษย์ก็ยังได้
“ตอบนายน้อย ตามข่าวลือที่ได้ยินมามีคนกล่าวว่าเมืองผีจะปรากฏตัวในดินแดนภูตผีในไม่ช้า ตามที่ข้ารับใช้ผู้นี้คาดเดาไว้ เป้าหมายของเหยาเฟยผู้นั้นอาจจะเป็นเมืองผีที่กําลังจะปรากฏขึ้นก็ได้ขอรับ” หลี่เฟยก็ก้าวออกมารายงาน
“เมืองผี?”หวงเสี่ยวหลงรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเรื่องดินแดนภูติผีแต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเมืองผีมาก่อน
“เมืองผีนี้เป็นเมืองโบราณที่ถูกทิ้งไว้โดยหนึ่งในหกราชาในยุคโบราณ ซึ่งมันได้ถูกตั้งชื่อโดยราชีผี มันจะปรากฏขึ้นทุกๆพันปี มีข่าวลืออยู่ว่าภายในเมืองผีนั้นได้กักเก็บสมบัติหายาก ซึ่งมีตั้งแต่เคล็ดวิชาบ่มเพาะ เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูง โอสถวิญญาณ สมุนไพรวิญญาณ และมีแม้กระทั่งอาวุธและชุดเกราะที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือระดับเทวะในยุคโบราณด้วย ทุกๆครั้งที่เมืองผีปรากฏขึ้น ผู้ฝึกตนมากมายในดินแดนแห่งความโกลาหลจะรีบพุ่งเข้าไปเสี่ยงโชค”ฉินหยางก็ได้อธิบายออกมา
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งประกายออกมาด้วยความคาดหวัง สิ่งนี้มันทําให้เขาประหลาดใจมาก เขาไม่เคยคิดว่าสถานที่อย่างเมืองผีจะถูกทิ้งไว้โดยราชาผี ในยุคโบราณ โลกใบนี้ได้ถูกปกครองโดยราชาทั้ง 6 แห่งยุคโบราณ ซึ่งแต่ละคนนั้นก็เป็นกษัตริย์ที่ทรงพลังซึ่งมีปกครองพื้นที่คนละทิศคนละทาง
ในหมู่ราชาทั้ง 6 ราชาผีนั้นนับได้ว่าเป็นคนที่ลึกลับและยากที่จะเอาชนะมากที่สุดในหมู่ทั้ง 6 คน และเขานั้นยังเป็นผู้บัญชาการกองทัพผีหลายล้านตน ร่างกายของเขานั้นมีส่วนหนึ่งเป็นมนุษย์ ส่วนหนึ่งเป็นผีและอีกส่วนเป็นเทพ
“น่าสนใจ” หวงเสี่ยวหลงก็ได้พูดออกมาเพียงสองคํา เดิมทีเขานั้นวางแผนจะกลับไปที่เมืองปีศาจทมิฬและเริ่มดําเนินการยึดครองเมืองแม่น้ำโลหิตและรวมถึงเมืองรอบๆอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาบังเอิญมีโอกาสได้พบการปรากฏตัวของเมืองผี เขาก็ควรจะต้องไปดูสักหน่อย
“พวกเจ้าทุกคนกลับไปที่เมืองแม่น้ำโลหิตก่อน ส่วนข้าจะเดินทางไปดินแดนแห่งภูติผีสักหน่อย พวกเราจะโจมตีนิกายเบญจพิษเมื่อข้ากลับมา” หวงเสี่ยวหลงก็ได้สั่งการอย่างจริงจัง
ทั้งสี่คนก็ไม่กล้าขัดคําสั่งหวงเสี่ยวหลง แต่ละคนจึงได้ตอบออกมาด้วยความเคารพ
ด้วยการก้าวเท้าหนึ่งก้าว หวงเสี่ยวหลงก็หายตัวไปในพริบตาต่อหน้าพวกเขา
“พูดมาสิ เจ้าคิดว่านายน้อยเป็นเทพสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิดหรือไม่?” พอหวงเสี่ยวหลงหายไปจากสายตาเธอ หลี่เฟยก็ได้พูดออกมาทันที
ในโลกจิตวิญญาณต่อสู้นี้มีตํานานอันเก่าแก่ที่กล่าวไว้ว่าทุกๆหมื่นปีจะมีมนุษย์ผู้เป็นเทพสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิดปรากฏขึ้น ฉินหยางและคนที่เหลืออีก 3 คนก็มองกันและกัน
“ไปกันเถอะ”ผ่านไปสักพักฉินหยางก็พูดออกมา ดังนั้นพวกเขาทั้งสี่ก็บินไปทางเมืองแม่น้ำโลหิต
