ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก – ตอนที่ 496 ยกพวกตีกัน(1)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ตอนที่ 496 ยกพวกตีกัน(1)

ตอนที่ 496 ยกพวกตีกัน(1)

หลังจากทุกคนมาถึงห้องรับประทานอาหารแล้ว เกาซุนชิวก็บอกให้สองพี่น้องฉินมู่หลานฉินเคอวั่งรวมถึงเซี่ยปิงหรุ่ยสั่งอาหาร

ฉินมู่หลานสั่งอาหารสองจานด้วยรอยยิ้ม ฉินเคอวั่งมองไปที่ราคาอาหารอย่างเหม่อลอยนิดหน่อย ส่วนเซี่ยปิงหรุ่ยไม่เกรงใจ สั่งอาหารจานพิเศษของปักกิ่งโดยเฉพาะหลายจาน หลังจากนั้นก็สั่งอาหารจานโปรดของตนอีกมากมาย สุดท้ายก็บอกให้เกาซุนชิวสั่งบ้าง

เกาอวิ๋นเซียวเห็นว่าเซี่ยปิงชิงสั่งของที่ตัวเองไม่ชอบทั้งนั้น จึงอดหันมองหล่อนไม่ได้

เซี่ยปิงหรุ่ยมองไปที่เกาอวิ๋นเซียวที่หน้าตาปูดบวมเหมือนหัวหมู จ้องมองเขาสักพัก ก่อนจะพูดขึ้น “มองอะไรนักหนา คนน่าเกลียด”

“เธอ…”

เกาอวิ๋นเซียวคิดว่าตัวเองค่อนข้างหล่อ จึงรับไม่ได้ที่โดนบอกว่าน่าเกลียด จึงพองแก้มด้วยความโกรธ ทำให้ยิ่งดูน่าเกลียดมากขึ้นกว่าเดิม

“อุ๊บ…”

เซี่ยปิงหรุ่ยทนไม่ไหว ก่อนจะหัวเราะออกมา

เกาอวิ๋นเซียวไม่เคยต้องเจอความขับข้องใจเช่นนี้มาก่อนตั้งแต่เด็ก เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยกำลังหัวเราะเขา จึงรู้สึกโกรธมาก เขาหันไปมองเกาซุนชิวแล้วพูดขึ้นโดยไม่รู้ตัว “พี่…พี่ดูหล่อน…”

เกาซุนชิวเห็นเกาอวิ๋นเซียวเป็นแบบนี้ก็ไม่ค่อยอยากมอง “อวิ๋นเซียว นายเงียบซะ”

เมื่อเห็นว่าเกาซุนชิวไม่ช่วยเขาเลย เกาอวิ๋นเซียวจึงไม่มีทางเลือก ทำได้เพียงรู้สึกโกรธอยู่คนเดียว

แต่เกาเชี่ยนเชี่ยนกำลังมองฉินมู่หลานด้วยความอยากรู้อยากเห็น ก่อนจะอดใจที่จะถามไม่ได้ “สวัสดีค่ะ พี่เป็นพี่ของนักศึกษาฉินเคอวั่งใช่ไหมคะ หนูเคยได้ยินเรื่องพี่มาก่อน พี่เก่งมากเลยค่ะ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “ใช่แล้ว เธอเคยได้ยินเรื่องอะไรเกี่ยวกับพี่มาเหรอ”

“พี่เป็นคนก่อตั้งมู่เสวี่ย หนูใช้เครื่องสำอางของมู่เสวี่ยอยู่ค่ะ ใช้ดีมากเลย ไม่คิดเลยว่าพี่สาวของเพื่อนร่วมชั้นจะเป็นคนผลิตเอง”

ฉินมู่หลานสังเกตเห็นว่าวันนี้เกาเชี่ยนเชี่ยนแต่งหน้าบาง แต่ยังพบว่ามีการใช้เครื่องสำอางของมู่เสวี่ย “ถ้าเธอชอบล่ะก็ เดี๋ยวพี่จะส่งเครื่องสำอางให้ชุดหนึ่ง”

เกาเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแบบนี้ก็รีบโบกมือแล้วพูดขึ้น “ไม่ต้องหรอกค่ะ ไม่ต้อง เครื่องสำอางมันแพงมาก ฉันรับไม่ได้หรอกค่ะ”