จ้าวเฉินที่อยู่ในระหว่างรับโจมตีของหวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกตกตะลึงในปราณหมัดยักษ์ที่ดูเหมือนจริงซึ่งได้บดบังท้องฟ้า จู่ๆก็มีความคิดหนึ่งแวบขึ้นมาในหัวเขา
“นี่มัน…! นี่มันเหมือนกับหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าจากโลกเทวะแห่งความว่างเปล่าในตํานานที่มีคนเคยเล่าลือกันมาเลย”
จากนั้นร่างจ้าวเฉินก็ได้ปลดปล่อยเพลิงสีฟ้าซึ่งมันก็ได้กลายเป็นดอกไม้สีฟ้าที่เบ่งบานขึ้นกลางอากาศ ซึ่งมันทําเกิดภาพที่น่าหลงใหลเมื่อมองจากระยะไกล
หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าก็ได้พึ่งไปปะทะกับเหล่าดอกไม้สีฟ้าหลายดอก ทําให้ดอกไม้เหล่านั้นถูกทําลายไปทีละดอกแต่ก็ยังมีดอกไม้สีฟ้าดอกอื่นเบ่งบานขึ้นมาแทน
ประกายไฟจากดอกไม้สีฟ้าที่ถูกทําลายก็ได้ลอยออกไปทั่วทุกทิศทาง
จ้าวเฉินที่ยืนอยู่กลางอากาศ ก็จ้องมองหวงเสี่ยวหลงอย่างอาฆาต “กระบวนท่าที่เจ้าใช้เมื่อกี้คือหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าสินะ?!”
หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า! เคล็ดวิชานี้เป็นเคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูงที่เป็นของโลกเทวะแห่งความว่างเปล่า!
สําหรับนายน้อยแห่งเจ้าเมืองบาปอย่างเจ้าเฉินนั้นไม่เคยขาดแคลนวิชาต่อสู้หรือวิชาบ่มเพาะเลยแม้แต่น้อย แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ได้มีเคล็ดวิชาที่อยู่ในระดับเดียวกับหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า
หวงเสี่ยวหลงไม่คาดคิดว่าจ้าวเฉินจะรู้จักหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า แต่เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะปกปิดอยู่ดี “ถูกแล้ว” ซึ่งมันมีอะไรต้องปกปิดเสียหน่อย
“ส่งเคล็ดวิชาหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่ามา แล้วข้าจะยอมให้เจ้าตายอย่างไม่ทุกข์ทรมาน!”ดวงตาของจ้าวเฉินั้นก็ลุกไหม้ไปด้วยความปรารถนา
“หมัดเทวะแห่งความว่างเปล่า มันเป็นหมัดเทวะแห่งความว่างเปล่าจริงๆด้วย
“อย่างงั้นหรอกหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็พูดด้วยน้ำเสียงดูถูก จากนั้นก็ได้มีรอยกรีดแนวตั้งปรากฏขึ้นบนหน้าผากของหวงเสี่ยวหลงภายในเสี้ยวพริบตาซึ่งก็คือการเปิดเนตรนรก จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้ปล่อยลําแสงสีแดงเข้มออกมาจากเนตรนรก เจ้าเฉินก็ได้รู้สึกถึงบางสิ่งบางอย่างพุ่งใส่จิตใจของเขาทันที ทําให้เขาหมดสติไป
จากนั้นหวงเสี่ยวหลงก็ได้เรียกเอาดาบเทพอสูรออกมาไว้บนมือแล้วฟันออกไปอย่างรวดเร็ว คมดาบทั้งสองได้ถึงออกไปราวกับภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นหลังจากผ่านไปหลายสหัสวรรษ และยังเหมือนกับฝูงสัตว์อสูรนับล้านตัวที่กระโจนออกไปเข้าปกคลุมสวรรค์ทั้ง 9 ซึ่งการโจมตีนี้ได้เข้ามาถึงตัวจ้าวเฉินเร็วกว่าที่ใครจะสามารถกระพริบตาได้
เคล็ดวิชาดาบเทพอสูร กระบวนท่าที่ 3 ความโกรธเกรี้ยวของราชานรก!
จ้าวเฉินก็ฟื้นขึ้นสติขึ้นมาแทบจะทันที แต่อย่างไรก็ตามกระบวนท่าความโกรธเกรี้ยวของราชานรกนั้นก็ได้พุ่งทะลุเพลิงสีฟ้าของเขาไปแล้วและมันนั้นกําลังพุ่งเข้าใส่หัวใจของเขา แต่ก่อนที่คมดาบจะเสียบทะลุผิวหนังของจ้าวเฉิน ก็ได้มีแสงเจิดจ้าปะทุขึ้นมาจากร่างของจ้าวเฉิน นั่นคือหลุมดําสีฟ้าขนาดใหญ่ที่ปรากฏขึ้นมาป้องกันการโจมตี เมื่อคมดาบพุ่งเข้าไปในหลุมดํา มันก็ไม่ต่างอะไรจากหยดน้ำที่หยดลงในมหาสมุทร
หวงเสี่ยวหลงก็หรี่ตาแคบ นี่มันมิติส่วนตัวของผู้ฝึกตนระดับเทวะ!
เมื่อคนผู้หนึ่งบรรลุถึงระดับเทวะ คนผู้นั้นจะสามารถควบคุมกฎแห่งมิติและยังสามารถเปิดมิติเอกเทศหรือมิติเทวะในทะเลปราณฉีของตัวเองได้ด้วย เมื่อผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะเผชิญหน้ากับศัตรูในการต่อสู้ เขาสามารถเรียกมิติเทวะออกมาโจมตีหรือป้องกันได้
จ้าวเฉินก็มองหวงเสี่ยวหลงด้วยสายตาเยาะเย้ย “หวงเสี่ยวหลง ด้วยการโจมตีของเจ้าในพลังระดับนี้จะยังหวังจะทําลายการป้องกันข้าได้อีกงั้นหรือ? ตอนนี้ข้าจะแสดงถึงช่องว่างระหว่างผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียนและผู้ฝึกตนระดับเทวะให้เจ้าดูเป็นขวัญตา” มิติเทวะของจ้าวเฉินที่ส่องแสงสีฟ้าขึ้นรอบตัวมันก็ได้มีปราณฉีอันมหาศาลหลั่งไหลออกมาซึ่งมันได้ทําให้พื้นที่รอบๆตัวมันสั่นไหวอย่างรุนแรงในขณะที่มันนั้นได้ปลดปล่อยความร้อนอันน่าหวาดหวั่นเข่าปกคลุมหวงเสี่ยวหลง
แต่ก่อนที่คลื่นความร้อนจะเข้ามาถึงตัว หวงเสี่ยวหลงก็รู้สึกราวกับเขาจะสูญสลายเป็นเถ้าถ่านได้ตลอดเวลา แม้ว่าด้วยร่างกายอันแข็งแกร่งของเขา การที่จะต้านทานความร้อนอันรุนแรงขนาดนี้ก็ยังเป็นสิ่งที่ยากสําหรับเขาเลย ถ้าหากเขาถูกคลื่นความร้อนอันนี้ชนใส่ เขาคงกลายเป็นเถ้าถ่านจริงๆแน่
หวงเสี่ยวหลงจึงไม่กล้าจะลังเล เขาจึงได้กระโดดหายตัวไปจากตรงนั้นทันที ในเวลาเดียวกับที่หวงเสี่ยวหลงหายตัวไปนั้น ฉินหยาง หลี่เฟย เจี่ยตง และฟานเอ๋อเฉิง ก็ได้หายตัวไปจากจุดที่เขายืนด้วยเหมือนกัน
ครู่ต่อมา เสียงคํารามอันเกรี้ยวกราดของจ้าวเฉินก็ได้ดังก้องไปทั่วเมืองหมื่นเทวะ