หล่อนทราบมาว่าเครื่องสำอางหนึ่งชุดของมู่เสวี่ยมีน้อยคนนักที่จะมีได้ครบชุด แม้แต่แม่ของหล่อนยังไม่อาจซื้อได้เท่าที่ต้องการเลย หล่อนจึงไม่สามารถยอมรับของขวัญราคาแพงเช่นนี้ได้อยู่แล้ว

ฉินมู่หลานเห็นแบบนี้ก็ไม่ได้ที่จะบอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่จะให้เคอวั่งเอาไปให้เธอ”

ตอนแรกเธอคิดว่าเกาเชี่ยนเชี่ยนจะเป็นสาวน้อยเอาแต่ใจ แต่วันนี้เมื่อได้มารู้จัก จึงได้พบว่าเป็นเพียงสาวน้อยที่โดนเลี้ยงมาอย่างประคบประหงม ไม่ได้เลวร้ายอะไร

ฉินเคอวั่งไม่คิดว่าพี่สาวจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้คัดค้านอะไรอยู่แล้ว จึงได้แต่พยักหน้า

เกาซุนชิวเห็นท่าทางของฉินมู่หลาน สีหน้าจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เมื่อนึกไปถึงว่าลูกพี่ลูกน้องชายของหล่อนเป็นคนทำร้ายฉินเคอวั่ง จึงหันไปมองตรงไปที่เกาอวิ๋นเซียวแล้วพูดขึ้น “อวิ๋นเซียว ขอโทษมู่หลานกับเคอวั่งด้วย”

“พี่ ผมก็ทำ…”

เกาอวิ๋นเซียวอยากจะบอกว่าเขากล่าวขอโทษไปแล้ว แต่เมื่อเห็นท่าทางของเกาซุนชิว เขาจึงไม่พูดอะไรอีก แล้วหันไปขอโทษฉินมู่หลานและฉินเคอวั่งอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เขาพบว่าลูกพี่ลูกน้องหญิงของตัวเองเข้าข้างคนนอกมากกว่า แต่ก็ไม่สามารถคัดค้านอะไรได้ เพราะถ้าคุณลุงกับคุณพ่อของเขาทราบว่าเขาไปมีเรื่อง ชีวิตเขาคงย่ำแย่กว่าเดิมแน่นอน

เมื่อเห็นท่าทางของเกาอวิ๋นเซียวดูหดหู่ ฉินมู่หลานก็อดพูดไม่ได้ “เอาเถอะซุนชิว น้องชายเธอก็แค่สับสนไปชั่ววูบ ถึงได้หุนหันพลันแล่น อีกอย่างเคอวั่งของเราก็มีส่วนผิดด้วย” หลังจากพูดจบ เธอก็หันไปมองฉินเคอวั่ง แล้วกล่าวขึ้น “เคอวั่ง นายเองก็ควรขอโทษเชี่ยนเชี่ยนนะ เป็นผู้ชายทำไมถึงได้ใจร้ายขนาดนั้น”

ฉินเคอวั่งได้ยินแบบนี้ ก็หันไปขอโทษเกาเชี่ยนเชี่ยนด้วยท่าทางอ่อนโยน

เกาเชี่ยนเชี่ยนไม่ตอบสนองอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะรีบโบกมือ แล้วพูดขึ้นว่า “ไม่เป็นไรๆ”

เมื่อเกาอวิ๋นเซียวเห็นว่าฉินเคอวั่งขอโทษน้องสาวแล้ว เขาก็รู้สึกดีขึ้นนิดหน่อย

เกาเชี่ยนเชี่ยนมองฉินมู่หลานด้วยแววตาสดใส เป็นเพราะเธอเปิดปากพูด ฉินเคอวั่งจึงเอ่ยขอโทษ เรื่องนี้จึงทำให้หล่อนรู้สึกว่าถึงแม้ว่าจะโดนปฏิเสธก็ไม่รู้สึกน่าอายเท่าไหร่

ขณะหลายคนกำลังพูดคุยกัน อาหารหลายจานก็มาเสิร์ฟ ทุกคนก็เริ่มรับประทานอาหารกัน

อีกด้านหนึ่ง เซี่ยเจ๋อหลี่ได้พาบุคคลนั้นกลับมาแล้ว ถือว่าเป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจในครั้งนี้ เพียงแต่ในทีมของเขายังต้องฝึกซ้อมอีกมาก จึงต้องฝึกต่ออีกหลายวัน กว่าจะได้กลับบ้านก็เป็นเวลาบ่ายของวันนี้

เซี่ยเจ๋อหลี่เพิ่งเดินออกจากฐานทัพ ถูเฉิงเสียงก็ออกมาจากฐานทัพด้วยเหมือนกัน

เฝ้ามองแผ่นหลังของเซี่ยเจ๋อหลี่กำลังเดินจากไป ถูเฉิงเสียงก็ถ่มน้ำลาย แล้วเอ่ยขึ้น “โชคร้ายจริง ๆ วันหยุดก็หายาก เดินออกมาจากฐานทัพแล้วยังต้องมาเจอเซี่ยเจ๋อหลี่อีก”

ข้างหลังถูเฉิงเสียงคือคังอันเหอผู้เป็นภรรยา หล่อนเหลือบมองสามีตัวเองก่อนจะเอ่ยขึ้น “พอแล้ว พวกเรากำลังรีบอยู่ไม่ใช่เหรอ รีบไปกันเถอะ อย่าไปสนใจพวกแมลงหวี่แมลงวันเลย”

หล่อนรู้จักเซี่ยเจ๋อหลี่อยู่แล้ว และทราบด้วยว่าสามีตัวเองไม่ได้เลื่อนตำแหน่งเพราะเซี่ยเจ๋อหลี่ แต่มาพูดตอนนี้ก็สายไปแล้ว

ถูเฉิงเสียงได้ยินแบบนี้ก็จ้องมองภรรยา สุดท้ายก็เดินไปข้างหน้าด้วยความโกรธ วันนี้เขาขอลางานเพื่อกลับไปฉลองวันเกิดให้กับพ่อตา จึงต้องรีบร้อนไปที่โรงแรมปักกิ่ง

เมื่อเซี่ยเจ๋อหลี่กลับถึงบ้านก็พบว่าฉินมู่หลานไม่อยู่ที่นั่น จึงอดไม่ได้ที่จะหันมองเซี่ยเหวินปิงแล้วเอ่ยถาม “พ่อครับ มู่หลานล่ะ วันนี้วันเสาร์ใช่เหรอ ทำไมหล่อนไม่อยู่บ้านล่ะ”

“มู่หลานออกไปกินข้าวข้างนอกกับเคอวั่ง ดูเหมือนว่าเพื่อนร่วมห้องของมู่หลานคนหนึ่งจะเลี้ยงข้าว”

เซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ได้เจอภรรยาในทันทีที่กลับมา จึงรู้สึกเสียใจนิดหน่อย

เซี่ยเหวินปิงเห็นว่าลูกชายคนเล็กกลับมาในเวลานี้ จึงอดไม่ได้ที่จะถาม “แกกินข้าวกลางวันมาหรือยัง?”

เซี่ยเจ๋อหลี่ส่ายหัวแล้วตอบ “ยังเลยครับ”

เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยเหวินปิงก็รีบพูดขึ้น “ถ้าอย่างนั้นเดียวฉันไปทำบะหมี่ให้แกนะ”

วันนี้ซูหว่านอี๋กับเหยาจิ้งจือเข้าโรงงานทั้งคู่ เขากับฉินเจี้ยนเซ่อจึงต้องอยู่บ้านเพื่อดูแลเด็ก ๆ ไม่คิดว่าอยู่ ๆ ลูกชายคนเล็กจะกลับมา

ฉินเจี้ยนเซ่อในตอนนี้ก็กล่าวขึ้นเหมือนกัน “ใช่ ยังไม่ได้กินข้าวก็ไปกินเถอะ ฉันกับพ่อเธอก็กินบะหมี่เป็นมื้อกลางวันเหมือนกัน วันนี้มีแค่เรากับเด็ก ๆ สองคนกินข้าวกันที่บ้าน ก็เลยทำอะไรง่าย ๆ”

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็พยักหน้า

หลังจากเซี่ยเหวินปิงทำบะหมี่เสร็จแล้ว เซี่ยเจ๋อหลี่ก็กินบะหมี่ชามโต หลังจากนั้นก็เล่นกับลูกทั้งสองอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งเด็กสองกลับไปแล้วและเห็นว่าฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งยังไม่กลับมา จึงลุกขึ้นยืนแล้วบอกกล่าว “พ่อครับ เดี๋ยวผมจะไปรับมู่หลาน พวกเขาไปกินข้าวกันทีไหนเหรอครับ?”