“ไปตามหาและพาตัวไอ้เด็กสารเลวนั่นมาหาข้าแม้ว่าเจ้าจะต้องเสาะหาตัวมันไปทั่วดินแดนแห่งความโกลาหลก็ตาม!” จากนั้นเพลิงสีฟ้าของจ้าวเฉินก็ลุกลามไปทั่วราวกับสัตว์ป่า ทําให้ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านพักแห่งนี้ต้องกลายเป็นเถ้าถ่าน
ครึ่งชั่วโมงต่อมา เนินเขาขนาดเล็กที่อยู่ห่างออกไปจากเมืองหมื่นเทวะร้อยไมล์ก็ได้มีกลุ่มของหวงเสี่ยวหลงปรากฏตัวขึ้น
แม้ว่าเขาจะบรรลุระดับเซียนเทียนขั้นที่ 10 แล้ว หวงเสี่ยวหลงก็รู้ว่าด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาแล้ว การที่เขาจะสามารถจัดการกับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะนั้นยังคงห่างไกลนัก การต่อสู้กับจ้าวเฉินเมื่อครู่นี้เป็นเพียงการทดลองดูว่าเขาจะสามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นต้นได้ถึงขนาดไหน
พอเปรียบเทียบดู ในเรื่องความแข็งแกร่งและพลังป้องกันนั้น เขายังคงเป็นฝ่ายเสียเปรียบอยู่ แน่นอนว่าหวงเสี่ยวหลงนั้นมีความสามารถของจิตวิญญาณต่อสู้ ซ่อนเร้นและก้าวเงาอยู่ หากเขาต้องการจะหนี จ้าวเฉินก็ไม่สามารถทําอันตรายเขาได้ นอกจากนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ยังไม่ได้ใช้เคล็ดวิชาซูมีเทวะ การร่วมร่างกับจิตวิญญาณมังกรคู่ หรือเอาหุบเขาเทวะซูมีออกมาเลย
เขาตระหนักดีว่าเขาไม่มีความแข็งแกร่งพอจะปกป้องตัวเองได้หากข่าวลือเรื่องที่เขามีเคล็ดวิชาซูมีเทวะและหุบเขาเทวะซูมีถูกผู้ฝึกตนคนอื่นรู้ขึ้นมา
ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องบรรลุระดับเทวะให้เร็วที่สุด” หวงเสี่ยวหลงก็ครุ่นคิดกับตัวเอง เมื่อเขาบรรลุระดับเทวะแล้ว การจัดการกับจ้าวเฉินก็เหมือนกับการใช้เวลาหายใจเท่านั้นเอง
ในขณะที่หวงเสี่ยวหลงครีนคิดเรื่องราวพวกนี้อยู่นั้น ฉินหยางและคนที่เหลือทั้งหมดสี่คนต่างก็ยืนอยู่เงียบๆด้านหลังของหวงเสี่ยวหลง แต่ความจริงแล้ว พวกเขารู้สึกตกใจมากๆ ฉินหยางตอนแรกได้คาดเดาไว้ว่าจากการเดินทางที่เขาไปมานั้น มากสุด หวงเสี่ยวหลงคงบรรลุแค่ระดับเวียนเทียนขั้นที่ 8ชั้นปลาย แต่เขาไม่เคยคิดว่าหวงเสี่ยวหลงจะสามารถต่อสู้กับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะขั้นต้นอย่างจ้าวเฉินและยังหลบหนีได้อย่างปลอดภัยอีกด้วย
พอนึกถึงย้อนถึงฉากที่หวงเสี่ยวหลงต้อสู้กับหวงเสี่ยวหลงนั้น ก็ทําให้พวกเขาแทบจะใจเย็นลงไม่ได้แม้ว่าจะผ่านไปนานแล้วก็ตาม
นี่…นี่มันยิ่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการไว้เสียอีก
“เรื่องที่ข้าขอให้เจ้าตรวจสอบเหยาเฟยนั้น ได้ความว่าอย่างไรบ้าง?” พอมาถึงจุดนี้ หวงเสี่ยวหลงก็ได้หันมามองพวกเขาและถามขึ้นทันที
ก่อนที่หวงเสี่ยวหลงจะออกไปจากเมืองหมื่นเทวะนั้น เขาได้สั่งการให้ทั้งสี่คนจับตาดูเหยาเฟย เนื่องจากเมื่อครู่ถูกจ้าวเฉินและพรรคพวกรบกวน หวงเสี่ยวหลงจึงไม่มีโอกาสที่จะถาม
ฉินหยางก็ถูกดึงออกมาจากภวังค์ เขาจึงได้ก้าวออกมาตอบหวงเสี่ยวหลง “นายน้อย ตามที่พวกเราได้ตรวจสอบ ไอ้เหยาเฟยนั้นได้มุ่งหน้าไปที่ดินแดนภูติผี
“ดินแดนภูติผีงั้นหรือ?” หวงเสี่ยวหลงก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที “แล้วเหยาเฟยมันไปทําอะไรที่ดินแดนแห่งภูติผีกัน?” หวงเสี่ยวหลงนั้นรู้จักดินแดนแห่งภูตผี เนื่องจากดินแดนแห่งนี้เป็นหนึ่งในดินแดนต้องห้ามที่ใหญ่ที่สุดในดินแดนแห่งความโกลาหลซึ่งที่แห่งนั้นเต็มไปด้วยภูตผีและวิญญาณชั่วร้าย ผู้ฝึกตนระดับเซียนเทียน ขั้นต่ำที่เข้าไปในดินแดนแห่งภูติผีจะจบลงโดยเป็นอาหารหล่อเลี้ยงให้ภูติผีและวิญญาณชั่วร้ายเพียงเท่านั้น
แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นต้นบางคนยังต้องคิดแล้วคิดอีกก่อนที่เขาจะเดินทางลึกเข้าไปข้างในดินแดนแห่งภูติผี ส่วนที่ลึกที่สุดของดินแดนแห่งภูติผีนั้นเป็นที่อยู่อาศัยของปีศาจซึ่งพวกมันมีชีวิตอยู่มาหลายพันปีแล้ว
พวกวิญญาณชั่วร้ายได้วิวัฒนาการกลายเป็นปีศาจ และแต่ละตัวนั้นก็มีพลังที่สามารถทําให้ผืนปฐพีสั่นไหวได้ แม้กระทั่งบางตัวยังเทียบได้กับผู้เชี่ยวชาญระดับเทวะชั้นสูงของเผ่ามนุษย์ก็ยังได้
“ตอบนายน้อย ตามข่าวลือที่ได้ยินมามีคนกล่าวว่าเมืองผีจะปรากฏตัวในดินแดนภูตผีในไม่ช้าตามที่ข้ารับใช้ผู้นี้คาดเดาไว้ เป้าหมายของเหยาเฟยผู้นั้นอาจจะเป็นเมืองผีที่กําลังจะปรากฏขึ้นก็ได้ขอรับ” หลี่เฟยก็ก้าวออกมารายงาน
“เมืองผี?” หวงเสี่ยวหลงรู้สึกตกใจเล็กน้อย เขาเคยได้ยินเรื่องดินแดนภูติผีแต่เขาไม่เคยได้ยินเรื่องเมืองผีมาก่อน
“เมืองผีนี้เป็นเมืองโบราณที่ถูกทิ้งไว้โดยหนึ่งในหกราชาในยุคโบราณ ซึ่งมันได้ถูกตั้งชื่อโดยราชีผี มันจะปรากฏขึ้นทุกๆพันปี มีข่าวลืออยู่ว่าภายในเมืองผีนั้นได้กักเก็บสมบัติหายาก ซึ่งมีตั้งแต่เคล็ดวิชาบ่มเพาะ เคล็ดวิชาต่อสู้ระดับสูง โอสถวิญญาณ สมุนไพรวิญญาณ และมีแม้กระทั่งอาวุธและชุดเกราะที่ถูกสร้างขึ้นโดยช่างฝีมือระดับเทวะในยุคโบราณด้วย ทุกๆครั้งที่เมืองผีปรากฏขึ้น ผู้ฝึกตนมากมายในดินแดนแห่งความโกลาหลจะรีบพุ่งเข้าไปเสี่ยงโชค” ฉินหยางก็ได้อธิบายออกมา
ดวงตาของหวงเสี่ยวหลงก็เปล่งประกายออกมาด้วยความคาดหวัง สิ่งนี้มันทําให้เขาประหลาดใจมาก เขาไม่เคยคิดว่าสถานที่อย่างเมืองผีจะถูกทิ้งไว้โดยราชาผี ในยุคโบราณ โลกใบนี้ได้ถูกปกครองโดยราชาทั้ง 6 แห่งยุคโบราณ ซึ่งงแต่ละคนนั้นก็เป็นกษัตริย์ที่ทรงพลังซึ่งมีปกครองพื้นที่คนละทิศคนละทาง
ในหมู่ราชาทั้ง 6 ราชาผีนั้นนับได้ว่าเป็นคนที่ลึกลับและยากที่จะเอาชนะมากที่สุดในหมู่ทั้ง 6 คน และเขานั้นยังเป็นผู้บัญชาการกองทัพผีหลายล้านตน ร่างกายของเขานั้นมีส่วนหนึ่งเป็นมนุษย์ ส่วนหนึ่งเป็นผี และอีกส่วนเป็นเทพ
“น่าสนใจ” หวงเสี่ยวหลงก็ได้พูดออกมาเพียงสองคํา เดิมที่เขานั้นวางแผนจะกลับไปที่เมืองปีศาจทมิฬและเริ่มดําเนินการยึดครองเมืองแม่น้ำโลหิตและรวมถึงเมืองรอบๆอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเขาบังเอิญมีโอกาสได้พบการปรากฏตัวของเมืองผี เขาก็ควรจะต้องไปดูสักหน่อย
“พวกเจ้าทุกคนกลับไปที่เมืองแม่น้ำโลหิตก่อน ส่วนข้าจะเดินทางไปดินแดนแห่งภูติผีสักหน่อย พวกเราจะโจมตีนิกายเบญจพิษเมื่อข้ากลับมา” หวงเสี่ยวหลงก็ได้สั่งการอย่างจริงจัง
ทั้งสี่คนก็ไม่กล้าขัดคําสั่งหวงเสี่ยวหลง แต่ละคนจึงได้ตอบออกมาด้วยความเคารพ
ด้วยการก้าวเท้าหนึ่งก้าว หวงเสี่ยวหลงก็หายตัวไปในพริบตาต่อหน้าพวกเขา
“พูดมาสิ เจ้าคิดว่านายน้อยเป็นเทพสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิดหรือไม่?” พอหวงเสี่ยวหลงหายไปจากสายตาเธอ หลี่เฟยก็ได้พูดออกมาทันที
ในโลกจิตวิญญาณต่อสู้นี้มีตํานานอันเก่าแก่ที่กล่าวไว้ว่าทุกๆหมื่นปีจะมีมนุษย์ผู้เป็นเทพสวรรค์ที่กลับชาติมาเกิดปรากฏขึ้น ฉินหยางและคนที่เหลืออีก 3 คนก็มองกันและกัน
“ไปกันเถอะ”ผ่านไปสักพักฉินหยางก็พูดออกมา ดังนั้นพวกเขาทั้งสี่ก็บินไปทางเมืองแม่