“ที่โรงแรมปักกิ่ง”

ฉินมู่หลานบอกพวกเขาก่อนจะออกไป เพราะฉะนั้นพวกเขาจึงทราบ

เซี่ยเจ๋อหลี่ได้ยินแบบนี้ก็พูดขึ้นทันที “พ่อครับ ถ้าอย่างนั้นรบกวนพวกพ่อนอนกับพวกเด็ก ๆไปก่อนนะครับ ผมจะไปรับภรรยา”

“ได้ แกรีบไปเถอะ”

ฉินเจี้ยนเซ่อกล่าวพร้อมรอยยิ้ม หลังจากนั้นก็โบกมือให้เซี่ยเจ๋อหลี่

คู่รักหนุ่มสาวช่างตัวติดกันเหลือเกิน เห็นว่าอีกฝ่ายยังไม่กลับมาก็รีบร้อนจะไปรับเสียแล้ว

ฉินมู่หลานไม่ทราบเลยว่าเซี่ยเจ๋อหลี่จะกลับมาวันนี้ ตอนนี้ยังคงดื่มซุปหวานอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ดูเหมือนว่าเธอจะดื่มมากไป ยังไม่ทันไรก็อยากจะไปเข้าห้องน้ำเสียแล้ว

เมื่อเห็นฉินมู่หลานลุกขึ้น เกาซุนชิวก็รีบเอ่ยถาม “มู่หลาน เธอจะไปเข้าห้องน้ำเหรอ?”

ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วกล่าว “ใช่แล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวฉันเป็นเพื่อนเธอเอง”

เมื่อได้ยินแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยืมขึ้นทันที “ไม่ต้องหรอก ฉันไปเองก็ได้”

เกาซุนชิวเห็นท้องของฉินมู่หลานแล้วก็ยังกังวลนิดหน่อย “มู่หลาน ให้ฉันไปกับเธอเถอะ ห้องน้ำอยู่ข้างบนเลยนะ”

“ไม่ต้องห่วง ฉันรู้ว่าห้องน้ำอยู่ตรงไหน พวกเธอนั่งกินกันไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันรีบไปรีบมา”

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่หลี่ห่างเมียไปแล้วคิดถึงมากล่ะสิ

จะมีคนมาทำร้ายพี่หลี่อีกแล้วเหรอ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก

Status: Ongoing
เมื่อแพทย์สาวมือฉมังพบว่าตนเองได้กลายเป็นหญิงอ้วนผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่เป็นที่รักของสามี เธอจะเปลี่ยนเป็นคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก[嫁七零糙汉后,我双胞胎体质藏不住]ผู้แต่ง : 钰儿เรื่องย่อหลังผชิญวรหนักจนวูบ ฉินมู่หลาน แพทย์สาวมือฉมังก็พบว่าตนองได้มาสวมร่างของหญิงอ้วนหลานสาวผู้เชี่ยวชาญด้นสมุนไพรในยุค 70 ผู้ไม่มีอะไรดีสักอย่างนอกจากได้สามีหล่อเหลานิสัยดีผู้แสนเย็นขาจากความลั่งรักของตัวเองจจับเขามาแต่งงด้วยสำเร็จ ซึ่งกรสวมวิญญาณในครั้งนี้เธอได้รับภารกิจหลักสามอย่าง หนึ่งคือสร้างเนื้อสร้างตัว สองคือลดน้ำหนักให้ตนเองทำงานทำการสะดวกขึ้น และสามคือทำให้สามีเป็นฝ่ายคลั่งรักเธอแทน คุณหมอฉินจะทำสำเร็จหรือไม่ จะเปลี่ยนเป็นฉินมู่หลานคนใหม่ที่สามีคลั่งรักได้หรือไม่กันนะ?

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท